คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 675 ความมั่นใจของสั่วซีหย่า
“หลัวจื้อเลี่ย เจ้าไม่ได้ติดพันอยู่ในการต่อสู้ที่เผ่าอู๋เหวยหรอกรึ ?!”
เมื่อเห็นหลัวจื้อเลี่ยและคนอื่น ๆ ปรากฏตัว เจี้ยนเหินก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย พวกเขาวางแผนส่งคนไปโจมตีเผ่าอู๋เหวยเพื่อถ่วงเวลาหลัวจื้อเลี่ยและคนอื่น ๆ ไว้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะมาถึงที่นี่ได้ทันเวลา
“ฮ่า ๆ ๆ ก็แค่ลิ่วล้อธรรมดาที่พวกเจ้าส่งมา เป็นไปได้อย่างไรที่จะถ่วงเวลาข้าได้ ? เมื่อพันปีก่อน ข้าไม่ได้มีโอกาสสู้กับเจ้า ทว่าหลังจากพันปีผ่านไป ในที่สุดข้าก็มีโอกาสได้สัมผัสถึงพลังอำนาจของหนึ่งในสี่ยอดฝีมือที่กล่าวกันว่าเป็นรองเพียงผู้นำฝ่ายมารเท่านั้น อยากรู้นักว่าเจ้าจะเก่งกาจสักเพียงใด !”
หลัวจื้อเลี่ยยิ้มอย่างเยือกเย็น สถานการณ์ที่เผ่าอู๋เหวยถูกควบคุมดูแลได้อย่างรวดเร็วโดยฝีมือของเขา และเนื่องจากทราบดีว่าเมืองราชวงศ์ในตอนนี้จะต้องคึกคักเป็นพิเศษ เขาจึงรีบเดินทางมาด้วยความเร็วเต็มพิกัด โชคดีที่เขามาถึงที่นี่ได้ทันเวลาพอดีและเป็นตอนที่การต่อสู้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
“เหอะ ! เมื่อพันปีก่อนเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และเมื่อสิบกว่าปีก่อน เจ้าก็ถูกซุ่มโจมตีจนเจ็บหนักอีกครั้งเพราะคนที่ตู้ซีรั่วส่งไป ด้วยพลังอำนาจของเจ้าในตอนนี้ เจ้าจะสู้กับข้าได้อย่างไร !”
เจี้ยนเหินแค่นเสียงอย่างเย็นชาและไม่เห็นหลัวจื้อเลี่ยอยู่ในสายตาเลยสักนิด เขาลืมไปเสียสนิทว่าในเวลานี้พลังของหลัวจื้อเลี่ยฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดในอดีตแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น หลัวจื้อเลี่ยในวันนี้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อพันปีก่อนเสียอีก
“ฮ่า ๆ ๆ จะสู้ได้หรือไม่ได้ เราจะได้เห็นก็ต่อเมื่อได้ลองเท่านั้น ในเมื่อเจ้าพาจอมยุทธ์จำนวนมากจากฝ่ายมารบุกเข้ามาในชนเผ่าเอลฟ์ของเรา หากไม่จัดการให้สาสม ชนเผ่าเอลฟ์ของเราก็คงจะดูเหมือนเป้าหมายที่รังแกได้ง่าย ๆ”
หลัวจื้อเลี่ยยิ้มบาง ๆ ขณะกวาดสายตามองจอมยุทธ์กลุ่มใหญ่จากฝ่ายมารด้วยจิตสังหารแรงกล้า
“ตู้จ้ง ตระกูลตู้ของเจ้าช่างดีจริง ๆ ราชินีเอลฟ์ปฏิบัติต่อตระกูลตู้อย่างดีมาโดยตลอด ไม่คิดเลยว่าพวกเจ้าจะร่วมมือกับฝ่ายมารและทำสิ่งชั่วร้ายมากมายจนเกือบทำลายชนเผ่าของเราสำเร็จ พวกเจ้าไม่รู้สึกละอายใจต่อบรรพบุรุษของตระกูลตู้เลยรึ ? พวกเจ้ายังคิดว่าตนเองคู่ควรที่จะอยู่ในชนเผ่าเอลฟ์ต่อไปอีกรึ ?!”
