คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 536 ข้ามาแล้ว
ตู้ม !
หลังจากการเผชิญหน้ากันครู่หนึ่ง เสียงการปะทะก็ดังขึ้นในหูของทุกคน
หมาป่าขนทองผู้ซึ่งต่อสู้กับมังกรเหมันต์ถูกกรงเล็บของมันฟาดเข้าใส่อย่างจังและกระเด็นออกไป
พรวดดด !
หลังจากกระอักเลือดคำโต ใบหน้าของหมาป่าขนทองก็ซีดเผือดและลมหายใจอ่อนแอลงกว่าก่อน
อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ยอมแพ้ขณะจ้องมองไปที่มังกรเหมันต์อย่างดุร้ายก่อนที่จะลุกขึ้นมา
“โฮกกก !”
หมาป่าคำรามดังสนั่นและพุ่งตรงเข้าใส่มังกรเหมันต์อย่างรวดเร็วและรุนแรง
“ไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว !”
มังกรเหมันต์กล่าวอย่างยโสโอหังพร้อมกลับคืนร่างเดิมก่อนที่หางของมันจะเหวี่ยงฟาดตรงไปที่ร่างของหมาป่าขนทองอย่างรุนแรง
ผลัวะ !
ร่างของหมาป่าขนทองที่ถูกโจมตีด้วยหางของมังกรเหมันต์กระเด็นออกไปอย่างรวดเร็ว ราวกับเป็นลูกบอลที่ถูกโยนออกไปก็ว่าได้ จากนั้นร่างของมันก็กระแทกเข้ากับกำแพงอย่างจังก่อนร่วงลงพื้นและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
“ฉินอวี้โม่ ได้เวลาคิดบัญชีแล้ว !”
มังกรเหมันต์หันไปกล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยแววตาเย้ยหยัน
มันอ้าปากกว้างและลมหายใจน้ำแข็งทรงพลังซึ่งอัดแน่นด้วยพลังมหาศาลก็เอ่อล้นออกมาทันทีก่อนพุ่งตรงไปยังจุดที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ยืนอยู่
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลจากลมหายใจเยือกเย็นดังกล่าว แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย
ใบหน้าของนางแสดงถึงความระแวดระวังอย่างชัดเจนและกระบี่เพลิงขนาดใหญ่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเป็นรูปเป็นร่างตรงหน้านาง
“ไปซะ !”
หลังจากสิ้นเสียงกล่าวเบา ๆ กระบี่เล่มใหญ่ที่ปรากฏจากเปลวเพลิงก็พุ่งตรงไปปะทะกับลมหายใจน้ำแข็งของมังกรเหมันต์ทันที
เปรี๊ยะ ! เปรี๊ยะ ! เปรี๊ยะ !
พลังเปลวเพลิงและพลังน้ำแข็งทรงพลังปะทะกันจนเกิดเสียงดังสนั่นและกลายเป็นภาพที่งดงามชวนมอง
“เหอะ พลังเพลิงนี่ถือว่าใช้ได้ทีเดียว แต่น่าเสียดายที่พลังของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป”
มังกรเหมันต์แค่นเสียงเย็นชาขณะลมหายใจน้ำแข็งที่ถูกกระบี่เพลิงขัดขวางไว้ก่อนหน้านี้พุ่งทะลวงผ่านกระบี่เปลวเพลิงไปโดยตรง จากนั้นมันก็พุ่งตรงไปที่ฉินอวี้โม่อย่างไร้สิ่งกีดขวาง
ตู้ม ! ตู้ม !
ฉู่เจี๋ยและปิงเสวียนสร้างม่านป้องกันหลายชั้นขึ้นมา ทว่ามันก็ไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ ม่านป้องกันของพวกเขาไม่เกิดผลใดเมื่อเผชิญหน้ากับอสูรทรงพลังอย่างมังกรเหมันต์และแหลกสลายหายไปกลางอากาศ
ข่ายอาคมป้องกันหลายชั้นที่มารยาเตรียมไว้ก็ขัดขวางได้เพียงชั่วครู่เท่านั้นและไม่มีผลใดที่เห็นได้ชัด
จากนั้นก็เห็นเพียงว่าลมหายใจน้ำแข็งของมังกรเหมันต์พุ่งตรงไปหาฉินอวี้โม่และมันก็ใกล้ที่จะโจมตีถึงตัวนางเต็มที
หากลมหายใจน้ำแข็งนี้โจมตีถึงตัว ต่อให้นางจะไม่ตาย นางก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ฉินอวี้โม่ไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อยขณะเกราะเปลวเพลิงปรากฏขึ้นมาทั่วร่างของตนเอง
ในเวลานี้ นางไม่กล้าเข้าไปซ่อนตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวด้วยซ้ำ เพราะว่าพลังของมังกรเหมันต์แกร่งกล้าเกินไป ต่อให้เข้าไปซ่อนตัวในคฤหาสน์ล่องหน มันก็อาจจะต้านทานพลังโจมตีจากอีกฝ่ายไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันก็จะส่งผลกระทบที่เลวร้ายต่อการทะลวงพลังของเยว่ชิงเฉิงและคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน
“รวมใจเป็นหนึ่งเดียว !”
