คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 706 กลายเป็นคนร้าย
บนถนนเส้นทางนอกจวนเจ้าเมือง ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือกำลังถูกห้อมล้อมโดยคนกลุ่มใหญ่ แววตาของพวกเขาเปี่ยมด้วยความโกรธแค้นและชิงชังราวกับนางไปทำสิ่งเลวร้ายบางอย่างจนส่งผลกระทบไปทั่วทั้งดินแดน
“ท่านเทพธิดา ท่านต้องจัดการเรื่องนี้ให้พวกเรานะขอรับ !”
บุรุษวัยกลางคนคนหนึ่งกล่าวและคุกเข่าลงตรงหน้าฮวาเหยียนอวี่
คนอื่น ๆ ก็คุกเข่าในท่าเดียวกันขณะสายตามองตรงมาที่ฉินอวี้โม่ด้วยความมุ่งร้ายจนนางตะลึงไปเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม นางไม่โกรธแค้นหรือขุ่นเคืองใจเลยสักนิดเนื่องจากมั่นใจว่านี่จะต้องเป็นหนึ่งในแผนการของฮวาเหยียนอวี่ เพราะเหตุนั้นฉินอวี้โม่จึงไม่กล่าวสิ่งใดและเพียงนิ่งเฉยรอดูว่าอีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไป
“ทุกคน เกิดอะไรขึ้นรึ ?”
ฮวาเหยียนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและแสร้งทำท่าทางเป็นกังวลและเห็นใจในความเดือดร้อนของทุกคนซึ่งส่งผลให้พวกเขารู้สึกประทับใจในตัวนางมากขึ้น
“ท่านเทพธิดา โรคประหลาดที่เกิดขึ้นในบริเวณรอบ ๆ ทะเลไร้จุดจบเกิดจากฝีมือของฉินอวี้โม่ผู้นี้ หากมิใช่เพราะนาง ครอบครัวและสหายของเราก็คงจะไม่ล้มตายไปมากเช่นนี้ ท่านต้องลงโทษนางอย่างสาสม !”
วาจาของคนเหล่านั้นดูจริงใจและไม่เหมือนการกล่าวคำโกหก
“มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ? ทุก ๆ คนจะต้องเข้าใจผิดไปแน่ ๆ จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่เป็นหนึ่งในผู้นำของนครล่าฝันและก่อนหน้านี้นางก็อยู่ที่นั่นมาโดยตลอด นางเพิ่งมาเยือนเมืองลั่วอวี่ของเราได้เพียงไม่นานเท่านั้น แล้วนางจะเป็นต้นเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างไร ?”
ฮวาเหยียนอวี่กล่าวปฏิเสธทันควันและมีท่าทางที่เชื่อมั่นในตัวฉินอวี้โม่ หากมิใช่เพราะทราบอยู่แล้วว่าทุกอย่างเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่วางไว้ล่วงหน้า เกรงว่าแม้แต่ฉินอวี้โม่ก็อาจหลงเชื่อท่าทางการแสดงของอีกฝ่ายก็เป็นได้
“ท่านเทพธิดา ท่านช่วยรักษาโรคประหลาดให้กับพวกเราเมื่อหลายวันก่อน ทว่าเมื่อคืนนี้อาการของหลายคนกลับทรุดหนักลงอย่างกะทันหัน สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือคนเหล่านั้นได้พบปะพูดคุยกับจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ก่อนที่อาการจะแย่ลงและนั่นมิใช่สิ่งที่บังเอิญอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ช่วงหลังมานี้ทุกคนในเมืองก็ดูสบายดี ทว่านับตั้งแต่จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ปรากฏตัวในเมืองลั่วอวี่ของเรา สถานการณ์โรคประหลาดนั่นก็เลวร้ายลงมาก ไม่มีทางเลยที่มันจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้ !”
