คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 558 อวี้โม่รับคำท้า
เมื่อทุกคนได้ยินวาจาของคนฝ่ายมาร สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
พวกเขามีช่างหลอมไม่มากนักและฝีมือของช่างหลอมที่อายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีก็ไม่แข็งแกร่งนัก เฉินซินเป็นถึงช่างหลอมระดับปรมาจารย์มากฝีมืออย่างแท้จริง การหาช่างหลอมอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีที่สามารถเอาชนะเขามิใช่เรื่องง่ายเลย
“อะไรกัน ? พวกเจ้าไม่กล้างั้นรึ ?!”
แน่นอนว่าฝ่ายมารไม่ยอมให้สมาคมช่างหลอมปฏิเสธเงื่อนไขดังกล่าว บุรุษคนเดิมกล่าวพร้อมยิ้มเยาะ “ดินแดนเทพมายามียอดฝีมือมากพรสวรรค์อยู่นับไม่ถ้วน ข้าได้ยินมาว่าในงานครานี้ก็เป็นแหล่งรวมช่างหลอมมากกว่าครึ่งหนึ่งของดินแดน ไม่มีผู้ใดที่เอาชนะนายน้อยของเราได้เลยรึ ?”
หลังจากกล่าวจบ เขาก็กวาดสายตามองทุกคนในงานด้วยแววตาท้าทาย ขุมกำลังมารร้ายของพวกเขาเก็บตัวไม่ทำสิ่งใดโจ่งแจ้งมานานหลายปี ครานี้ถึงเวลาที่พวกเขาจะได้ออกมาประกาศศักดาเสียที
“เหอะ เป็นเพียงขุมกำลังมารร้าย ทว่าริอาจบุกเข้ามาหาเรื่องถึงถิ่นฐานของพวกเรา การที่นายน้อยของพวกเจ้าเป็นช่างหลอมปรมาจารย์ที่มีอายุอยู่ในช่วงสามสิบปี มันวิเศษวิโสอย่างไรรึ ?”
เพ่ยหลงยืนขึ้นและมองตรงไปยังกลุ่มฝ่ายมารโดยไม่เกรงกลัว นางไม่ทราบความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในปัจจุบันทว่านางมั่นใจว่าสหายคนงามสามารถเอาชนะเฉินซินได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น นางไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดฝ่ายมารจึงโอหังและมั่นใจเช่นนี้
“ถูกต้อง การที่เขาได้รับการฝึกฝนอบรมจากทางสมาคมช่างหลอม ต่อให้เอาชนะได้ แล้วอย่างไรเล่า ? มันมีอะไรที่น่าภูมิใจกันกับการเอาชนะเจ้าของวิชาด้วยวิชาของเขา ยิ่งไปกว่านั้น มันก็ไม่แน่เสมอไปว่าพวกเจ้าจะเป็นฝ่ายชนะ”
คนอื่น ๆ ก็กล่าวเสริมอย่างเห็นด้วยเช่นกัน
พวกเขาทุกคนไม่พอใจฝ่ายมารมาตั้งแต่ต้นทว่าไม่มีผู้ใดกล้ากล่าววาจาออกไป บัดนี้เมื่อเพ่ยหลงเปิดประเด็นเป็นคนแรก พวกเขาก็ร่วมกันสาดวาจาใส่สมาชิกฝ่ายมารทันที
“จิ๊จิ๊จิ๊ พูดพล่ามต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ หากพวกเจ้ามีฝีมือจริงก็รับคำท้าของพวกข้า มิฉะนั้นก็หุบปากไปเสีย !”
บุรุษจากฝ่ายมารไม่แยแสวาจาเสียดสีเหล่านั้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงยั่วยุ นี่เป็นผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการให้เกิดขึ้น ตราบใดที่สมาคมช่างหลอมรับคำท้า พวกเขาเชื่อว่าเฉินซินจะเอาชนะได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงเกียรติยศของฝ่ายมารจะเลื่องลือไปทั่วดินแดนเทพมายาอีกคราและทุกขุมกำลังทั่วดินแดนจะต้องสั่นคลอนขึ้นมา
“ท่านประธาน…”
ผู้อาวุโสหลายคนของสมาคมช่างหลอมมองตรงไปที่เฉินโหยวเพื่อรอการตัดสินใจของเขา หากว่าประธานสมาคมไม่รับคำท้า ต่อให้สมาคมช่างหลอมต้องเสียหน้า มันก็จะทำให้ฝ่ายมารยอมถอนกำลังกลับไป
“ท่านประธานเฉิน รับคำท้าของเขาเถอะ หากเราไม่รับคำท้า พวกเขาก็คงจะคิดว่าในดินแดนเทพมายานี้ไม่มีใครที่จะสามารถต่อกรกับพวกเขาได้”
จู่ ๆ อวิ๋นเฟิงก็กล่าวแนะนำให้เฉินโหยวรับคำท้าของฝ่ายมาร ต่อให้พ่ายแพ้ มันก็ไม่ได้แสดงถึงความอ่อนแอเท่าใดนัก ไม่ว่าขุมกำลังมารร้ายจะมีแผนการสมคบคิดใดซ่อนไว้ พวกเขาก็ไม่สามารถยอมให้มันเกิดขึ้นได้
“ใช่แล้ว รับคำท้าเถอะขอรับ ข้าเชื่อว่าดินแดนของเราต้องมีผู้แกร่งกล้าที่สามารถเอาชนะนายน้อยใจหยาบและน่ารังเกียจของฝ่ายมารได้แน่ !”