เหลียนหยางจับจ้องตรงไปที่ตู้จ้ง—ผู้นำตระกูลตู้ด้วยตาเขม็งและตะโกนกร้าว
นอกจากเผ่าขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง ตระกูลตู้ก็ถือเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในชนเผ่าเอลฟ์และไม่อ่อนแอไปกว่าเผ่าใหญ่ ๆ เลย
ในอดีตเมื่อพันปีก่อน บรรดาบรรพบุรุษของตระกูลตู้คือผู้ที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับราชินีเอลฟ์ในสงครามใหญ่กับฝ่ายมาร หลังจากสถานการณ์ของชนเผ่าเอลฟ์มั่นคงขึ้น ราชินีเอลฟ์ก็เคยมีความคิดที่จะแต่งตั้งคนของตระกูลตู้ให้กลายเป็นผู้อาวุโสของชนเผ่าซึ่งจะมีอำนาจเป็นรองจากนางเพียงเท่านั้น ทว่าบรรดาบรรพบุรุษของตระกูลตู้กลับปฏิเสธอย่างน่าเสียดาย
เหล่าบรรพบุรุษของตระกูลตู้ไม่ชื่นชอบหรือสนใจในอำนาจและหวังเพียงว่าชนเผ่าเอลฟ์จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปได้อย่างสงบสุขและเต็มไปด้วยสันติ ท้ายที่สุดราชินีเอลฟ์ก็ตัดสินใจมอบดินแดนส่วนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในชนเผ่าเอลฟ์ให้กับตระกูลตู้และกลายเป็นอาณาเขตในการปกครองของตระกูลตู้มาจนถึงปัจจุบันนี้
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ราชินีเอลฟ์ก็ให้ท้ายและสมยอมตระกูลตู้เสมอมาโดยไม่เคยสอบถามเกี่ยวกับการพัฒนาของพวกเขาและไม่เคยเข้าไปแทรกแซงกิจการของตระกูล ไม่คิดเลยว่าคนรุ่นหลังของตระกูลตู้จะไม่พอใจกับความยินยอมและอิสรภาพเหล่านั้น อีกทั้งพวกเขายังถึงขั้นร่วมมือกับขุมกำลังมารร้ายและเกือบโค่นอำนาจชนเผ่าเอลฟ์ได้สำเร็จ
หากเหล่าบรรพบุรุษในอดีตได้ทราบถึงเรื่องนี้ เกรงว่าพวกเขาคงจะตายตาไม่หลับ !
“เหอะ ดีกับพวกข้างั้นรึ ? มันก็แค่การเสแสร้งบังหน้าเท่านั้น เมื่อพันปีก่อน บรรพบุรุษของพวกข้ามีคุณสมบัติที่จะเป็นผู้ปกครองเอลฟ์เช่นกัน หากมิใช่เพราะพวกเจ้าสองพี่น้องที่รวมหัวกันและฉวยโอกาสในขณะที่บรรพบุรุษของเราบาดเจ็บสาหัสเพื่อยึดบัลลังก์ไว้เอง ตอนนี้ก็มิอาจทราบได้ว่าใครจะได้เป็นราชาเอลฟ์ !”
แววตาของตู้จ้งบ่งบอกถึงความรังเกียจและหัวใจเต็มใจด้วยความเคียดแค้น เขาและคนอื่น ๆ มั่นใจว่าบรรพบุรุษของตนในตอนนั้นมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นผู้ปกครองแห่งชนเผ่าเอลฟ์ได้และตัวเขาก็ควรที่จะได้สืบทอดตำแหน่งนั้นในเวลานี้ อย่างไรก็ตาม ความฝันดังกล่าวถูกทำลายเพราะสองพี่น้องตรงหน้าและเขาไม่ยอมนิ่งเฉยอย่างแน่นอน เพราะเหตุนั้นเขาจึงวางแผนร่วมมือกับฝ่ายมารและดำเนินการสิ่งต่าง ๆ มากมาย
เดิมทีตู้ซีรั่วก็สามารถควบคุมให้หลัวจื้อเลี่ยอยู่ในกำมือได้อย่างสมบูรณ์ ทว่านั่นกลับถูกทำลายไปโดยฝีมือของฉินอวี้โม่และเหล่าสหาย มิฉะนั้นครานี้แผนการของฝ่ายตระกูลตู้และฝ่ายมารก็คงจะประสบความสำเร็จได้
“โอ้ ? หากคิดจะก่อกบฏแล้ว เจ้าก็ย่อมยกข้ออ้างมาได้สารพัดอย่าง แม้แต่ข้ออ้างที่ไร้สาระเช่นนี้ก็ตาม”
หลัวหมิงเฟยหัวเราะเบา ๆ เขาคุ้นเคยกับข้อมูลภายในของชนเผ่าเอลฟ์เป็นอย่างดีและทราบเรื่องราวความเป็นมาในอดีต
ในอดีต บรรดาบรรพบุรุษตระกูลตู้มิใช่แค่มีพลังความแข็งแกร่งและชื่อเสียงที่ด้อยกว่าราชินีเอลฟ์เท่านั้น ทว่าสายเลือดของพวกเขาก็ไม่บริสุทธิ์มากเท่านางเช่นกัน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือพวกเขาไม่มีความคิดที่จะแย่งชิงตำแหน่งราชาเอลฟ์มาครองและไม่สนใจในอำนาจการปกครอง
ไม่คาดคิดเลยว่าพันปีหลังจากนั้น บรรดาทายาทรุ่นใหม่ของตระกูลตู้จะยกข้ออ้างเหล่านี้ขึ้นมาเพื่อโค่นล้มอำนาจของชนเผ่าเอลฟ์ เรียกได้ว่าการกระทำของพวกเขาช่างเหลวไหลสิ้นดี
“ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรให้มากความ ในเมื่อไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ในอดีตได้ พวกเจ้าก็จะต้องชดใช้ให้กับสิ่งที่ทำลงไป วันนี้ตระกูลตู้ของพวกเจ้าและคนของฝ่ายมารจะต้องถูกฝังรวมกันอยู่ที่นี่ !”
หลัวจื๋อยินลั่นวาจาเสียงดังฟังชัดขณะแผ่พลังบารมีอันน่าเกรงขามของราชินีออกไป นางไม่ต้องการเสียเวลากล่าวถึงเรื่องในอดีตอีกต่อไป ที่ผ่านมานี้ตระกูลรั่วได้สร้างปัญหาความวุ่นวายมามากและนางต้องแสดงจุดยืนต่อชนเผ่าเอลฟ์อย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไร วันนี้นางจะไม่ปล่อยตระกูลตู้ไปง่าย ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ นั่นก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีความสามารถมากพอรึไม่ !”
ตู้จ้งหัวเราะอย่างเย้ยหยันก่อนหันไปพยักศีรษะกับเจี้ยนเหินอย่างรู้กัน จากนั้นพวกเขาก็ไม่รอช้าและพุ่งเข้าโจมตีฝ่ายราชินีเอลฟ์และคนอื่น ๆ ทันที
เดิมทีราชินีเอลฟ์ต้องการปะทะฝีมือกับเจี้ยนเหินทว่าหลัวจื้อเลี่ยกลับตรงเข้าไปต่อสู้กับเขาเสียก่อน
ตู้จ้งก็ถูกขัดขวางไว้โดยเหลียนหยางซึ่งอยู่ถัดจากหลัวจื๋อยินและเปิดฉากต่อสู้กันอย่างดุเดือด
ตู้ซีรั่วตั้งใจที่จะประจันหน้ากับอดีตสามีเพื่อสะสางความแค้นใจที่ผ่านมา ทว่าจู่ ๆ นางก็หันไปเห็นสั่วซีหย่าที่อยู่ข้างกายของฉินอวี้โม่
“แม่สาวน้อย เจ้าอยากจะล้างแค้นให้มารดาของเจ้ามิใช่รึ ? ตอนนี้ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้า…เจ้ากล้ารึไม่ ?”
ตู้ซีรั่วมองสั่วซีหย่าด้วยสีหน้าท่าทางเหยียดหยามและกล่าวอย่างยั่วยุ ในเมื่อหลัวจื้อเลี่ยทอดทิ้งนางไปแล้ว นางก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความเมตตาอีก แม้สังหารหลัวจื้อเลี่ยไม่ได้ นางก็จะต้องสังหารคนที่เขารักและเป็นห่วงมากที่สุด
และในตอนนี้สั่วซีหย่าก็คือคนที่หลัวจื้อเลี่ยรักและห่วงใยมากที่สุด หากนางสังหารสตรีลูกครึ่งเอลฟ์ผู้นี้ได้ หลัวจื้อเลี่ยจะต้องคลุ้มคลั่งจนแทบเสียสติอย่างแน่นอน
เพียงนึกถึงสีหน้าท่าทางที่ทรมานและเจ็บปวดหัวใจของหลัวจื้อเลี่ย ตู้ซีรั่วก็อดหัวเราะกับตัวเองไม่ได้
“สั่วซีหย่า ?”
