คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 653 ใช้กำปั้นเป็นทางเลือกสุดท้าย
แม้ได้ยินคำกล่าวหาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่ยังดำเนินต่อไปโดยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด สีหน้าของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือก็ยังคงเรียบเฉยปราศจากความโกรธเคืองใด ๆ ทั้งสองไม่สนใจความคิดเห็นของคนอื่น ๆ และการกล่าวหาของคนเหล่านี้ก็มิใช่สิ่งที่จะต้องใส่ใจ อย่างไรก็ตาม พวกนางยังต้องหาทางจัดการกับปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว เพราะถึงอย่างไรทั้งสองก็ไม่อาจปล่อยให้คนเหล่านี้สร้างความเสื่อมเสียและทำให้ชื่อเสียงของหลัวจื้อเลี่ยย่ำแย่ลงไปได้อีก
หลังจากกวาดสายตามองทุกคนก็พบว่าผู้ที่จุดชนวนเสียงฮือฮาทั้งหมดค่อย ๆ แอบถอยไปข้างหลังเพื่อหาโอกาสหลบหนี ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะกล่าวบางอย่างกับอสูรมายาในคฤหาสน์เฟิงหัวก่อนที่พวกมันจะแสดงสีหน้าอย่างรู้กัน จากนั้นพวกมันก็พุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วจนถึงตัวผู้ที่กำลังจะหลบหนี
เมื่อเห็นว่าคำอธิบายของตนไม่เป็นผลเลยสักนิด หลัวจื้อเลี่ยก็อดโกรธเกรี้ยวขึ้นมาไม่ได้ เขาเป็นถึงเจ้าเมืองและเป็นผู้ปกครองของทั้งเผ่าเลี่ยหยาง ทว่าตอนนี้คนเหล่านี้กลับไม่เชื่อฟังวาจาของเขาแม้แต่น้อย แล้วเขาจะปกครองเผ่าเลี่ยหยางต่อไปได้อย่างไร ?!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็ไม่อาจทนกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อีกและแรงกดดันมหาศาลจากร่างของเขาก็แผ่ออกไปอย่างรวดเร็วโดยปกคลุมระยะรัศมีนับสิบลี้
“ทุกคนหุบปากซะ !”
ด้วยเสียงตะโกนกร้าวดังชัดเจน เสียงอื้ออึงทั้งหมดโดยรอบจึงเงียบสงัดไปทันที เรียกได้ว่าที่ผ่านมานี้หลัวจื้อเลี่ยวางตัวสบาย ๆ อย่างอารมณ์ดีมาเสมอและเขาดีกับทุกคนในเผ่าของตนอย่างไม่บกพร่อง โดยปกติแล้วมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่จะเคยเห็นเขาฉุนเฉียวเกรี้ยวโกรธขึ้นมา ซึ่งความเกรี้ยวกราดอย่างกะทันหันเช่นนี้จึงทำให้ทุกคนตกใจจนตั้งตัวไม่ทัน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยแรงกดดันอันทรงพลังจนไม่อาจต้านทานของหลัวจื้อเลี่ย เหล่าผู้ที่ส่งเสียงดังไม่หยุดหย่อนเมื่อครู่ต่างก็ไม่กล้าขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย
“พวกเจ้าลืมไปแล้วรึว่าผู้ใดคือผู้นำของเผ่าเลี่ยหยาง ? พวกเจ้าไม่เชื่อวาจาของข้าหลัวจื้อเลี่ยผู้นี้อย่างนั้นหรือ ?!”
เขากวาดสายตามองฝูงชนและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไม่คิดเลยว่าคนเหล่านี้จะสงสัยและไม่เชื่อวาจาของเขาเพราะสตรีชั่วร้ายอย่างตู้ซีรั่ว เห็นทีจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้รู้ตัวเสียแล้ว
“มิได้ขอรับ มิได้ พวกเราจะไม่เชื่อมั่นในท่านผู้นำได้อย่างไร”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของหลัวจื้อเลี่ย คนเหล่านั้นก็ไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีกต่อไป พวกเขารีบพยักหน้าหงึกหงักบ่งบอกถึงความตระหนักรู้ตัวอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาเชื่อมั่นและรับฟังคำสั่งทุกอย่างของหลัวจื้อเลี่ย ในเผ่าเลี่ยหยางแห่งนี้ หลัวจื้อเลี่ยคือผู้ที่มีสถานะและบารมีสูงสุดอย่างไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้
“ในเมื่อพวกเจ้าเชื่อข้า แล้วเหตุใดจึงยังสงสัยในการตัดสินใจของข้าเช่นนี้ !”