คนอื่น ๆ กล่าวเสริมตามกันเพื่อเสนอให้เฉินโหยวรับคำท้าของอีกฝ่าย
“ถูกต้อง ข้าได้ยินมาว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่—ผู้นำดินแดนทางเหนือก็เป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์ทั้งที่อายุยังน้อยและทรงพลังยิ่งนัก หากนางมาร่วมงานในวันนี้ นางก็อาจเอาชนะนายน้อยของฝ่ายมารได้”
ใครอีกคนกล่าวขึ้นมา ทว่าด้วยเหตุผลบางประการทำให้เขากล่าวถึงชื่อของฉินอวี้โม่อย่างเฉพาะเจาะจง
‘ผู้นำดินแดนทางเหนือเป็นช่างหลอมระดับปรมาจารย์’ นี่เป็นข่าวที่มิใช่ความลับสำหรับคนทั้งดินแดน เพราะเหตุนั้นหลายคนจึงทราบแล้วว่าฉินอวี้โม่—ผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือมีอายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีและมีความสามารถในการหลอมที่ไม่ธรรมดา
“จริงสิ ผู้นำดินแดนเหนือเดินทางมาร่วมงานครานี้ด้วยรึไม่ ? หากมาก็จงแสดงตัวด้วยเถิด พวกฝ่ายมารยโสโอหังเกินไป หากเราไม่รับคำท้า พวกเขาก็จะยิ่งโอหังมากขึ้นอีก เราเชื่อว่าท่านจะสามารถเอาชนะฝ่ายมารได้และทำให้พวกเขาต้องเสียหน้าครั้งใหญ่ !”
ใครอีกคนกล่าวต่อและผู้คนต่างก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พวกเขาต้องการทราบว่าผู้นำดินแดนทางเหนือที่กล่าวถึงมาร่วมงานรวมพลครานี้ด้วยหรือไม่
“อวี้โม่…”
สายตาของเจียงหลิวเยว่และคนอื่น ๆ จับจ้องมาที่ร่างของฉินอวี้โม่เป็นตาเดียว พวกนางทราบดีว่าฉินอวี้โม่เป็นผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือ เพียงแต่ไม่มั่นใจว่านางจะยืนแสดงตัวและรับคำท้านี้หรือไม่
“ในเมื่อทุกคนอยากให้ข้าลุกขึ้นสู้ ข้าก็คงจะปฏิเสธความตั้งใจของทุกคนไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นี่จะเป็นโอกาสดีสำหรับดินแดนทางเหนือของพวกเราเช่นกัน หากวันนี้ข้าเอาชนะเฉินซินได้ ชื่อเสียงเกียรติยศของดินแดนทางเหนือจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และนั่นจะช่วยให้เราทำอะไรได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้นในอนาคต”
ฉินอวี้โม่ยิ้มบาง ๆ และตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว นี่เป็นโอกาสทองที่ดินแดนทางเหนือของนางจะเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคง ตราบใดที่นางเอาชนะนายน้อยฝ่ายมารได้สำเร็จ ชื่อเสียงและกิตติศัพท์ของดินแดนทางเหนือจะพัฒนาจนเทียบชั้นนิกายหงส์มังกรหรืออาจเหนือกว่าพวกเขาด้วยซ้ำ เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงของดินแดนทางเหนือจะเกรียงไกรจนไร้ที่เปรียบ จอมยุทธ์มากมายจะเข้าร่วมดินแดนทางเหนืออย่างไม่หยุดหย่อนซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับดินแดนทางเหนือของนาง
“ท่านประธานเฉิน รับคำท้าเถอะ ข้ายินดีประชันฝีมือกับพวกเขา”
ฉินอวี้โม่ยืนขึ้นและกล่าวอย่างชัดเจนซึ่งถือเป็นการแสดงตัวไปโดยปริยาย
“นั่นเขา !”
