คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 780 ผู้ถูกเลือก
ภายในห้องพิเศษ ณ ชั้นที่สอง ผู้คนจากตระกูลใหญ่ก็มีอาการตื่นเต้นขึ้นมาก
พวกเขาทราบดีว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้มีความสำคัญอย่างไรสำหรับตน หากได้มันมาครอบครอง ไม่ว่าจะมาจากตระกูลหรือขุมกำลังใด ความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นก็จะพัฒนาขึ้นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะได้เป็นผู้ปกครองของเมืองเทียนหยวนเท่านั้น ทว่าแม้แต่การที่จะกลายเป็นขุมกำลังระดับสองของทั่วทั้งดินแดนก็ยังมีโอกาสเป็นไปได้
เวลานี้ฉินอวี้โม่สงบนิ่งอย่างมาก นางทราบดีว่าโอกาสที่สำคัญเช่นนี้มิใช่สิ่งที่จะได้มาง่าย ๆ
สิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่งและมีความคิดเป็นของตนเอง หากไม่มีผู้ถูกเลือกในงานประมูลครานี้ เจ้าตัวจิ๋วก็จะหายไปและจะไม่มีผู้ใดได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่ไปครอง
เจ้าตัวจิ๋วแลดูซุกซนยิ่งนักขณะบินโฉบไปมารอบ ๆ ห้องโถง แสงที่เปล่งออกมาจากร่างของมันก็ดึงดูดสายตาของทุกคนได้อย่างง่ายดาย
บรรดาผู้คนในห้องโถงที่เจ้าตัวจิ๋วบินเข้าไปใกล้ในตอนแรกล้วนตื่นเต้นอย่างยิ่ง แต่แล้วก็ต้องพบกับความผิดหวังไม่ต่างกัน จากนั้นก็ตามมาด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นั้นจะลงเอยที่ผู้ใด
ประมาณหนึ่งก้านธูปต่อมา เจ้าตัวจิ๋วก็เริ่มมีท่าทีเหนื่อยล้าเล็กน้อยและหลังจากที่ส่งเสียงร้องแบบเด็ก ๆ ร่างขนาดเล็กของมันก็บินสูงขึ้นไปข้างหน้าห้องพิเศษของชั้นที่สอง
*ฟุดฟิด ฟุดฟิด*
เจ้าตัวจิ๋วขยับจมูกดมฟุดฟิดราวกับกำลังตามหาร่องรอยของผู้ที่ถูกโชคชะตาฟ้าลิขิตให้เป็นเจ้าของโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้
เสียงกระซิบกระซาบของทุกคนเงียบลงและทั้งโรงประมูลก็ตกอยู่ท่ามกลางความเงียบสงัด ในเวลานี้หากมีเข็มเล่มใดร่วงตกลงพื้น เกรงว่าทุกคนก็คงจะได้ยินกันอย่างชัดเจน
“จิ๊บจิ๊บ~”
เสียงร้องสองครั้งดังขึ้นขณะร่างเล็ก ๆ บินไปปรากฏและหายวับระหว่างห้องแต่ละห้อง
“ผู้โชคดีคนนั้นจะเป็นใครกัน…”
ใครคนหนึ่งอดกล่าวออกไปไม่ได้ ทุกคนทราบดีว่าชั้นที่สองของโรงประมูลเต็มไปด้วยบุคคลผู้มีชื่อเสียงและทรงอิทธิพลของเมืองเทียนหยวน ไม่ว่าใครที่ได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไปครอง มันก็ถือว่าสมเหตุสมผลทีเดียว
หลายคนก็แอบคาดหวังในใจและหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉินอวี้โม่จะได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไปครอง หากเป็นเช่นนั้นจริง มันก็คงจะน่าสนุกไม่น้อย
