คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 560 การปรากฏของเพลิงจักรพรรดิ
หลังจากตกตะลึงไปชั่วขณะ เฉินโหยว—ประธานสมาคมช่างหลอมก็เรียกสติกลับคืนมาเป็นคนแรก
“นี่คือเตาหลอมมายาซึ่งเป็นการควบแน่นพลังมายาขึ้นมาจนกลายเป็นเตาหลอม นี่เป็นทักษะการหลอมที่มีเพียงผู้ที่บรรลุสภาวะฟ้าคนเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำได้ การแปรเปลี่ยนพลังมายาให้กลายเป็นเตาหลอมเช่นนี้ แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังแทบจะทำไม่ได้และไม่มีทางที่จะควบคุมมันได้เลย”
ในฐานะช่างหลอมอันดับต้น ๆ ของดินแดนเทพมายา แน่นอนว่าเขาเข้าใจศาสตร์การหลอมอุปกรณ์ดียิ่งกว่าใคร
การใช้พลังมายาภายในร่างกายเพื่อควบแน่นกลายเป็นเตาหลอมเช่นนี้คือสภาวะตำนานของการหลอมอุปกรณ์ แม้แต่ตัวเขาก็ยังไม่กล้าใช้วิธีนี้เนื่องจากมันยากเกินไปที่จะควบคุม
“ช่างทรงพลังยิ่งนัก หากว่านางควบคุมเตาหลอมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นทักษะการหลอมของนางก็ถือว่าเหนือมนุษย์อย่างแท้จริง แม้แต่ศิษย์พี่ของข้าก็คงจะอ่อนแอกว่า”
ผู้อาวุโสรองของเกาะวายุนิ่งกล่าวขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาตกตะลึงและไม่อยากเชื่อ หากฉินอวี้โม่สามารถควบคุมเตาหลอมนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ นั่นก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทักษะการหลอมของนางเหนือชั้นยิ่งนัก เกรงว่าแม้แต่ศิษย์พี่ผู้มากฝีมือของเขาก็อาจจะบรรลุสิ่งนี้ไม่ได้
ผู้อาวุโสลั่วจากฝ่ายมารไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าใดนัก ทว่าเมื่อได้ยินวาจาหารือของคนเหล่านั้น เขาก็ขมวดคิ้วมุ่นและความหวาดหวั่นที่ฝังลึกภายในใจก็เริ่มรุนแรงมากขึ้น หากยอดฝีมือเช่นนี้ไม่ได้ยืนอยู่เคียงข้างพวกเขา จากนั้นเขาก็ต้องหาทางกำจัดให้ได้โดยเร็วที่สุด !
“ทักษะการหลอมของเสี่ยวโม่เอ๋อร์พัฒนาจนถึงขั้นนี้แล้วรึ..!”
เมื่อมองตรงไปที่บุตรสาว แววตาของฉินเทียนก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจและความประหลาดใจ ยอดฝีมือแกร่งกล้าผู้นี้คือบุตรสาวบังเกิดเกล้าของเขา ยิ่งนางทรงพลังเพียงใด เขาในฐานะบิดาก็ย่อมยินดีและภาคภูมิใจในตัวนางมากขึ้นเพียงนั้น
เขามั่นใจในทักษะการหลอมของฉินอวี้โม่มาเสมอและทราบดีว่านางสามารถเอาชนะเฉินซินได้อย่างไร้ข้อกังขา
เวลานี้เฉินซินขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถูกฉินอวี้โม่ข่มขวัญอีกครั้งหนึ่งแล้ว สิ่งที่เห็นในตอนนี้ทำให้ความกังวลในใจของเขาเพิ่มมากขึ้นและความมั่นใจในตัวเองก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ เช่นกัน ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เหนือความคาดหมายของเขาอย่างแท้จริงและไม่คิดเลยว่าจะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ประหลาดผิดมนุษย์เช่นนี้
เฉินซินก็ไม่รอช้าอีกต่อไป เขาหยิบวัสดุต่าง ๆ ของตนออกมาและปลดปล่อยเพลิงบนมือโดยเตรียมพร้อมที่จะหลอมอุปกรณ์ตามที่ตนเองได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้
“เฮ้ ข้าไม่ได้หลอมอุปกรณ์ต่อหน้าผู้คนมานานแล้ว ข้าไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาเลยจริง ๆ”
ฉินอวี้โม่ถอนหายใจเบา ๆ และยกยิ้มมุมปาก ทันใดนั้น เพลิงกลุ่มเล็ก ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนปลายนิ้วของนางก่อนที่เพลิงในมือของเฉินซินจะดับมอดไปอย่างกะทันหัน
ฟึ่บ !
