คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 593 เจ้ามีสิทธิ์อะไร?
วาจายั่วยุอย่างไม่ไว้หน้าของไป่หลี่ชิงโร่วทำให้หานโม่ฉือขมวดคิ้วมุ่นเล็กน้อย ทว่าเมื่อเขากำลังจะเอ่ยปากตอบโต้ สตรีร่างบางข้างกายก็ดึงมือปรามเขาไว้
เมื่อหันไปมองฉินอวี้โม่และเห็นว่าอีกฝ่ายขยิบตาเบา ๆ ส่งสัญญาณให้ หานโม่ฉือก็คลี่ยิ้มเล็กน้อยโดยไม่เอ่ยสิ่งใดและปล่อยให้ภรรยาจัดการเรื่องนี้เอง
“พรืดดด ! ฮ่า ๆ ๆ นี่คือเรื่องตลกที่สุดที่ข้าเคยได้ยินมาเลย”
ฉินอวี้โม่หัวเราะพรืดออกไปทันที วาจายั่วยุและท่าทางทะนงตนของไป่หลี่ชิงโร่วทำให้นางอดหัวเราะไม่ได้เลยจริง ๆ
“ฉินอวี้โม่ เจ้ากำลังหัวเราะอะไร ?”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายหัวเราะลั่นราวกับวาจาของนางเป็นเรื่องตลก ไป่หลี่ชิงโร่วก็ขมวดคิ้วทันที นางไม่อาจมองเห็นตัวตนที่แท้จริงหรือคาดเดาความคิดของสตรีผู้นี้ได้เลย
“ข้าหัวเราะเพราะมีใครบางคนหลงตัวเองจนเกินไปน่ะสิ”
หลังจากดึงมือหานโม่ฉือนั่งลง ฉินอวี้โม่ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้มและแสดงท่าทางของการเป็นนายหญิงของที่แห่งนี้อย่างชัดเจน
“ไป่หลี่ชิงโร่ว ข้าขอถามหน่อยเถอะ เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่กล่าววาจาเช่นนี้กับข้า ?”
ฉินอวี้โม่มองสบตาคุณหนูตระกูลไป่หลี่ตรงหน้า เดิมทีนางคิดว่าสตรีผู้นี้ชาญฉลาดมีปัญญาดี ไม่คิดเลยว่าตนจะประเมินคนผู้นี้สูงเกินไป
“สัญญาการแต่งงานของข้าและโม่ฉือเป็นข้อตกลงระหว่างพ่อแม่ของเรา ข้าเป็นคู่หมั้นคู่หมายของเขา ต่อให้เจ้าทั้งสองแต่งงานกันแล้ว นี่ก็ยังเป็นสิ่งที่มิอาจเปลี่ยนแปลงได้”
ไป่หลี่ชิงโร่วสงบจิตใจที่ปั่นป่วนอย่างรวดเร็ว เมื่อเผชิญหน้ากับฉินอวี้โม่ ความมั่นใจเต็มเปี่ยมที่เคยมีกลับมลายหายไปหมดสิ้นและนั่นทำให้นางรู้สึกไม่ดีนัก
“ฮ่า ๆ ๆ ตลกจริง ๆ เจ้าก็ทราบนี่ว่าเป็นเพียงคู่หมั้น ในเมื่อเจ้ายังไม่ได้ตบแต่งเข้าพิธี แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งเกี่ยวกับโม่ฉือของข้า ? และเจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะมาแทนที่ข้าเช่นนี้ ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็นพร้อมกับกล่าววาจาเฉียบคม
“ข้าคือภรรยาของโม่ฉือและเราก็มีลูกด้วยกันสองคน ข้ามีสิทธิ์ดูแลจัดการเรื่องทุกอย่างของเขา ต่อให้จะยกเลิกสัญญาการแต่งงานอะไรนั่น เขาก็จะไม่คัดค้านอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นเพียงข้อตกลงการแต่งงานระหว่างสองตระกูล ผู้ใหญ่สองฝ่ายสัญญากันไว้และพวกเราก็หวังว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถสะสางเรื่องนี้กันเองได้ ดังนั้นจงตระหนักถึงสถานะของเจ้าไว้ ไม่ว่าอย่างไร แขกก็จะยังเป็นแขกอยู่วันยังค่ำและไม่มีวันกลายเป็นเจ้าบ้านไปได้”
