คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 571 แม่เลี้ยงหลี่ก่วน
หลังจากหารือเรื่องการหลอมกับเฉินโหยวในสมาคมช่างหลอมเสร็จสิ้น ฉินอวี้โม่ก็เตรียมเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวเพื่อไปหาหานโม่ฉือและคนอื่น ๆ
ทว่าทันทีที่กำลังจะเข้าไปข้างใน นางก็พบกับบุรุษหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาและกล่าวด้วยน้ำเสียงนอบน้อม “ท่านประธานขอรับ มีสตรีนางหนึ่งที่มีชื่อแซ่ว่าหลี่ มารอพบท่านอยู่ข้างนอกขอรับ”
เมื่อได้ยินว่ามีสตรีแซ่หลี่มาขอพบ สมองของฉินอวี้โม่ก็แล่นอย่างรวดเร็วเพื่อค้นหาในความทรงจำ ทว่าหลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง นางก็คิดไม่ออกว่าจะเป็นใครไปได้ นางรู้จักคนมากมายจากหลากหลายตระกูล ทว่าในบรรดาคนเหล่านั้น มีคนแซ่หลี่เพียงน้อยนิด
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อสตรีผู้นั้นมาที่นี่เพื่อพบนาง ฉินอวี้โม่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้
“เชิญนางเข้ามา”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวอนุญาตให้บุรุษหนุ่มเชิญสตรีแซ่หลี่เข้ามาพบได้
หลังจากนั่งลงและมองตรงไปที่ประตู ฉินอวี้โม่ก็สงสัยใคร่รู้ยิ่งนักว่าผู้มาเยือนคือผู้ใด
ไม่นานนัก สตรีวัยกลางคนนางหนึ่งก็เดินตามหลังบุรุษคนเดิมเข้ามาอย่างช้า ๆ ใบหน้าของนางบ่งบอกถึงความคร่ำเครียดอย่างชัดเจนเจือด้วยความคาดหวัง แม้รูปลักษณ์ของนางดูไม่โดดเด่นเป็นสง่ามากนัก ทว่านางก็ดูจิตใจดีมีเมตตาพอสมควรและแววตาฉายแววความหนักแน่นบางอย่างซึ่งล้วนเป็นคุณสมบัติที่ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกถูกชะตาได้ง่าย ๆ
เมื่อเห็นคนผู้นั้น ฉินอวี้โม่ก็ลุกพรวดจากบัลลังก์ทันทีและสีหน้าแสดงถึงความตื่นเต้นดีใจอย่างชัดเจนเจือความลังเลเล็กน้อย
นางเดินตรงเข้าไปหาแขกผู้นั้นอย่างช้า ๆ และจับมืออีกฝ่ายขึ้นมาพร้อมเอ่ยเบา ๆ “ท่านแม่…”
ทันทีที่สตรีแซ่หลี่เดินเข้ามา นางก็มองเห็นฉินอวี้โม่บนบัลลังก์หลักทันที แม้ว่าจะไม่ได้พบกันมานานหลายปี รูปลักษณ์ของฉินอวี้โม่ก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก นอกจากสูงโปร่งมากขึ้น รูปร่างของฉินอวี้โม่ก็สมบูรณ์แบบและดูโตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นในขณะที่ใบหน้างดงามชวนหลงใหลไม่เปลี่ยนแปลงไปเท่าใดนัก
เพียงมองแวบเดียว นางก็จำได้ทันทีว่านี่คือบุตรสาวที่ตนคอยเลี้ยงดูมาจนเติบโตตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา…บุตรสาวที่นางคิดคำนึงถึงมาตลอดและยังคงรู้สึกผิดไม่เปลี่ยนแปลง
“โม่เอ๋อร์…”
เมื่อได้ยินเสียงเบา ๆ ของฉินอวี้โม่ ดวงตาของนางก็รื้นขึ้นทันทีก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบพวงแก้ม
หลังจากคำนวณดูแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้พบเจอกันมาเนิ่นนาน ในตอนนั้นนางถูกจับตัวไปโดยคนของเยี่ยเสี่ยวตี๋และได้รับการช่วยชีวิตไว้โดยผู้เฒ่าเซียวเหยา หลังจากนั้นนางจึงกังวลหากตนกลับไปอยู่เคียงข้างฉินอวี้โม่ นางจะกลายเป็นภาระและกลายเป็นตัวถ่วงของฉินอวี้โม่ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ นางจึงฝึกวิชาอยู่กับผู้เฒ่าเซียวเหยาและสั่งสมฝีมือไปทีละน้อยด้วยหวังว่าจะมีพลังความแข็งแกร่งพอที่จะปกป้องตัวเองได้