บุรุษวัยกลางคนกล่าวอย่างกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่าวาจาของเขาพอจะมีเค้าโครงที่สมเหตุสมผลเช่นกัน
“อีกอย่าง…แม้พวกเราจะไม่เคยมีส่วนร่วมในการต่อสู้ของดินแดน เราก็เคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงกิตติศัพท์ของจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ที่กล่าวกันว่าสะเทือนทั้งใต้หล้า อีกทั้งนางยังมีกองทัพอสูรมายาที่ทรงพลัง คงมิใช่เรื่องยากที่นางจะทำให้เราเผชิญกับโรคประหลาดเช่นนี้ได้”
คนอื่น ๆ กล่าวอย่างเห็นด้วยและเห็นได้ชัดว่าพวกเขาก็เชื่อวาจาของบุรุษวัยกลางคน
“หรือเป็นเพราะกลุ่มของพวกเราที่อาศัยอยู่ในเขตของทะเลไร้จุดจบเลือกวางตัวเป็นกลางและไม่เลือกเข้าร่วมกับขุมกำลังอย่างนครล่าฝัน พวกนางจึงคิดใช้วิธีการสกปรก ๆ เช่นนี้โดยที่จะแสร้งมาช่วยพวกเราในภายหลังและทำให้พวกเราซาบซึ้งน้ำใจของพวกเขาจนเปลี่ยนใจไปร่วมมือกับพวกเขาเพื่อต่อสู้กับฝ่ายมาร ?”
ใครคนหนึ่งที่ยืนอยู่ในเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นก็กล่าวข้อสันนิษฐานของตนเองออกมาและได้รับการเห็นพ้องจากคนอื่น ๆ ทันที เมื่อคนเหล่านั้นมองกลับมาที่ฉินอวี้โม่อีกครั้ง แววตาของพวกเขาก็เปี่ยมไปด้วยความสงสัยราวกับปักใจเชื่อแล้วว่านางคือคนชั่วร้ายที่บงการชักใยเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในทะเลไร้จุดจบ
“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ นี่มัน…”
ฮวาเหยียนอวี่รับฟังความคิดเห็นของคนเหล่านั้นและเริ่มมีสีหน้าลังเล ราวกับไม่แน่ใจว่าตนควรจะเชื่อมั่นในตัวของฉินอวี้โม่อีกต่อไปหรือไม่
“ฉินอวี้โม่ เจ้ามันชั่วช้ายิ่งนัก พวกเราไม่มีทางคบค้าสมาคมกับคนอย่างเจ้าเด็ดขาด !”
หลายคนโดยรอบเริ่มทนไม่ไหวและกล่าววาจาแสดงความเกลียดชังออกมา
คนอื่น ๆ ก็มองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาโกรธแค้นเช่นกันราวกับแทบอดใจรอที่จะสังหารนางไม่ไหว
เมื่อทุกคนแสดงสีหน้าโกรธแค้นอย่างที่สุด ฮวาเหยียนอวี่ก็แอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ นางต้องการเห็นว่าฉินอวี้โม่จะเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร ต่อให้นางจะพลิกลิ้นและมีวาจาคมคายเพียงใด ความบังเอิญทุกอย่างก็ประจวบเหมาะกันมากเกินไปและคงมีเพียงน้อยคนที่จะเชื่อคำแก้ตัวของนาง
“เฮอะ ! เจ้าพวกโง่ !”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอและแผ่แรงกดดันออกไปยังคนเหล่านั้นทันที
“คิดว่ามันคุ้มค่ากับการที่ข้าจะเปลืองเซลล์สมองเพื่อหาคำอธิบายให้กับพวกเจ้างั้นรึ ?!”
ขณะกล่าวด้วยน้ำเสียงทะนงตน นางก็กวาดสายตามองทุกคนรอบตัวด้วยแววตาเหยียดหยาม นางไม่มีความคิดที่จะอธิบายแถลงความจริงกับคนเหล่านี้เลยสักนิด สิ่งที่พวกเขากล่าวหาเป็นได้เพียงเรื่องไร้สาระในสายตานาง
นอกเหนือจากฮวาเหยียนอวี่ ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบริเวณนี้ก็เป็นเพียงจอมยุทธ์พสุธาเซียนขั้นสูงสุดเท่านั้น
แน่นอนว่าคนเหล่านี้ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันจากพลังขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดของฉินอวี้โม่ได้เลย พวกเขาทรุดล้มคุกเข่าลงบนพื้นอย่างไม่เต็มใจซึ่งมีสภาพที่ดูน่าเวทนายิ่งนัก
“ฝ่ายมารคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนเทพมายา สิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือการโค่นล้มอำนาจและยึดครองดินแดนของเรา การผนึกกำลังร่วมกันคือสิ่งที่ทุกคนควรกระทำ หากพวกเจ้าเลือกที่จะวางตัวเป็นกลาง มันก็คืออิสรภาพของพวกเจ้าและเราก็จะไม่บีบบังคับพวกเจ้า ทว่าอย่าเอาความคิดสกปรกของพวกเจ้ามายัดเยียดกล่าวหาพวกเรา หากคิดจะบังคับให้พวกเจ้ายอมจำนนจริง ๆ ละก็ ข้าไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากขนาดนั้น !”
