คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 496 แผนการของแต่ละฝ่าย
“ฮ่า ๆ ๆ คาดว่ามีหลายท่านที่เลือกเข้าร่วมงานประมูลครานี้เพื่อของสิ่งนี้”
สิ่งที่ปรากฏในมือของจวินอู่ซิ่วในตอนนี้คือวัตถุที่มีลักษณะเป็นม้วนกระดาษบางอย่าง มันดูเก่าแก่และเป็นม้วนกระดาษที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา จากลักษณะที่เห็นคือมันไม่น่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ใดได้แม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม ลักษณะของม้วนกระดาษฉบับนี้ก็กระตุ้นความสนใจของหลาย ๆ คน ส่งผลให้ทั้งโรงประมูลเงียบสงัดลงในทันที
“ข้ามิอาจกล่าวส่งเสริมเพื่อกระตุ้นความต้องการซื้อของพวกท่านได้เลย เพราะโรงประมูลรั่วอานของเราก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร มันอาจเป็นทักษะยุทธ์หายาก อาจเป็นแผนที่ซากปรักหักพังหรืออาจเป็นแผนที่สมบัติล้ำค่า อีกทั้งก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นกันว่ามันจะเป็นเพียงม้วนกระดาษธรรมดา ๆ”
หลังจากหยุดชั่วคราว จวินอู่ซิ่วก็กล่าวต่อ “อย่างไรก็ตาม ทุกท่านก็น่าจะทราบกันดีว่าวัตถุที่ลึกลับเช่นนี้มักจะมีมูลค่าสูง แม้ไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้คือสิ่งใด ข้าก็รู้สึกได้ว่าหากเราไขปริศนาของมันได้ มันจะนำไปสู่ผลประโยชน์ที่เหนือจินตนาการ”
ทุกคนพยักศีรษะโดยสัญชาตญาณและพวกเขาเชื่อในวาจาของจวินอู่ซิ่ว เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้มาหลายครั้งหลายครา เมื่อใดที่ไขความลับของสิ่งที่ลึกลับเหล่านี้ได้ มันจะนำไปสู่การเก็บเกี่ยวที่คาดไม่ถึงและมหัศจรรย์อย่างยิ่ง
“ฮ่า ๆ ๆ เพราะพวกเราไม่ทราบมูลค่าที่แท้จริงของมัน เช่นนั้นจึงไม่มีราคาเริ่มต้นเหมือนกับของประมูลชิ้นอื่น ราคาเริ่มต้นของม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้คือหนึ่งหินผลึกและการเสนอราคาแต่ละครั้งก็คือหนึ่งหินผลึกเช่นนั้น ซึ่งหมายความว่าพวกท่านสามารถเสนอราคาได้ตามที่ประสงค์”
เมื่อเห็นแววตาเป็นประกายด้วยความสนใจของทุกคน จวินอู่ซิ่วก็ยิ้มอย่างพึงพอใจและประกาศเงื่อนไขของมันออกไป
“หนึ่งหมื่นหินผลึก !”
ครานี้เฝินชวี่ไม่เก็บอาการแต่อย่างใด หุบเขากรุ่นกำยานเดินทางมาที่งานประมูลครานี้ตั้งแต่ต้นเพื่อช่วงชิงวัตถุลึกลับชิ้นนี้และแน่นอนว่าเขาเสนอราคาออกไปอย่างไม่ลังเล
“ฮ่า ๆ ๆ ทุกคนควรจะคิดให้ดีก่อนเสนอราคาออกมา ม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้จะต้องเป็นของหุบเขากรุ่นกำยานของเราอย่างแน่นอน จงคิดให้รอบคอบว่าจะแข่งขันกับหุบเขากรุ่นกำยานของเราได้รึไม่…และพวกเจ้าต้องการสร้างความบาดหมางกับหุบเขากรุ่นกำยานเพราะม้วนกระดาษฉบับนี้รึไม่”
เฝินชวี่กล่าววาจาข่มขู่อย่างเปิดเผย ถึงแม้ว่าอีกสองขุมกำลังจะแข่งขันประมูลกับเขาอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม เขาก็กล่าวเชิงข่มขู่ออกไปก่อนเพื่อที่บรรดาผู้คนกระตือรือร้นในห้องโถงจะพิจารณาอย่างรอบคอบว่าต้องการประกาศตัวเป็นปฏิปักษ์กับหุบเขากรุ่นกำยานหรือไม่
แน่นอนว่าคำพูดของนายน้อยหุบเขากรุ่นกำยานทำให้ผู้ที่สนใจหลายคนยอมถอนตัวทันที เฝินชวี่กล่าวถูกต้องทุกประการ พวกเขามิอาจเทียบชั้นกับหุบเขากรุ่นกำยานได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น การคิดสร้างความบาดหมางกับขุมกำลังอันดับหนึ่งของดินแดนสำหรับสิ่งที่ไม่มีทางครอบครองมาได้นั้น นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่คุ้มค่ากับผลที่ตามมาเลยสักนิด
อย่างไรก็ตาม ยังมีใครบางคนที่ไม่เห็นหุบเขากรุ่นกำยานในสายตา พวกเขาไม่ชอบหน้าเฝินชวี่และขุมกำลังเบื้องหลังของเขามานานแล้ว หากได้โอกาสนี้ในการทำให้หุบเขากรุ่นกำยานต้องเสียเงินอย่างมหาศาล พวกเขาก็ย่อมไม่ลังเล
“สองแสนหินผลึก !”