บัดนี้เมื่อนางประสบความสำเร็จในการฝึกวิชาบางส่วนและพอจะมีพลังในการปกป้องตัวเองได้ ผู้เฒ่าเซียวเหยาจึงสั่งให้นางมาที่นี่เพื่อพบและปกป้องฉินอวี้โม่นับจากนี้ไป เมื่อได้พบหน้ากันในที่สุด นางก็ยังรู้สึกตกใจและไม่อยากเชื่อเล็กน้อย
หลี่ก่วนผู้นี้คือแม่เลี้ยงของฉินอวี้โม่ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในจวนตระกูลฉินในฐานะมารดาของฉินอวี้โม่ และนางคือคนที่ฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเคยช่วยชีวิตไว้ในอดีต
บุรุษหนุ่มผู้นั้นได้ขอตัวออกไปอย่างเงียบ ๆ จนในห้องโถงเหลือเพียงฉินอวี้โม่และหลี่ก่วนเท่านั้น
ตอนนี้ฉินอวี้โม่สูงกว่าหลี่ก่วนหนึ่งศีรษะและไม่ใช่ดรุณีน้อยผู้อ่อนแอที่ปกป้องตัวเองไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อเห็นหยดน้ำตาใส ๆไหลจากดวงตาของหลี่ก่วน ฉินอวี้โม่ก็ยื่นมือออกไปแตะซับน้ำตาแห่งความดีใจนั้นไว้อย่างเบามือและโผเข้ากอดอย่างแนบแน่น แม้สตรีผู้นี้จะมิใช่มารดาแท้ ๆ และเป็นเพียงแม่เลี้ยงที่เข้ามาทำหน้าที่แทน ฉินอวี้โม่ก็รักและเคารพอีกฝ่ายอย่างสุดหัวใจ
นางยอมเสียสละช่วงเวลาในวัยสาวของตนเองเพื่อเลี้ยงดูและปกป้องฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่มานาน กล่าวได้เลยว่าสตรีผู้นี้คือคนสำคัญยิ่งสำหรับฉินอวี้โม่
“ขอโทษที่ข้าไม่ได้ปกป้องเจ้าตลอดหลายปีที่ผ่านมา”
หลี่ก่วนรู้สึกผิดไม่น้อย นางให้คำมั่นกับนายท่านและนายหญิงไว้แล้วว่าจะดูแลฉินอวี้โม่เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่นางไม่ได้อยู่เคียงข้างฉินอวี้โม่มาเนิ่นนานและไม่แข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องบุตรสาวผู้อ่อนแอ นับได้ว่านางปล่อยปละละเลยหน้าที่ที่ผู้มีพระคุณทั้งสองได้มอบหมายให้กับนาง
“ท่านแม่ ข้าก็ปกป้องท่านไม่ได้ หากตอนนั้นข้าไม่ประมาทเกินไป ท่านก็คงไม่ถูกคนของแม่รองจับตัวไปและคงไม่ต้องเผชิญช่วงเวลายากลำบากมานานหลายปีเช่นนี้”
ฉินอวี้โม่ซับน้ำตาบนใบหน้าของหลี่ก่วนอย่างอ่อนโยนและประคองนางไปนั่งลง
“ข้าเป็นห่วงท่านมากและพยายามสืบหาเบาะแสเท่าที่ทำได้ แต่ก็ไม่เคยพบเบาะแสของท่านเลย จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ที่ข้าเดินทางไปดินแดนอ้างว้างและได้ทราบจากท่านพ่อว่าผู้เฒ่าเซียวเหยา—อาจารย์ของท่านพ่อได้ช่วยชีวิตท่านไว้ ข้าจึงรู้สึกโล่งใจ เดิมทีข้าตั้งใจที่จะสั่งสมพลังความแข็งแกร่งให้มั่นคงก่อนหาทางไปรับตัวท่านกลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาหาข้าด้วยตัวเองเช่นนี้”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้างและเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
“โม่เอ๋อร์ เจ้าพบพ่อของเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ ?”