ฉินอวี้โม่ให้ความเคารพสหายและคนของตนเป็นอย่างมาก นางทราบถึงพลังของสั่วซีหย่าเป็นอย่างดีและไม่เต็มใจให้อีกฝ่ายต่อสู้กับตู้ซีรั่วนัก อย่างไรก็ตาม นางต้องการฟังความคิดเห็นของสั่วซีหย่าเสียก่อน หากสตรีลูกครึ่งเอลฟ์ผู้นี้ต้องการสู้กับอีกฝ่ายจริง ๆ นางก็จะช่วยคุ้มกันความปลอดภัยของสั่วซีหย่าและจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายขึ้นอย่างแน่นอน
“นายหญิง ข้าอยากสู้กับนาง ข้าอยากฆ่านางด้วยตัวเองเพื่อล้างแค้นให้ท่านแม่ !”
สั่วซีหย่ามองตรงไปที่ตู้ซีรั่วพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ความแข็งแกร่งของนางจะไม่มากเท่ากับตู้ซีรั่ว นางก็ไม่หวาดหวั่นแต่อย่างใด ยอดฝีมือผู้แกร่งกล้าเคยกล่าวไว้ว่าการพ่ายแพ้มิใช่สิ่งเลวร้าย สิ่งที่เลวร้ายคือการหวาดกลัวทั้งที่ยังไม่เริ่มต่อสู้และไม่มีความกล้ามากพอที่จะทำเช่นนั้น
“ไปเถอะ ข้าจะช่วยคุ้มกันโดยรอบเอง แม้ดูเหมือนนางจะแข็งแกร่งกว่าเจ้า ทว่าเจ้าก็มีบางอย่างที่นางไม่มี จำคำของข้าไว้…เจ้าเอาชนะนางได้ !”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวกับสั่วซีหย่าโดยสนับสนุนการตัดสินใจของนาง
“สั่วซีหย่า ลุยเลย พวกเราจะช่วยคุ้มกันอีกแรง !”
อสูรมายาตัวอื่น ๆ ของฉินอวี้โม่ก็กล่าวอย่างพร้อมเพรียงและส่งเสียงเอาใจช่วย
“สั่วซีหย่า สตรีผู้นี้มิใช่คนดี ในระหว่างการต่อสู้ นางจะต้องคิดใช้เล่ห์เหลี่ยมสกปรกกับเจ้าอย่างแน่นอน หากเผชิญกับสถานการณ์ที่เจ้ารับมือไม่ได้ จงทำลายสิ่งนี้ มันจะทำให้นางต้องนึกเสียใจ !”
มารยายื่นผลึกน้ำแข็งชิ้นหนึ่งให้กับสั่วซีหย่า
ภายในผลึกน้ำแข็งชิ้นนี้มีข่ายอาคมที่มารยาวางไว้ ตราบใดที่ทำลายมัน ข่ายอาคมก็จะเกิดผลในทันที พวกมันและฉินอวี้โม่ล้วนได้เห็นความชั่วร้ายไร้ยางอายของตู้ซีรั่วแล้ว อสูรสาวจึงมอบผลึกน้ำแข็งชิ้นนี้ให้กับสั่วซีหย่าเพื่อรับประกันความปลอดภัยและเชื่อว่านางจะมีโอกาสได้ใช้มัน
“ขอบคุณพวกเจ้ามาก !”
สั่วซีหย่าไม่ปฏิเสธและรับผลึกน้ำแข็งมาทันที
“นายหญิง ทุกคน ข้าจะฆ่าสตรีชั่วและไร้ยางอายผู้นี้ด้วยมือของข้าเอง รอดูได้เลย !”
สั่วซีหย่ายิ้มอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยมและตรงไปปรากฏตัวตรงหน้าตู้ซีรั่วในพริบตา
“ตู้ซีรั่ว เจ้าส่งคนไปฆ่ามารดาของข้าและเกือบฆ่าข้าได้สำเร็จ วันนี้ข้าจะปลิดชีวิตของเจ้าและล้างแค้นให้กับมารดาของข้า !”
