คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 557 นายน้อยแห่งฝ่ายมาร
“ซินเอ๋อร์ เป็นเจ้าได้อย่างไร ?!”
ในบรรดาทุกคนในที่นี้ แน่นอนว่าผู้ที่ตกใจมากที่สุดก็คือเฉินโหยว—ประธานสมาคมช่างหลอม เขาไม่เคยคิดเลยว่าศิษย์ที่เขารับเลี้ยงดูแลตั้งแต่เยาว์วัยและให้การฝึกฝนอย่างเต็มที่เสมือนลูกชายแท้ ๆ คนหนึ่งจะกลายเป็นผู้ทรยศไปได้
เฉินซินก็ก้าวออกมาอย่างช้า ๆ หลังจากที่คนของฝ่ายมารประกาศออกมา
ทุกคนในที่นี้ล้วนทราบกันว่าเฉินซินผู้นี้เป็นศิษย์คนโปรดของเฉินโหยว เพราะเหตุนั้นทุกคนจึงตกใจอย่างที่สุดและไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ทรยศที่คิดร้ายกับสมาคมคือคนผู้นี้
“ขอโทษที่ข้าหลอกท่าน..”
เฉินซินขมวดคิ้วอย่างตึงเครียดเล็กน้อยก่อนก้มศีรษะคำนับตรงหน้าเฉินโหยวและกล่าวเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฉินโหยวเลี้ยงดูและอบรมฝึกฝนเขาอย่างเต็มที่จนเขาทั้งรักและเคารพเฉินโหยวดั่งผู้มีพระคุณคนหนึ่ง เพียงแต่ทั้งสองฝ่ายถูกลิขิตให้เป็นศัตรูกันตั้งแต่แรกและการที่จะอยู่ร่วมกันอย่างปรองดองก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุนั้นต่อให้เฉินซินรักและเคารพเฉินโหยวและสมาคมช่างหลอมมากเพียงใด สุดท้ายเหตุการณ์ในวันนี้ก็ต้องเกิดขึ้นอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เมื่อได้ยินวาจาของเฉินซินและเห็นท่าทางของเขา เฉินโหยวก็รู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่งขณะทั้งร่างสั่นเทาเล็กน้อยและใบหน้าซีดเผือดในทันที
“คารวะนายน้อยขอรับ”
บรรดาสมาชิกฝ่ายมารคุกเข่าลงข้างหนึ่งเพื่อทำความเคารพต่อเฉินซินและกล่าวประโยคที่เปิดเผยตัวตนของเขาอย่างชัดเจน
“นายน้อยของฝ่ายมาร !”
เมื่อเรื่องชัดเจนถึงเพียงนี้แล้ว เฉินโหยวจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เขาเพียงยิ้มอย่างบิดเบี้ยวและดูราวกับว่าตอนนี้เขาแก่ชราขึ้นหลายปีภายในชั่วพริบตา แววตาของเขาในตอนนี้แสดงถึงความรู้สึกที่ซับซ้อนมากมายเกินจะเข้าใจ
ความรู้สึกผิด ความจนปัญญา ความเสียใจ และความหดหู่…
ความรู้สึกมากมายฉายชัดในแววตาของเขา ทว่าท้ายที่สุดเขาก็เรียกสติกลับคืนมาและเปลี่ยนกลายเป็นสงบนิ่งจนดูเยือกเย็น
“ไม่คิดเลยว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าจะฟูมฟักเลี้ยงดูศัตรูที่เลวร้ายที่สุดและปฏิบัติต่อเขาดั่งบุตรชายแท้ๆ แม้แต่ตอนนี้เมื่อได้ทราบตัวตนที่แท้จริงของเขา ข้าก็ยังเกลียดเขาไม่ลงและไม่เคยนึกเสียใจกับการกระทำที่ผ่านมา”