ด้วยเสียงกล่าวเบา ๆ ฉู่เจี๋ยและปิงเสวียนก็ถอยหลังไปอย่างรวดเร็วในขณะที่ใบหน้าของฉินอวี้โม่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณของการต่อสู้
นางไม่ตกอยู่ในภยันตรายร้ายแรงถึงชีวิตเช่นนี้มานานแล้ว แม้ว่ามังกรเหมันต์จะทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่ามันก็มิได้ไร้เทียมทาน การรวมใจเป็นหนึ่งเดียวกับกระบี่นี้เป็นหนึ่งในกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของฉินอวี้โม่และมันก็แทบจะรับมือกับทุกอย่างได้ แม้ว่าลมหายใจน้ำแข็งของมังกรจะทรงพลังจนน่าหวาดหวั่น แต่ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ไปง่ายๆ
กลางอากาศ กระบี่เพลิงขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นและร่างของฉินอวี้โม่ก็หายวับไปในทันทีราวกับนางเข้าไปอยู่ในกระบี่เพลิงขนาดใหญ่ซึ่งน่าประหลาดยิ่งนัก
หึ่ง ! หึ่ง !
เสียงหึ่ง ๆ ดังขึ้นมาจากกระบี่เพลิงขนาดใหญ่และกระบี่ปีกจักจั่นก็หลอมรวมเข้ากับกระบี่เพลิงนี้อย่างรวดเร็วส่งผลให้พลังของมันแกร่งกล้าขึ้นในทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังมหาศาลภายในกระบี่เล่มใหญ่ยักษ์ เหล่าผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงทันที เห็นได้ชัดว่านางเป็นเพียงจอมยุทธ์ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นเก้า ทว่ากลับมีจิตวิญญาณและกระบวนท่าในการต่อที่ทรงพลังอย่างที่สุด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างแท้จริง
ท่ามกลางความฉงนสงสัยของทุกคน กระบี่ยักษ์ทลายปฐพีก็เปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จากเดิมที่สงบนิ่ง มันได้เปลี่ยนกลายเป็นพายุหมุนรุนแรงและพุ่งตรงเข้าหาลมหายใจน้ำแข็งโดยไม่ลังเล
ตู้ม !
พลังทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น นอกจากนี้ยังมีแสงสว่างจ้าส่องออกมาจนทุกคนต้องหรี่ตาหลบแสงทันทีในขณะที่หัวใจตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ตู้ม !
ด้วยเสียงปะทะอีกครั้ง ร่างของฉินอวี้โม่ก็กระเด็นชนเข้ากระแทกกับกำแพงเนื่องจากพลังของการปะทะที่มหาศาลนี้ ก่อนล้มลงอย่างแรงและกระอักเลือดออกมา
ใบหน้าของนางในตอนนี้ซีดเผือดอย่างชัดเจนและลมหายใจอ่อนแรงลงมาก
พลังของมังกรเหมันต์ในตอนนี้แกร่งกล้าเกินไป แม้นางจะทำลายลมหายใจมังกรได้สำเร็จ แต่ฉินอวี้โม่ก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสและประสิทธิภาพในการต่อสู้ลดน้อยลงมาก กระบี่ปีกจักจั่นของนางก็แตกออกเป็นสองส่วนและร่วงหล่นลงบนพื้นไม่ไกลจากฉินอวี้โม่ กระบี่ที่เคยทรงพลังในตอนนี้ไม่หลงเหลือพลังวิญญาณเดิมอีกต่อไปแล้ว
“เหอะ ข้ายอมรับว่าเจ้าทำให้ข้าประหลาดใจอยู่ไม่น้อย กระบวนท่าเมื่อครู่ของเจ้าไม่ได้อ่อนแอเลย หากตอนนี้เจ้ามีพลังอยู่ในขอบเขตพสุธาเซียน กระบวนท่าของเจ้าก็อาจจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พลังของเจ้ายังอ่อนแอเกินไป…”
มังกรเหมันต์มองไปที่ฉินอวี้โม่ขณะจิตสังหารของมันรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฉินอวี้โม่ผู้นี้มีฝีมือที่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง การรวมใจเป็นหนึ่งกับกระบี่เมื่อครู่ไม่เพียงแต่ต้านทานลมหายใจน้ำแข็งของมันได้เท่านั้น ทว่ายังกระตุ้นให้เลือดในตัวของมันพลุ่งพล่านขึ้นมา หากมิใช่เพราะมันแข็งแกร่งมากพอ เกรงว่ามันก็คงจะบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
ตอนนี้ฉินอวี้โม่มีพลังเพียงขอบเขตเซียนขั้นเก้าเท่านั้น หากนางทะลวงพลังไปสู่ขอบเขตพสุธาเซียนหรือสูงกว่านั้น มันก็คงจะไม่ใช่คู่มือของนางอีก เมื่อคิดได้เช่นนี้จิตสังหารของมันจึงแรงกล้าเป็นพิเศษ
“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่ ?”