นี่เป็นครั้งแรกที่หานโม่ฉือได้เห็นฉินอวี้โม่ในแบบเฉียบคมและน่าเกรงขามเช่นนี้ เมื่อเห็นท่าทางของนางที่หวงแหนและไม่ยอมให้ใครพรากเขาไปจากนางได้ เขาก็รู้สึกชอบใจอย่างมาก หานโม่ฉือเพียงนั่งนิ่งพร้อมมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าและสายตาจับจ้องเพียงฉินอวี้โม่ด้วยความรักใคร่อย่างเต็มเปี่ยม
ไป่หลี่ชิงโร่วลอบมองหานโม่ฉือชั่วขณะเมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ ทว่าเมื่อเห็นแววตาที่มีเพียงความรักและความหลงใหลต่อคนรักข้างกายของเขา ความฉุนเฉียวในหัวใจของไป่หลี่ชิงโร่วก็เริ่มพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
“ฉินอวี้โม่ จริงอยู่ที่สัญญาการแต่งงานสามารถยกเลิกได้ แต่ก็แน่นอนว่าหลังจากแต่งงานแล้วก็สามารถหย่าร้างได้เช่นกัน มันเป็นเรื่องง่ายมากที่แขกจะกลายเป็นเจ้าบ้าน ตราบใดที่พิชิตใจบุรุษเจ้าบ้านได้ แขกก็จะกลายเป็นเจ้าบ้านได้อย่างแน่นอน และหลักการนั้นก็ใช้ได้กับเจ้าเช่นเดียวกัน อย่าเพิ่งทะนงตนมั่นใจจนเกินไปนักเลย”
ไป่หลี่ชิงโร่วมองศัตรูหัวใจตรงหน้าขณะยกยิ้มมุมปากและกล่าวต่อ “อีกอย่าง…การที่เจ้ายังไม่ได้รับคำยินยอมจากพ่อแม่ของโม่ฉือ การแต่งงานของเจ้าอาจไม่นับด้วยซ้ำ !”
ด้วยวาจาเพียงไม่กี่คำ กลอุบายเจ้าเล่ห์ของคุณหนูใหญ่ตระกูลไป่หลี่ก็ถูกเปิดเผยออกมาโดยสมบูรณ์และมันพิสูจน์ให้เห็นว่านางไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย
ทันทีที่สิ้นเสียงของไป่หลี่ชิงโร่ว ใบหน้าของหานโม่ฉือข้างกายฉินอวี้โม่ก็บึ้งตึงทันที เขาหันขวับมองตรงไปที่แขกผู้มาเยือนด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า สตรีที่ริอาจคิดข่มขู่ภรรยาของเขาไม่ต่างจากการรนหาที่ตายเลยจริง ๆ
ในที่สุดหานโม่ฉือก็หันมามองนางเสียที และนั่นทำให้ไป่หลี่ชิงโร่วมีความสุขอยู่ลึก ๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นแววตาของเขาอย่างชัดเจน ร่างบางก็สั่นเทาทันทีและร่องรอยความหวาดหวั่นปรากฏในหัวใจ
ไป่หลี่ชิงโร่วไม่เคยเผชิญกับจิตสังหารที่รุนแรงถึงเพียงนี้มาก่อน มันช่างแตกต่างจากแววตาเอาอกเอาใจที่เขามีให้ฉินอวี้โม่อย่างสิ้นเชิง การที่หานโม่ฉือถึงกับต้องการฆ่านางเช่นนี้ มันเป็นเพราะสิ่งที่นางกล่าวออกไปเมื่อครู่อย่างนั้นหรือ ?
