คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 537 ขอบเขตนภาเซียน
บุรุษผู้ที่ปรากฏกายขึ้นมานี้สวมอาภรณ์สีขาวและใบหน้างดงามหล่อเหลาดุจเทพเซียนของเขาเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน เขาก้าวเข้ามายืนตรงหน้าฉินอวี้โม่และมองนางด้วยแววตาอบอุ่น แม้ว่าไม่ได้แสดงออกชัดเจนนัก ฝูงชนโดยรอบก็สัมผัสได้ถึงความรักและความห่วงหาที่เขามีต่อนาง
“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็มา !”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อครู่นี้หานอวี้เตรียมตัวที่จะปรี่ออกมาช่วยฉินอวี้โม่ขวางการโจมตีไว้แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อหานโม่ฉือปรากฏกาย มังกรตัวน้อยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
จากนั้นรอยยิ้มกว้างก็คลี่ประดับบนใบหน้าบ่งบอกถึงความดีใจและความสุขอย่างยิ่ง
ในเมื่อหานโม่ฉือปรากฏตัวแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น ทั้งสองก็พลัดพรากจากกันมานาน แม้ฉินอวี้โม่จะทราบแล้วว่าหานโม่ฉือยังมีชีวิตอยู่ แต่หัวใจของนางก็ยังอดกังวลไม่ได้ บัดนี้เมื่อหานโม่ฉือมาอยู่ตรงหน้า หานอวี้เชื่อว่าฉินอวี้โม่น่าจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยและจะต้องมีความสุขมากเป็นแน่
และข้อคาดเดาของหานอวี้โม่ก็ถูกต้องจริง ๆ เมื่อฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหานโม่ฉือและได้ยินน้ำเสียงนุ่มลึกของเขา นางก็ถอนหายใจเบา ๆ อย่างผ่อนคลาย
เดิมทีเมื่อลมหายใจน้ำแข็งพุ่งตรงมาใกล้ถึงตัวนาง ฉินอวี้โม่ก็ตั้งใจที่จะชะงักการทะลวงพลังไว้ก่อนและต้านทานลมหายใจโจมตีดังกล่าว ทว่าก็เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยของบุรุษคนรักที่ทำให้นางคลายกังวลและไม่ลงมือทำสิ่งใด
“เสี่ยวอวี้ ดูแลท่านแม่ของเจ้าให้ดีและอย่าให้ใครหน้าไหนมารบกวนการทะลวงพลังของนาง”
หานโม่ฉือต้องการโอบกอดร่างบางตรงหน้าไว้ในอ้อมแขน ทว่าเวลานี้สตรีคนรักกำลังอยู่ในช่วงสำคัญของการทะลวงพลังและไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่รบกวนนาง
เขาเพียงกล่าวกำชับหานอวี้และหันกลับมาประจันหน้ากับมังกรเหมันต์ที่ยังตกตะลึงกับการปรากฏกายของตน ร่างของเขาค่อย ๆ แผ่จิตสังหารแรงกล้าออกไปอย่างไม่ปิดบัง
หากมิใช่เพราะจังหวะเวลาที่เขามาถึงได้อย่างทันท่วงที โม่เอ๋อร์ของเขาก็คงตกอยู่ในอันตรายไปแล้ว บุรุษน้ำแข็งไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเขามาช้ากว่านี้เพียงเสี้ยวอึดใจ
เพียงคิดว่าโม่เอ๋อร์ของเขาอาจบาดเจ็บสาหัสและถึงขั้นเสียชีวิต เขาก็ไม่สามารถสลัดความเกลียดชังและความเคียดแค้นที่มีต่อมังกรเหมันต์ออกไปได้เลย
เขาให้คำมั่นกับตัวเองไว้แล้วว่าไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายโม่เอ๋อร์ของเขา เขาจะสังหารคนผู้นั้นด้วยมือของตน ในเมื่อมังกรเหมันต์ชั่วช้าตัวนี้ริอาจทำร้ายฉินอวี้โม่ วันนี้ก็จะเป็นจุดจบของมัน