ฉินอวี้โม่กล่าววาจาเยือกเย็นทว่าน่าเกรงขามอย่างที่สุด นางไม่สนใจเกี่ยวกับบรรดาขุมกำลังที่อยู่ในละแวกทะเลไร้จุดจบแม้แต่น้อย แม้พวกเขาจะถือเป็นขุมกำลังขนาดใหญ่ พลังอำนาจโดยรวมของพวกนางในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะรับมือกับฝ่ายมารได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น กองทัพอสูรของนางก็แกร่งกล้าอย่างยิ่ง ในตอนนี้เรียกได้ว่านางมีพลังอำนาจมากพอที่จะบดขยี้ทุกคนที่อยู่ในบริเวณทะเลไร้จุดจบได้อย่างง่ายดาย
“การที่จะกำจัดพวกเจ้า มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งกว่าการสะบัดมือเสียอีก คิดว่าข้าจำเป็นต้องเสียเวลาวางแผนซับซ้อนเช่นนี้รึ !”
วาจาทะนงตนดังขึ้นในหูของทุกคนอีกครั้งส่งผลให้หลายคนเริ่มเรียกสติกลับคืนมาได้
“ใช่แล้ว ด้วยความแข็งแกร่งของท่านจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่และนครล่าฝัน พวกเราเมืองลั่วอวี่เล็ก ๆ จะมีความสำคัญมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน ? หากพวกนางคิดจะจัดการพวกเราจริงก็ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องให้วุ่นวายเช่นนี้หรอก”
ใครบางคนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคารพและหลายคนเริ่มเกิดความลังเลในหัวใจ พลังอำนาจในขอบเขตนภาเซียนขั้นสูงสุดของฉินอวี้โม่เพียงอย่างเดียวก็มากพอที่จะกวาดล้างไปทั่วดินแดนแล้ว นอกเหนือจากจอมยุทธ์ระดับสูงสุดเพียงไม่กี่คนก็ไม่มีผู้ใดจะประจันหน้ากับนางได้ กอปรกับกองทัพอสูรที่ทรงพลัง เมืองทั้งหมดรอบ ๆ ทะเลไร้จุดจบก็เทียบไม่ได้เลยสักนิด
“เหอะ หากพวกเจ้าคิดจะใช้กำลังบีบบังคับ พวกเราไม่มีทางยอมรับแน่ บางทีพวกเจ้าอาจจะต้องการทำให้พวกเรายอมจำนนด้วยความเต็มใจจึงต้องพยายามวางแผนเช่นนี้ !”
บุรุษวัยกลางคนคนเดิมยังคงไม่คล้อยตามวาจาของฉินอวี้โม่และกล่าวพร้อมแค่นเสียงเย็นชา
“อีกอย่าง หากใช้กำลังบีบบังคับพวกเรา มันก็คงไม่ต่างจากการกระทำของฝ่ายมารและนั่นจะทำให้พวกเจ้าสูญเสียความเชื่อมั่นจากผู้คนทั่วดินแดน นั่นคือสาเหตุที่พวกเจ้าใช้วิธีการเช่นนี้ ช่างบัดซบจริง ๆ !”
ใครอีกคนกล่าวเห็นด้วยกับบุรุษวัยกลางคนและไม่เชื่อวาจาของฉินอวี้โม่
“นายหญิง ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะตกอยู่ในอำนาจของวิชาควบคุมจิตใจของสตรีชั่วร้ายนั่น ไม่ว่าท่านจะพูดอย่างไร พวกเขาก็ไม่มีทางเชื่อหรือคล้อยตาม หรือว่าพวกเราจะฆ่าคนพวกนี้เสียและให้ความตายสะสางทุกอย่าง !”
ภายในคฤหาสน์เฟิงหัว อสูรมายาหลายตัวอดกล่าวออกมาไม่ได้ ผู้ที่ริอาจกล่าววาจาดูหมิ่นผู้เป็นนายของพวกมันเช่นนี้ก็เท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ หากมิใช่เพราะนายหญิงของพวกมันยังไม่ออกคำสั่ง พวกมันก็คงจะกระโจนออกมาและฆ่าล้างบางคนสามหาวพวกนี้เสีย !
“ไม่ หากเราทำเช่นนั้น มันก็จะเป็นไปตามแผนการของฮวาเหยียนอวี่ จากการสังเกตการณ์ของข้า ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่ถูกนางควบคุม ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเราไม่ใช้วิธีการของนางในการเอาคืนนางล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากทันที สาเหตุที่นางทนฟังวาจาดูหมิ่นมาจนถึงตอนนี้เป็นเพราะนางต้องการมั่นใจก่อนว่ายังมีผู้ใดที่ไม่ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของฮวาเหยียนอวี่ ตอนนี้นางมั่นใจแล้วว่ายังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ฮวาเหยียนอวี่ยังไม่มีเวลาควบคุม
“โอ้ พวกเรานครล่าฝันทำทุกอย่างอย่างเปิดเผยและจริงใจ ต่อให้จะควบคุมพวกเจ้าได้ มันก็ไม่เป็นผลดีอะไรกับเรา อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของผู้ที่พวกเจ้าเทิดทูนว่าเป็นท่านเทพธิดานั่นไม่บังเอิญเกินไปหน่อยรึ ? ทันทีที่โรคประหลาดเกิดขึ้น นางก็ปรากฏตัวได้ทันเวลาพอดิบพอดีและช่วยพวกเจ้ารักษาโรคร้ายพวกนั้นได้อย่างทันท่วงที ในกรณีนี้พวกเจ้าก็ควรที่จะนึกสงสัยในตัวนางมากกว่าข้าเสียอีก อีกอย่าง…มีพวกเจ้ากี่คนกันที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของนาง ? ใครบ้างที่พิสูจน์ได้ว่านางมิใช่คนของฝ่ายมาร ?”
ฉินอวี้โม่หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนกล่าววาจาตอบโต้ทุกอย่างให้วกกลับไปโจมตีฮวาเหยียนอวี่
“เหลวไหล ! อย่าริอาจใส่ร้ายท่านเทพธิดาของพวกเราเด็ดขาด !”
หลายคนที่ถูกควบคุมโดยวิชาประหลาดของฮวาเหยียนอวี่เริ่มกล่าวตอบโต้เพื่อปกป้องนางทว่ามีหลายคนเช่นกันที่เริ่มคลางแคลงใจเพราะคำพูดที่สมเหตุสมผลของฉินอวี้โม่
พวกเขามองข้ามความบังเอิญเหล่านี้ไปเพราะความซาบซึ้งใจที่มีต่อนาง เพียงแต่เมื่อมานึกย้อนในตอนนี้ ทุกอย่างก็บังเอิญเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่เคยรับรู้เกี่ยวกับสตรีผู้มากความสามารถเช่นนี้มาก่อน ทว่าเมื่อเกิดโรคประหลาดระบาดขึ้นในเมือง จู่ ๆ สตรีผู้นี้ก็ปรากฏตัวและช่วยรักษาโรคร้ายเหล่านั้นซึ่งชนะใจทุกคนและกลายเป็นดั่งเทพธิดาผู้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้
ยิ่งไปกว่านั้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของเทพธิดาผู้นี้และไม่มีใครรู้ว่านางมาจากที่ใด หากจะกล่าวว่านางเป็นสมาชิกของฝ่ายมาร นั่นก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้…
ฮวาเหยียนอวี่คิดไม่ถึงเลยว่าฉินอวี้โม่จะทำให้ความสงสัยของผู้คนย้อนกลับมาที่ตนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้และทำให้ความเชื่อมั่นของหลายคนสั่นคลอน นางจ้องหน้าฉินอวี้โม่ตาเขม็งก่อนกล่าวขึ้นเบา ๆ “เหตุใดจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จึงให้ร้ายข้าเช่นนี้เล่า ? ข้าเป็นเพียงสตรีนางหนึ่งที่เก็บตัวฝึกวิชาอย่างสันโดษมาโดยตลอด ข้ามาที่นี่ก็เพราะพยากรณ์ได้ถึงหายนะที่จะเกิดขึ้นก็เท่านั้น หากมิใช่เพราะเห็นแก่เพื่อนมนุษย์ ข้าก็คงไม่ออกมาจากการเก็บตัวฝึกวิชาอย่างแน่นอน”
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าเหตุใดก่อนมาที่นี่ ผู้นำฝ่ายมารจึงกำชับให้นางระวังฉินอวี้โม่ไว้ให้ดี ที่แท้ฉินอวี้โม่ผู้นี้ก็ยากจะรับมือจริง ๆ
“โอ้ งั้นรึ ? หาก ‘ท่านเทพธิดา’ เชี่ยวชาญในด้านการพยากรณ์นัก ไหนลองว่ามาซิว่าในสงครามที่กำลังจะมาถึง ฝ่ายดินแดนเทพมายาหรือฝ่ายมารจะเป็นฝ่ายที่คว้าชัยชนะได้ ?”
