คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 726 เริ่มดำเนินการ
“เมิ่งหยาง อธิบายมาตามความจริง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
ผู้อาวุโสใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นขณะตวัดสายตามองเมิ่งหยางข้างตนและกล่าวอย่างเยือกเย็น
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ ข้าไม่ได้โกหก เจ้าฉินฉือนั่นเป็นคนนอกจริง ๆ เขาอยู่กับหม่าเฟยและคนอื่น ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมา พวกเขาเป็นพยานได้ขอรับ”
เมิ่งหยางเริ่มกังวลขึ้นมาและไม่ทราบเลยว่าสถานการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร เขามีพรสวรรค์ในระดับธรรมดาทั่วไปเท่านั้นและมีความแข็งแกร่งที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม เมื่อได้ทราบว่า ‘ฉินฉือ’ เป็นคนนอก เขาก็มีแผนการชั่วร้ายขึ้นในใจ หากตัวตนของคนผู้นั้นถูกเปิดโปง เขาเชื่อว่าตนจะได้รับความดีความชอบจากผู้อาวุโสใหญ่เป็นแน่ เมื่อถึงตอนนั้น เขาจะได้กลายเป็นศิษย์หลักของฝ่ายมารและไม่ถูกผู้ใดรังแกอีกต่อไป
“เมิ่งหยาง เจ้ากำลังกล่าวถึงเรื่องอะไรกัน เหตุใดพวกเราถึงไม่เข้าใจ ?”
คนอื่น ๆ มีสีหน้างุนงงไม่ต่างกันขณะกล่าวออกมา “ฉินฉือคือใครกัน ? เหตุใดเราถึงไม่เคยได้ยินชื่อนั้นมาก่อน ?”
ปฏิกิริยาของคนเหล่านั้นแนบเนียนอย่างยิ่งและทำให้ผู้อาวุโสใหญ่เริ่มไม่เชื่อวาจาของเมิ่งหยางมากยิ่งขึ้น
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ ท่านลองตรวจสอบรายชื่อของฝ่ายมารได้เลยว่ามีศิษย์ที่มีนามว่าฉินฉืออยู่รึไม่ อีกทั้งท่านก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกันว่ามีใครออกไปจากเกาะของเราในคืนนี้หรือไม่ เมิ่งหยางผู้นี้…ข้าเพียงเห็นว่าเขามีพรสวรรค์ที่อยู่ในระดับธรรมดามากแต่กลับไม่พยายามฝึกฝนพัฒนาตนเองให้มากขึ้น ข้าจึงได้กล่าวตำหนิเขาไป ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่พอใจและหาเรื่องใส่ร้ายพวกเราเช่นนี้ คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ”
แรงกดดันของผู้อาวุโสใหญ่อ่อนลงจนติงเหวินลุกยืนขึ้นได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง เขากล่าวออกมาอย่างจนปัญญาพร้อมด้วยสีหน้าที่หนักแน่นซึ่งทำให้ผู้คนหลงเชื่อวาจาของเขาได้ง่าย ๆ
“เมิ่งหยาง พวกเรามองเจ้าเป็นดั่งพี่น้องมาเสมอ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะทำร้ายพวกข้าเช่นนี้ มีเพียงเราเท่านั้นที่พักอยู่ในบ้านหลังนี้และไม่เคยมีคนอื่นใดทั้งสิ้น ทว่าเจ้ากลับสร้างฉินฉืออะไรนั่นที่เป็นตัวตนในจินตนาการขึ้นมาและยังพาท่านผู้อาวุโสใหญ่มาถึงที่นี่ ในเมื่อเจ้าลงทุนทำถึงขั้นนี้ พวกเราจะไม่มีวันมองเจ้าเป็นสหายอีกต่อไป”
หม่าเฟยมีสีหน้าที่ผิดหวังอย่างที่สุด ในตอนนี้เขาไม่ได้เสแสร้งแสดงละครแม้แต่น้อย หากแต่รู้สึกผิดหวังในตัวสหายผู้นี้จากใจจริง เรียกได้พวกเขาทั้งหมดเติบโตมาด้วยกัน แม้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด พวกเขาก็รักและจริงใจต่อกันดั่งพี่น้องแท้ ๆ ทว่าในเวลานี้เมิ่งหยางกลับมองข้ามความสัมพันธ์ที่ดีมาตลอดเพียงเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง หากมิใช่เพราะเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า เกรงว่าพวกเขาก็คงจะไม่สามารถรักษาชีวิตของตนเองไว้ได้
“ใช่ ข้าไม่เคยมีสหายอย่างเจ้า !”