ร่างของหานอวี้ปรากฏขึ้นมาและหยุดยืนข้างฉินอวี้โม่ ก่อนหน้านี้มันเข้าสู่สภาวะเก็บตัวกับซิว ทว่าเมื่อครู่มันสัมผัสได้ว่าฉินอวี้โม่ตกอยู่ในอันตรายและอดโผล่หน้าออกมาไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของมันยังอ่อนแอเกินไปและมิอาจช่วยอะไรได้มากนัก
“ข้าไม่เป็นไร เจ้ากลับเข้าไปเถอะ”
ฉินอวี้โม่ส่ายศีรษะเบา ๆ แม้นางจะได้รับบาดเจ็บพอสมควร มันก็ยังไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นภัยต่อชีวิต ความแข็งแกร่งของหานอวี้ในตอนนี้ยังอ่อนแอเกินไปและมีแต่จะถูกฆ่าตายเท่านั้น นางจึงสั่งให้มันกลับเข้าไปข้างในคฤหาสน์เฟิงหัวก่อน
“ข้าไม่กลับ ข้าอยากอยู่ช่วยท่านแม่ที่นี่”
หานอวี้ส่ายหน้าอย่างดื้อรั้น ไม่ว่ามันจะมองอย่างไรตอนนี้ฉินอวี้โม่ก็กำลังตกอยู่ในอันตราย
“เสี่ยวอวี้ ฟังข้าให้ดีและกลับเข้าไปก่อนเถอะ หากเจ้าอยากช่วยข้าจริง ๆ ก็ช่วยดูแลเสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ให้ข้า เจ้าเชื่อข้าเถอะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้าแน่”
ฉินอวี้โม่มองไปที่มังกรเหมันต์ผู้ซึ่งมีท่าทีราวกับกำลังเตรียมกระบวนท่าทรงพลังบางอย่างทว่านางก็เพียงขมวดคิ้วขึ้นมาและยังแน่วแน่ที่จะส่งหานอวี้เข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเสียก่อน
“แต่ว่า…”
แม้ได้ยินวาจาเด็ดขาดของฉินอวี้โม่ หานอวี้ก็ยังคงลังเล ถึงอย่างไรมันก็เป็นถึงมังกรทองห้าเล็บซึ่งควรจะทรงพลังมากกว่ามังกรเหมันต์
“ไม่ต้องกังวล หากข้าจัดการไม่ได้จริง ๆ เจ้าคิดว่าซิวจะยังเก็บตัวเงียบอยู่เช่นนี้รึ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวแทรกคำพูดของหานอวี้ทันทีและน้ำเสียงของนางหนักแน่นอย่างยิ่ง สิ่งที่นางไม่ทราบเลยก็คือซิวไม่ได้รับรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อย เพราะเหตุนั้นซิวจึงยังนิ่งเงียบและไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นนี้
หานอวี้กัดฟันแน่นทว่าพุ่งตรงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มันก็ยังพยายามปลดปล่อยแรงกดดันออกมาเพื่อยับยั้งมังกรเหมันต์ไว้เล็กน้อย
ฉินอวี้โม่หยิบกระบี่ยาวงดงามเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนมิติและเรียกใช้กระบี่ยักษ์ทลายปฐพีออกมาอีกครั้ง ครานี้เป็นการรวมใจเป็นหนึ่งกับกระบี่อีกครั้งทว่ามันก็เป็นขีดจำกัดของนางแล้ว
ตู้ม !
หลังจากการปะทะกับกระบวนท่าทรงพลังของมังกรเหมันต์อีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็กระเด็นกระแทกเข้ากับกำแพงและร่วงลงพื้นอย่างแรง
“พรวดดด !”
เมื่อกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่าพลังปราณใกล้จุดตันเถียนของตนกำลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการทะลวงพลัง
“นายหญิง ดูเหมือนว่าท่านกำลังจะทะลวงพลัง !”
