คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 635 หลัวหมิงฮ่าวเผยคมดาบ
ณ ทางเข้าของเผ่าอู๋เหวย ทุกคนในเผ่าต่างก็มารวมตัวกันจนกลายเป็นบรรยากาศที่ดูคึกคักไม่น้อย
หลัวหมิงซีนำผู้ติดตามกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาเพื่อสะสางปัญหาความบาดหมางอย่างเกรี้ยวกราด ทว่าคาดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือจะไม่เห็นเขาและพวกอยู่ในสายตาเลยสักนิด ซ้ำร้ายยังกล่าววาจาซ้ำเติมความเจ็บปวดขององค์ชายสี่เช่นนี้
หลัวหมิงซีตั้งข้อสันนิษฐานไว้ในใจก่อนหน้านี้แล้วว่าฉินอวี้โม่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ร่างกายของเขาเป็นเช่นนี้ บัดนี้เมื่อได้ยินวาจาเยาะเย้ยของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือ เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่าสิ่งที่ฉินอวี้โม่ทำในวันนั้นได้ส่งผลให้เขาสูญเสียความภาคภูมิใจในฐานะชายชาตรีไป
“ฉินอวี้โม่ เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว !”
เนื่องจากไม่สามารถควบคุมโทสะในใจได้อีกต่อไป ร่างของหลัวหมิงซีก็พุ่งตรงเข้าหาฉินอวี้โม่และเตรียมพร้อมโจมตีในทันที
“หลัวหมิงซี ที่นี่เผ่าอู๋เหวยคืออาณาเขตในการปกครองของข้า หากคิดจะทำสิ่งใดบุ่มบ่ามก็ควรที่จะถามข้าก่อน !”
หลัวหมิงฮ่าวจับจ้องตรงไปที่หลัวหมิงซี เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพุ่งตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่โดยไม่ลังเล เขาจึงออกไปขวางข้างหน้านางไว้ทันที แม้ไม่พิจารณาเรื่องที่ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือตั้งใจที่จะช่วยชนเผ่าเอลฟ์ ทว่าการสร้างความสนิทสนมกันในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หลัวหมิงฮ่าวก็มองทั้งสองเป็นมิตรสหายที่คู่ควรแล้ว และเขาไม่มีทางปล่อยให้หลัวหมิงซีทำร้ายให้พวกนางเป็นอันตรายอย่างแน่นอน !
“หลัวหมิงฮ่าว เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้างั้นรึ ? คนแปลกหน้าทั้งสองทำให้ข้าอับอายขายหน้าทว่าเจ้ากลับต้องการปกป้องพวกเขา หากเรื่องนี้ไปถึงหูเหล่าผู้อาวุโส เจ้าไม่มีทางรอดแน่ !”
หลัวหมิงซีจ้องหน้าน้องชายต่างบิดาอย่างเย็นชา แม้แต่เขาเองก็ยังหวาดหวั่นต่อเหล่าผู้อาวุโสอยู่ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ครานี้คนนอกกระทำการหยามเกียรติเขาอย่างไม่ไว้หน้า เพื่อรักษาเกียรติยศของราชวงศ์เอลฟ์ เขาเชื่อว่าผู้อาวุโสเหล่านั้นจะต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับตนอย่างแน่นอน การที่หลัวหมิงฮ่าวให้การปกป้องฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างเปิดเผยเช่นนี้ หากผู้อาวุโสเหล่านั้นทราบเรื่อง มันจะไม่เป็นผลดีอย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ ๆ หลัวหมิงซี จะพยายามข่มขู่ข้าไปเพื่ออะไร ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พี่น้องทั้งหลายต่างก็พยายามยึดอำนาจและครอบครองเผ่าอู๋เหวยของข้า ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็มิใช่คนดีและพวกเขาก็หมายปองเผ่าของข้าอยู่เช่นกัน ตอนนี้การที่ท่านแม่ล้มป่วยและไม่ได้สติ ต่อให้ข้าจะไม่ทำสิ่งใด ท่านก็ยังคิดที่จะยึดอำนาจเผ่าของข้าอยู่ดี เพราะฉะนั้น…ข้ายังจะต้องสนใจเรื่องใดอีก ?!”