คนอื่น ๆ ก็รู้สึกได้ว่าเพลิงในร่างของตนถูกยับยั้งไว้เช่นกันและไม่สามารถปลดปล่อยมันออกไปได้ พวกเขาทั้งหมดก็หันมองตรงไปที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้
เมื่อเห็นเปลวเพลิงกลุ่มเล็ก ๆ ทว่าโดดเด่นสะดุดตาอย่างที่สุดบนปลายนิ้วมือของฉินอวี้โม่ ทุกคนก็แสดงสีหน้าฉงนสงสัยทันที เพลิงอะไรกันที่สามารถสร้างแรงกดดันเช่นนี้ได้ ?
“อวี้โม่ เจ้าไม่ได้ปลดปล่อยเพลิงจักรพรรดิออกมาต่อหน้าผู้คนนานแล้ว เห็นรึไม่ว่าทุกคนต่างก็หวาดหวั่นใจกันหมด เจ้ารีบควบคุมมันเถอะ มิฉะนั้นคนอื่น ๆ ก็คงจะหลอมอุปกรณ์กันไม่ได้”
หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่มีความคิดเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและเขาเข้าใจดีว่านางต้องการจะข่มขวัญจนเฉินซินทำตัวไม่ถูก ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่เพียงแค่ต้องการเอาชนะการดวลในวันนี้เท่านั้น ทว่าต้องการที่จะคว้าชัยชนะไปอย่างสง่างามและทำให้อีกฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างราบคาบ เพราะเหตุนั้นนางจึงต้องใช้ความพยายามมากขึ้นเล็กน้อยเพื่อสร้างความกดดันให้กับอีกฝ่าย
เมื่อได้ยินวาจาของหานโม่ฉือ ทุกคนก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดจู่ ๆ เพลิงของตนจึงถูกยับยั้งไว้เช่นนี้ หากมีเพลิงจักรพรรดิที่ลุกโชนอยู่ แม้แต่เพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังต้องหลีกทาง นับประสาอะไรกับเพลิงธรรมดาทั่วไป
“น่าทึ่งยิ่งนัก ดูเหมือนว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จะไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ต่อให้เฉินซินจะต้องการเอาชนะในการดวลครานี้ มันก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้”
โม่ไป๋ถอนหายใจเบา ๆ ทว่าใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มกว้าง ฉินอวี้โม่ทรงพลังอย่างยิ่งและเขาก็มิได้หวาดหวั่น ทว่าเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม
พวกเขาทั้งหมดล้วนรักและหลงใหลในศาสตร์การหลอมอุปกรณ์และหวังว่าทักษะการหลอมจะสามารถพัฒนาต่อไปได้เรื่อย ๆ นี่คือสาเหตุที่พวกเขาอบรมสั่งสอนและสนับสนุนการฝึกฝนของเฉินซินอย่างเต็มที่มาตลอดหลายปี แม้ตอนนี้จะทราบแล้วว่าเฉินซินเป็นนายน้อยของฝ่ายมาร พวกเขาก็ไม่คิดที่จะสังหารคนผู้นั้น
การที่ฉินอวี้โม่มีพรสวรรค์อันน่าทึ่งและความแข็งแกร่งที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ย่อมรู้สึกยินดีไปกับนาง