เฉินโหยวถอนหายใจเฮือกใหญ่และไม่สนใจสายตาของทุกคนรอบตัว เมื่อตัวตนของเฉินซินถูกเปิดเผยอย่างชัดเจนเช่นนี้ เขาก็ไม่มีหน้าที่จะดำรงตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมอีกต่อไป เมื่อจัดการเรื่องในวันนี้เสร็จสิ้น เขาตั้งใจที่จะถอนตัวออกจากสมาคมและเดินทางออกไปในที่ห่างไกลเพื่อใช้ชีวิตอย่างสันโดษ
เมื่อได้ยินวาจาของผู้ที่เลี้ยงดูตนมาหลายปี ร่างของเฉินซินก็เกร็งทื่อเล็กน้อยและสีหน้าแสดงความรู้สึกที่ยากเกินจะอธิบาย
เขาจะไม่รู้สึกได้อย่างไรในเมื่อเฉินโหยวผู้นี้ดีกับเขามาโดยตลอด ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ประธานสมาคมผู้นี้ทุ่มเทเวลาชีวิตมากมายเพื่อดูแล อบรมสั่งสอนและคอยฝึกวิชาให้กับเขา เมื่อเห็นสีหน้าของเฉินโหยวในตอนนี้ ความรู้สึกผิดก็ถาโถมเข้ามาในใจเขาทันที
เพียงแต่การเข้าร่วมกับสมาคมช่างหลอมและถูกรับเลี้ยงโดยเฉินโหยวเป็นแผนการที่ฝ่ายมารวางไว้ตั้งแต่ต้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว
“ท่านอาจารย์ ข้าขอโทษ…”
เฉินซินคุกเข่าลงตรงหน้าเฉินโหยวทันทีและก้มศีรษะคำนับพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ
ในเวลานี้ เขารู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดเป็นที่สุด ชายแก่ตรงหน้านี้คือผู้ที่ดูแลเขาด้วยความรักและความเอ็นดูมาเกือบตลอดทั้งชีวิตของเขา
“เฉินซิน เจ้าไม่ต้องเสแสร้งเล่นละครอีกต่อไป ตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ เจ้าแฝงตัวแสร้งว่าเป็นหนึ่งในพวกเราสมาคมช่างหลอมอย่างแนบเนียน พวกข้าดีกับเจ้ามาโดยตลอดและไม่เคยปิดบังหรือกีดกันเจ้าจากสิ่งใด อีกทั้งยังให้โอกาสและช่วยอบรมสั่งสอนเจ้าอย่างเต็มที่ ตอนนี้การได้ทราบว่าแท้จริงแล้วเจ้าคิดคดกบฏมาตลอด มันก็ทำร้ายจิตใจพวกเราทุกคนอย่างแสนสาหัส แล้วตอนนี้เจ้าจะเอ่ยวาจาแสร้งว่ารู้สึกผิดเพื่ออะไรกัน”
โม่ไป๋—ผู้อาวุโสรองของสมาคมช่างหลอมเป็นคนตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม เขาก็เป็นอีกคนที่รักและจริงใจกับเฉินซินอย่างมาก ทว่าตอนนี้เมื่อทราบตัวตนที่อีกฝ่ายปิดบังไว้ ความรักเหล่านั้นก็หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยและกลายเป็นความเกลียดชังและความเจ็บแค้นเสียใจ
หลอกลวงตบตาพวกเขามาเนิ่นนาน ล้อเล่นกับความรู้สึกของพวกเขาทุกคน… บุคคลเช่นนี้ช่างน่ารังเกียจเป็นที่สุด !