สีหน้าของหลัวจื้อเลี่ยไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย วันนี้เขาตั้งใจที่จะสั่งสอนมิให้ทุกคนในเผ่าถูกยุยงหรือถูกจูงจมูกได้ง่าย ๆ
“ท่านเจ้าเมือง เราเพียงโกรธเคืองแทนท่านหญิง คนเหล่านี้ควรถูกลงโทษสำหรับการที่ทำร้ายท่านหญิงให้ต้องเจ็บตัว”
ใครคนหนึ่งกล่าวเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เข้าใจสาเหตุของความฉุนเฉียวอย่างกะทันหันของหลัวจื้อเลี่ยเท่าใดนัก
“หุบปาก ! ตู้ซีรั่วมิใช่ภรรยาของข้าอีกต่อไปแล้ว นางมิใช่นายหญิงของเผ่าเลี่ยหยางอีกต่อไป เราทั้งสองหย่าร้างและตัดขาดความสัมพันธ์กันโดยสิ้นเชิงแล้ว !”
เมื่อกล่าวถึงตัวตนของตู้ซีรั่ว โทสะในหัวใจของหลัวจื้อเลี่ยก็พลุ่งพล่านจนแทบระเบิดอีกครา หากมิใช่เพราะนาง เขาจะทำให้คนรักของตนต้องผิดหวังและเศร้าเสียใจไปจนถึงวันตายได้อย่างไร
“เอ่อ…”
คนอื่น ๆ ถึงกับพูดไม่ออกทันทีและหันมองหน้ากันด้วยความงุนงง จากนั้นใครอีกคนก็ยืนขึ้นและกล่าวด้วยน้ำเสียงประหม่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดท่านผู้นำจึงหย่าร้างกับท่านหญิงหรือขอรับ ? ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ท่านหญิงดีกับพวกเราชาวเผ่าทุกคนและเป็นผู้ช่วยที่ดีข้างกายท่าน ไม่ทราบว่าท่านหญิงทำสิ่งใดผิดไป ท่านจึงตัดสินใจตัดความสัมพันธ์เช่นนี้ ?”
เป็นเพราะการแสดงละครตบตาได้อย่างแนบเนียนของตู้ซีรั่ว ชาวเผ่าเลี่ยหยางทุกชีวิตจึงชื่นชอบและเคารพนางยิ่งนัก ตอนนี้เมื่อทราบถึงการตัดความสัมพันธ์อย่างกะทันหันจากปากผู้นำ แน่นอนว่ามีหลายคนฉงนสงสัยเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฮ่า ๆ ๆ ผู้นำอย่างข้ายังต้องอธิบายเรื่องส่วนตัวต่อพวกเจ้าด้วยหรือ ?”
หลัวจื้อเลี่ยกล่าวอย่างไม่โกรธเคืองและหัวเราะเบา ๆ ตู้ซีรั่วแสดงละครได้อย่างแนบเนียนจนชาวเผ่าเลี่ยหยางก็ยังกล่าวออกหน้าแทนนางเช่นนี้ ความพยายามเสแสร้งตลอดหลายปีของนางถือว่าได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง
“พวกเรามิกล้าหรอกขอรับ เราเพียงเป็นห่วงท่านผู้นำก็เท่านั้น”
บุรุษผู้นั้นส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วและถอยกลับไป
“ข้าขอประกาศไว้ตรงนี้เลยว่าตู้ซีรั่วที่พวกเจ้าเคยรู้จักนั้นไม่เคยมีตัวตนอยู่จริง นางสมคบคิดกับฝ่ายมารและต้องการโค่นล้มอำนาจชนเผ่าเอลฟ์ของเรา การที่ต้นเอลฟ์ศักดิ์สิทธิ์ของเราเหี่ยวแห้งโรยราไปอย่างกะทันหันและราชินีเอลฟ์หลับใหลไม่ฟื้นขึ้นมาล้วนเกี่ยวข้องมาจากนางทั้งสิ้น นับจากนี้ไป…ตู้ซีรั่วและขุมกำลังของนางคือศัตรูของเผ่าเลี่ยหยางและชนเผ่าเอลฟ์ พวกเจ้าเข้าใจรึไม่ ?”