หลัวหมิงฮ่าวกล่าวอย่างเย็นชา แม้ว่าเขาจะวางท่าไม่สนใจความเป็นไปของโลกทว่าแท้จริงแล้วในหัวใจของเขาก็ทราบความจริงดีกว่าใคร เขาไม่ฝักใฝ่อิทธิพลอำนาจโดยหวังเพียงว่าทุกคนที่เขารักจะมีความสุขและใช้ชีวิตต่อไปอย่างสันติ อย่างไรก็ตาม หากมีผู้ใดที่ต้องการทำร้ายคนที่เขารัก เขาก็จะไม่มีทางอดทนอดกลั้นอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าคมดาบของเขาจะไม่แหลมคมเท่ากับพี่น้องคนอื่น ๆ ทว่าคมดาบของหลัวหมิงฮ่าวผู้นี้ก็มิใช่สิ่งที่จะรับมือได้ง่าย ๆ เช่นกัน !
“โอหังและดื้อรั้นยิ่งนัก ! หากมิใช่เพราะการปกป้องคุ้มครองของหญิงแก่นั่น เจ้าจะมีชีวิตอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร !”
หลัวหมิงซีกล่าวอย่างเกรี้ยวกราดโดยไม่ปิดบังเจตนาที่แท้จริงอีกต่อไป ความจริงแล้วเขาไม่เคยมีความเคารพต่อราชินีเอลฟ์หลัวจื๋อยิน
“หุบปากไปซะ !”
หลัวหมิงฮ่าวจ้องหน้าตอบกลับหลัวหมิงซีอย่างดุดันไม่แพ้กันในขณะที่ปรากฏตัวตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
ผลัวะ !
ด้วยเสียงฝ่ามือกระทบดังลั่น หยดเลือดซึมที่มุมปากของหลัวหมิงซีทันทีและรอยฝ่ามือแดงเถือกปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนบนใบหน้า
“หลัวหมิงฮ่าว เจ้ากล้าตบข้างั้นรึ ?!”
ความเร็วของหลัวหมิงฮ่าวรวดเร็วเกินไปจนแม้แต่หลัวหมิงซีก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ทัน กว่าเขาจะลงมือทำอะไรสักอย่าง หลัวหมิงฮ่าวก็กลับไปปรากฏตัวในระยะไกลอีกครั้งและมองมาที่ตนด้วยแววตาเยือกเย็น
“หากข้าตบเจ้าแล้วอย่างไรกัน ! การที่เจ้าริอาจกล่าววาจาดูหมิ่นท่านแม่ ต่อให้ต้องฆ่าเจ้า ข้าก็จะไม่นึกเสียใจแม้แต่น้อย !”
หลัวหมิงฮ่าวไม่ยอมทนอีกต่อไปและเปิดเผยความรู้สึกของตนเองไปโดยตรง ความดุดันและสีหน้าแววตาโหดร้ายของเขาในตอนนี้ไม่ต่างจากพี่น้องคนอื่น ๆ แม้แต่น้อย
“รนหาที่ตายเสียแล้ว ! พวกเจ้า จัดการคนพวกนี้ให้สิ้นซาก จากวันนี้ไป…เผ่าอู๋เหวยแห่งนี้จะตกเป็นของข้า !”
หลัวหมิงซีลั่นวาจาออกคำสั่งทันทีและน้ำเสียงแสดงถึงความมั่นใจว่าจะคว้าชัยชนะได้ ในเมื่อหลัวหมิงฮ่าวหัวรั้นเกินควบคุม เขาก็จะยึดอำนาจเผ่าอู๋เหวยโดยตรง ต่อให้พี่น้องคนอื่นทราบเรื่อง พวกเขาก็ไม่กล้าแสดงความเห็นหรือคัดค้านใด ๆ
“เหอะ นอกจากความริอาจกล้าหาญ เจ้าก็เป็นเพียงแค่บุรุษไร้ค่าดี ๆ นี่เอง !”
หลัวหมิงฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาและขยิบตาส่งสัญญาณให้กับผู้ที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นเขาก็พุ่งตรงออกไปต่อสู้กับหลัวหมิงซีทันที หลัวหมิงซีผู้นี้เคยดูหมิ่นเขาหลายครั้งหลายคราเพราะเขาทนนิ่งเฉยมาโดยตลอด ทว่าวันนี้เขาจะต้องสั่งสอนบทเรียนให้พี่ชายผู้นี้อย่างสาสม
สีหน้าของหลัวหมิงฮ่าวแสดงถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม หลังจากการปิดบังความสามารถที่แท้จริงมาโดยตลอด ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้แสดงมันออกไป เขาจะใช้หลัวหมิงซีเป็นตัวอย่างเพื่อแสดงให้พี่น้องคนอื่น ๆ ได้ประจักษ์อย่างชัดเจน หากคิดจะสร้างปัญหาให้กับเขาหลัวหมิงฮ่าว คนผู้นั้นก็จะต้องชดใช้ด้วยเลือด !
อย่างไรก็ตาม หลัวหมิงซีก็ไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาเชื่อมั่นมาเสมอว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าหลัวหมิงฮ่าว เขาจึงวางท่าอย่างสบาย ๆ ไร้กังวลขณะหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้กับคณะผู้ติดตามเพื่อสั่งการให้จับตัวฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือให้ได้ ความอัปยศอดสูที่เขาต้องเผชิญเพราะคนแปลกหน้าทั้งสองนั้นเลวร้ายเกินทนและเขาจะต้องเอาคืนอย่างสาสม
จอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสามที่ร่วมทางมาในคณะของเขาจึงเข้าล้อมรอบฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่น ๆ โจมตีทหารของเผ่าอู๋เหวยด้วยจุดประสงค์ที่จะยึดอำนาจของเผ่า
“ช่างไม่รู้จักประมาณตน !”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เวลานี้กิเลนอัคคีปรากฏตัวถัดจากเขาแล้ว
“จิ๊จิ๊ ได้เวลาแสดงฝีมือของข้าแล้ว การที่ไม่ได้ออกแรงมานาน ข้าก็ชักจะคันไม้คันมือเต็มที !”
กิเลนอัคคีกวาดสายตามองจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสามและจิตวิญญาณการต่อสู้อันแรงกล้าปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของมันทันที อสูรทรงพลังไม่ได้ลงมือต่อสู้มาพักใหญ่แล้วและเมื่อจอมยุทธ์ทั้งสามมาหาถึงที่เช่นนี้ แน่นอนว่ามันไม่มีทางปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป
มารยาและอสูรอื่น ๆ ก็ปรากฏตัวออกมาเช่นกันโดยที่ยืนเรียงรายอยู่ข้างกายฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว
“นายหญิง ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเอง ท่านรอชมผลงานของพวกเราก็พอ”
เวลานี้ จิตวิญญาณการต่อสู้อันแรงกล้าก็ปรากฏให้เห็นจากสีหน้าของมารยาและอสูรทั้งหลายเช่นกัน การที่ผู้ใดริอาจรังแกผู้เป็นนายของพวกมันเช่นนี้ ช่างไม่ต่างจากการรนหาที่ตายแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นอสูรมายานับร้อยตัวปรากฏข้างกายฉินอวี้โม่อย่างกะทันหัน บรรดาสมาชิกของเผ่าอู๋เหวยก็เบิกตาโพลงและสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจทันที ไม่คิดเลยว่าจอมยุทธ์ผู้นี้จะสามารถทำพันธสัญญาและควบคุมอสูรมายาได้มากถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่านางมิใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป
เมื่อได้ยินวาจาของเหล่าอสูร หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็ผ่อนคลายลงและพยักศีรษะเบา ๆ ก่อนมองดูฝูงอสูรมายาเข้าล้อมรอบจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสาม
พวกเขาเหล่านั้นเชื่อมั่นว่าตนมีพลังถึงขอบเขตนภาเซียน เมื่อพบหน้าฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือในตอนแรก แน่นอนว่าพวกเขาก็ชำเลืองมองด้วยสีหน้าแววตาดูหมิ่นอย่างชัดเจน ทว่าก่อนที่จะได้กล่าววาจาเหยียดหยามใด ๆ ฝูงอสูรมายาจำนวนมากก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพวกเขาเสียก่อน ส่งผลให้ใบหน้าของพวกเขาถอดสีทันที
แม้พวกเขาจะเป็นถึงจอมยุทธ์ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตนภาเซียน ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรจำนวนมากอย่างไม่ทันคาดคิด พวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าตนเองจะเอาชนะได้ ยิ่งไปกว่านั้น ในหมู่อสูรมากมายเหล่านี้ก็มีอสูรนภาเซียนอยู่ตัวหนึ่งเช่นกันซึ่งทำให้พวกเขามีความคิดที่จะล่าถอยอยู่ในใจ
“จิ๊จิ๊จิ๊ ตาเฒ่าที่แข็งแกร่งที่สุดผู้นั้น เหตุใดไม่ออกมาวัดฝีมือกับข้าดูสักหน่อยล่ะ ?”
กิเลนอัคคีมองไปยังผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสามคนและกล่าวด้วยน้ำเสียงยโสโอหังอย่างไม่ลังเล ผู้ที่ริอาจข่มขู่เจ้านายของมันถือว่ารนหาที่ตายอย่างแท้จริง หากมิใช่เพราะเจ้านายของมันไม่ต้องการทำให้เรื่องราวใหญ่โตและดึงดูดความสนใจจนเกินไป คนทั้งสามคงไม่มีโอกาสได้หาเรื่องเขาด้วยซ้ำ
“เหอะ เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ช่างโอหังนัก !”
ในกลุ่มจอมยุทธ์นภาเซียนทั้งสาม ผู้ที่อาวุโสที่สุดแค่นเสียงอย่างเย็นชาและพุ่งตรงเข้าโจมตีกิเลนอัคคีทันที
แรงกดดันจากร่างของเขาแผ่ออกไปโดยไม่ปิดบังและพยายามกดข่มอสูรมายาตรงหน้า เขาบรรลุขอบเขตนภาเซียนมานานหลายปีและเชื่อมั่นว่าสามารถจัดการกับอสูรมายาที่ดูอ่อนหัดตัวนี้ได้
“เจ้าโง่เอ๋ย แรงกดดันของเจ้าไม่มีผลกับกิเลนอัคคีผู้นี้หรอก !”
กิเลนอัคคีมองบุรุษชราผู้นั้นด้วยหางตาราวกับกำลังมองคู่ต่อสู้ที่โง่เขลาที่สุดและจู่ ๆ ลูกเพลิงขนาดใหญ่ก็ปรากฏข้างในปากของมันก่อนพุ่งตรงเข้าใส่อีกฝ่ายในทันที
“พลังห้วงมิติ ควบแน่นขึ้นมา !”
นับว่าบุรุษผู้นั้นก็มีความสามารถที่คู่ควรกับขอบเขตนภาเซียนอย่างแท้จริง เพียงเขาเอ่ยปากเบา ๆ ม่านป้องกันเปล่งประกายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าและขวางกั้นลูกเพลิงดังกล่าวได้ทันท่วงที
“เจ้าโง่เอ๋ย หากการโจมตีของข้าถูกป้องกันได้ง่าย ๆ เช่นนั้น จากนั้นข้ากิเลนอัคคีจะมีหน้าอยู่บนดินแดนนี้ได้อย่างไร !”
กิเลนอัคคีไม่สนใจแม้แต่น้อยและกล่าวพลางกลอกตาไปมา มันมีสายเลือดกิเลนซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเชื้อสายมังกรและยังมีพลังในระดับนภาเซียน แม้ลูกเพลิงของกิเลนอัคคีเมื่อครู่จะยังด้อยกว่าเพลิงอสูรของซิว มันก็จัดเป็นหนึ่งในเพลิงระดับสูงสุด
ผู้ใดที่คิดจะประจันหน้ากับเพลิงดังกล่าวอย่างซึ่ง ๆ หน้า มันผู้นั้นจะต้องลงเอยกลายเป็นเถ้าธุลีและสลายหายไป
ฟุ่บ !