ภายในห้องพิเศษบนชั้นที่สอง เวลานี้คนจากตระกูลโจวและตระกูลเฝิงต่างก็ตื่นเต้นและคาดหวังอย่างที่สุด
ความคิดของคนตระกูลเฝิงนั้นไม่ซับซ้อนแม้แต่น้อย หากพวกเขาได้โอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ พวกเขาจะกลายเป็นขุมกำลังอันดับหนึ่งของเมืองเทียนหยวนได้อย่างแน่นอน แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ก็ยังต้องเคารพยำเกรงพวกเขา
ทว่าความคิดของโจวเฉียนก็เห็นแก่ตัวกว่ามาก เขาคิดว่าหากได้โอกาสนั้นมาครอง เขาอาจแข็งแกร่งพอที่จะโค่นล้มอำนาจของผู้นำตระกูลโจวและขึ้นเป็นผู้นำเสียเองซึ่งจะได้ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของโจวปิ่งฮุยอีกต่อไป
น่าเสียดายที่ทั้งสองได้เพียงเพ้อฝันต่อไปเท่านั้น
เจ้าตัวจิ๋วไม่หยุดลงตรงหน้าห้องของพวกเขาด้วยซ้ำและบินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าห้องที่อยู่ถัดจากห้องของตระกูลโจวก็คือห้องของตระกูลเฉินนั่นเอง
เจ้าตัวน้อยบินไปหยุดลงตรงหน้าห้องของพวกเขาและมองสำรวจดูรอบ ๆ
ทันใดนั้น หน้าต่างด้านหน้าของห้องก็เปิดออกและเฉินเซี่ยวลั่วก็ก้าวออกมายืนริมหน้าต่างพร้อมมองตรงไปยังสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กตรงหน้า
“จิ๊บจิ๊บ~”
เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องเบา ๆ ราวกับกำลังยืนยันอะไรบางอย่าง
เฉินเซี่ยวลั่วยื่นมือออกไปหาสิ่งมีชีวิตตรงหน้าพร้อมคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร
อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวจิ๋วส่ายศีรษะและบินจากไปอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าผู้นำตระกูลเฉินมิใช่ผู้ที่ถูกเลือก
ความผิดหวังปรากฏบนสีหน้าของเฉินเซี่ยวลั่วเล็กน้อยทว่าเขาก็ปรับสีหน้ากลับสู่ปกติอย่างรวดเร็ว เขาทราบดีว่ามิใช่ทุกคนที่จะสมหวังและได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่มาครอง การที่เจ้าตัวจิ๋วไม่เลือกตนก็ถือเป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้แล้ว
“ข้าจะคอยเอาใจช่วย”
เขาหันไปยิ้มให้กับโหรวฉิงและซ่างสี่ซานพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ
แม้ไม่ได้โอกาสนี้ เขาก็ไม่รังเกียจหรือไม่พอใจที่อีกสองตระกูลจะได้มันไป ต่อให้ทราบดีว่าหากพวกเขาได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ พลังอำนาจของพวกเขาจะเหนือชั้นกว่าตระกูลเฉินจนเทียบไม่ติด เฉินเซี่ยวลั่วก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย
ไม่มีใครรู้จักซ่างสี่ซานและโหรวฉิงได้ดีเท่ากับเฉินเซี่ยวลั่วอีกแล้ว ต่อให้ทั้งสองได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไปครอง เมืองเทียนหยวนก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนัก
อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เฉินเซี่ยวลั่วเกิดความรู้สึกประหลาดในใจว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่จะไม่ลงเอยในมือของผู้นำตระกูลทั้งสอง แท้จริงแล้วผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับโอกาสนี้มากที่สุดก็คือจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นอย่างฉินอวี้โม่…
เจ้าตัวน้อยบินไปหยุดลงอีกครั้งตรงหน้าห้องของโหรวฉิง
ผู้นำตระกูลโหรวเปิดหน้าต่างออกอย่างช้า ๆ และเผยให้เห็นใบหน้างดงามดุจดั่งเทพธิดา แม้อายุที่แท้จริงของนางจะมากกว่าร้อยปี แต่นางก็ดูเหมือนมีอายุเพียงประมาณสามสิบปีเท่านั้นและนั่นเป็นผลมาจากระดับพลังของนาง เสน่ห์ดึงดูดในทุกท่วงท่าทุกการเคลื่อนไหวของนางมิใช่สิ่งที่สตรีทั่วไปจะเทียบด้วยได้ กอปรกับดวงตาคมดุจเหยี่ยวที่ยิ่งเสริมความดึงดูดใจของนางให้เพิ่มมากขึ้นจนทำให้บุรุษมากมายไม่อาจต้านทานหรือละสายตาจากความงามทรงเสน่ห์ของผู้นำตระกูลโหรวไปได้เลย
“มาหาพี่สาวเถอะ มาลิ้มรสของอร่อย ๆ พวกนี้”
โอสถระดับสูงจำนวนหนึ่งปรากฏในมือของโหรวฉิงและนางโบกมือให้กับเจ้าตัวน้อยพร้อมกล่าวเชิญชวน
“จิ๊บจิ๊บ จิ๊บจิ๊บ~”
เจ้าตัวน้อยส่งเสียงร้องหลายครั้งก่อนตรงเข้าไปหาโหรวฉิงและหยุดลงบนมือของนาง
เสียงโห่ร้องยินดีดังขึ้นในห้องโถงทันที เห็นได้ชัดว่าโหรวฉิงได้รับความนิยมในเมืองเทียนหยวนอย่างมาก เมื่อทราบว่านางได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ไปครอง พวกเขาก็ไม่ได้นึกริษยาแต่อย่างใดและเพียงรู้สึกยินดีกับนางเท่านั้น
“ง่ำ ๆ ๆ”
เจ้าตัวน้อยหยิบโอสถเหล่านั้นกัดแทะและกลืนกินอย่างรวดเร็วก่อนเงยหน้าขึ้นสบตากับโหรวฉิงและบินไปข้างพวงแก้มของนาง
*มั๊วะ*
เสียงเบา ๆ ดังขึ้นเมื่อเจ้าตัวน้อยจุมพิตประทับลงที่แก้มงามของนาง
รอยยิ้มบนใบหน้าของผู้นำตระกูลโหรวกว้างขึ้นด้วยความดีใจทันทีเมื่อคิดว่าเจ้าตัวจิ๋วยอมรับตนแล้ว
แต่ทว่า…หลังจากจุมพิตนั้น ร่างของสิ่งมีชีวิตตัวจิ๋วก็หายวับไปอีกครั้ง
ภายในพริบตา เจ้าตัวน้อยก็ปรากฏตัวอีกครั้งหน้าห้องที่ซ่างสี่ซานและสมาชิกของตระกูลซ่างประจำอยู่
“หึ เจ้าเล่ห์ไม่เบาจริง ๆ”
โหรวฉิงหัวเราะเบา ๆ และกล่าวอย่างจนปัญญา เจ้าตัวน้อยสนใจเพียงโอสถในมือของนางเท่านั้นและเพียงขอบคุณนางด้วยการจุมพิตแก้ม นางมิใช่ผู้ที่ถูกเลือกตั้งแต่แรก
ทุกคนในห้องโถงตกตะลึงและพูดไม่ออกไปทันที ไม่คิดเลยว่าสิ่งมีชีวิตร่างเล็ก ๆ เช่นนั้นจะซุกซนถึงเพียงนี้ มันกลืนกินโอสถเหล่านั้นไปอย่างเอร็ดอร่อยทั้งที่ไม่เลือกโหรวฉิงด้วยซ้ำ
แท้จริงแล้วเจ้าตัวจิ๋วนั่นเป็นตัวอะไรกันแน่ ?