เขากล่าวพลางกวาดสายตามองทุกคน ไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเผ่าเลี่ยหยางของเขาจะยังปรองดองเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นเดิมหรือไม่
เมื่อได้ยินคำประกาศอย่างชัดเจนของหลัวจื้อเลี่ย คนเหล่านั้นก็มองหน้ากันอีกครั้งและเริ่มกระซิบกระซาบกันเบา ๆ สำหรับพวกเขานั้นตู้ซีรั่วไม่เหมือนผู้ที่จะคิดร่วมมือกับฝ่ายมารและพยายามทำลายชนเผ่าเอลฟ์ได้เลย อย่างไรก็ตาม หลัวจื้อเลี่ยไม่มีทางโกหกพวกเขาอย่างแน่นอน ในเมื่อเขากล่าวเช่นนี้ มันก็คงจะเป็นความจริง
“ท่านผู้นำขอรับ การที่ท่านกล่าวว่าท่านหญิงตู้ซีรั่วร่วมมือกับขุมกำลังมารร้าย ไม่ทราบว่าท่านมีหลักฐานสำหรับเรื่องนั้นหรือไม่ขอรับ?”
ใครคนหนึ่งกล่าวเสียงเบาและยังคงสงสัยในวาจาของหลัวจื้อเลี่ยเล็กน้อย
“คำพูดของข้าคือหลักฐานที่ดีที่สุด หรือเจ้าไม่เชื่อแม้กระทั่งคำพูดของข้างั้นรึ ?”
หลัวจื้อเลี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา ทว่าจู่ ๆ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา เผ่าเลี่ยหยางในตอนนี้มิใช่เผ่าเลี่ยหยางเหมือนในอดีตอีกต่อไป และคนเหล่านี้คงไม่มีวันเชื่อฟังคำสั่งของเขาอย่างไร้เงื่อนไขอีกต่อไป
เมื่อเห็นสีหน้าของหลัวจื้อเลี่ยในตอนนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นก็ส่ายศีรษะทันทีทว่าความสงสัยและความไม่มั่นใจยังคงปรากฏบนใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน
“จิ๊จิ๊จิ๊ ถึงอย่างไรพวกเจ้าทุกคนก็คงไม่เชื่อกันสินะ ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องถาม…การที่พร่ำบอกว่าพวกข้าทำร้ายท่านหญิงของพวกเจ้า พวกเจ้ามีหลักฐานอะไรรึ ?”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ชาวเผ่าเลี่ยหยางเหล่านี้น่าสนใจอย่างแท้จริง
“เหอะ มันคือสิ่งที่เราเห็นด้วยตาตัวเอง มันจะเป็นเท็จไปได้อย่างไร ?”