เมื่อได้ยินว่าฉินอวี้โม่พบกับบิดาแล้ว หลี่ก่วนก็มีความสุขอย่างยิ่ง ทว่าจู่ ๆ ความกังวลก็ถาโถมเข้ามาเช่นกัน การที่ฉินอวี้โม่พบกับฉินเทียนแล้ว นั่นก็หมายความว่านางทราบแล้วว่ามารดาคนนี้เป็นตัวปลอม ในอนาคตข้างหน้าต่อไป เกรงว่าข้าคงไม่ได้ยินโม่เอ๋อร์เรียกข้าว่าท่านแม่อีกต่อไป…
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่ปิดบังสิ่งใด
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็น่าจะทราบแล้วว่าข้าเป็นเพียงสาวรับใช้ที่นายท่านและนายหญิงช่วยชีวิตไว้ หาใช่แม่แท้ ๆ ของเจ้า…”
น้ำเสียงของหลี่ก่วนเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นมากมาย นางรักและห่วงใยฉินอวี้โม่ดั่งบุตรสาวแท้ ๆ มาโดยตลอด แน่นอนว่านางย่อมเสียใจเป็นธรรมดา
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของหลี่ก่วนและเดินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ นาง
“ข้าทราบแล้ว แต่ท่านก็ยังเป็นแม่ของข้าอยู่ดี”
ฉินอวี้โม่ยิ้มกว้างและกล่าวอย่างจริงใจ ในหัวใจของนาง ทั้งหลี่ก่วนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นก็คือมารดาของตน
“ท่านเลี้ยงดูข้ามานานหลายปีและปฏิบัติต่อข้าเหมือนลูกแท้ ๆ ในหัวใจข้า…ท่านเป็นเหมือนแม่อีกคนของข้า แม้ข้ามิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน มันก็ไม่ส่งผลต่อความผูกพันแม่ลูกที่ข้ามีต่อท่าน”
ในที่สุดหลี่ก่วนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อได้ยินวาจาจริงใจของฉินอวี้โม่ รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าและน้ำตาไหลอาบจากดวงตาอีกครั้ง เมื่อได้ยินฉินอวี้โม่กล่าวเช่นนี้ ต่อให้นางต้องแลกชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องบุตรสาวผู้นี้ นางก็ยินดี
“ท่านแม่ ข้าจะพาท่านไปพบกับใครบางคนก่อน”
ฉินอวี้โม่คลี่ยิ้มกว้างและจับมือหลี่ก่วนเดินเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวโดยตรง
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว ฉินเทียนและคนอื่น ๆ กำลังสนทนาพาทีกันอย่างออกรส เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของฉินอวี้โม่ พวกเขาจึงหันไปมองที่ประตูตาม ๆ กัน
เมื่อเห็นสตรีนางหนึ่งข้างกายฉินอวี้โม่ ฉินเทียน ฉินอี้เฟยและเสี่ยวโร่วก็ลุกพรวดทันที
“นายหญิง !”
เสี่ยวโร่ววิ่งปรี่เข้ามาเป็นคนแรกและเกาะแขนหลี่ก่วนไว้ทันที
นางทราบดีว่าหลี่ก่วนผู้นี้มิใช่มารดาแท้ ๆ ของฉินอวี้โม่ เพียงแต่นางเคยกล่าวเรียกเช่นนี้มาโดยตลอดจนกลายเป็นความเคยชินเสียแล้ว เวลานี้นางจึงเอ่ยเรียกออกไปโดยอัตโนมัติ
“เสี่ยวโร่ว เจ้าโตขึ้นมากจริง ๆ”
เมื่อได้พบกับเสี่ยวโร่ว หลี่ก่วนก็ชะงักไปทันทีและแทบนึกไม่ออกว่าคนผู้นี้คือใคร เด็กสาวรับใช้คนสนิทของฉินอวี้โม่ในตอนนั้นเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก ในอดีตนางเป็นเด็กสาวร่างบางผู้อ่อนโยนและไม่อาจหาญองอาจเท่าใดนัก และแน่นอนว่าไม่เคยมีกลิ่นอายสูงส่งเช่นตอนนี้
ทว่าเสี่ยวโร่วในวันนี้ไม่เพียงแต่งดงามชวนมองและอ่อนโยนยิ่งกว่าเดิม ทว่านางยังมีกลิ่นอายของความสูงส่งทรงเกียรติซึ่งไม่ธรรมดาเลยสักนิด
“ก่วนเอ๋อร์ ?”