เพราะเหตุนั้น ใครคนหนึ่งจึงไม่รอช้าและเสนอราคาทบเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัวออกไป เขาทราบดีว่าเฝินชวี่จะทบราคาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอนและอีกสองขุมกำลังใหญ่จะไม่อยู่เฉยเช่นกัน เขาจึงเสนอราคาประมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเช่นนี้
“เหอะ ยังมีบางคนที่ไม่รักตัวกลัวตายอีกรึ!”
เฝินชวี่แค่นเสียงเย็นชาและตวัดสายตามองบุรุษผู้นั้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงมุ่งร้าย
“พวกเจ้าหุบเขากรุ่นกำยานยกตนข่มผู้อื่นมานานเกินไปแล้ว แม้เป็นเพียงงานประมูล พวกเจ้าก็ยังกล้าใช้วิธีการข่มขู่เช่นนี้อีก หากไม่มีเงินก็แค่เงียบปากไปเสีย เหตุใดจะต้องข่มขู่คนอื่นอย่างหน้าไม่อาย”
ซวงเสวี่ยกล่าวขึ้นแทนฉินอวี้โม่ด้วยความเย้ยหยันก่อนที่จะเสนอราคาออกไปเช่นกัน “สามแสนหินผลึก !”
ใบหน้าของเฝินชวี่ชะงักไปทันทีที่ได้ยินวาจาถากถางของซวงเสวี่ย
“เหอะ พวกเจ้าเรือนเฟิงเสวี่ยคิดจะสู้กับหุบเขากรุ่นกำยานของข้างั้นรึ ?”
เฝินชวี่แค่นเสียงหลังจากมองไปที่ห้องพิเศษของฉินอวี้โม่และเรือนเฟิงเสวี่ยด้วยแววตาเคียดแค้น
“ฮ่า ๆ ๆ เมื่อไหร่กันที่พวกข้าญาติดีต่อเจ้า ?”
ซวงเสวี่ยหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน คำข่มขู่ของเฝินชวี่ไม่มีผลใด ๆ กับพวกเขา
“นายน้อยเฝินชวี่ หากมีเงินก็เพียงแค่เสนอราคาออกมา หากไม่มีปัญญาก็เงียบปากไปเถอะ การที่กล่าววาจาไร้สาระอยู่เช่นนี้ ตั้งใจที่จะดึงดูดความสนใจให้กับตนเองหรือ ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากและกล่าวด้วยน้ำเสียงถากถางอย่างไม่ปิดบัง นางเพียงต้องการยั่วโทสะเฝินชวี่ และในงานประมูลครานี้ นางจะทำให้พวกเขาต้องเสียเงินไม่น้อย
“เหอะ ห้าแสนหินผลึก !”
เฝินชวี่แค่นเสียงเย็นชาและกัดฟันกรอด เขาไม่รอช้าและกล่าวเสนอราคาออกไปทันที
“ห้าแสนห้าหมื่นหินผลึก”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ฮั่วหลินก็เข้าร่วมการประชันราคาเช่นกัน พวกเขาเองก็สงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้ยิ่งนัก ก่อนเดินทางมาที่นี่ ฮั่วชิงซาน—บิดาของเขาก็ได้กำชับไว้แล้วว่าเขาควรหาทางประมูลมันกลับไปให้ได้
“หกแสนหินผลึก !”
เมื่อได้ยินราคาประมูลของฮั่วหลิน เฝินชวี่ก็กัดฟันแน่นอีกครั้งและขานราคาออกไปโดยไม่ลังเลหรือท้อถอย
“หกแสนหนึ่งหมื่นหินผลึก !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวเสนอราคาออกไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลานี้นางมีความคิดหนึ่งอยู่ในหัว
“หกแสนห้าหมื่นหินผลึก”
อู่ถงกล่าวเสนอราคาออกไปเช่นกัน ดูเหมือนว่าเขาเองก็สนใจในม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้ไม่น้อย
สีหน้าของเฝินชวี่เหยเกมากขึ้นเมื่อตระหนักว่าตอนนี้มีคู่แข่งขันถึงสามฝ่าย แม้ว่าคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าการประชันราคาแย่งชิงของสิ่งนี้จะดุเดือดมาก แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะมีขุมกำลังใหม่อย่างเรือนเฟิงเสวี่ยเป็นหนึ่งในนั้น
“หนึ่งล้านหินผลึก !”
หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง จู่ ๆ เฝินชวี่ก็โพล่งออกไปด้วยราคาที่เพิ่มขึ้นมาก สำหรับม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้ เขาจะต้องได้มันมาครอบครองให้ได้ และบังเอิญว่าเมื่อไม่นานมานี้ก็มีบุคคลที่ทรงพลังอย่างยิ่งเดินทางมาที่หุบเขากรุ่นกำยานและคนผู้นั้นอาจสามารถไขปริศนาของม้วนกระดาษฉบับนี้ได้
“หุบเขากรุ่นกำยานมั่งคั่งและทรงอิทธิพลจริง ๆ”
เมื่อได้ยินราคาประมูล ‘หนึ่งล้านหินผลึก’ จากเฝินชวี่ ฮั่วหลินและอู่ถงก็ชะงักไปเล็กน้อย แท้จริงแล้วพวกเขาไม่คาดคิดว่าราคาประมูลของวัตถุลึกลับชิ้นนี้จะเพิ่มขึ้นเกินกว่าหนึ่งล้านหินผลึก สำหรับการเดินทางมาร่วมงานประมูลครานี้ พวกเขานำหินผลึกมาเพียงหนึ่งล้านก้อนเท่านั้น และหลังจากประมูลของชิ้นอื่นก่อนหน้านี้ไปจึงเหลือเพียงประมาณแปดแสนถึงเก้าแสนหินผลึกเท่านั้น เห็นทีพวกเขาคงต้องยอมแพ้และถอนตัวจากการประมูลของสิ่งนี้เสียแล้ว
ฉินอวี้โม่เองก็ทอดถอนหายใจเบา ๆ เช่นกัน ในฐานะขุมกำลังอันดับหนึ่งของดินแดนทางเหนือ ความแข็งแกร่งและอิทธิพลอำนาจของหุบเขากรุ่นกำยานไม่ใช่สิ่งที่ต้องสงสัยเลย เขาเพิ่งใช้หินผลึกจำนวนมากไปก่อนหน้านี้และตอนนี้ก็เสนอราคาหนึ่งล้านหินผลึกได้อย่างสบาย ๆ ต่อให้หุบเขากรุ่นกำยานต้องจ่ายในราคาที่สูงเช่นนี้ก็ดูเหมือนว่าขนหน้าแข้งของพวกเขาจะไม่ร่วงแต่อย่างใด
“ท่านผู้นำ เราควรสู้ราคาต่อไปรึไม่ ?”
ซวงเสวี่ยหันมองฉินอวี้โม่และเอ่ยถามความเห็นของนาง หนึ่งล้านหินผลึกเป็นงบประมาณสูงสุดของนางแล้ว และหากสุดท้ายแล้ววัตถุชิ้นนี้เป็นเพียงม้วนกระดาษธรรมดา การลงทุนนับล้านหินผลึกเพื่อซื้อมันมาก็ถือเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่
“หนึ่งล้านหนึ่งหมื่นหินผลึก”
ฉินอวี้โม่ลังเลเล็กน้อยก่อนขานราคาออกไปอีกครั้ง แม้นางต้องการม้วนกระดาษลึกลับฉบับนี้ แต่เห็นได้ชัดว่าคงไม่มีโอกาสนั้น ตอนนี้นางเพียงต้องทำให้เฝินชวี่เสียเงินไปอย่างมหาศาลก่อนและจากนั้นจึงค่อยหาทางช่วงชิงมันมาจากเขาในภายหลัง
“หนึ่งล้านหนึ่งแสนหินผลึก!”
เฝินชวี่กัดฟันกรอดและกล่าวออกไป นี่เป็นขีดจำกัดราคาที่เขาสู้ได้แล้ว หากฉินอวี้โม่ยังเสนอราคาต่อไป เกรงว่าเขาคงต้องยอมถอนตัว
“ฮ่า ๆ ๆ ขอแสดงความยินดีกับนายน้อยเฝินชวี่ด้วย”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและไม่ขานราคาอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม นางกระซิบกระซาบบางอย่างกับซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ ซึ่งทำให้เกิดรอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาทันที
“เหอะ เจ้าพวกตัวตลก ในดินแดนทางเหนือแห่งนี้ หุบเขากรุ่นกำยานของเรายังคงเป็นอันดับหนึ่ง ไม่มีผู้ใดทำให้บัลลังก์ของเราสั่นคลอนได้ !”