“ท่านลุงรอง ข้า…”
เมื่อได้ยินวาจาของโม่ไป๋และเห็นความผิดหวังที่ฉายชัดในแววตาของเขา เฉินซินก็อยากจะกล่าวอะไรสักอย่างออกไปทว่าไม่อาจสรรหาคำพูดใดที่เหมาะสมได้เลย ในเมื่อทุกอย่างดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ ไม่ว่าคำพูดสวยหรูเพียงใดก็ไม่มีประโยชน์ ความจริงที่มิอาจบิดเบือนประจักษ์ตรงหน้าแล้ว เขาไม่เพียงแต่กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคาเท่านั้น ทว่าในวันนี้เขาก็ยังท้าดวลกับทั้งสมาคมช่างหลอม หากสมาคมเป็นฝ่ายแพ้ มันก็คงเป็นที่โจษจันและกลายเป็นที่หัวเราะเยาะไปทั่วดินแดน เมื่อถึงตอนนั้น ฝ่ายมารก็จะถือโอกาสจากสถานการณ์นี้ในการสำแดงอำนาจให้ทุกคนได้รู้และสร้างความหวาดหวั่นให้กับดินแดนเทพมายา
* 恩将仇报 [เอินเจียงโฉวเปา] กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา หมายถึง คนที่เนรคุณคน เปรียบได้กับคนที่อาศัยพักพิงบ้านเขาอยู่แล้ว คิดทำมิดีมิชอบให้เกิดขึ้นภายในบ้านนั้น ทำให้เจ้าของบ้านที่ให้อาศัยต้องเดือดร้อน
“อย่ามาเรียกข้าว่าลุงรอง สมาคมช่างหลอมของเราไม่นับญาติกับคนเนรคุณอย่างเจ้า”
โม่ไป๋กล่าววาจาเย็นชาและน้ำเสียงของเขาก็แอบแฝงไปด้วยจิตสังหารที่ไม่น้อยเช่นกัน ฝ่ายมารเป็นศัตรูตัวฉกาจของทุกคนและนายน้อยของขุมกำลังมารร้ายก็ยิ่งเป็นศัตรูที่เลวร้ายที่สุด หากมีโอกาสในวันนี้เขาก็ไม่รังเกียจที่จะลงมือสังหารคนผู้นี้ที่เขาเคยรักเหมือนหลานชายคนหนึ่ง
“นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่ใช่ศิษย์ของข้าและก็ไม่ใช่สมาชิกสมาคมช่างหลอมเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าจะกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของทางสมาคมช่างหลอม เจ้าจะไม่ได้รับการต้อนรับหรือได้ประโยชน์ใด ๆ จากทางสมาคมของเราอีกต่อไป สำหรับความรักและหวังดีต่อตลอดหลายปีที่ผ่านมา…”
เฉินโหยวมองเฉินซินและได้เพียงถอนหายใจให้กับชะตากรรมในวันนี้
“คิดเสียว่าความรักและหวังดีต่อตลอดหลายปีที่ผ่านมาไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากเรื่องในวันนี้สิ้นสุดลง ข้าจะขอถอนตัวจากตำแหน่งประธานสมาคมช่างหลอมเพื่อรับผิดชอบให้กับความผิดของข้าในครั้งนี้”
แม้เฉินซินเป็นถึงนายน้อยของฝ่ายมาร ทว่าเฉินโหยวก็ไม่สามารถกล่าววาจาชั่วร้ายให้อีกฝ่ายเจ็บแสบได้เลย
“เฉินซิน นับจากนี้ไป…ข้าจะถือว่าเจ้าตายไปแล้ว”
หลังจากกล่าวต่ออีกหนึ่งประโยค สีหน้าของเฉินโหยวก็กลับเป็นนิ่งเย็นชาเช่นเดิม เวลานี้เขายังเป็นประธานสมาคมช่างหลอม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะเสียสติหรือวอกแวกไม่ได้เป็นอันขาด
ทุกคนในที่นี้สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนแท่นสูงและสีหน้าของพวกเขาราบเรียบไม่บ่งบอกความรู้สึก
หลายคนก็แอบเยาะเย้ยกับสถานการณ์ของสมาคมช่างหลอมในตอนนี้และความรู้สึกเคารพที่มีต่อเฉินโหยวก็ลดน้อยลงทันที การที่เขาเก็บลูกเสือมาเลี้ยงดูและฝึกฝนอบรมบุคคลสำคัญของฝ่ายมารเช่นนี้เป็นการยกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตัวเองแท้ ๆ เฉินโหยวผู้นี้ไม่คู่ควรกับความเคารพของพวกเขาอีกต่อไป
ทว่าหลายคนก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างที่สุด พวกเขารับรู้ได้ว่าประธานสมาคมและสมาชิกคนอื่น ๆ ต่างก็เป็นผู้ที่เจ็บปวดที่สุดจากสถานการณ์นี้ ถึงอย่างไรแล้วพวกเขาก็มองเฉินซินเป็นดั่งคนในครอบครัวคนหนึ่งมาตลอดทว่ากลับถูกแทงข้างหลังอย่างเจ็บแสบเช่นนี้ พวกเขาเข้าใจดีว่าเฉินโหยวทั้งเจ็บปวดและลำบากใจยิ่งกว่าใคร