“เจ้าเป็นใคร ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารแรงกล้าที่แผ่มาจากร่างของหานโม่ฉือ มังกรเหมันต์ที่ตกตะลึงไปชั่วขณะก็ค่อย ๆ เรียกสติกลับคืนมา มันจ้องมองบุรุษหนุ่มผู้มาใหม่อย่างพินิจพิจารณา แม้รู้สึกถึงความคุ้นเคยบางอย่าง มันก็นึกไม่ออกว่าเคยพบคนผู้นี้จากที่ใด
เมื่อทุกคนโดยรอบได้ยินคำถามของมังกรเหมันต์ พวกเขาเหล่านั้นก็เรียกสติกลับมาและสายตาจับจ้องไปที่หานโม่ฉืออย่างสงสัยใคร่รู้เช่นกัน พวกเขาต่างก็ต้องการทราบเช่นกันว่าบุรุษหนุ่มรูปงามที่มีพลังแกร่งกล้ายากเกินหยั่งถึงผู้นี้เป็นใครกันแน่
ปิงเสวียนจำหานโม่ฉือได้ตั้งแต่แรกเห็นและฉู่เจี๋ยก็พอจะคาดเดาได้เช่นกัน ทั้งสองถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนเดินเข้าไปข้างฉินอวี้โม่และทิ้งตัวนั่งลงเพื่อพักฟื้นสักครู่
กระบวนท่าของมังกรเหมันต์เมื่อครู่ทรงพลังมากเกินไปและทำให้พวกเขาบาดเจ็บไม่น้อย บัดนี้ในเมื่อหานโม่ฉือปรากฏตัวอย่างกะทันหันดุจดั่งอัศวินขี่ม้าขาว พวกเขาก็สามารถวางใจได้
เหล่าอสูรมายาของฉินอวี้โม่ถอนหายใจอย่างโล่งอกเช่นกันทว่าแทนที่จะอยู่ต่อข้างนอกนี้ พวกมันเลือกที่จะกลับเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว เมื่อฉินอวี้โม่ทะลวงพลังสำเร็จ พลังของพวกมันก็จะพัฒนาขึ้นไปเช่นกันและไม่ควรเสี่ยงอยู่เป็นที่สนใจดึงดูดสายตาข้างนอกเช่นนี้
เวลานี้สีหน้าของเฟิ่งซีบิดเบี้ยวอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดเลยว่าความเปลี่ยนแปลงพลิกผันเช่นนี้จะเกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เขาเชื่อมั่นว่าฉินอวี้โม่จะต้องตายอย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่คาดคิดเลยว่าโอกาสนั้นจะถูกทำลายโดยบุรุษหนุ่มที่เพิ่งปรากฏตัวนี้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่กังวลมากจนเกินไป เขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของมังกรเหมันต์เป็นอย่างดี แม้ว่าบุรุษชุดขาวผู้นี้จะถือว่าแกร่งกล้าพอสมควร เขาก็ไม่มีทางเทียบมังกรเหมันต์ผู้ทรงพลังได้แน่ เมื่อคิดได้เช่นนี้ เฟิ่งซีก็โล่งใจเล็กน้อยขณะมองไปยังทิศทางของฉินอวี้โม่และแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“เจ้าคิดจะฆ่าโม่เอ๋อร์ของข้ารึ ?”
สายตาแน่วแน่ของหานโม่ฉือมองตรงไปที่มังกรเหมันต์และเขาก็จดจำมันได้เช่นกัน
“แล้วมันทำไมรึ ?!”
เมื่อมังกรเหมันต์ได้ยินวาจาของหานโม่ฉือ มันก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามอย่างชัดเจน “ข้าขอแนะนำให้เจ้าสนใจแต่เรื่องของตัวเองจะดีกว่า มิฉะนั้น…ระวังจะตายโดยไม่รู้ตัว”
มังกรสายพันธุ์เลือดเย็นรู้สึกได้ว่าบุรุษผู้นี้ไม่ธรรมดาเป็นแน่และมีความแข็งแกร่งที่ไม่น่าจะด้อยไปกว่าตน หากมันโน้มน้าวให้หานโม่ฉือเปลี่ยนใจไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวได้ มันก็จะประหยัดเวลาและหลีกเลี่ยงปัญหาไปได้มากพอสมควร
“จิ๊จิ๊จิ๊ วันนี้ข้าฟังวาจาพล่อย ๆ มามากแล้ว เจ้ามังกรตัวน้อย… ริอาจวางท่ายโสต่อหน้านายท่านของข้างั้นรึ ?”