ฉินเทียนเดินเข้ามาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจเช่นกัน
สำหรับฉินเทียน หลี่ก่วนเป็นเหมือนน้องสาวของทั้งเขาและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นซึ่งไม่ได้มีอารมณ์รักใคร่แบบชายหญิงเลยสักนิด ในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันในดินแดนหวนหลิง พวกเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีและจริงใจต่อกันอย่างยิ่ง นั่นคือสาเหตุที่เขากล้าไว้วางใจให้นางคอยเลี้ยงดูฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟย
“นายท่าน !”
เมื่อได้ยินเสียงของฉินเทียน หลี่ก่วนก็มองไปตามต้นเสียงนั้นทันทีและดวงตาเริ่มรื้นขึ้นมาอีกครั้ง สำหรับนางแล้วฉินเทียนและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นเป็นดั่งพี่ชายและพี่สาวซึ่งนางเคารพรักอย่างที่สุด
เมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนั้นในอดีต เป็นธรรมดาที่นางจะเป็นกังวลและเป็นห่วงคนทั้งสอง บัดนี้เมื่อได้พบหน้ากันอีกครั้ง นางจึงทั้งโล่งใจและตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
“หลายปีที่ผ่านมานี้คงจะหนักหนาสำหรับเจ้ามาก”
ฉินเทียนเดินเข้ามาและสวมกอดหลี่ก่วนเบา ๆ
“ไม่ ไม่ได้หนักหนาอะไรสำหรับข้าเลย ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ดูแลเฟยเอ๋อร์และโม่เอ๋อร์ได้ไม่ดีจนทำให้ท่านและนายหญิงต้องผิดหวัง”
หลี่ก่วนกล่าวพร้อมเสียงสะอื้นเล็ก ๆ ในที่สุดตอนนี้นางและคนอื่น ๆ ก็ได้พบกันพร้อมหน้าเสียที บัดนี้เหลือเพียงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นที่หายตัวไปเท่านั้น หากตามหาอวี๋เสี่ยวอวิ๋นพบ ทุกคนจะต้องมีความสุขกันถ้วนหน้าอย่างแน่นอน
“ก่วนเอ๋อร์ เจ้าทำได้ดีมากแล้ว เพื่อประโยชน์ของเสี่ยวโม่เอ๋อร์และเฟยเอ๋อร์ เจ้ายอมทุ่มเทและสละช่วงเวลาสำคัญในชีวิตไป เป็นพวกเราต่างหากที่ต้องซาบซึ้งในน้ำใจของเจ้า”
ฉินเทียนกล่าวอย่างจนปัญญา หลี่ก่วนเป็นคนหัวรั้นยิ่งนัก เขาและอวี๋เสี่ยวอวิ๋นกำชับให้นางเรียกว่าพี่ชายและพี่สาวเสมอ เพียงแต่หลี่ก่วนผู้นี้ดึงดันยึดมั่นในสถานะนายและสาวรับใช้ ตอนที่พวกเขาช่วยชีวิตนางในอดีตครานั้น นางซาบซึ้งในน้ำใจของทั้งสองอย่างที่สุดและตัดสินใจขอรับใช้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง
“ท่านแม่…”
เวลานี้ ฉินอี้เฟยเดินเข้ามาพร้อมกล่าวขึ้นเบา ๆ เช่นกัน
ความรู้สึกผูกพันที่เขามีต่อหลี่ก่วนไม่ลึกซึ้งเท่ากับฉินอวี้โม่ ทว่าเขาก็เคารพรักมารดาผู้เลี้ยงดูผู้นี้จากใจจริง นางดูแลเขาและฉินอวี้โม่อย่างเต็มที่จนเติบใหญ่ ไม่ว่าเมื่อใด นางก็จะยังเป็นมารดาของทั้งสองอยู่เสมอ
“เฟยเอ๋อร์…”