กลุ่มอากาศถูกครอบงำโดยลูกเพลิงทรงพลังและเกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อม่านป้องกันหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย ลูกเพลิงของกิเลนอัคคีโจมตีถึงตัวเป้าหมายอย่างไม่หยุดชะงักและเปลวเพลิงลุกโชนท่วมร่างเขาทันที
บุรุษผู้นั้นรู้สึกถึงความปวดแสบปวดร้อนเมื่อถูกไฟเผา สีหน้าดูหมิ่นที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปในพริบตาและแทนที่ด้วยความตื่นตระหนกอย่างที่สุด เขาไม่คาดคิดเลยว่าเพลิงของกิเลนอัคคีจะรุนแรงและทรงพลังถึงเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็ทรงพลังจนถึงขั้นที่ตัวเขาก็มิอาจต้านทานได้เลย
อย่างไรก็ตาม การที่เขาบ่มเพาะฝึกวิชาจนมีพลังบรรลุขอบเขตนภาเซียนพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาก็มีพลังอำนาจในระดับหนึ่ง จู่ ๆ แสงสว่างก็วาบแผ่มาจากร่างของเขาและเพลิงที่ลุกท่วมตัวค่อย ๆ ดับไป
เมื่อแสงวาบดังกล่าวสลัวดับลง สิ่งที่หลงเหลือคือสภาพที่น่าเวทนาของเขา
ผู้ที่ปรากฏตรงหน้าทุกคนในตอนนี้ถูกเผาไหม้จนเสื้อผ้าทั่วร่างแทบไม่หลงเหลือ หนวดเคราบนใบหน้าถูกเผาไปทั้งหมดและเส้นผมก็ไม่ต่างกัน เว้นเพียงแต่ร่องรอยเส้นผมเล็กน้อยที่หลงเหลือด้านบนศีรษะ ผมของเขาก็แทบไหม้กุดอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าของเขามีรอยไหม้สีดำปรากฏให้เห็น สีหน้าทะนงตนและความไม่แยแสก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง เวลานี้รูปลักษณ์ท่าทางของจอมยุทธ์นภาเซียนที่เปี่ยมไปด้วยสง่าราศีกลับกลายเป็นเพียงขอทานชราที่ดูน่าเวทนาอย่างที่สุด
“แค่ก แค่ก แค่ก !”
เขาสำลักควันอย่างแรงและพยายามระงับโทสะที่คุกรุ่นไม่ต่างจากเพลิงเมื่อครู่ ทว่าเมื่อเห็นจิตสังหารในแววตาของกิเลน มันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว !
“เหอะ ชายแก่ผู้นี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในวันนี้อีกต่อไป อย่างไรก็ตาม เจ้าทำให้ชายแก่ผู้นี้ต้องอับอายขายหน้ายิ่งนัก ข้าจะจำเหตุการณ์วันนี้ไม่มีลืมเลือน หากมีโอกาสในอนาคต ข้าจะต้องคิดบัญชีกับเจ้าอย่างแน่นอน !”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ร่างของเขาก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วและออกจากบริเวณของเผ่าอู๋เหวยไปไกลทันที ไม่นานนักภาพของเขาก็หายไปจากทัศนวิสัยของทุกคน
กิเลนอัคคีถึงกับหมดคำพูดไปชั่วขณะ เดิมทีมันคิดว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดซึ่งมันจะได้ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าตาเฒ่าผู้นั้นจะชิงหลบหนีไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้
สำหรับจอมยุทธ์ผู้มีพลังในขอบเขตนภาเซียน แม้ว่ากิเลนอัคคีจะเอาชนะได้ง่าย ๆ ทว่าหากคนผู้นั้นต้องการหลบหนี มันก็ไม่อาจขัดขวางได้อย่างง่ายดาย
“เหอะ เขาคงจะออกไปขอความช่วยเหลือ เรารอดูต่อไปเถอะ !”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเย็นทว่าคาดเดาความคิดของบุรุษชราผู้นั้นได้ในทันที
.