เมื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายของผู้เป็นนาย มารยาก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยทว่ามันไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือดีใจดี
แม้การทะลวงพลังเป็นสิ่งที่ดี ทว่าในสถานการณ์นี้ มันไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย
มังกรเหมันต์จับตาดูอยู่ไม่ห่างและอาจลงมือสังหารฉินอวี้โม่ได้ทุกเมื่อ สำหรับการทะลวงพลังของจอมยุทธ์นั้น สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือการถูกรบกวนในระหว่างที่ทะลวงพลัง เมื่อถูกรบกวนในช่วงเวลาสำคัญ ไม่เพียงแต่จอมยุทธ์จะไม่สามารถทะลวงพลังได้เท่านั้น ทว่ามันก็ยังมีโอกาสที่จะลงเอยด้วยการทำให้รากฐานเสียหายและไม่สามารถฝึกวิชาได้อีกต่อไป
ในฐานะจอมยุทธ์คนหนึ่ง แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี สีหน้าของนางในตอนนี้บิดเบี้ยวเหยเกและพยายามคิดหาวิธีตอบโต้กับเหตุการณ์นี้อย่างรวดเร็ว ตอนนี้มังกรเหมันต์ดูจะไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ และประสิทธิภาพในการต่อสู้ของมันก็ยังอยู่ในระดับสูงสุด สำหรับการหยุดยั้งมังกรเหมันต์ตัวนี้ หากตัวนิ่มพันปียินดีลงมือ มันก็มิใช่ปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ตัวนิ่มพันปีก็ยังคงมีสีหน้าระรื่นและไม่คิดที่จะเคลื่อนไหวใด ๆ การโน้มน้าวใจให้มันลงมือนั้นก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
และแม้ว่าเสี่ยวม่านจะมีพลังที่สามารถควบคุมอสูรมายาได้ ทว่าช่องว่างระหว่างพลังของมัน ตัวนิ่มพันปีและมังกรเหมันต์ก็มากเกินไป เสียงขลุ่ยของมันจะไม่ส่งผลกระทบใด ๆ
ในเวลานี้ สถานการณ์ตรงหน้าถือเป็นสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม สภาวะร่างกายของนางก็เหมือนว่าจะไม่สามารถรอได้นานอย่างที่คิด สภาวะพลังรุนแรงรอบจุดตันเถียนย้ำเตือนให้นางทำการทะลวงพลังโดยเร็วที่สุด
“นายหญิง เราจะช่วยถ่วงเวลาให้ท่านเอง ท่านลองดูเถอะว่าจะสามารถทะลวงพลังให้เร็วที่สุดได้รึไม่”
เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ ไม่ลังเลและปรากฏกายตรงหน้าฉินอวี้โม่ ฉู่เจี๋ยและปิงเสวียนก็แสดงสีหน้าแน่วแน่เช่นกัน พวกเขาจะทำการถ่วงเวลาศัตรูไว้สักระยะ
“ขอบคุณทุกคนมาก”
บัดนี้ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ฉินอวี้โม่จึงนั่งขัดสมาธิพร้อมหลับตาลงอย่างรวดเร็ว ครานี้นางต้องทะลวงพลังให้ได้เร็วที่สุดเพื่อประจันหน้ากับมังกรเหมันต์
เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของฉินอวี้โม่ มังกรเหมันต์ก็รู้สึกถึงบางอย่างขึ้นมา มันยกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “จิ๊จิ๊ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะกล้าทะลวงพลังต่อหน้าข้าเช่นนี้ ถือว่าใจกล้าไม่เบา”
ทันทีที่สิ้นเสียงดังกล่าว มันก็ปลดปล่อยลมหายใจน้ำแข็งตรงไปในทิศทางของฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ตู้ม ! ตู้มมม !
อสูรของฉินอวี้โม่กลายเป็นเหมือนโล่เนื้อหนังและพวกมันถูกลมหายใจน้ำแข็งโจมตีจนกระเด็นออกไปทันที เห็นได้ชัดว่าพวกมันมิใช่คู่มือของมังกรเหมันต์แม้แต่น้อย
ฉู่เจี๋ยและปิงเสวียนเองก็ไม่ต่างกัน พวกเขาก็ถูกโจมตีจนกระเด็นออกไปเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าลมหายใจน้ำแข็งกำลังจะโจมตีไปถึงตัวฉินอวี้โม่ มารยาและอสูรตัวอื่น ๆ ก็ตะโกนเสียงดังทันที
“นายหญิง !”
ทว่าจู่ ๆ ลมหายใจน้ำแข็งก็หยุดชะงักตรงหน้าฉินอวี้โม่และไม่มีการเคลื่อนไหวอีกต่อไป
“ขอโทษด้วย…ข้ามาแล้ว”
ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มลึกและเสียงทอดถอนหายใจเบา ๆ บุรุษหนุ่มรูปงามผู้หนึ่งก็ปรากฏกายตรงหน้าฉินอวี้โม่อย่างกะทันหัน
.