เฝินชวี่แค่นเสียงและกล่าวอย่างมั่นใจ เขาโล่งใจยิ่งนักเมื่อได้ม้วนกระดาษนี้มาครอง แม้ว่าราคาของมันถือว่าไม่น้อยเลย เขาก็เชื่อว่ามันคุ้มค่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อนึกถึงลูกครึ่งเอลฟ์ก่อนหน้านี้ เขาก็ยังหงุดหงิดใจไม่น้อยและรู้สึกเสียดายเช่นกัน ช่างเป็นหญิงสาวที่งดงามชวนมองยิ่งนัก ถ้าได้มาครองล่ะก็…
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ชำเลืองสายตามองไปที่ห้องแยกหมายเลขสองของฉินอวี้โม่และจู่ ๆ เฝินชวี่ก็เกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา
สวี่ฉู่นำม้วนกระดาษไปส่งมอบให้กับเฝินชวี่อย่างรวดเร็วในขณะที่จวินอู่ซิ่วก็กล่าวสรุปผลอย่างสุภาพด้วยเสียงหวานกังวานและประกาศจบงานประมูล
ไม่ว่าได้รับสิ่งที่ต้องการหรือไม่ ผู้เข้าร่วมทุกคนก็ล้วนมีสีหน้าพึงพอใจเมื่อจบงานประมูล หลังจากนั้น พวกเขาก็ค่อย ๆ ทยอยออกจากโรงประมูลทีละคนและแยกย้ายกันกลับไปจัดการธุระของตนเอง
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนจำนวนหนึ่งมองไปที่ห้องแยกของเฝินชวี่และแสงบางอย่างฉายขึ้นมาในแววตาของพวกเขาทว่าก็หายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ออกจากโรงประมูลไปเช่นกัน
“ไปกันเถอะ”
ฉินเฟิงกล่าวพร้อมขยิบตาให้กับฉินอวี้โม่ก่อนเตรียมเดินออกจากโรงประมูลพร้อมกับซวงเสวี่ยและคนอื่น ๆ
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะให้มารยาและอสูรสาวก็เข้าใจความคิดของนางในทันที จากนั้นมารยาก็เดินตามฉินเฟิงและคนอื่น ๆ ออกจากห้องพิเศษหมายเลขสองและออกไปข้างนอก
“นายน้อยขอรับ สตรีสวมผ้าคลุมลึกลับนั่นยังไม่ออกมา นางยังอยู่ในห้องนั้น”
เมื่อไม่เห็นฉินอวี้โม่ก้าวออกมาจากห้องพิเศษ ผู้ติดตามของหุบเขากรุ่นกำยานคนหนึ่งก็กล่าวขึ้นเบา ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ นางเป็นคนประมูลเด็กสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไป เพียงแต่ว่าหากนางอยู่ร่วมกับกลุ่มคนของเรือนเฟิงเสวี่ยเหล่านั้น การที่จะรับมือกับนางก็คงไม่ง่ายนัก ทว่าตอนนี้การที่คนของเรือนเฟิงเสวี่ยเดินออกไปก่อน โอกาสของเราก็มาถึงแล้ว”
เฝินชวี่ยิ้มอย่างเยือกเย็นโดยไม่ปิดบังสีหน้าความชั่วร้ายของตนเอง ผู้ที่ริอาจแย่งชิงของที่เขาต้องการไปต่อหน้าต่อหน้าถือว่ารนหาที่ตายอย่างแท้จริง
“จับตาดูห้องนั้นไว้ เมื่อสตรีผู้นั้นออกมา เราจะตามนางไป”
เฝินชวี่กล่าวขึ้นเบา ๆ ขณะสำรวจดูม้วนกระดาษลึกลับในมือ ทว่าเมื่อไม่พบสิ่งใด เขาก็เก็บมันลงในแหวนมิติ
“นายน้อยขอรับ สตรีผู้นั้นออกมาแล้ว”
เมื่อเห็นสตรีลึกลับเดินออกมาจากห้องพิเศษ คนผู้นั้นก็ถือโอกาสมองเข้าไปในห้องนั้นและกล่าวออกมา อย่างไรก็ตาม ไม่ทราบเช่นกันว่าเพราะเหตุใด เขาจึงมีลางสังหรณ์ไม่ดีบางอย่างอยู่ในใจ
“ฮ่า ๆ ๆ เยี่ยมไปเลย ไปกันเถอะ เราจะตามนางไป”
เฝินชวี่ยิ้มกริ่มและยืนขึ้นก่อนก้าวออกจากห้องแยกของตนเพื่อตามฉินอวี้โม่ไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันนั้น บุคคลมุ่งร้ายจำนวนหนึ่งก็กำลังตามหลังเฝินชวี่ไปเช่นกัน… พวกเขาก็มีแผนการของตนเองอยู่…
.