ฉินอวี้โม่มองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและรู้สึกสะเทือนใจไปด้วย การถูกทรยศโดยญาติมิตรหรือคนใกล้ชิดที่ไว้วางใจที่สุดย่อมเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเกินบรรยาย
นางชิงชังคนประเภทนี้เป็นที่สุด อย่างไรก็ตาม นางไม่กล้าที่จะคิดตัดสินความสัมพันธ์ระหว่างเฉินโหยวและเฉินซิน
เดิมทีทั้งหมดนี้เป็นแผนการของฝ่ายมารและความสัมพันธ์ระหว่างเฉินซินและเฉินโหยวก็ถูกลิขิตไว้ตั้งแต่ต้น เพียงแต่ถึงแม้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ควบคุมได้ง่าย ทว่าหัวใจของคนนั้นยากที่จะควบคุม
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งเฉินโหยวและเฉินซินมีความรักและความจริงใจต่อกันดั่งญาติมิตร สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เฉินโหยวเจ็บปวดเสียใจและเฉินซินก็ไม่ต่างกัน น่าเสียดายที่ต่อให้เสียใจเพียงใด มันก็ไม่มีทางออกอื่น
“เจ้าเฉินซินนี่น่ารังเกียจชะมัด เขาตบตาคนทั้งสมาคมช่างหลอมมานานหลายปีและตอนนี้ยังประกาศตัวเป็นฝ่ายเดียวกับฝ่ายมารเพื่อจัดการกับสมาคมช่างหลอมอย่างเปิดเผย ช่างเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจจริง ๆ”
เพ่ยหลงอดกล่าวออกไปไม่ได้ นางเป็นคนที่ตรงไปตรงมาซึ่งกล้ารักและกล้าเกลียด คนอย่างเฉินซินคือคนประเภทที่นางรังเกียจอย่างที่สุด หากเฉินซินมิใช่ตัวการหลักของฝ่ายมารเพื่อจัดการกับสมาคมช่างหลอมในวันนี้ ความรังเกียจในใจของนางก็คงไม่มากเท่านี้
“นายน้อยขอรับ ท่านเป็นถึงนายน้อยของขุมกำลังมารร้าย ท่านคุกเข่าต่อหน้าคนพวกนี้ได้อย่างไร ลุกขึ้นเร็วเถอะขอรับ หากท่านผู้นำรู้เข้า ท่านคงไม่พอใจแน่”
ผู้ที่เป็นหัวหน้ากลุ่มฝ่ายมารก่อนหน้านี้เดินขึ้นมาพยุงเฉินซินลุกขึ้น เขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเฉินซินในตอนนี้และจดจำได้เพียงแต่ ‘ภารกิจ’ ที่ต้องทำให้สำเร็จ
“เอาล่ะ ในเมื่อทุกคนอยู่กับพร้อมหน้าแล้ว เราก็จะไม่รอช้าอีกต่อไป เรามาเริ่มการแข่งขันในวันนี้กันเถอะ สมาคมช่างหลอมของพวกเจ้ามีช่างหลอมมากพรสวรรค์หลายคน ถ้าวันนี้พวกเจ้าแพ้ พวกเจ้าจะต้องอับอายต่อคนทั้งดินแดน”
บุรุษผู้นั้นยิ้มเย็นและกล่าวออกไปซึ่งทำให้ทุกคนในสมาคมช่างหลอมโมโหมากขึ้น
“ข้าจะประชันฝีมือกับเฉินซินเอง ไม่มีใครรู้ฝีมือของเขาดีไปกว่าข้าอีกแล้ว หากเขาอยากจะท้าทายสมาคมของเรา ข้าจะเป็นคนรับคำท้าเอง”
เฉินโหยวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเป็นผู้ที่ฝึกฝนอบรมเฉินซินมากับมือ แน่นอนว่าประธานสมาคมทราบถึงทักษะการหลอมของอดีตศิษย์ผู้นี้ดีกว่าใคร
พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเฉินซินถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ยังอายุน้อยและทักษะการหลอมก็ยังด้อยกว่าเฉินโหยว หากต้องเผชิญหน้ากัน เฉินโหยวก็มีความมั่นใจพอสมควร
“เหอะ ประธานเฉิน หากท่านลงมือเสียเองและเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ผู้คนคงคิดว่าท่านรังแกคนผู้น้อยเป็นแน่ ยิ่งไปกว่านั้น ท่านก็เป็นอาจารย์ของนายน้อย หากอาจารย์เอาชนะศิษย์ได้ ชัยชนะนั้นก็ไม่มีความหมายใด อีกอย่าง…หากท่านแพ้ขึ้นมา นั่นก็คงทำให้คนทั้งดินแดนหัวเราะเยาะท่านยิ่งกว่าเดิม”
คนจากฝ่ายมารหัวเราะร่าและน้ำเสียงเยาะเย้ยอย่างไม่ปิดบัง พวกเขาไม่มีทางยอมให้เฉินโหยวลงมือเองแน่ พวกเขาต่างก็ทราบถึงทักษะการหลอมของประธานสมาคมเป็นอย่างดี หากปล่อยให้เขาลงมือเอง ฝ่ายมารก็ไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลย
“หุบปากซะ !”
เฉินซินตะโกนด้วยเสียงเย็นชาเพื่อมิให้คนจากฝ่ายมารกล่าวต่อไป และมองเฉินโหยวพร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“ท่านประธานของสมาคมช่างหลอมน่าจะทราบอายุและฝีมือของข้าดี ในเมื่อมันเป็นการท้าดวล การหาคู่ต่อสู้ที่อายุไล่เลี่ยกันย่อมเป็นปกติวิสัยมากกว่า หากท่านประธานเฉินหรือแม้แต่ผู้อาวุโสทั้งหลายของสมาคมลงมือเอง ข้าก็คงจะทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ต่อให้ข้าแพ้ไป ชื่อเสียงของสมาคมช่างหลอมก็มีแต่จะเสื่อมเสียและถูกตราหน้าว่ารังแกคนผู้น้อย”
ในฐานะนายน้องของฝ่ายมาร ตัวเขามีหน้าที่ความรับผิดชอบมากมาย แม้ไม่ต้องการประจันหน้ากับสมาคมช่างหลอมเช่นนี้ มันก็เป็นภารกิจที่ต้องรับผิดชอบและเฉินซินมิอาจหลีกเลี่ยงได้
เขาทำได้เพียงคิดหาวิธีทำตามหน้าที่ของตนและทำภารกิจครานี้ให้สำเร็จ
“เหอะ สมาคมช่างหลอมของเราไม่สนใจเรื่องพวกนั้นหรอก !”
โม่ไป๋แค่นเสียงเย็นชาและแสดงความคิดเห็นออกไปทันที เมื่อทราบว่าเฉินซินจะเป็นผู้ที่ลงมือเอง เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะเป็นกังวลเล็กน้อย แม้แต่ผู้อาวุโสหลายคนของสมาคมก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะเฉินซินได้ นับประสาอะไรกับคนอื่น ๆ ในดินแดนนี้
“ข้าต้องบอกไว้ก่อนเลยว่านายน้อยของเรามีอายุเพียงประมาณสามสิบปีเท่านั้น ในดินแดนเทพมายานี้ก็มียอดฝีมืออยู่มากมายและพวกข้าจะไม่เข้มงวดนัก ทางที่ดีจงเชิญผู้ที่มีอายุต่ำกว่าหนึ่งร้อยปีออกมาร่วมการแข่งขันนี้ด้วยกัน ตราบใดที่มีผู้ใดเอาชนะเรานายน้อยของเราได้ เราก็จะเป็นฝ่ายยอมแพ้และจะมอบของรางวัลชิ้นใหญ่ให้กับสมาคมช่างหลอม หากไม่มีผู้ใดชนะได้ พวกท่านก็ไม่ต้องชดเชยสิ่งใด”
บุรุษจากฝ่ายมารกล่าวถึงแผนการของตนอย่างสบาย ๆ วันนี้พวกเขาเพียงต้องการประกาศศักดาให้ทุกคนได้เห็นโดยการเลือกจู่โจมสมาคมช่างหลอม
.