“โม่ฉือ…”
ฉินอวี้โม่เขย่ามือบุรุษคนรักเบา ๆ และเอ่ยเรียกสติ เมื่อได้ยินเสียงหวานข้างหู หานโม่ฉือก็เรียกสติและกลับมาสงบนิ่งลงทันที สายตาของเขาหันกลับมามองฉินอวี้โม่และแววตาเปลี่ยนเป็นความรักความหลงใหลอีกครา
ไป่หลี่ชิงโร่วเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทว่าการได้เห็นหานโม่ฉือเช่นนี้ทำให้นางหวาดหวั่นและหัวใจสั่นสะท้านยิ่งกว่าเดิม
“ไป่หลี่ชิงโร่ว เคราะห์ร้ายของเจ้าที่สามีของข้าเป็นบุรุษที่กลัวเมีย หากเจ้าคิดที่จะมาเป็นเจ้าบ้าน มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขา ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องพ่อแม่ของโม่ฉือ เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก แม้พวกเขาจะยังไม่เคยพบข้า แต่คนอย่างข้าย่อมเป็นที่รักและเอ็นดูอย่างแน่นอน อย่าได้กังวลเลย อีกไม่นานเจ้าจะได้เป็นอิสระเสียที”
น้ำเสียงของฉินอวี้โม่เต็มไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมเจือร่องรอยของความทะนงตน นางเป็นสตรีที่จัดว่าเย็นชาและแทบไม่เคยแสดงอารมณ์ความรู้สึกเช่นนี้ แม้ฉินอวี้โม่ที่หานโม่ฉือได้เห็นในวันนี้จะแตกต่างจากปกติอย่างสิ้นเชิง ทว่าเขาก็ยังชื่นชอบอย่างยิ่ง
เมื่อได้ยินวาจามั่นใจและเห็นสีหน้าแววตาของฉินอวี้โม่ สีหน้าของไป่หลี่ชิงโร่วก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ฉินอวี้โม่กล่าวถูกต้องทุกประการ นางเป็นคนที่มีเสน่ห์ดึงดูดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนได้ง่ายจริง ๆ มีคนเพียงน้อยนิดเท่านั้นที่จะไม่ชอบสตรีผู้นี้ บิดามารดาของหานโม่ฉือเป็นคนใจกว้างและหากได้พบกับฉินอวี้โม่ พวกเขาจะต้องชื่นชอบลูกสะใภ้คนนี้อย่างแน่นอน
“ฉินอวี้โม่ เจ้ากล้าแข่งขันกับข้าอย่างยุติธรรมหรือไม่ ? เจ้าเพียงแค่พบโม่ฉือก่อนและโชคดีกว่าข้าก็เท่านั้น ข้าเชื่อว่าหากคนที่ได้พบเขาก่อนคือข้า เขาจะต้องชอบข้าอย่างแน่นอน !”
จู่ ๆ ไป่หลี่ชิงโร่วก็กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและชำเลืองมองไปที่หานโม่ฉือเล็กน้อย ความรู้สึกที่นางมีต่อเขาในตอนนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่เคยพบหานโม่ฉืออย่างซึ่ง ๆ หน้ามาก่อนและอดคิดไม่ได้ว่าหากมีบุรุษผู้นี้อยู่เคียงข้างกาย นางคงจะมีความสุขไม่น้อย
“เหตุใดข้าจะต้องเสียเวลาแข่งขันกับเจ้า ? ข้าเป็นภรรยาของโม่ฉือและเจ้าเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จักและไม่สนใจด้วยซ้ำ เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาแข่งขันกับข้า ?”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเรียบเฉย ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้ทะนงตนและมั่นอกมั่นใจจนเกินไป หากสตรีเช่นนี้เกิดเสียสติขึ้นมาและกลายเป็นศัตรู นางคงจะเป็นภัยคุกคามที่อันตรายมากทีเดียว
เพียงแต่น่าเสียดายนักที่นางพบเขาสายเกินไป ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือในวันนี้มีความสัมพันธ์แนบแน่นเกินกว่าผู้ใดจะแทรกกลางได้ ไป่หลี่ชิงโร่วต้องการแข่งขันกับนางอย่างยุติธรรม แต่ทว่า…นางไม่มีคุณสมบัติแม้แต่น้อย
“เจ้า…”
ไป่หลี่ชิงโร่วเอ่ยขึ้นเบา ๆ ฉินอวี้โม่กล่าววาจาได้อย่างไม่แยแสทว่ากลับทำให้นางพูดไม่ออกทันที เว้นเพียงแต่สถานะคู่หมั้นคู่หมายที่ยึดมั่นเทิดทูน นางก็ไม่มีคุณสมบัติใดที่จะแข่งขันกับฉินอวี้โม่ได้เลย ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือรักกันมานานหลายปี ความคิดและจิตใจที่ตรงกันของทั้งสองทำให้คุณหนูตระกูลไป่หลี่ยังต้องตกใจเล็กน้อย
“หานโม่ฉือ เมื่อนับสิบปีก่อน ข้าใช้อุปกรณ์วิเศษของตระกูลไป่หลี่เพื่อมองดูภาพของเจ้า นับตั้งแต่ตอนนั้น ในหัวใจของข้าก็มีเพียงเจ้ามาเสมอ แม้เจ้าจะไม่เคยเห็นข้าและเราไม่เคยพบกัน แต่สัญญาการแต่งงานก็เป็นสิ่งที่คงอยู่มาโดยตลอด ข้าเฝ้ารอเจ้ามาทั้งชีวิตซึ่งรวมแล้วก็เป็นเวลาเกือบสามสิบปี อีกทั้งไม่เคยคิดสนใจบุรุษผู้ใด มันไม่ทำให้เจ้าซาบซึ้งใจบ้างเลยหรือ ?”