เมื่อทุกคนเห็นฉินอวี้โม่ยืนขึ้น พวกเขาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นผู้ที่ทราบเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ก็อดตะโกนออกไปไม่ได้
“นั่นมันบุรุษลึกลับที่เล่นงานหานซื่อไว้อย่างเจ็บแสบในโรงประมูลครานั้น อีกทั้งยังมีน้ำมันฤทธานุภาพที่ทรงพลัง ที่แท้ก็เป็นผู้นำดินแดนเหนือนี่เอง”
สิ่งที่เกิดขึ้นในโรงประมูลซิ่งหัวและนอกเมืองก่อนหน้านี้ทำให้ทุกคนสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับตัวตนของฉินอวี้โม่ยิ่งนัก
บัดนี้เมื่อทราบว่าบุรุษลึกลับผู้นั้นแท้จริงแล้วคือผู้ปกครองของดินแดนทางเหนือ จิตใจของพวกเขาก็สงบลงมาก การที่กล้าฉีกหน้าหานซื่อเช่นนั้น คนผู้นั้นจะต้องมีสถานะที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เพราะถึงอย่างไรความกล้าหาญก็ย่อมควบคู่ไปกับความแข็งแกร่งที่มากพอ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าฉินอวี้โม่ก็มีคุณสมบัตินั้นอยู่
“ฮ่า ๆ ๆ ที่แท้ก็เป็นผู้นำของดินแดนทางเหนือนี่เอง ข้าเริ่มรู้สึกมั่นใจมากขึ้นแล้ว หากเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจเช่นนั้น การที่จะเอาชนะนายน้อยฝ่ายมารและกู้หน้าให้กับทางสมาคมก็มีโอกาสเป็นไปได้สูง”
ใครคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“หากเป็นเช่นนั้นจริง นางจะกลายเป็นยอดฝีมือที่ข้าเคารพและสรรเสริญ หลังจากเรื่องที่นี่สิ้นสุดลง ข้าจะไปเข้าร่วมกับดินแดนทางเหนือ ต่อให้ต้องเป็นทหารระดับต่ำ ข้าก็ยินดี”
บุรุษอีกคนกล่าวขึ้นมา เวลานี้การประชันฝีมือยังไม่เริ่มต้นและเขาก็ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนแล้ว ในที่สุดผู้นำของดินแดนทางเหนือที่ลึกลับผู้นั้นก็ปรากฏตัวขึ้นมาต่อหน้าทุกคน
หากฉินอวี้โม่สามารถเอาชนะเฉินซินในการท้าดวลครานี้ได้จริง นางจะกลายเป็นที่เคารพชื่นชมของทุกคนและดินแดนทางเหนือจะเป็นจุดหมายที่จอมยุทธ์มากมายต้องการเข้าร่วม
ต้องกล่าวเลยว่าเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างฝ่ายมาร คนจากดินแดนเทพมายาก็ผนึกกำลังปรองดองกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เฉินโหยวมองไปที่ฉินอวี้โม่ทันที เมื่อสัมผัสถึงความมั่นใจเต็มเปี่ยมและสีหน้าเรียบเฉยไม่สะทกสะท้าน ประธานสมาคมก็พยักศีรษะเบา ๆ
“ในเมื่อฝ่ายมารอยากท้าดวลนัก ข้าก็จะสนองให้ ดินแดนเทพมายาของเราเต็มไปด้วยยอดฝีมือมากพรสวรรค์ ใช่ว่าฝ่ายมารของพวกเจ้าจะทำได้ทุกอย่าง แม้เฉินซินจะได้รับวิชาจากข้าจนกลายเป็นช่างหลอมที่เก่งกาจ เขาก็น่าจะทราบดีว่ายังมีผู้แกร่งกล้าอีกมากนอกเหนือจากเรา”
ความคาดหวังน้อย ๆ ผุดขึ้นในใจของเฉินโหยว ครานี้มีคนจากขุมกำลังใหญ่เกือบทั้งหมดมารวมตัวกัน หากถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับช่างหลอมอายุน้อยและมากพรสวรรค์ มันก็เป็นเรื่องที่ดีทีเดียว หากฉินอวี้โม่ผู้นี้สามารถเอาชนะเฉินซินได้จริง เขาก็ยินดีที่จะผูกมิตรกับดินแดนทางเหนือและให้อำนาจฉินอวี้โม่มีส่วนจัดการในสมาคมช่างหลอม
เมื่อสมาชิกฝ่ายมารเห็นฉินอวี้โม่ที่ยืนขึ้นแสดงตัว พวกเขาก็ชะงักและขมวดคิ้วเล็กน้อย
เฉินซินก็มองตรงไปที่ฉินอวี้โม่ผู้สวมหน้ากากซึ่งดูลึกลับยากเกินหยั่งถึงและจู่ ๆ เขาก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาเชื่อมั่นมาเสมอว่าทักษะการหลอมของตนทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับฉินอวี้โม่ในตอนนี้ เขากลับสูญเสียความมั่นใจไปไม่น้อยเลย
“เหอะ เป็นเพียงขุมกำลังที่เพิ่งก่อตั้งใหม่และเป็นเพียงผู้นำที่เพิ่งจะสร้างชื่อขึ้นมาได้ พวกเจ้าคิดว่าพวกเราจะกลัวงั้นรึ ?!”