เมื่อได้ยินวาจาเชิงข่มขู่ของมังกรเหมันต์ หานโม่ฉือยังไม่ทันได้เอ่ยตอบใด ๆ ทว่ากลับเป็นกิเลนอัคคี—อสูรคู่กายของเขาที่ชิงตอบด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามออกไปเสียก่อน มันอดใจไม่ไหวและรีบออกมาจากมิติเชื่อมอสูรเพื่อมายืนข้างกายผู้เป็นนาย
“เจ้าทำร้ายนายหญิงและยังริอาจกล่าววาจาข่มขู่นายท่าน ข้าขอแนะนำให้เจ้าตัดสินใจยอมจำนนโดยเร็ว มิฉะนั้นเจ้าคงต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอย่างไม่อาจหลีกหนีได้”
คำพูดของกิเลนเผด็จการอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่เห็นมังกรเหมันต์ที่มีพลังอยู่ในระดับพสุธาเซียนขั้นสูงสุดอยู่ในสายตาเลยด้วยซ้ำ
ในช่วงเวลานี้ มังกรเหมันต์จดจำกิเลนอัคคีไม่ได้และไม่ทราบว่ากิเลนสามหาวตัวนี้เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทใด เพียงได้ยินวาจายโสของมัน มังกรเหมันต์ก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที
“เหอะ โอหังนัก แม้แต่ยอดฝีมือผู้เก่งกาจของดินแดนเทพมายาก็ยังไม่กล้ากล่าววาจาสามหาวกับข้าถึงเพียงนี้ พวกเจ้าเป็นใครกันถึงได้ริอาจกล่าววาจาไม่ไว้หน้าผู้สูงส่งอย่างข้า !”
มังกรเหมันต์แค่นเสียงเย็นชา เมื่อรู้สึกว่าฝ่ายตรงข้ามหยามเกียรติและไม่ไว้หน้ามันเช่นนี้ แน่นอนว่ามันต้องไม่พอใจอย่างที่สุด
ตอนนี้มันเป็นถึงอสูรพสุธาเซียนขั้นสูงสุด แม้แต่ยอดฝีมือผู้เก่งกล้าจากขอบเขตนภาเซียนก็ยังไม่กล้าประมาทเมื่อต้องประจันหน้ากับมัน
“จิ๊จิ๊ นี่คือการที่เจ้านำพาความตายมาสู่ตนเอง อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินวาจาที่ไม่รู้ชะตากรรมของมังกรเหมันต์ กิเลนอัคคีก็ไม่เสียเวลาอีกต่อไปและกล่าวทิ้งท้ายก่อนถอยไปอยู่ข้างหลังหานโม่ฉือ
มันสัมผัสได้ถึงโทสะที่คุกรุ่นรอการระเบิดของผู้เป็นนาย มันจึงไม่กล่าวสิ่งใดให้มากความอีกต่อไป นายของมันจะจัดการกับมังกรเหมันต์จอมโอหังตัวนี้เอง
แคร็ก !
เสียงบางสิ่งบางอย่างแตกออกดังขึ้นดึงดูดความสนใจของทุกคนทันทีรวมถึงมังกรเหมันต์ด้วยเช่นกัน มันมองเห็นลมหายใจน้ำแข็งที่หยุดอยู่ตรงหน้าฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และสลายหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ไม่มีแม้แต่วาจาหรืออาวุธใด ๆ …ร่างของหานโม่ฉือก็พุ่งตรงไปและง้างมือประเคนหมัดเข้าใส่มังกรเหมันต์อย่างจัง
ความเร็วของหานโม่ฉือรวดเร็วจนเกินไป แม้แต่มังกรเหมันต์ก็ไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนนัก ทว่าพลังมหาศาลก็กระแทกเข้าใส่มันเสียแล้ว
พลั่ก !
มังกรเหมันต์กระเด็นออกไปด้วยแรงหมัดของหานโม่ฉือทันทีและร่างของมันก็กระแทกเข้ากับกำแพงด้านข้างก่อนร่วงลงพื้นพร้อมลมหายใจที่อ่อนแอลงในทันที
ทว่ากำแพงดังกล่าวแข็งแกร่งอย่างที่สุด แม้ถูกมังกรใหญ่ยักษ์กระแทกเข้าอย่างจัง มันก็ยังไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย
พรวดดด !