ใครคนหนึ่งแค่นเสียงเย็นชาและกล่าวราวกับไม่ต้องการตอบคำถามโดยตรง
“เหอะ น่าขันนักที่เจ้ากล่าวว่าเห็นด้วยตาตัวเอง ถ้าอย่างนั้นข้าขอถามเจ้า ในเมื่อกล่าวว่าเจ้าเห็นข้าทำร้ายตู้ซีรั่วด้วยตาตัวเอง ข้าใช้อาวุธใด ? เหตุใดข้าจึงต้องทำร้ายท่านหญิงของเจ้า ? แล้วนางพยายามขัดขืนหรือไม่ ? ข้าเชื่อว่าเจ้าคงจะทราบคำตอบเหล่านี้ดี”
ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเยือกเย็น หากพยัคฆ์ไม่แสดงความน่าเกรงขามออกมา ผู้คนก็คงจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่แมวป่วย เวลานี้นางต้องแสดงให้คนเหล่านี้ได้เห็นว่าพวกเขาอ่อนแอเกินกว่าจะสร้างปัญหาให้กับนาง
“คือว่า…”
ฝ่ายชาวเผ่าเลี่ยหยางพูดไม่ออกไปพักใหญ่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่เห็นหรือได้ยินสิ่งใดแม้แต่น้อย สิ่งที่พวกเขาเห็นมีเพียงตู้ซีรั่วที่ได้รับบาดเจ็บและได้ยินเพียงวาจาที่นางกล่าวบอกมาเท่านั้น
“จิ๊จิ๊ ในเมื่อบอกไม่ได้ก็จงหุบปากไปซะ !”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มและปรบมือส่งสัญญาณก่อนที่อสูรมายาหลายตัวของตนจะพาตัวใครคนหนึ่งออกมา
ใบหน้าและจมูกปากของคนผู้นั้นบวมปูดจนมองไม่เห็นเค้าเดิมได้ชัดเจนนัก สภาพของเขาในตอนนี้ดูน่าเวทนาอย่างยิ่งและแววตาเต็มไปด้วยความหวาดผวาขณะมองไปที่เสี่ยวเฮยและอสูรอื่น ๆ
“เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในวันนั้นล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่เดินตรงเข้าไปหาคนผู้นั้นและแสยะยิ้มอย่างเย็นชาพร้อมด้วยจิตสังหารแรงกล้าที่ปรากฏในแววตา
เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่และเห็นสีหน้าที่ดูเยือกเย็นของนาง คนผู้นั้นก็หวาดหวั่นยิ่งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม เขายังกล่าวอย่างอาจหาญ “เจ้าใช้กระบี่แทงท่านหญิงและกล่าวให้ร้ายว่านางร่วมมือกับฝ่ายมารและต้องการโค่นอำนาจชนเผ่าเอลฟ์ของพวกเรา ข้าทราบเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดีและเจ้าเองก็เช่นกัน อย่าคิดข่มขู่ข้าเลย”
“โอ้ ? พูดความจริงมาจะดีกว่า มิฉะนั้น ข้าก็ไม่รังเกียจที่จะใช้กำปั้นเป็นทางเลือกสุดท้าย”
ฉินอวี้โม่ไม่สะทกสะท้านกับวาจาของคนผู้นั้นและเพียงคลี่ยิ้มบาง ๆ ก่อนกล่าวออกไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุรุษที่กล่าวเสียงแข็งก่อนหน้านี้ก็สั่นเทาเล็กน้อยทว่ายังคงไม่ยอมกล่าวสิ่งใด
“ตอนนี้เจ้านายของเจ้าทอดทิ้งเจ้าไปแล้ว หากเจ้ายังคิดจะเก็บความลับเพื่อนาง จุดจบคงมีเพียงทางเดียว ต่อให้เจ้ายืนยันที่จะใส่ร้ายข้า ข้าก็ไม่ทุกข์ร้อน ทว่าในทางกลับกัน หากเจ้าเมืองหลัวจื้อเลี่ยของเจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นผู้ทรยศละก็ เจ้าคิดว่าเขาจะปล่อยเจ้าหรือครอบครัวของเจ้าไปง่าย ๆ งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวเสริม ในเมื่อคนผู้นี้ยังปฏิเสธเสียงแข็ง นางก็ไม่มีปัญหาที่จะทำลายเกราะป้องกันทางจิตใจของเขาให้พังทลาย
“เจ้าจะชั่วร้ายเกินไปแล้ว !”
เมื่อได้ยินวาจาเชิงข่มขู่ของฉินอวี้โม่ สีหน้าของบุรุษผู้นั้นก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและมองนางด้วยแววตาตื่นตระหนก
“บอกข้ามาตามตรง !”