ขณะมองตรงไปที่หานโม่ฉือ ไป่หลี่ชิงโร่วก็กล่าวอย่างช้า ๆ และน้ำเสียงดังชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดที่หานโม่ฉือเพียงกล่าววาจาที่แสดงถึงความหวั่นไหวเล็กน้อย มันก็จะพิสูจน์ว่านางยังมีโอกาสและไม่ขัดข้องที่จะแข่งขันกับฉินอวี้โม่
“มันเกี่ยวอะไรกับข้า ?”
ในที่สุดหานโม่ฉือก็กล่าวตอบมา ทว่าเป็นเพียงประโยคสั้น ๆ เท่านั้น แรกเริ่มเดิมทีเขาเป็นคนเย็นชาและห่างเหินมาตลอด แน่นอนว่าเขาไม่แยแสความรู้สึกของคนแปลกหน้าผู้นี้
เขาไม่มีทางยอมรับข้อตกลงการแต่งงานนี้และไป่หลี่ชิงโร่วก็เป็นได้เพียงคนแปลกหน้าสำหรับเขา หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่เอ่ยปรามไว้ เขาก็อาจจะถึงขั้นลงไม้ลงมือกับไป่หลี่ชิงโร่วก็เป็นได้
การที่ริอาจข่มขู่ภรรยาที่รักยิ่งของเขาและยังแช่งให้พวกเขาทั้งสองหย่าร้างกัน ไป่หลี่ชิงโร่วผู้นี้มีจิตใจที่ชั่วร้ายยิ่งนัก
ประโยคเพียงสั้น ๆ ดังกล่าวทำให้บ่อน้ำตาของไป่หลี่ชิงโร่วแทบระเบิด หานโม่ฉือเย็นชาจนนางแทบไม่เหลือความหวัง ความอ่อนโยนของเขามีไว้เพียงสำหรับฉินอวี้โม่ข้างกายเท่านั้นและไม่มีหลงเหลือไว้ให้สตรีอื่นใดอีก
“ไป่หลี่ชิงโร่ว ไปเสียเถอะ”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นอีกครั้งขณะมองสตรีตรงหน้าด้วยความไม่แยแส ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้ระทมทุกข์มากที่สุด คุณหนูแห่งตระกูลไป่หลี่ผู้นี้ไม่ผิดเรื่องใด นางเพียงตกหลุมรักคนที่ไม่ควรรักก็เท่านั้น
“ฉินอวี้โม่ ข้าจะไม่ยอมแพ้ !”