มังกรโอหังกระอักเลือดคำโตออกมาและพยายามพยุงตัวยืนขึ้นอีกครั้งก่อนเหาะขึ้นกลางอากาศ มันจ้องตรงไปที่หานโม่ฉือด้วยแววตาที่บ่งบอกความตึงเครียด กังวล ตื่นตระหนกและความรู้สึกอีกมากมายถาโถมเข้ามา
พละกำลังของหานโม่ฉือทรงพลังเหนือความคาดหมายของมันอย่างแท้จริง เพียงแค่หมัดธรรมดา ๆ จากเขาก็ยากที่จะหยุดยั้งได้แล้ว
ฝูงชนโดยรอบก็ล้วนเห็นว่าบุรุษชุดขาวเพียงปล่อยหมัดธรรมดา ๆ ออกมาเท่านั้น ทว่ามันกลับซัดมังกรเหมันต์จนกระเด็นออกไปโดยตรง และเมื่อเห็นเหมือนว่ามังกรเหมันต์จะได้รับบาดเจ็บพอสมควร สีหน้าของพวกเขาก็แสดงถึงความตกตะลึงและประหลาดใจ
พวกเขาล้วนได้เห็นความแข็งแกร่งของมังกรเหมันต์ก่อนหน้านี้แล้ว แม้แต่อสูรหลายตัวและฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งมีพลังอยู่ในขอบเขตเซียนขั้นเก้าทว่ามีกระบวนท่าโจมตีที่ทรงพลังก็ยังไม่สามารถทำอะไรมันได้
ไม่คิดเลยว่ามังกรทรงพลังตัวเดียวกันนี้จะถูกหมัดธรรมดา ๆ ของบุรุษตรงหน้าซัดจนกระเด็นออกไปและตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้
ความแข็งแกร่งของบุรุษลึกลับผู้นี้น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง !
ตลอดชั่วครู่หนึ่ง ความคิดนี้ผุดขึ้นในหัวของทุกคนในที่นี้และแววตาฉายชัดถึงความตกตะลึงในตัวหานโม่ฉือ
“ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้… ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายนาง มันผู้นั้นจะต้องตาย !”
เพียงประโยคเดียวจากเขาทำให้ทุกคนสัมผัสได้ถึงสภาวะพลังมหาศาลและน่าสะพรึงกลัว
เวลานี้พวกเขาตระหนักได้แล้วว่าฉินอวี้โม่คือเกล็ดใต้คอมังกรของบุรุษผู้นี้ ใครก็ตามที่ริอาจทำร้ายฉินอวี้โม่ บุรุษผู้นี้ก็จะจัดการกับพวกเขาเช่นเดียวกับที่จัดการกับเจ้ามังกรเหมันต์ในตอนนี้และไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่ายังไม่เข้าใจความแข็งแกร่งของบุรุษผู้มาใหม่อย่างแน่ชัด พวกเขาก็ไม่กล้าคิดเป็นอื่นนอกจากเชื่อในวาจาของเขา
* 逆鳞 เกล็ดใต้คอมังกรซึ่งหันไปในทางตรงข้ามกับเกล็ดในบริเวณอื่น เชื่อกันว่าหากใครไปแตะเกล็ดนี้ มังกรจะโกรธจัดและฆ่าคนผู้นั้น
‘ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำร้ายนาง มันผู้นั้นจะต้องตาย !’ เพียงประโยคสั้น ๆ นี้ ทว่ามันกลับทรงอิทธิพลอย่างน่าประหลาดและโน้มน้าวใจพวกเขาได้ทุกคน
“เหอะ ก็แค่อาศัยความเร็วเพื่อจู่โจมข้าทีเผลอ มันมีอะไรดีมากนักรึ ?”
มังกรเหมันต์แค่นเสียงเย็นชาก่อนอ้าปากกว้างอีกครั้งเพื่อปล่อยลมหายใจมังกรพ่นออกมา
“หยุด !”
หานโม่ฉือเพียงกล่าวออกไปสั้น ๆ และลมหายใจน้ำแข็งที่พุ่งตรงเข้ามาก็หยุดชะงักไม่ไกลจากตัวเขา
“ในเมื่อเจ้าชอบใช้พลังนี้นักก็ลองเผชิญกับพลังของตนเองดูซะ !”