เมื่อได้พบกับฉินอี้เฟยซึ่งพลัดพรากจากกันไปนานและได้ยินเขาเรียกตนว่า ‘ท่านแม่’ หลี่ก่วนก็ตื้นตันใจยิ่งนัก ทัศนคติที่ฉินอวี้โม่และฉินอี้เฟยมีต่อนางทำให้ความกังวลที่มีก่อนหน้านี้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ว่ายโผ~”
*外婆 ว่ายโผ (wàipo) แปลว่า ยาย
เสี่ยวอ้ายฉือและเสี่ยวอ้ายโม่ในอ้อมแขนของหานโม่ฉือก็ส่งเสียงเรียกอย่างมีไหวพริบ
“ท่านแม่ยาย”
หานโม่ฉือยกยิ้มมุมปากและกล่าวทักทายหลี่ก่วนเช่นกัน
เมื่อเห็นหานโม่ฉือและเด็กตัวน้อยทั้งสอง หลี่ก่วนก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย และยิ่งเมื่อได้ยินคำที่ทั้งสามเอ่ยเรียกตน นางก็ยิ่งไม่อยากเชื่อยิ่งกว่าเดิม
“ท่านแม่ นี่คือหานโม่ฉือ ท่านน่าจะเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนแล้ว เขาเป็นสามีของข้า เราเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกันเป็นที่เรียบง่ายแล้ว ส่วนเจ้าหนูทั้งสองนี้ก็คือลูกของเรา ฉินอ้ายฉือและหานอ้ายโม่เจ้าค่ะ”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวอธิบายกับหลี่ก่วนโดยไม่แปลกใจที่เห็นสีหน้าตกตะลึงของอีกฝ่าย
“เฮ้ ไหนมาให้ยายกอดหน่อยซิ~”
เมื่อได้ยินคำอธิบายสั้น ๆ หลี่ก่วนก็เรียกสติกลับคืนมา หยดน้ำตาเริ่มรื้นในดวงตาด้วยความดีใจอีกครั้งขณะนางยื่นมือออกไปหาเด็กตัวน้อยทั้งสอง
ทั้งสองหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจเมื่อถูกอุ้มโดยหลี่ก่วนและหอมแก้มนางอย่างเคยชิน
“หากนายหญิงได้ทราบว่าโม่เอ๋อร์แต่งงานและมีลูกแล้ว นายหญิงจะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ”
เมื่อนึกถึงอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้ซึ่งยังหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลี่ก่วนก็อดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้และรู้สึกเศร้าใจขึ้นมา
“ท่านแม่ ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ อีกไม่นานข้าจะต้องนำตัวท่านแม่อวี๋เสี่ยวอวิ๋นกลับมาให้ได้”
ฉินอวี้โม่เขย่ามือหลี่ก่วนเบา ๆ และกล่าวอย่างหนักแน่น
วาจาหนักแน่นและแววตามุ่งมั่นของฉินอวี้โม่ทำให้หลี่ก่วนมั่นใจอย่างไร้ข้อกังขา นางพยักหน้าหงึกหงักและตั้งตารอให้วันนั้นมาถึง
“ก่วนเอ๋อร์ เจ้าอยู่กับท่านอาจารย์มิใช่รึ ? เหตุใดจู่ ๆ จึงมาหาพวกเราได้ ?”
หลังจากทุกคนนั่งลง ฉินเทียนก็เอ่ยถามอย่างสบาย ๆ
“การที่ข้ามาครานี้เป็นการตัดสินใจของท่านอาจารย์เจ้าค่ะ เขาสั่งให้ข้ามาบอกเรื่องบางอย่างกับทุกคน”
หลี่ก่วนจดจำคำสั่งของอาจารย์ก่อนเดินทางมาที่นี่ได้อย่างแม่นยำและค่อย ๆ ถ่ายทอดให้ทุกคนได้ทราบเกี่ยวกับข่าวที่ผู้เฒ่าเซียวเหยาสั่งให้นางมาแจ้งกับทุกคน
.