คนอื่น ๆ ก็กล่าวตามเช่นกันและผิดหวังในตัวเมิ่งหยางอย่างที่สุด
“ท่านผู้อาวุโสขอรับ พวกเราไม่เคยได้ยินถึงบุคคลที่มีนามว่าฉินฉืออะไรนั่นเลย ทว่าเมื่อวานซืน ข้าก็เห็นผู้อาวุโสสิบสองลงโทษเมิ่งหยางจริง ๆ บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนั้นที่ทำให้เขาคิดคับแค้นใจ”
ศิษย์ของฝ่ายมารคนหนึ่งผู้ซึ่งติดตามมากับผู้อาวุโสใหญ่เห็นติงเหวินขยิบตาส่งสัญญาณให้ เขาจึงกล่าวออกมาด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย
แม้เขาจะไม่เคยได้ยินชื่อของฉินฉือมาก่อน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีใครคนหนึ่งที่พักอยู่กับหม่าเฟยและคนอื่น ๆ จริง ทว่าในอดีตตัวเขาเคยได้รับความช่วยเหลือจากติงเหวินและแน่นอนว่าเขาย่อมต้องการตอบแทนบุญคุณครั้งนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่กล่าวออกมานี้ก็คือศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสใหญ่และได้รับความไว้วางใจจากผู้อาวุโสใหญ่เป็นอย่างมาก เมื่อเขากล่าวเช่นนั้นออกมา แน่นอนว่าผู้อาวุโสก็ไม่มีความลังเลอีกต่อไป
“ไม่เพียงแต่ใส่ร้ายสหายของตนเองเท่านั้น ทว่ายังริอาจหลอกข้า เมิ่งหยาง…เจ้าช่างกล้ายิ่งนัก !”
เขาตวัดสายตาเย็นชามองเมิ่งหยางอีกครั้งและแผ่แรงกดดันตรงไปทันที
พรวดดด !
ภายใต้แรงกดดันมหาศาลของผู้อาวุโสใหญ่ เมิ่งหยางเข่าทรุดลงบนพื้นอย่างมิอาจควบคุมก่อนกระอักเลือดคำโตออกมา
“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านต้องเชื่อข้านะขอรับ พวกเขาทุกคนกำลังโกหก !”
เมิ่งหยางไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นได้เลย แล้วตอนนี้ฉินฉือหายไปไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เขายังอยู่ในบ้านกับทุกคนและไม่มีทางเลยที่เขาจะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ ต่อให้ต้องการหลบหนีออกไปจากฐานทัพของฝ่ายมาร มันก็ไม่มีทางเลยที่จะไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้คน
“ข้าก็อยากจะเชื่อเจ้า ทว่าฉินฉือนั่นไม่มีตัวตนด้วยซ้ำและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่ออกไปจากเกาะของเรา !”
ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสใหญ่ก็ได้ส่งกระแสจิตออกไปเพื่อสั่งให้คนจับตาดูบริเวณรอบนอกของเกาะไว้และส่งคนไปตรวจสอบข้อมูลในทุก ๆ ที่เช่นกัน
และคนเหล่านั้นก็รายงานกลับมาแล้วว่าไม่มีผู้ใดมีนามว่าฉินฉือและก็ไม่มีผู้ใดที่เดินทางออกไปจากฐานทัพของฝ่ายมารในค่ำคืนนี้ เมื่อได้ทราบคำตอบเหล่านั้น กอปรกับวาจายืนยันของทุกคนตรงหน้า เขาก็เชื่อในทันทีว่าเมิ่งหยางแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกลวงเขา
ยิ่งไปกว่านั้น การที่มีเรื่องที่ผู้อาวุโสสิบสองติงเหวินตำหนิวินัยในการฝึกวิชาของเมิ่งหยาง และด้วยความริษยาในพลังของคนอื่น ทุกอย่างก็สามารถอธิบายแรงจูงใจในการกระทำของเขาได้ไม่ยาก
“เหอะ สงครามชี้ชะตากับดินแดนเทพมายาใกล้เข้ามาเต็มที ทว่าเจ้ากลับไม่ทุ่มเทฝึกฝนอย่างเต็มที่ หนำซ้ำยังแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกลวงผู้อื่นอีก”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ฟาดฝ่ามือออกไปและผนึกพลังในร่างของเมิ่งหยางโดยตรง
“จับเขาโยนลงทะเลเพื่อเป็นอาหารปลาซะ !”