เสียงของนางในตอนนี้ฟังดูเยือกเย็นจนน่าขนลุกขณะมองตู้ซีรั่วด้วยแววตาอาฆาต
“จิ๊จิ๊จิ๊ ช่างอาจหาญยิ่งนัก ข้าอยากเห็นจริง ๆ ว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร !”
ตู้ซีรั่วไม่คิดเลยว่าสตรีลูกครึ่งเอลฟ์จะตอบรับคำท้าทายของนาง ทว่าในเมื่อสั่วซีหย่ารับคำท้าเช่นนี้ นางก็จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดไปตลอดกาล
นางสัมผัสได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของสั่วซีหย่าได้อย่างชัดเจนและยังไม่ถึงขอบเขตพสุธาเซียนขั้นสูงสุดด้วยซ้ำ ซึ่งถือว่าอ่อนแอกว่าพลังนภาเซียนครึ่งก้าวของนาง ยิ่งไปกว่านั้น หากข้อมูลที่ได้รับมาถูกต้อง สตรีลูกครึ่งเอลฟ์ตรงหน้าก็ไม่เคยประชันฝีมือกับใครมาก่อนและไม่มีประสบการณ์การต่อสู้ด้วยซ้ำ การที่นางกล้าลั่นวาจาว่าจะสังหารตนด้วยความมั่นใจเช่นนี้ช่างน่าสนใจอย่างแท้จริง
“อีกไม่นานเจ้าก็จะได้รู้ !”
สั่วซีหย่ายิ้มอย่างมั่นใจและคันธนูยาวเปล่งประกายปรากฏในมือของนาง
คันธนูยาวนี้คืออาวุธที่ฉินอวี้โม่หลอมให้กับนาง มันคืออาวุธระดับวิจิตรขั้นสุริยะซึ่งมีร่องรอยของจิตใต้สำนึกเป็นของตัวเอง หากให้เวลามันต่อไปอีกเพียงไม่กี่ปี มันก็มีโอกาสที่จะบ่มเพาะพลังจนจำแลงร่างมนุษย์และกลายเป็นตัวตนในระดับสูงได้
ในสายตาของฉินอวี้โม่ ทั้งเอลฟ์และลูกครึ่งเอลฟ์โดดเด่นในด้านความเร็วและความคล่องแคล่ว เพราะเหตุนั้นอาชีพที่เหมาะสมกับลูกครึ่งเอลฟ์มากที่สุดมิใช่อาชีพที่ต่อสู้ระยะประชิด หากแต่เป็นอาชีพที่ต่อสู้ระยะไกลอย่างนักธนู
ทว่าน่าเสียดายที่มีคนทราบความจริงข้อนี้เพียงน้อยนิดเท่านั้น พรสวรรค์ของสายเลือดเอลฟ์จึงสูญเปล่าไปโดยปริยาย
“ลูกศรลำแสงพิฆาต !”
สั่วซีหย่าพึมพำเบา ๆ ขณะง้างคันธนูและพลังมายาโดยรอบก่อตัวกลายเป็นลูกธนูเปล่งประกายก่อนพุ่งตรงไปยังตู้ซีรั่วอย่างรวดเร็ว
เมื่อสัมผัสถึงพลังมหาศาลที่อัดแน่นในลูกธนูดังกล่าว สีหน้าของตู้ซีรั่วเปลี่ยนไปเล็กน้อยทันที เดิมทีนางเคยคิดว่าตนเองมีพลังที่เหนือกว่าและไม่จำเป็นต้องหวาดหวั่นใด ๆ ไม่คิดเลยว่าสั่วซีหย่าจะมีกระบวนท่าการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้อยู่
“ม่านแห่งความมืด !”
นางไม่กล้าประมาทอีกต่อไปและม่านพลังสูงเท่าตัวคนซึ่งปกคลุมด้วยกลุ่มอากาศสีดำทะมึนก็ก่อตัวตรงหน้าเพื่อปกป้องนางไว้ทันที
เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ !
ลูกธนูแสงของสั่วซีหย่าเจาะทะลุผ่านม่านป้องกันตรงหน้าตู้ซีรั่ว ทว่าก็ถูกพลังความมืดกลืนกินเข้าไปอย่างรวดเร็วก่อนหายไปกลางอากาศภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา
“พลังความมืดไม่ธรรมดาอย่างที่คิดไว้จริง ๆ !”
อย่างไรก็ตาม สั่วซีหย่าไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย นางคาดเดาผลลัพธ์เช่นนี้ไว้ก่อนแล้ว
.