บุรุษฝ่ายมารแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวแสดงถึงความมั่นใจในตัวนายน้อยของตนอย่างเต็มเปี่ยม เขาไม่เชื่อว่าจะมีผู้ใดที่อายุน้อยกว่าหนึ่งร้อยปีที่จะเอาชนะนายน้อยของเขาได้
“ทำให้พวกเจ้ากลัวรึ ? ข้าไม่ได้สนใจเรื่องนั้น จุดประสงค์ของข้าก็คือการเอาชนะพวกเจ้าต่างหาก !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจ นางต้องเอาชนะการประชันฝีมือในวันนี้ให้ได้ ไม่ว่าเพื่อสมาคมช่างหลอม เพื่อดินแดนทางเหนือหรือเพื่อดินแดนเทพมายา…นางก็ต้องเอาชนะเฉินซินให้จงได้
“ท่านประธาน ข้าไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เรามาเริ่มกันเถอะ”
หลังจากหันไปมองเฉินโหยวและเห็นแววตาโล่งใจ ฉินอวี้โม่ก็พุ่งไปปรากฏตัวอีกครั้งบนแท่นสูงของลานจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ ในเมื่อเรารับคำท้าแล้วก็ไม่จำเป็นต้องกล่าววาจาให้มากความ เริ่มกันเถอะ”
เฉินโหยวพยักศีรษะก่อนกล่าวต่อ “กล่าวถึงเงื่อนไขกันก่อนเถอะ การดวลกันครานี้จะต้องเป็นไปอย่างยุติธรรมที่สุด ห้ามผู้ใดพยายามสร้างปัญหาหรือใช้วิธีการตุกติกโดยเด็ดขาด มิฉะนั้น พวกเราสมาคมช่างหลอมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนผู้นั้นต้องชดใช้อย่างสาสม !”
หลังจากกวาดสายตามองสมาชิกฝ่ายมารอย่างข่มขู่ เฉินโหยวก็ไม่มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีการที่ขาวสะอาด
“แน่นอน หากผู้ใดคิดจะก่อเรื่องสร้างปัญหาขึ้นมา ข้าไม่ปล่อยไว้แน่ !”
เฉินซินกล่าวเพียงสั้น ๆ และกวาดสายตามองสมาชิกฝ่ายมารเชิงข่มขู่เพื่อมิให้พวกเขาคิดไม่ซื่อหรือวางแผนสมคบคิดใด ๆ
“นายน้อยวางใจได้เลยขอรับ พวกเราจะไม่สร้างปัญหาแน่นอน !”
บุรุษฝ่ายมารเชื่อฟังคำสั่งของเฉินซินแต่โดยดีและหันมองสมาชิกฝ่ายของตนเพื่อยืนยันให้มั่นใจ
“ช่างหลอมอายุน้อยของดินแดนเทพมายา ผู้ใดต้องการรับคำท้านี้ก็เชิญยืนขึ้นได้เลย ต่อให้ไม่เก่งกาจเท่าเฉินซินก็ไม่สำคัญ เราต้องแสดงให้พวกเขาได้เห็นถึงความกล้าหาญไม่ยอมแพ้ของเรา”
โม่ไป๋กวาดสายตามองฝูงชนและกล่าวเสียงดังฟังชัด
ทุกคนเริ่มหันซ้ายหันขวามองหน้ากัน จากนั้นก็เริ่มมีคนยืนขึ้นหลายคน
นอกเหนือจากฉินอวี้โม่ที่ยืนขึ้นก่อนแล้วก็ยังมีอีกสิบคนที่ต้องการประชันฝีมือกับเฉินซิน
“ช้าก่อน ประธานเฉิน ก่อนที่เราจะเริ่มต้น เราควรทดสอบอายุของทุกคนเสียก่อน มิฉะนั้นเกรงว่าจะมีคนจับปลาในน้ำขุ่น”
* 浑水摸鱼 จับปลาในน้ำขุ่น ความหมายคือ ผู้ที่ฉวยโอกาสขณะเกิดเหตุการณ์ชุลมุน
บุรุษฝ่ายมารชำเลืองมองฉินอวี้โม่และกล่าวอย่างไม่ไว้ใจ
“แน่นอนว่าไม่มีปัญหา”
ใบหน้าของฉินอวี้โม่สงบนิ่งเรียบเฉย หากนางมีอายุมากกว่าสมาชิกฝ่ายมารหรือคนอื่น ๆ ที่รับคำท้าในครานี้ นางก็คงจะรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย
.