“จู่ ๆ ข้าก็รู้สึกว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ผู้นี้จะข้ามผ่านขีดจำกัดของช่างหลอมได้”
เฉินโหยวคลี่ยิ้มกว้างและมองฉินอวี้โม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างไม่ปิดบัง มันเป็นเวลานานแล้วตั้งแต่ที่มีช่างหลอมระดับเทวะปรากฏขึ้นมาบนดินแดน แม้แต่ตัวเขาและช่างหลอมแถวหน้าจากเกาะวายุนิ่งก็ยังไม่เข้าใกล้ระดับนั้นเลยสักนิด เห็นทีว่าฉินอวี้โม่—ช่างหลอมรุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ผู้นี้อาจบรรลุข้ามผ่านสภาวะติดขัดนั้นได้ก่อนพวกเขาเสียอีก
“ขออภัยด้วย ข้าลืมควบคุมมันไว้…”
ฉินอวี้โม่ยิ้มพร้อมกล่าวออกไปอย่างสบาย ๆ ทว่านั่นเป็นการตบหน้าฝ่ายมารฉาดใหญ่ ในวันนี้นางจะต้องเอาชนะพวกเขาให้ได้อย่างสง่างามและราบคาบ ในเมื่อขุมกำลังมารร้ายเหล่านี้ริอาจเปิดศึกท้าดวล นางและคนอื่น ๆ ก็ไม่รังเกียจที่จะตอกหน้าพวกเขากลับไปอย่างสาสมและทำให้อีกฝ่ายต้องแบกหน้ากลับไปแทบไม่ทัน
หลังจากนางควบคุมเพลิงจักรพรรดิของตนและลดแรงกดดันที่แผ่ออกไปลง ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ทว่าจากนั้นไม่คาดคิดว่าจอมยุทธ์ทั้งเก้าคนที่แสดงตัวรับคำท้าเฉินซินก็หันมองหน้ากันก่อนก้าวออกจากแท่นสูงและกลับไปยังตำแหน่งที่นั่งเดิมของตน
เดิมทีพวกเขาตั้งใจที่จะลองดูสักตั้ง ทว่าพวกเขาก็ตระหนักดีว่าไม่มีโอกาสเอาชนะเฉินซินได้เลย บัดนี้เมื่อมีช่างหลอมทรงพลังอย่างฉินอวี้โม่อยู่ทั้งคน พวกเขาก็มีความสุขเพียงได้เฝ้าดูสิ่งที่น่าตื่นเต้นนี้และอาจได้รับวิชาความรู้บางอย่างเพิ่มเติมจากช่างหลอมมากฝีมือทั้งสอง
“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ พวกเราขอส่งกำลังใจให้ท่านเอาชนะคนของฝ่ายมารและสั่งสอนให้พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเราคนของดินแดนเทพมายาไม่ใช่ผู้ที่ใครจะรังแกได้ง่าย ๆ !”
ใครคนหนึ่งยิ้มกว้างและกล่าวอย่างฮึกเหิมแสดงความสนับสนุนต่อฉินอวี้โม่อย่างเปิดเผย คนอื่น ๆ ล้วนเห็นด้วยและสนับสนุนฉินอวี้โม่เช่นกัน เวลานี้การประชันฝีมือยังไม่เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ ทว่านางก็เริ่มเป็นที่ยอมรับของทุกคนแล้วและทุกคนก็ชื่นชมนางอย่างเห็นได้ชัด
“ทุก ๆ ท่าน โปรดเงียบลงก่อนเถอะ แล้วมารอรับชมทักษะการหลอมของจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่กัน พวกเราเชื่อว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับเฉินซินผู้ยโสโอหังได้อย่างสาสม !”