หลัวจื้อเลี่ยเดินตรงเข้ามาและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เขาไม่เคยปรานีหรือใจอ่อนให้กับผู้ที่คิดคดทรยศ เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้เป็นพวกของตู้ซีรั่ว นั่นหมายความว่าเขามิใช่สมาชิกของเผ่าเลี่ยหยางอีกต่อไป ต่อให้ไม่ลงมือสังหารในวันนี้ หลัวจื้อเลี่ยก็ไม่มีทางปล่อยให้เขาอยู่ในเผ่าเลี่ยหยางได้อีกต่อไป
“ข้ายอมแล้ว ข้าจะบอกทุกอย่าง”
ท้ายที่สุดเขาก็มิอาจทนต่อความกดดันได้อีกและบอกความจริงทุกอย่างในวันนั้นต่อหน้าทุกคน
ในวันนั้น ตู้ซีรั่วเตรียมแผนการกับเขาไว้เป็นการล่วงหน้าแล้ว และเมื่อนางได้รับบาดเจ็บ เขาจะต้องกล่าวหาว่ามันเป็นฝีมือของฉินอวี้โม่และพวก ทว่าความเป็นจริงคือตู้ซีรั่วใช้กระบี่แทงตัวเองเพื่อใส่ร้ายป้ายสีฉินอวี้โม่
วันนี้เขาก็ได้รับคำสั่งให้มาจุดชนวนสร้างความวุ่นวายที่นี่และใส่ร้ายให้พวกของฉินอวี้โม่ขัดแย้งกับชาวเผ่าเลี่ยหยาง เดิมทีเขาวางแผนที่จะพยายามหลบหนีไปเมื่อจัดการเสร็จสิ้น ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่จะจับตาดูเขาอยู่ตลอดเวลาและจับตัวไว้ได้ทัน ยิ่งไปกว่านั้น วิธีการของฉินอวี้โม่ที่ใช้ครอบครัวเพื่อข่มขู่เขาก็น่าสะพรึงกลัวอย่างที่สุด
ฉินอวี้โม่กล่าวถูกต้องทุกประการ ตู้ซีรั่วทอดทิ้งเขาแล้วและปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่ไยดี ต่อให้เขาพยายามช่วยปกปิดเพื่อนาง มันก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
เมื่อได้ยินความจริงจากคนผู้นี้ ชาวเผ่าเลี่ยหยางทั้งหลายก็นิ่งเงียบไปชั่วขณะก่อนเริ่มกระดากอายขึ้นมา พวกเขาถูกจูงจมูกให้หลงเชื่อและกล่าวว่าร้ายผู้มีพระคุณของเผ่าเลี่ยหยาง ซ้ำร้ายยังข่มขู่ที่จะลงโทษคนทั้งสามอย่างรุนแรงเพื่อปกป้องคนร้ายที่วางแผนทำลายชนเผ่าเอลฟ์มาเนิ่นนานและก็ไม่เชื่อฟังวาจาของผู้นำด้วยซ้ำ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฝูงชนก็ตระหนักได้ว่าตนเองโง่เขลาเพียงใด
“อีกอย่าง…ก่อนหน้านี้ท่านหญิงก็ออกตามหาคนหลายคนจากโลกภายนอกและสั่งให้ข้าติดต่อกับพวกเขา”
บุรุษผู้นั้นกล่าวเสริมอีกประโยคและไม่คิดปิดบังสิ่งใดอีกต่อไป
“ดี ดีจริง ๆ เอาล่ะ เจ้าน่าจะทราบถึงเรื่องของสั่วเชี่ยนมานานแล้วทว่ายังรวมหัวกับนางเพื่อฆ่าภรรยาที่ดีของข้า ฮ่า ๆ ๆ สมาชิกในเผ่าเลี่ยหยางของเราแกร่งกล้าขึ้นมากทีเดียว !”
จู่ ๆ หลัวจื้อเลี่ยก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ แท้ที่จริงตู้ซีรั่วมิใช่เพียงคนเดียวที่ทราบความจริงทั้งหมดตั้งแต่ต้น หากแต่ยังมีผู้สมรู้ร่วมคิดคนอื่นแฝงตัวอยู่ในเผ่าเลี่ยหยางเช่นกัน
“ท่านผู้นำ ข้า…”
บุรุษผู้นั้นพยายามอ้าปากเพื่อกล่าวบางอย่างทว่าไม่อาจสรรหาคำพูดได้เลย
. .