เขากล่าวพร้อมยิ้มบาง ๆ จากนั้นลมหายใจน้ำแข็งดังกล่าวก็ราวกับถูกควบคุมโดยหานโม่ฉือและเขาส่งมันกลับไปหามังกรเหมันต์ในทันที
สีหน้าของมังกรเหมันต์เปลี่ยนไปทันทีที่เห็นลมหายใจน้ำแข็งของตนย้อนกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่คิดเลยว่าพลังของหานโม่ฉือจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนี้จนทำได้แม้กระทั่งควบคุมการโจมตีของมันได้อย่างสมบูรณ์
ต้องกล่าวเลยว่าลมหายใจน้ำแข็งเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของมังกรเหมันต์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา กระบวนท่านี้ถือได้ว่าไร้เทียมทานและไม่เคยมีผู้ใดเอาชนะมันได้มาก่อน ช่างเหลือเชื่อยิ่งนักที่มันจะไม่มีผลใด ๆ ต่อหน้าหานโม่ฉือผู้นี้
ตู้ม !
ก่อนที่มังกรเหมันต์จะได้คิดไตร่ตรอง ลมหายใจน้ำแข็งที่ทรงพลังก็พุ่งเข้าปะทะร่างของมันอย่างจัง เดิมทีมังกรโอหังคิดว่าลมหายใจน้ำแข็งนี้คงจะไม่ทำให้มันบาดเจ็บมากนัก ทว่าไม่คิดเลยว่าเมื่อเผชิญกับการโจมตีดังกล่าวจริง พลังมหาศาลจะปะทะเข้าใส่ร่างของมันจนกระเด็นกระแทกกำแพงอย่างแรงและกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
มันตระหนักได้ทันทีว่าลมหายใจน้ำแข็งที่ย้อนกลับมาครานี้ถูกเสริมด้วยพลังของบุรุษผู้นั้นเช่นกันและทำให้สภาพของมันในตอนนี้น่าเวทนายิ่งนัก
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ?!”
เดิมทีมังกรเหมันต์เชื่อมั่นว่ามันมีข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนเทพมายาแห่งนี้พอสมควร อย่างไรก็ตาม สำหรับบุรุษหนุ่มทรงพลังตรงหน้าในเวลานี้ มันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเขามาก่อน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้”
หานโม่ฉือกล่าวตอบอย่างไม่แยแสและไม่รีบร้อนที่จะสังหารมังกรเหมันต์เสีย แม้เขาจะต้องการสั่งสอนมังกรชั่วช้าให้รู้สำนึก เขาก็ต้องการรอให้ฉินอวี้โม่ลืมตาขึ้นมาและให้นางตัดสินใจว่าจะจัดการกับมันอย่างไร
“รออยู่เฉย ๆ และอย่าขยับเด็ดขาด รอให้โม่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมาก่อนและดูว่านางจะจัดการกับเจ้าอย่างไร”
หานโม่ฉือกล่าวขณะเดินตรงเข้าไปหาฉินอวี้โม่และรอให้การทะลวงพลังของนางเสร็จสมบูรณ์
เมื่อเห็นรอยเลือดที่ติดอยู่ที่มุมปากของสตรีคนรัก สีหน้าของหานโม่ฉือก็กลายเป็นเยือกเย็นและจู่ ๆ ลูกเพลิงก็ปรากฏในมือของเขาและปล่อยมันตรงไปที่มังกรเหมันต์ทันที
มังกรเหมันต์ที่กำลังจะหาทางฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้เพื่อหลบหนี ทว่าจู่ ๆ มันก็รู้สึกถึงพลังแผดเผาที่โจมตีเข้าหาตนเอง สีหน้าของมันเปลี่ยนไปและม่านป้องกันถูกสร้างขึ้นมาตรงหน้าทันที
ตู้ม !
ทว่าลูกเพลิงดังกล่าวก็ทำให้มังกรเหมันต์กระเด็นลอยกลางอากาศอีกครั้งและบาดเจ็บมากยิ่งกว่าเดิม
พรวดดด !
หลังจากกระอักเลือดอีกครั้ง ร่างของมังกรขนาดใหญ่ก็เปลี่ยนกลายเป็นร่างมนุษย์และใบหน้าของมันซีดเผือดอย่างชัดเจน
“ไม่ ! พลังของเจ้ามิใช่แค่ขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุด !”
มันมองหานโม่ฉือด้วยแววตาหวาดหวั่นและกล่าวเสียงสั่นอย่างแตกตื่น “อย่าบอกนะว่าเจ้าบรรลุถึงขอบเขตนภาเซียนแล้ว !”
วาจาของมังกรเหมันต์ทำให้ทุกคนในที่นี้ตกตะลึงสุดขีดและทั่วทั้งลานต่างตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที