คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 788 ฉีกหน้ากันอย่างเปิดเผย
ภายในห้องส่วนตัวของคุณหนูตระกูลเถียน ทุกคนมีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
เถียนโป๋อันคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่อยู่บนเตียงจะเป็นเถียนเยี่ยนจือและพี่ชายของนางเอง แม้ทั้งสองจะเป็นพี่น้องต่างมารดา ทว่าก็ยังเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด ในเมื่อเกิดเรื่องที่เสื่อมเสียเช่นนี้ขึ้น หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ผู้นำตระกูลอย่างเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน ?
การร่วมประเวณีระหว่างพี่ชายและน้องสาว นอกจากทั้งตระกูลเถียนจะกลายเป็นที่หัวเราะเยาะของคนทั้งเมืองแล้ว พวกเขาก็จะถูกทุกคนดูหมิ่นและรังเกียจอย่างที่สุด
สีหน้าของคนตระกูลเหมียวในตอนนี้แสดงความเยาะเย้ยอย่างชัดเจน เถียนโป๋อันพร่ำกล่าวด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าหานโม่ฉือคือผู้กระทำผิดในเรื่องนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าแท้ที่จริงแล้วผู้ที่อยู่บนเตียงคือบุตรชายและบุตรสาวของตน พี่ชายร่วมหลับนอนกับน้องสาว…เกรงว่าคงมีเพียงตระกูลเถียนเท่านั้นที่จะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้
“ผู้นำเถียน ช่างน่าสนใจจริง ๆ ที่คนของท่านทำเรื่องที่ผิดต่อศีลธรรมและหลักธรรมอันดีงามเช่นนี้ ทว่ากลับยัดเยียดความรับผิดชอบให้กับข้า ?”
หานโม่ฉือยกยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นและกล่าวเย้ยหยันออกไปโดยตรง
“นี่เป็นฝีมือของเจ้า !”
เถียนโป๋อันตะโกนกร้าวทันที เกรงว่าแผนการของพวกเขาคงจะถูกหานโม่ฉือค้นพบตั้งแต่แรกแล้วและทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ก็เป็นฝีมือของเขาโดยมีจุดประสงค์ที่จะให้ทุกคนได้เห็นภาพนี้พร้อมกันและทำลายชื่อเสียงของตระกูลเถียน
“เถียนโป๋อัน การที่ตระกูลเถียนของเจ้าทำตัวน่ารังเกียจกันเช่นนี้ เจ้ายังคิดจะให้ร้ายว่าเป็นความผิดของสหายน้อยโม่ฉืออีกรึ ? นี่มันชักจะมากเกินไปแล้ว !”
เหมียวเหรินจวินกล่าวด้วยความไม่พอใจ เขาคาดเดาได้ไม่ยากว่าหานโม่ฉือคงมองทะลุแผนการของตระกูลเถียนได้ตั้งแต่แรกและประยุกต์ใช้แผนการนั้นเพื่อให้ย้อนกลับไปทำลายตัวพวกเขาเอง
หากว่าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป ชื่อเสียงของตระกูลเถียนจะถูกทำลายอย่างไม่มีชิ้นดีและเถียนเยี่ยนจือก็จะเป็นที่รังเกียจของทุกคนต่อให้นางมีสถานะเป็นคุณหนูของตระกูลเถียนก็ตาม
“ถูกต้อง เจ้าบอกให้เขาพาพี่หานและข้ามาที่นี่ เราทั้งสองก็รออยู่ในห้องข้างล่างมาตลอด การที่เขาและเถียนเยี่ยนจือทำเรื่องที่น่าขยะแขยงกันเช่นนี้ ทว่าเจ้ายังคิดจะกล่าวโทษว่าเป็นความผิดของพวกเราอีกรึ ? ช่างน่าตลกชะมัด !”
เหมียวเจินเจินกล่าวอย่างไม่ไว้หน้าและไม่มีความเกรงกลัวต่ออีกฝ่ายแม้แต่น้อย
ทว่าเรื่องนี้ก็คือการแผนการตลบหลังของหานโม่ฉืออย่างแท้จริง
เขาค้นพบถึงแผนการชั่วร้ายของตระกูลเถียนได้ล่วงหน้าและทราบว่าเถียนเยี่ยนจือคิดจะทำสิ่งใด เพราะเหตุนั้นเขาจึงประยุกต์ใช้แผนการนี้เพื่อให้ย้อนกลับไปทำลายตระกูลเถียนเสียเอง ถึงอย่างไรความสัมพันธ์ระหว่างเขาและตระกูลเถียนก็ไม่ลงรอยกันอยู่แล้วและไม่มีทางที่จะดีขึ้นได้ หานโม่ฉือจึงไม่คิดที่จะยั้งมือหรือไว้หน้าผู้ใด
แม้ความแข็งแกร่งของเถียนเยี่ยนจือและพี่ชายจะไม่ถือว่าเลวร้ายนัก ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหานโม่ฉือ พลังของทั้งสองก็ไร้ความหมาย
ตระกูลเถียนก็คิดผิดไปว่าหานโม่ฉือคงไม่กล้าทำสิ่งใดในจวนตระกูลของตน พวกเขาจึงไม่ระแวดระวังนักและปล่อยให้หานโม่ฉือมีโอกาสได้ดำเนินแผนการอย่างราบรื่น ตอนนี้ต่อให้เถียนโป๋อันสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของหานโม่ฉือ เขาก็อับสิ้นหนทาง ในเมื่อเรื่องน่าอายเช่นนี้เกิดขึ้นแล้ว มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะกล่าวแก้ตัวอย่างไรอีก
ในเวลานี้ เถียนเยี่ยนจือและพี่ชายของนางก็ยังไม่ได้สติกลับคืนมา แม้ว่าทั้งสองจะถูกแยกออกจากกัน ทว่าพวกเขาก็ยังดิ้นรนและส่งเสียงประหลาดออกมา
เถียนโป๋อันอับอายอย่างที่สุดและก้าวเข้าไปฟาดคนทั้งสองจนสลบโดยที่มีสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเกมาก
ไม่เพียงแต่แผนการของพวกเขาล้มเหลวเท่านั้น ทว่าหานโม่ฉือก็ยังเอาคืนได้อย่างร้ายกาจ ชื่อเสียงของเถียนเยี่ยนจือถูกทำลายอย่างป่นปี้ไม่มีชิ้นดีและเขาจะต้องหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของตระกูลเถียนกลับคืนมาให้ได้
“สหายเหมียว ทุกคน เราไปพูดคุยกันที่อื่นก่อนเถอะ”
น้ำเสียงของเขาอ่อนลงมากขณะเชิญเหมียวเหรินจวินและคนอื่น ๆ ไปพูดคุยกันที่อื่น
กลิ่นกระตุ้นกำหนัดภายในห้องนี้ทำให้เขาอึดอัดอย่างที่สุด และเรื่องนี้จะต้องได้รับการสะสางโดยเร็ว มิฉะนั้นมันจะยิ่งเกิดปัญหาที่ไม่อาจแก้ไขได้
เหมียวเหรินจวินและคนอื่น ๆ ก็ไม่ได้ปฏิเสธก่อนเดินไปยังลานข้างนอกพร้อมกับเถียนโป๋อัน
“สหายเหมียว ข้าทราบดีว่าเราทั้งสองตระกูลมีเรื่องบาดหมางกันมานาน ก่อนหน้านี้ข้าก็ทะนงตนเกินไปและทำให้เขาทั้งสองฝ่ายเข้าใจผิดกันหลายครา ในวันนี้ การที่เกิดเรื่องใหญ่และเรื่องน่าอายเช่นนี้กับตระกูลเถียน ข้าก็หวังว่าสหายเหมียวและสมาชิกทั้งตระกูลเหมียวจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ให้คนนอกรับรู้”
น้ำเสียงของเขาฟังดูจริงใจยิ่งนัก มิใช่เรื่องง่ายเลยที่จะได้เห็นผู้นำตระกูลเถียนก้มหัวให้กับเหมียวเหรินจวินเช่นนี้
เหมียวเหรินจวินและหานโม่ฉือสบตากันเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าหานโม่ฉือส่ายศีรษะเบา ๆ เขาก็เข้าใจความหมายได้ทันที
“ข้าคงรับปากเรื่องนี้ไม่ได้ วันนี้มีพยานเห็นเหตุการณ์มากนักและข้ารับประกันไม่ได้ว่าเรื่องนี้จะไม่รั่วไหลไปถึงหูคนนอก อีกอย่าง…นอกจากตระกูลเหมียวเราก็ยังมีสมาชิกตระกูลเถียนจำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพนั้น หากในอนาคตคนตระกูลเถียนเป็นคนเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปเอง เกรงว่าผู้นำเถียนก็คงจะโทษว่าเป็นความผิดของเราอีก แทนที่จะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องปฏิเสธตั้งแต่เนิ่น ๆ ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเรา ผู้นำเถียนเห็นด้วยรึไม่ ?”
เขาปฏิเสธอย่างชัดเจนและเปิดเผยความคิดของตระกูลเถียนไปในเวลาเดียวกัน ด้วยนิสัยใจคอของผู้นำตระกูลเถียน หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เขาจะโทษว่าเป็นความผิดของตระกูลเหมียวอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น แผนการชั่วร้ายนี้ก็เล็งเป้าหมายมาที่หานโม่ฉือตั้งแต่ต้น ทว่าตอนนี้กลับถูกตลบหลังจนตระกูลเถียนต้องกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียเอง แน่นอนว่าตระกูลเหมียวก็จะไม่พลาดโอกาสที่จะซ้ำเติมพวกเขาอย่างแน่นอน
หากเรื่องนี้ไม่ถูกเผยแพร่ออกไป จากนั้นการต่อสู้ขัดแย้งทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองตระกูลก็เป็นเพียงการต่อสู้ที่ไร้ความหมายรึ ?
“เหมียวเหรินจวิน ในเมื่อพูดดี ๆ แล้วไม่ฟัง เจ้าต้องการให้ข้าใช้กำลังปิดปากเจ้ารึ ?!”
เมื่อเหมียวเหรินจวินปฏิเสธ เถียนโป๋อันก็โกรธเกรี้ยวอย่างที่สุดขณะจ้องหน้าอีกฝ่ายตาเขม็งและกล่าวข่มขู่
“เถียนโป๋อัน อย่าคิดว่าพวกข้าจะไม่ทราบความจริง บุตรสาวของเจ้าคิดจะใช้โอกาสนี้ในการล่อลวงสหายน้อยโม่ฉือ หากมิใช่เพราะเขาไหวตัวได้ทัน เกรงว่าเขาคงเอาตัวรอดจากสถานการณ์นั้นไม่ได้แน่ ตอนนี้เรื่องน่าอายก็เกิดขึ้นในตระกูลของเจ้าเองและยังขอให้พวกเราปิดปากเงียบอีกรึ ? ฝันไปเถอะ !”
เหมียวเหรินจวินไม่อ้อมค้อมอีกต่อไปและกล่าววาจาแสดงทัศนคติอย่างชัดเจนเช่นกัน
“ถูกต้อง เถียนเยี่ยนจือ…เจ้าสตรีที่น่ารังเกียจนั่น คิดจะใช้เรื่องนี้คลุมหัวพี่หานของข้า ช่างตลกชะมัด ! หากพี่หานเป็นบุรุษที่อยู่ในห้องนั้นตามแผนการของเจ้า เกรงว่าเรื่องนี้คงถูกป่าวประกาศไปทั่วทั้งเมืองแล้ว ทว่าตอนนี้คิดจะให้พวกเราช่วยปิดเป็นความลับรึ มันจะเป็นไปได้อย่างไร !”
เหมียวเจินเจินแสดงสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์อย่างที่สุดและโกรธแค้นกับแผนการของเถียนโป๋อัน
ผู้ที่คู่ควรกับบุรุษที่ล้ำเลิศและเพียบพร้อมอย่างหานโม่ฉือมีเพียงพี่สะใภ้ที่นางยังไม่เคยพบหน้าเท่านั้น ไม่ว่าสตรีอื่นใดก็ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดเพ้อฝัน เถียนเยี่ยนจือผู้นั้นก็ไม่คู่ควรแม้แต่จะเช็ดรองเท้าของพี่หานของนางด้วยซ้ำ !
“หุบปาก !”
เถียนโป๋อันเดือดดาลจนใบหน้าแดงก่ำและตบฝ่ามือตรงไปที่ร่างของเหมียวเจินเจินทันที เด็กสาวผู้นี้มีปากคอเราะร้ายเกินไปจริง ๆ !
“เหอะ ผู้นำเถียนอย่าแพ้แล้วพาลจะดีกว่า!”
หานโม่ฉือขวางฝ่ามือของเถียนโป๋อันไว้และแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน
“หานโม่ฉือ เจ้าเป็นเพียงคนไร้หัวนอนปลายเท้าจากเมืองเล็ก ๆ ที่โชคดีมีพรสวรรค์มากกว่าผู้อื่นเท่านั้น เพียงจือเอ๋อร์สนใจในตัวเจ้าก็ถือว่าเป็นบุญของเจ้ามากแล้ว ทว่าเจ้ายังปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งครานี้เจ้ายังวางแผนชั่วร้ายทำลายชื่อเสียงของนาง เจ้าคิดว่าตระกูลเถียนของข้าจะทำอะไรเจ้าไม่ได้จริง ๆ งั้นรึ !”
หากมิใช่เพราะบุตรสาวขัดขวางไว้ก่อนหน้านี้ เถียนโป๋อันก็คงจะไม่ปล่อยหานโม่ฉือไปง่าย ๆ หานโม่ฉือและตระกูลเหมียวหยามหน้าตระกูลเถียนซ้ำแล้วซ้ำแล้วและไม่เห็นตระกูลของเขาอยู่ในสายตา ครานี้ชื่อเสียงของเถียนเยี่ยนจือก็ถูกทำลายจนป่นปี้และนางคงไม่กล้าออกไปพบหน้าผู้ใดอีก ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการกระทำของหานโม่ฉือ ในเวลานี้หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้า
“หากทำอะไรได้จริง เหตุใดจะต้องลงทุนวางแผนซับซ้อนกันเช่นนี้ ? ยอมรับเถอะว่าพวกเจ้าตระกูลเถียนไม่มีความสามารถมากพอ”
หานโม่ฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยทว่าแทบจะทำให้เถียนโป๋อันกระอักเลือดด้วยความไม่พอใจ
เนื่องจากมีตระกูลเหมียวคุ้มครองอยู่ มันก็มิใช่เรื่องง่ายจริง ๆ ที่พวกเขาจะกำจัดหานโม่ฉือไปได้
“เหมียวเหรินจวิน หากเจ้าสาบานว่าจะเก็บเรื่องในวันนี้เป็นความลับ ตระกูลเถียนของข้าจะไม่ก่อกวนหรือสร้างปัญหาอะไรให้พวกเจ้าอีกในอนาคตและเมืองเทียนยินแห่งนี้ก็จะยกให้เป็นของพวกเจ้า”
เถียนโป๋อันพยายามสงบสติอารมณ์ขณะสายตามองไปที่ผู้นำตระกูลเหมียวอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง
“ขอโทษด้วย ข้าไม่เคยเชื่อวาจาของเจ้า”
เหมียวเหรินจวินปฏิเสธโดยไม่ลังเลและไม่คิดที่จะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ
“ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็ตายอยู่ที่นี่เสียเถอะ !”
จู่ ๆ เถียนโป๋อันก็แสยะยิ้มและปรบมือเบา ๆ ก่อนที่ทุกคนในตระกูลเถียนจะเดินออกมาจากมุมมืดและเข้าล้อมรอบทั่วทั้งลานกว้างทันที
“หานโม่ฉือ เหมียวเหรินจวิน ข้ามอบโอกาสให้พวกเจ้าแล้ว ในเมื่อไม่เห็นคุณค่า ก็อย่าหาว่าพวกเราโหดร้ายเกินไปแล้วกัน วันนี้ตระกูลเหมียวของเจ้าจะไม่มีทางได้กลับไปจากที่นี่ ถึงอย่างไรแล้วคนตายก็เก็บความลับได้ดีที่สุด !”
แรงกดดันจากร่างของเขาแผ่ออกไปกดข่มหานโม่ฉือและคนตระกูลเหมียวทุกคนขณะกล่าวด้วยวาจามุ่งร้ายอย่างไม่ปิดบัง
แม้แผนการแรกจะล้มเหลว พวกเขาก็มีแผนสำรองเตรียมไว้ ตราบใดที่คนจากตระกูลเหมียวถูกฝังอยู่ที่นี่ ตระกูลเหมียวก็จะไม่มีผู้นำอีกต่อไปและพวกเขาจะยึดอำนาจได้โดยปริยาย เมื่อถึงตอนนั้น เมืองเทียนยินก็จะมีตระกูลใหญ่ทรงอิทธิพลเพียงตระกูลเดียว ต่อให้ข่าวอื้อฉาวของเถียนเยี่ยนจือจะแพร่กระจายออกไป ผู้คนก็จะยำเกรงและไม่กล้ากล่าวสิ่งใดอีก ในทางตรงกันข้าม คงจะมีบุรุษมากมายที่ต้องการแต่งงานกับเถียนเยี่ยนจือเพื่อเข้ามาอยู่ร่วมในตระกูลเถียน
เนื่องจากคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสมาชิกตระกูลเหมียวจะเดินทางมาที่นี่หลายคน เถียนโป๋อันจึงสั่งให้ทุกคนกระจายตัวออกไปรอบ ๆ และเตรียมความพร้อมไว้ ตราบใดที่พวกเขาเปิดฉากโจมตีอย่างเต็มรูปแบบ เถียนโป๋อันมั่นใจว่าจะทำลายตระกูลเหมียวได้และไม่ให้อีกฝ่ายมีโอกาสรอดออกไป
“เหอะ เจ้าอย่ามั่นใจเกินไปนักเลย !”
เหมียวเหรินจวินไม่มีท่าทีหวาดหวั่นใดๆและสีหน้าของทุกคนจากตระกูลเหมียวก็ยังเรียบเฉยเช่นกัน พวกเขาไม่หวาดหวั่นต่อวาจาของเถียนโป๋อันแม้แต่น้อย
“เหอะ จะแค่มั่นใจหรือว่ามีฝีมือจริง ๆ อีกประเดี๋ยวพวกเจ้าก็จะได้รู้เอง !”
เถียนโป๋อันแค่นเสียงและยิ้มเยาะก่อนพุ่งตรงเข้าโจมตีเหมียวเหรินจวินทันที
ในอีกฟากหนึ่ง ผู้อาวุโสตระกูลเถียนหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้นมาและพุ่งตรงเข้าโจมตีหานโม่ฉือทันที คนอื่น ๆ ก็เข้าปิดล้อมคนของตระกูลเหมียวและเริ่มโจมตีเช่นกัน
ผู้อาวุโสสี่คนที่เปิดฉากโจมตีหานโม่ฉือคือผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลนอกเหนือจากเถียนโป๋อัน พวกเขารวมพลังกันเพื่อกระหน่ำโจมตีใส่หานโม่ฉืออย่างเต็มที่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวาดหวั่นต่อพลังของหานโม่ฉืออยู่ไม่น้อย
สีหน้าของหานโม่ฉือก็ไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดขณะรับมือกับการโจมตีของผู้อาวุโสทั้งสี่ได้ไม่ยาก และดูเหมือนว่าสถานการณ์ของเขาจะดำเนินไปได้ด้วยดี
ระหว่างช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็พัฒนาขึ้นมากและในวันนี้ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือก็เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงแล้ว
ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสี่คนของตระกูลเถียน หนึ่งในนั้นเป็นจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นสูง ส่วนอีกสามคนเป็นจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นกลาง ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหานโม่ฉือ พวกเขากลับไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่าแต่อย่างใด
หานโม่ฉือมีสภาวะร่างกายที่พิเศษและมีทักษะยุทธ์ที่ประหลาดยิ่งนัก ตอนที่ใช้ชีวิตอยู่กับฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้มามากเช่นกันและมีความสามารถในการต่อสู้ข้ามระดับกับศัตรูที่เหนือชั้นกว่าได้ ต่อให้ตกอยู่ในวงล้อมของผู้อาวุโสทั้งสี่ เขาก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดายและมองหาช่องโหว่พร้อมกับตอบโต้ไปได้อย่างทันท่วงที
แรกเริ่มเดิมที ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็เพียงฟังคำสั่งที่ได้รับมาและไม่ให้ความสนใจกับหานโม่ฉือมากนัก ทว่าหลังจากปะทะกันมากกว่าสิบกระบวนท่า พวกเขาก็เริ่มหวั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ความแข็งแกร่งของหานโม่ฉือผู้นี้เหนือกว่าความคาดหมายของพวกเขาไปมากนัก ทั้งที่พวกเขาร่วมมือกันถึงสี่คนก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะหานโม่ฉือได้ในเวลาสั้น ๆ
เถียนโป๋อันและเหมียวเหรินจวินก็มีความแข็งแกร่งในระดับที่ไล่เลี่ยกัน พวกเขาจึงยังไม่สามารถตัดสินผลแพ้ชนะได้ในตอนนี้
ในชั่วขณะหนึ่ง แม้ตระกูลเถียนจะมีจำนวนมากกว่าและปลดปล่อยการโจมตีอย่างดุเดือด ทว่าทั้งสองฝ่ายก็ติดอยู่ในสภาวะชะงักงัน