หลินจิ้งหงยิ้มและส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบลง
ทุกคนทราบดีว่าหลินจิ้งหงและฉินอวี้โม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนจึงลดเสียงลงแต่โดยดี อย่างไรก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นยังคงกระซิบกระซาบกันอย่างเบา ๆ ถึงแผนการที่จะไปเข้าร่วมกับดินแดนทางเหนือหลังจากนี้
เฉินซินขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยทราบดีว่ามีโอกาสน้อยที่ตนจะเอาชนะได้ อย่างไรก็ตาม สีหน้าท่าทางของเขาไม่แสดงถึงความถอดใจ ทว่ากลับมีร่องรอยความโล่งใจอยู่ไม่น้อย
เขามิรู้ตัวเลยว่าลึก ๆ ในใจของเขาก็กำลังแอบหวังให้มีผู้แกร่งกล้าปรากฏตัวขึ้นและเอาชนะเขาเพื่อทำให้ภารกิจฝ่ายมารล้มเหลว อย่างไรก็ตาม เมื่อคนผู้นั้นปรากฏจริง เขากลับมีความรู้สึกไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เขามักเชื่อมั่นในฝีมืออันยอดเยี่ยมและทักษะการหลอมที่ทรงพลังของตนเองมาเสมอ ไม่คิดเลยว่าจะมีคนอื่นในดินแดนที่ทำให้เขารู้สึกอ่อนด้อยเช่นนี้
หลังจากหยิบวัสดุสิ่งหลอมของตนออกมา เฉินซินก็ตั้งใจที่จะหลอมผลงานให้เสร็จสิ้น ครานี้เขาคิดจะหลอมอาวุธพิเศษบางอย่าง ในฐานะนายน้อยของฝ่ายมาร เขาจะต้องทำสงครามกับดินแดนเทพมายาในไม่ช้าก็เร็ว ต่อให้สมาคมช่างหลอมจะฟูมฟักเลี้ยงดูและอบรมบ่มวิชาเขามานานหลายปี ทว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เฉินซินก็จะไม่แสดงความปรานีแต่อย่างใด
หลังจากโยนวัสดุต่าง ๆ ลงในเตาหลอม เฉินซินก็เริ่มทำการหลอมและความมั่นใจที่จางหายไปก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ กลับคืนมา ไม่ว่าจะคว้าชัยชนะในวันนี้ได้หรือไม่ เขาก็จะจดจ่อและตั้งสมาธิกับกระบวนการหลอมของตนเองโดยไม่กังวลถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึงหรือปัจจัยภายนอก มีเพียงการทำเช่นนี้เท่านั้นที่ผลงานของเขาจะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและเป็นที่พอใจ
นายน้อยฝ่ายมารก็เริ่มการหลอมอุปกรณ์ตามที่ตั้งใจไว้โดยมีคนให้ความสนใจเขาไม่มากนัก เพราะสายตาเกือบทุกคู่จับจ้องไปที่ฉินอวี้โม่และตั้งตารอการเคลื่อนไหวของนาง
เพียงแต่เฉินซินก็เริ่มกระบวนการหลอมมาพักหนึ่งแล้ว ทว่าเมื่อเห็นฉินอวี้โม่ที่ยังคงไม่มีความคืบหน้า ทุกคนก็อดสงสัยไม่ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นสีหน้าแววตามั่นใจของทุกคนในฝ่ายฉินเทียน พวกเขาเหล่านั้นก็เงียบไปและไม่ก่อกวนใด ๆ ทักษะที่ทำให้ทุกคนตกใจเมื่อครู่ทำให้ทุกคนมั่นใจในฝีมือของฉินอวี้โม่อย่างยิ่งและเชื่อว่านางจะหลอมอุปกรณ์ที่ดีที่สุดให้พวกเขาได้เห็นเป็นบุญตาอย่างแน่นอน
เวลานี้ฉินอวี้โม่กำลังแลกเปลี่ยนความคิดกับอสูรมายาของตนเกี่ยวกับสิ่งที่จะหลอม
นางมีคฤหาสน์เฟิงหัวที่ยอดเยี่ยมแล้วและก็ไม่ได้ขาดแคลนแหวนมิติ นอกจากนี้นางก็มีอาวุธอย่างกระบี่ปีกจักจั่นและเกราะเพลิงที่ทรงพลัง ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดเลย
บิดาของนางก็เป็นช่างหลอมและเขาก็ไม่ขาดแคลนสิ่งใดเช่นกัน สำหรับตอนนี้ ฉินอวี้โม่คิดไม่ออกเลยว่าควรจะหลอมสิ่งใด