ฉินอวี้โม่หัวเราะในลำคอและกล่าวขัดวาจาของอีกฝ่ายอีกครั้ง ในเมื่อฮวาเหยียนอวี่ต้องการดำเนินเรื่องไปในทิศทางนี้ นางก็จะช่วยตอบสนองให้ ฉินอวี้โม่ก็อยากรู้นักว่าฮวาเหยียนอวี่จะตอบคำถามนี้อย่างไร
“ไม่ว่าฝ่ายใดจะชนะ มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาฟ้าลิขิต ศาสตร์การพยากรณ์ถือเป็นการท้าทายอำนาจสวรรค์ เหตุใดจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่จึงต้องบีบเค้นข้าเช่นนี้ ?”
ฮวาเหยียนอวี่ไม่ตอบคำถามตามตรงทว่าแสร้งทำเป็นสตรีอ่อนแอบอบบาง วาจาที่นางกล่าวออกมาก็ฟังดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่นัก
“ในเมื่อมันท้าทายอำนาจสวรรค์ แล้วเหตุใดก่อนหน้านี้ท่านเทพธิดาจึงพยากรณ์ได้ล่ะว่าจะเกิดหายนะขึ้นที่ทะเลไร้จุดจบ ? หรือจะบอกว่ามันเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ ?”
ฉินอวี้โม่ยอมถูกมองเป็นคนร้ายที่รังแกผู้อ่อนแอและกล่าวต่อไปอย่างไม่ยอมแพ้
ฮวาเหยียนอวี่ไม่คิดเลยว่าฉินอวี้โม่ผู้นี้จะไม่สนใจความคิดของผู้อื่นและยังพยายามต้อนให้ตนจนมุมต่อไป ทุกอย่างที่นางวางแผนไว้อย่างดีกลับตาลปัตรเพราะฉินอวี้โม่ภายในเวลาเพียงไม่นานและทำให้หลายคนที่นางยังไม่ได้ควบคุมเกิดความสงสัยในตัวนาง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่ามันไม่ดีต่อแผนการของนางอย่างแน่นอน
“จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่…ทุกคนมีความลับของตนเองและไม่จำเป็นที่จะต้องขุดรากถอนโคนขึ้นมา ข้าว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิดและเชื่อว่านครล่าฝันคงไม่ได้อยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น”
ฮวาเหยียนอวี่ตัดสินใจกล่าวเช่นนี้และไม่ต้องการให้เรื่องราวยืดเยื้อต่อไปอีก ถึงอย่างไรหลายคนก็สงสัยในตัวฉินอวี้โม่มากแล้ว ตราบใดที่พวกเขาไม่ได้รับคำอธิบายในวันนี้ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าพวกเขาจะสงสัยความจริงและเลือกอยู่ฝ่ายเดียวกับนครล่าฝัน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จุดมุ่งหมายของนางก็มิใช่เพียงขุมกำลังรอบ ๆ ทะเลไร้จุดจบอีกต่อไป…หานโม่ฉือ…ข้าจะต้องครอบครองเจ้ามาให้ได้ !