เขาถ่ายทอดคำสั่งออกไปเสียงดังก่อนโบกมือและหันหลังเดินจากไป ทว่าก่อนจากไป ศิษย์สายตรงของผู้อาวุโสใหญ่คนนั้นก็สบตากับติงเหวินอย่างมีความหมายครู่หนึ่งทว่าไม่กล่าวสิ่งใดและเดินตามผู้อาวุโสใหญ่ไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ ที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ เพื่อรับชมสิ่งที่น่าสนใจก็ได้แยกย้ายกลับไปเช่นกันจนเหลือเพียงติงเหวินและกลุ่มของเขาเท่านั้น
“หม่าเฟย คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเตรียมตัวไว้แล้ว”
เมิ่งหยางกล่าวขึ้นเบา ๆ ก่อนกระอักเลือดคำโตออกมาอีกครั้ง เขายังไม่รู้สึกว่าทำสิ่งใดผิดไป เพราะถึงอย่างไร เขาก็เชื่อมาเสมอว่าคนที่ไม่คิดอ่านกระทำการใดย่อมประสบหายนะในท้ายที่สุด สาเหตุที่เขาทำเช่นนี้ เขาหวังเพียงว่าเขาจะมีคุณค่าขึ้นมาและไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่นไปตลอดกาล
“เมิ่งหยาง เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ ? ข้าไม่เข้าใจเจ้าเลยจริง ๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ข้ามั่นใจว่าข้าดีกับเจ้ามาตลอด ต่อให้เจ้ามีพลังและพรสวรรค์ที่น้อยกว่าคนอื่น ๆ ข้าก็ไม่เคยทอดทิ้งเจ้า ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะคิดใส่ร้ายพวกเราเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเช่นนี้ นี่เจ้ายังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่หรือไม่ ?”
หม่าเฟยเดินตรงเข้ามาหาเมิ่งหยางอย่างช้า ๆ ขณะขมวดคิ้วและรู้สึกเศร้าในหัวใจ
ไม่ว่าเมื่อใด การถูกทรยศโดยสหายที่ไว้วางใจย่อมเป็นความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะทนรับได้
“ถูกต้อง ทุก ๆ คนดีกับเจ้ามาตลอด แม้เจ้าจะอ่อนแอและมีพรสวรรค์ที่ต่ำต้อย ทว่าพี่เฟยและผู้อาวุโสสิบสองก็ยังพยายามหาโอสถมาให้เจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าไม่เพียงแต่จะไม่ซาบซึ้งในบุญคุณเท่านั้น ทว่ายังคิดใส่ร้ายพี่เฟยและผู้อาวุโสสิบสอง จิตสำนึกของเจ้าถูกสุนัขคาบไปกินแล้วงั้นรึ ?!”
คนอื่น ๆ ก็จ้องหน้าเมิ่งหยางด้วยความโกรธแค้นและผิดหวังที่เคยเป็นมิตรกับคนผู้นี้ คนอย่างเมิ่งหยางไม่คู่ควรที่จะได้เป็นมิตรสหายกับพวกเขาเลยจริง ๆ
“เหอะ พร่ำบอกว่าพวกเจ้าดีกับข้า แท้ที่จริงพวกเจ้าก็มองข้ามข้ามาตลอด เกรงว่าผลลัพธ์เช่นนี้ก็คงจะเป็นสิ่งที่พวกเจ้าปรารถนามานานแล้ว !”
เมิ่งหยางแค่นเสียงเย็นชาอย่างไม่รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“ลูกพี่ลูกน้อง ไม่มีประโยชน์ที่จะเสียเวลาพูดคุยกับคนเช่นนี้ ทำตามคำสั่งของผู้อาวุโสใหญ่และจับเขาโยนลงทะเลเถอะ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย…มันก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาเท่านั้น !”
ติงเหวินกล่าวอย่างไม่แยแสทว่าในใจก็รู้สึกขอบคุณ ‘ฉินฉือ’ อย่างแท้จริง หากมิใช่เพราะบุรุษผู้นั้นที่เตือนพวกเขาไว้ก่อนเพื่อที่พวกเขาจะได้วางแผนรับมือกันล่วงหน้า เกรงว่าเขาและคนที่เหลือคงต้องตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน
“เข้าใจแล้ว”
หม่าเฟยพยักศีรษะก่อนดึงร่างของเมิ่งหยางเดินตรงไปทางชายหาด คนอื่น ๆ ก็เดินตามไปเช่นกันและไม่รู้สึกเสียใจแต่อย่างใด
“เมิ่งหยาง อย่างน้อยเจ้าก็เคยเป็นสหายคนหนึ่งของพวกเรา ข้าจะมอบโอกาสให้กับเจ้า ทะเลบริเวณนี้มีอสูรมายาอยู่น้อยที่สุด หลังจากนี้ไม่ว่าเจ้าจะเอาตัวรอดได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเจ้าเท่านั้น”
เมื่อเดินมาถึงชายหาดบริเวณที่มีอสูรมายาน้อยที่สุดในเกาะ เขาก็กล่าวขึ้นเบา ๆ ก่อนโยนร่างเมิ่งหยางลงไป
“ไปกันเถอะ”
จากนั้นพวกเขาก็หันหลังและกลับไปยังที่พักทันที
“พี่เฟย ท่านคิดว่าฉินฉือ…”
ทว่าทันทีที่มาถึงบ้านพัก หนึ่งในนั้นก็อดกล่าวขึ้นไม่ได้
“ชู่วว์ ! กำแพงมีหู ประตูมีช่อง !”
หม่าเฟยเอ่ยแทรกขึ้นมาทันทีและกล่าวเสียงดัง “เราไม่รู้จักฉินฉือหรือใครที่ใกล้เคียงกับชื่อนั้นแม้แต่คนเดียว เมิ่งหยางสร้างตัวตนนั้นขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายเรา”
ทันทีที่สิ้นเสียงของเขา ความรู้สึกเมื่อครู่นี้ที่เหมือนมีดวงตาหลายคู่จับจ้องอยู่ก็หายไปอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทว่าในหัวใจของเขาก็นึกสงสัยเช่นกัน ตอนนี้ฉินฉือจะออกไปจากเกาะของฝ่ายมารได้หรือยัง ? แต่ว่า…เขาจะออกไปโดยที่ไม่มีใครค้นพบได้อย่างไรกัน ?
ณ ผืนทะเลข้างนอกเกาะของฝ่ายมาร เมิ่งหยางผู้ซึ่งถูกโยนลงทะเลรู้สึกถึงพลังมหาศาลที่ดึงร่างตนขึ้นมาเหนือน้ำ
“ท่านจอมยุทธ์เป็นใครกัน ?”
เมื่อปรากฏตัวขึ้นมาบนเกาะอีกแห่งหนึ่ง เมิ่งหยางก็ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย บุรุษหนุ่มรูปงามและลึกลับตรงหน้าทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดทว่านึกไม่ออกว่าเคยพบเห็นจากที่ใด
“เหอะ ตอนที่ข้าเปิดเผยความลับออกไป ข้าไม่คิดเลยว่าจะลงเอยเช่นนี้ได้ !”
หานโม่ฉือแค่นเสียงเย็นชาและกล่าววาจาที่เป็นการยืนยันตัวตนของตนเอง
“ฉินฉือ…งั้นรึ?”
เมิ่งหยางถึงกับตกตะลึงทันทีขณะมองบุรุษตรงหน้าด้วยความไม่อยากเชื่อ ในเมื่อผู้อาวุโสใหญ่สืบทราบอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่มีใครออกจากเกาะ แล้วบุรุษผู้นี้ออกมาได้อย่างไรกัน ? ตัวตนแท้จริงของเขาคือใครกันแน่ ?