ในเวลานี้มันก็บินไปหยุดลงตรงหน้าห้องของซ่างสี่ซานและกระพือปีกสีทองอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางตื่นเต้น
สายตาของทุกคนจดจ่อไปที่เจ้าตัวน้อยอย่างไม่กะพริบตาและต้องการเห็นว่ามันจะทำอย่างไรต่อไป
ซ่างสี่ซานก้าวออกมายืนที่ริมหน้าต่างเช่นกันและเผยให้เห็นรูปลักษณ์ที่ดูเหมือนบุรุษวัยกลางคนธรรมดา ๆ คนหนึ่งซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงสี่สิบปี
เขาคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับสิ่งมีชีวิตจิ๋วตรงหน้าพร้อมยื่นมือออกไป ในมือของเขามีโอสถระดับสูงเช่นกัน และแน่นอนว่าเจ้าตัวน้อยไม่รอช้าพร้อมบินตรงเข้ามากัดกินอย่างมีความสุข
ครานี้มันไม่หยุดอยู่นานและบินขึ้นจากฝ่ามือของซ่างสี่ซานอย่างรวดเร็ว
ซ่างสี่ซานไม่แปลกใจแต่อย่างใด เห็นได้ชัดว่าโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่ได้ถูกลิขิตมาเพื่อเขา
เจ้าตัวจิ๋วพยักหน้าให้กับซ่างสี่ซานราวกับต้องการแสดงความขอบคุณ
ผู้นำตระกูลซ่างก็เพียงยิ้มตอบพร้อมโบกมือเบา ๆ ก่อนเจ้าตัวจิ๋วจะบินจากไป
อึดใจต่อมา มันก็หันไปหันมากลางอากาศเล็กน้อยก่อนบินตรงไปยังห้องของฉินอวี้โม่และคณะ
ภายในห้องพิเศษของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ ทุกคนนั่งนิ่งอย่างใจเย็นราวกับไม่สนใจโอกาสที่ยิ่งใหญ่แม้แต่น้อย
“ข้าเคยลองทดสอบดูแล้ว โอกาสนั่นมิใช่สำหรับข้า”
หลานเผิงผายมือและยักไหล่เบา ๆ เขาเองก็มิใช่ผู้ที่ถูกเลือกเช่นเดียวกับหลายคนในโรงประมูลนี้
“ลูกพี่อวี้โม่ พวกเราก็คงไม่มีโอกาสได้มันมาหรอก”
ฉื่อไท่หลางและคนอื่น ๆ ไม่แม้แต่จะคิดหมายปองมันด้วยซ้ำ หากจะมีผู้ใดในห้องนี้ที่มีโอกาสได้มันมาครอง คนผู้นั้นก็จะต้องเป็นฉินอวี้โม่ไม่ผิดแน่
“แม่นางอวี้โม่ ท่านลองดูก่อนเถอะ”
จางเหิงกล่าวพลางชี้นิ้วตรงไปที่หน้าต่างเพื่อให้ฉินอวี้โม่ลองเรียกเจ้าตัวจิ๋วมาหาตน
ทว่าฉินอวี้โม่ยังคงนั่งนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง หากนางเป็นผู้ถูกเลือกที่โชคชะตาลิขิตไว้จริง ๆ นางเชื่อว่าโอกาสนั้นจะเข้ามาหานางเองโดยที่นางไม่ต้องพยายามทำสิ่งใด
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ เจ้าตัวจิ๋วบินตรงมาหยุดและลอยตัวตรงหน้าห้องของฉินอวี้โม่และคณะ เมื่อไม่เห็นผู้ใดเปิดเผยตัวที่หน้าต่าง ใบหน้าเล็กๆของมันก็แสดงความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“จิ๊บจิ๊บ~”
มันส่งเสียงร้องสองครั้งขณะพยายามสอดส่ายสายตามองดูภายในห้องด้วยความอยากรู้อยากเห็นก่อนที่จะสังเกตเห็นทุกคนภายในห้อง
“เอ๋ ?”
เสียงร้องแหลมดังขึ้นซึ่งเป็นเสียงที่ฟังดูเหมือนเสียงประหลาดใจของเด็กหนึ่งขวบ
เจ้าตัวน้อยกระพือปีกสีทองอย่างรวดเร็วและบินตรงเข้าไปในห้องทันที
“เกิดอะไรขึ้น ?”
เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นในห้องกั้น แน่นอนว่าทุกคนจึงมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในนั้น เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตตัวน้อยบินเข้าไป หลายคนก็อดกล่าวด้วยความสงสัยใคร่รู้ไม่ได้
“ไม่ต้องกังวล ทุกท่านจะได้ทราบผลในไม่ช้า”
พิธีกรกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อให้ทุกคนอยู่ในความสงบ เขาเห็นแล้วว่ามีหลายคนต้องการบินขึ้นไปชั้นที่สองเพื่อดูสถานการณ์ข้างใน ทว่านั่นเป็นสิ่งที่จะไม่ได้รับอนุญาตอย่างแน่นอน
จากนั้นทุกคนก็สงบสติอารมณ์ลงและเฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
เพียงแต่การที่ไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้องนั้นทำให้พวกเขาอดตื่นเต้นและสงสัยไม่ได้
“จิ๊บจิ๊บ~ จิ๊บจิ๊บจิ๊บ~”
เวลานี้ เจ้าตัวน้อยบินเข้ามาในห้องและหยุดลงไม่ไกลจากฉินอวี้โม่พร้อมส่งเสียงร้องหลายครั้งด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
ก่อนหน้านี้มันพยายามตามหากลิ่นอายที่คุ้นเคยมาตลอดและในที่สุดมันก็พบเสียที ผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้คือผู้ที่ถูกชะตาลิขิตไว้ให้เป็นเจ้าของมัน
“มานี่สิ…”
ฉินอวี้โม่โบกมือเรียกเจ้าตัวจิ๋วพร้อมรอยยิ้ม
เจ้าตัวจิ๋วพยักหน้าหงึกหงักทันทีและลอยเข้าไปหาฝ่ามือของนาง
“ข้าคือผู้ถูกเลือกที่เจ้ากำลังตามหาอย่างนั้นหรือ ?”
แม้ทราบว่าเจ้าตัวจิ๋วพูดไม่ได้ แต่มันก็ดูจะมีสติปัญญาในระดับสูงและฉินอวี้โม่เชื่อว่ามันจะเข้าใจความหมายของนางได้ไม่ยาก
“จิ๊บจิ๊บ~”
เจ้าตัวน้อยพยักหน้าด้วยแววตาใสซื่อและน่ารัก
มันหยุดลงบนฝ่ามือของฉินอวี้โม่เบา ๆ ทว่าด้วยขนาดที่เล็กจิ๋วเพียงเท่ากับสองนิ้วมือของนาง มันจึงดูน่ารักน่าชังยิ่งนัก
“นายที่แท้จริงของเจ้าคือใครกัน ?”
ทันทีที่เจ้าตัวจิ๋วเหยียบลงบนฝ่ามือของตน ฉินอวี้โม่รู้สึกได้ว่าพลังลึกลับที่ถูกปิดผนึกไว้ในร่างกายเกิดการผันผวนอย่างรุนแรงทันที ทว่าความรู้สึกนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
จู่ ๆ นางก็รู้สึกราวกับว่าหลายสิ่งหลายอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว ราวกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้เฝ้ารอการมาถึงของนางอยู่ที่นี่มานาน
เจ้าของที่แท้จริงของโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้จะต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับนางอย่างแน่นอน…
อย่างไรก็ตาม จากความทรงจำนับตั้งแต่อดีตเมื่อครั้งยังเป็นชิงเหอ นางก็อาศัยอยู่กับอาจารย์ผู้ลึกลับในหมู่บ้านแห่งนั้น ในช่วงที่เติบโตขึ้นในตอนนั้นก็มีเพียงไม่กี่คนที่นางรักและห่วงใยที่สุด ทันใดนั้นก็เกิดข้อคาดเดาบางอย่างขึ้นในใจของนาง สิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับชีวิตของข้าอย่างไรกันแน่ ?
หรือพลังที่ถูกปิดผนึกไว้ในร่างกายของข้าจะมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ ?
““@#฿)%+(&=#@$”
เจ้าตัวน้อยส่งเสียงไม่หยุดหย่อนราวกับกำลังสื่อสารบางอย่างที่ฉินอวี้โม่ไม่อาจเข้าใจ จากนั้นจู่ ๆ มันก็กลายเป็นแสงหม่น ๆ และหายวับไปในฝ่ามือของนาง
“หืมมม ?”
ฉินอวี้โม่ตกใจเล็กน้อยทันที นางสัมผัสได้ว่าเมื่อครู่เจ้าตัวจิ๋วแทรกเข้ามาที่ระหว่างคิ้วของนางก่อนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“แม่นางอวี้โม่ ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย”
หลานเผิงกล่าวแสดงความยินดีกับฉินอวี้โม่โดยไม่มีความริษยาใด ๆ ในทางกลับกัน การได้ทราบว่าฉินอวี้โม่คือผู้ถูกเลือกที่เฝ้าตามหาก็ทำให้เขารู้สึกยินดีกับนางจากใจจริง
“ทุกท่าน ในเวลานี้โอกาสที่ยิ่งใหญ่พบผู้ถูกเลือกที่แท้จริงของมันแล้ว ทุกท่านไม่ต้องรออีกต่อไป”
เสียงของพิธีกรผู้ดำเนินงานดังขึ้นและทำให้ห้องโถงเงียบลงยิ่งกว่าเดิม