“นายหญิง ท่านมักกล่าวถึงปัญหาความยุ่งยากในการติดต่อสื่อสารกับคนอื่นมิใช่หรือ? เหตุใดท่านจึงไม่หลอมอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาล่ะ? หากเป็นเช่นนั้น การที่จะติดต่อกับคนอื่นในอนาคตข้างหน้าก็สะดวกสบายขึ้นมาก”
มารยากล่าวแสดงความเห็นพร้อมย้ำเตือนฉินอวี้โม่ในเวลาเดียวกัน เวลานี้นายหญิงของมันไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดนอกจากสิ่งนี้
ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่เคยเล่าให้มันฟังว่าในโลกใบเดิมที่นางจากมานั้นมีอุปกรณ์ที่เรียกว่า ‘โทรศัพท์มือถือ’ ที่สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้คนที่อยู่ห่างไกลกับนับหมื่นลี้ได้ หากสามารถหลอมอุปกรณ์ที่มีหลักการเดียวกันได้ มันก็คงจะน่าสนุกไม่น้อย
ข้อเสนอแนะของมารยาทำให้ฉินอวี้โม่นึกบางอย่างขึ้นได้ทันที
นางสามารถหลอมอุปกรณ์บางอย่างสำหรับสื่อสารทางไกลโดยเก็บชิ้นหนึ่งไว้ที่นครล่าฝัน ชิ้นหนึ่งไว้กับบิดาของตน ชิ้นหนึ่งวางไว้ที่ดินแดนทางเหนือและชิ้นอื่น ๆ ไว้กับสหายในวิหารทมิฬ นครเวหา นครกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ เสี่ยวโร่ว ฉินอี้เฟยและมิตรสหายคนอื่น ๆ ด้วยวิธีนี้ เมื่อมีเหตุการณ์บางอย่างหรือเรื่องเร่งด่วน ทุกคนจะได้สื่อสารและแจ้งให้อีกฝ่ายทราบโดยเร็วที่สุดเพื่อเตรียมความพร้อมช่วยเหลือได้ทันท่วงที
แม้โลกใบนี้จะไม่มีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและก็ไม่ได้มี ‘โทรศัพท์มือถือ’ ทว่าที่นี่มีพลังมากมายที่อุดมสมบูรณ์และมีพลังวิญญาณที่ทรงพลังซึ่งไม่มีในโลกใบเดิมที่ ‘เธอ’ จากมา
นางสามารถใช้สิ่งที่มีเหล่านี้เพื่อหลอมอุปกรณ์สื่อสาร ตราบใดที่เติมพลังวิญญาณเป็นประจำ มันก็จะช่วยให้ทุกคนสื่อสารกันได้อย่างง่ายดาย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจทันที…วันนี้นางจะหลอมอุปกรณ์ดังกล่าวสองชิ้น
อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์สื่อสารนี้จะต้องมีพลังด้านการป้องกันที่เหมาะสมและควรมีการตระหนักถึงเจ้าของ มิฉะนั้น หากมันตกไปอยู่ในมือของศัตรูก็คงไม่ดีนัก ซ้ำร้ายยังอาจเป็นการเพิ่มโอกาสความสะดวกสบายให้กับผู้ที่คิดไม่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องมือสื่อสารดังกล่าวจะต้องพกพาได้ง่ายและทางที่ดีควรเป็นสิ่งที่สวมติดตัวได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกับแหวนมิติ
เมื่อก้มลงมองมือของตนเอง ฉินอวี้โม่ก็ผุดความคิดขึ้นมาได้และตัดสินใจที่จะหลอมเป็นกำไลที่มีกลไกซึ่งสะดวกสำหรับการสื่อสารและสวมพกพาได้ง่าย
หลังจากตัดสินใจแล้ว ฉินอวี้โม่ก็เริ่มไล่หาวัสดุในคฤหาสน์เฟิงหัวและแหวนมิติของตนทันที ถึงอย่างไรแล้วหากต้องการหลอมสิ่งที่แปลกใหม่เช่นนั้น แม้ฟังดูเป็นหลักการที่เรียบง่าย ทว่าแท้จริงแล้วมันไม่ง่ายเลยและต้องใช้ความพยายามพอสมควร
เมื่อทุกคนเห็นท่าทางอากัปกิริยาของฉินอวี้โม่ พวกเขาก็ล้วนมองดูต่อไปด้วยความสงสัยใคร่รู้และต้องการรู้ยิ่งนักว่านางจะเลือกหลอมสิ่งใดออกมา
.