“ข้าคือหานโม่ฉือ”
หานโม่ฉือกล่าวและยิ้มอย่างเยือกเย็น นับตั้งแต่ที่เขาได้พบกับหม่าเฟยและคนอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ เขาก็สัมผัสได้ว่าเมิ่งหยางผู้นี้มิใช่คนจิตใจดี ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขามักระแวดระวังคนผู้นี้มาเสมอ ส่วนใหญ่เขามักออกจากบ้านในเวลากลางคืนและเก็บตัวอยู่ในบ้านในเวลากลางวัน มีเพียงไม่กี่คนในฝ่ายมารที่เคยพบหน้าเขา และมีเพียงกลุ่มของหม่าเฟยเท่านั้นที่ทราบถึงนามแฝงของเขา เพราะเหตุนั้นทางฝ่ายมารจึงไม่มีข้อมูลใดเกี่ยวกับชื่อ ‘ฉินฉือ’ นี้ อีกทั้งการออกจากเกาะของฝ่ายมารก็เป็นเรื่องง่ายมาก เพราะนอกเหนือจากฮวาเฉินก็ไม่มีใครที่จะตรวจจับการเคลื่อนไหวของเขาได้ ทว่าก็บังเอิญเหลือเกินที่ช่วงนี้ผู้นำฝ่ายมารอยู่ในช่วงเก็บตัวพอดิบพอดีและไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น การหลบหนีออกมาของหานโม่ฉือจึงราบรื่นไร้อุปสรรค
หลังจากหานโม่ฉือออกมา เสี่ยวม่านก็ยังคงอยู่ที่นั่นเพื่อสืบความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและบอกเขาทันทีที่ทราบถึงชะตากรรมของเมิ่งหยาง จากนั้นเขาจึงมุ่งหน้ามายังจุดที่เมิ่งหยางถูกโยนลงไปและนำตัวอีกฝ่ายมาที่เกาะแห่งนี้
“หานโม่ฉือ..นั่นมัน…”
เมิ่งหยางพึมพำออกมาเมื่อได้ยินชื่อ ‘หานโม่ฉือ’ และในที่สุดหัวใจที่คับแค้นของเขาก็นึกเสียใจกับการกระทำของตน แน่นอนว่าไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่รู้จักเจ้าของชื่อหานโม่ฉือ—สามีของฉินอวี้โม่และยังเป็นผู้ที่เรียกได้ว่าทรงพลังที่สุดในดินแดน ไม่คิดเลยว่าเขาจะแฝงตัวเข้ามาในฐานทัพของฝ่ายมารด้วยตัวเองเช่นนี้
หากทราบมาก่อนว่าฉินฉือคือหานโม่ฉือ เมิ่งหยางก็คงไม่คิดทรยศเช่นนี้ ตราบใดที่ติดตามหม่าเฟยและคนอื่นๆต่อไปและเอาตัวรอดจากสงครามได้ เขาจะต้องมีชีวิตที่ดีได้อย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้ว
“เจ้าจะต้องอยู่และตายบนเกาะแห่งนี้ ข้าได้เตรียมคนที่คอยจับตาดูเจ้าไว้แล้ว ไม่ต้องห่วง…เจ้าไม่มีโอกาสหลบหนีได้แน่”
หานโม่ฉือกล่าวและแสยะยิ้มเล็กน้อย สำหรับคนทรยศอย่างเมิ่งหยาง การที่ได้มีชีวิตอยู่เจ็บปวดทรมานยิ่งกว่าความตายเสียอีก ในอนาคต เมื่อใดที่ได้ทราบข่าวว่าหม่าเฟยและคนอื่น ๆ มีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงตอนนั้นคนผู้นี้จะต้องนึกเสียใจไปตลอดชีวิตอย่างแน่นอน…
ก่อนที่เมิ่งหยางจะเข้าใจความหมายหานโม่ฉือ อีกฝ่ายก็หายตัวไปเสียแล้ว ทว่าจู่ ๆ อสูรดุร้ายหลายตัวก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขาและคำรามเสียงดังสนั่นจนเมิ่งหยางรู้สึกหวาดกลัวจนขวัญกระเจิง…
อีกฟากหนึ่งของดินแดน ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ทราบข่าวว่าหานโม่ฉือหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยแล้ว หลังจากหารือตกลงกัน ทุกคนก็วางแผนที่จะเริ่มดำเนินการและเปิดโปงตัวตนที่แท้จริงของอวี๋เสี่ยวอวิ๋นตัวปลอมผู้นั้น !