ความอัปยศอดสูและเจ็บปวดช้ำใจที่ไป่หลี่ชิงโร่วต้องเผชิญในวันนี้ทำให้หัวใจของนางสลายไม่เหลือชิ้นดี นางจ้องหน้าฉินอวี้โม่ตาเขม็งก่อนหันหลังกลับและมุ่งหน้าออกจากจวนจ้าวนครล่าฝันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้นางต้องกลับไปสงบสติอารมณ์ให้ได้โดยเร็วและครุ่นคิดถึงแผนการที่จะทำต่อไป
เมื่อเห็นแววตาเขม็งเคียดแค้นของไป่หลี่ชิงโร่วก่อนจากไป ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาขณะมองแผ่นหลังบางที่สั่นเทาเล็กน้อยนั้น
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เจ้ายังมีข้าอยู่นี่”
หานโม่ฉือดึงร่างบางของฉินอวี้โม่เข้ามาในอ้อมแขนแข็งแกร่งของตนและกล่าวด้วยความรักใคร่ที่เผยออกมาอย่างชัดเจน
“หึ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้มิใช่เป็นเพราะเจ้าหรอกรึ หากเป็นข้า ข้าไม่มีทางปล่อยให้เกิดเรื่องวุ่นวายเช่นนี้แน่”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นชาและอดกัดที่ลำคอของหานโม่ฉือเบา ๆ ไม่ได้ บุรุษผู้นี้ชักจะทรงเสน่ห์มากเกินไปจริง ๆ
“โอ้ เจ้าเองก็มีเสน่ห์มีคนหมายปองไม่น้อยไปกว่าข้า”
หานโม่ฉือปล่อยให้ฉินอวี้โม่กัดคอของตนโดยไม่โกรธเคือง ในทางกลับกันเขายิ้มกว้างและกล่าวตอบออกมา ในความจริง ฉินอวี้โม่มีเสน่ห์ดึงดูดต่อเพศตรงข้ามมากกว่าเขาเสียอีก เพียงแต่ตอนนั้นเขาตัดสินใจได้อย่างรวดเร็วและพิชิตใจนางมาได้อย่างสมบูรณ์
“เจ้าบอกไป่หลี่ชิงโร่วว่าข้ากลัวเมีย มันหมายความว่าอะไรรึ ?”
เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่ฉินอวี้โม่กล่าวก่อนหน้านี้ หานโม่ฉือก็อดยิ้มบาง ๆ ไม่ได้
“เอ่อ… เรื่องนี้…”
ฉินอวี้โม่พูดไม่ออกชั่วขณะเมื่อได้ยินคำถามของบุรุษข้างกาย นางไม่ต้องการให้หานโม่ฉือทราบความหมายของตน มิฉะนั้นเขาคงจะ…
“เจ้าจะปิดบังจากข้างั้นรึ ข้าได้ยินคำนี้มาจากอวิ๋นซื่อเทียนก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม ข้ายินดีอยู่ในโอวาทของภรรยา แต่เจ้าต้องมีบางอย่างชดเชยให้ข้าสักหน่อย”
หลังจากกล่าวจบ หานโม่ฉือก็โอบร่างฉินอวี้โม่และตรงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันที
พวงแก้มของฉินอวี้โม่แดงระเรื่อทันทีและตะโกนเสียงดังออกมา “นี่มันกลางวันแสก ๆ นะ ลูก ๆ ของเราก็ยังอยู่ที่นั่น”
“ข้าเพิ่งส่งเจ้าหนูทั้งสองออกไปเล่นกับคนอื่น ๆ เมื่อครู่นี้เอง”
หานโม่ฉือประคองฉินอวี้โม่ตรงเข้าไปในห้องของพวกเขาอย่างรวดเร็ว…
เหล่าอสูรมายาของฉินอวี้โม่ต่างรีบหลีกออกไปให้ไกลจากทั้งสองทันที พวกมันไม่ต้องการรบกวนช่วงเวลาดี ๆ ของนายทั้งสองและไม่ต้องการทำให้หานโม่ฉือโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
หลังจากไป่หลี่ชิงโร่วออกจากจวนจ้าวนครล่าฝัน สีหน้าของนางก็บิดเบี้ยวเหยเกอย่างที่สุด นางมุ่งหน้าตรงกลับไปที่โรงเตี๊ยมและปิดประตูเก็บตัวอยู่ในนั้น ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงบนเตียงและปล่อยให้น้ำตาไหลอาบลงมาอย่างมิอาจควบคุม
นางไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่หัวใจสลายเช่นนี้ บุรุษผู้นั้นไม่เปิดโอกาสให้นางแม้แต่น้อยและไม่แม้แต่จะชายตามองนางด้วยซ้ำ
“เหอะ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะร้องไห้เช่นนี้”
ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นส่งผลให้ไป่หลี่ชิงโร่วหยุดสะอื้นทันที
.