คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 798 อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลง
โจวหังรุ่ยสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันรุนแรงที่แผ่มาจากฉินอวี้โม่และเริ่มระแวดระวังขึ้นทันที เขาเคยประมือกับฉินอวี้โม่มาก่อนและทราบดีว่าความแข็งแกร่งของนางเหนือชั้นจนเกินไป โจวหังรุ่ยจึงไม่มั่นใจเลยว่าจะเอาชนะได้ หากมิใช่เพราะโจวเฉียนมอบบางอย่างให้เขาก่อนหน้านี้ เขาก็คงไม่กล้าที่จะประจันหน้ากับฉินอวี้โม่อีก
“โจวหังรุ่ย ก่อนหน้านี้ในโรงเตี๊ยมข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ทว่าในเมื่อเจ้าไม่สำนึก…อย่ามากล่าวโทษข้าก็แล้วกัน !”
ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างเย็นชาขณะก้อนพลังมายาปรากฏในมือและพุ่งตรงไปที่โจวหังรุ่ย
ตูมมม !
ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น โจวหังรุ่ยก็เหาะหนีออกไปอย่างรวดเร็วโดยที่เกิดหลุมขนาดใหญ่ในจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่นี้ เรียกได้ว่าพลังในขอบเขตราชาเซียนของฉินอวี้โม่ในตอนนี้คงที่อย่างมากแล้ว
“เหอะ ฉินอวี้โม่ ในโรงเตี๊ยมวันนั้น เจ้าทำให้ข้าต้องอับอายอย่างที่สุด วันนี้ข้าจะต้องสะสางความแค้นทั้งหมดที่มี !”
โจวหังรุ่ยแค่นเสียงเย็นชาและหยิบโอสถบางอย่างออกมากลืนกินทันที จากนั้นร่างของเขาก็ห่อหุ้มไปด้วยเกราะสีทองอร่ามและขวานขนาดใหญ่ปรากฏในมือ อึดใจต่อมา สภาวะพลังของเขาก็เริ่มพุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เดิมทีเขาเป็นเพียงจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นกลางเท่านั้น ทว่าภายในไม่กี่อึดใจ พลังของเขาก็เพิ่มขึ้นจนบรรลุถึงขอบเขตราชาเซียนขั้นสูง
“อุปกรณ์ของเจ้าดูดีทีเดียว”
อย่างไรก็ตาม สีหน้าของฉินอวี้โม่ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางคาดการณ์ไว้แล้วว่าโจวหังรุ่ยจะต้องมีไพ่ตายบางอย่างซ่อนไว้ เพียงแต่ไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด หากเป็นเพียงอุปกรณ์อาวุธที่ดีและโอสถที่ช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งได้ในเวลาสั้น ๆ นางก็ไม่จำเป็นต้องหวั่นใจแต่อย่างใด
“เหอะ อยากเห็นนักว่าเจ้าจะรับมือกับมันอย่างไร !”
โจวหังรุ่ยแค่นเสียงเบา ๆ และพุ่งตรงไปหยุดตรงหน้าฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว ขวานเล่มใหญ่ในมือของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังหนาแน่นที่ก่อตัวจากพลังงานรอบตัวขณะเหวี่ยงฟาดตรงเข้าไปที่ฉินอวี้โม่
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็จงใจเปิดโอกาสเพื่อที่จะทดสอบระดับความแข็งแกร่งของโจวหังรุ่ย เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่หลบหลีกและมีเพียงกระบี่ยาวที่ปรากฏในมือเพื่อตอบโต้การโจมตีนั้น
เคร๊ง !
ด้วยเสียงโลหะกระทบดัง ฉินอวี้โม่ก็กระเด็นออกไปเล็กน้อยและหมุนตัวกลางอากาศก่อนทรงตัวลงบนพื้นได้อย่างมั่นคง ในทางกลับกัน โจวหังรุ่ยยังคงยืนนิ่งและไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ
ฉินอวี้โม่รู้สึกถึงความชาไปทั่วทั้งมือและกระบี่ของตนยังคงสั่นไหว ความแข็งแกร่งของโจวหังรุ่ยในตอนนี้เหนือกว่าก่อนหน้านี้มากนัก กอปรกับพลังของขวานระดับสูง การประสานรวมกันของพวกมันก็สามารถทำให้คู่ต่อสู้ทั่ว ๆ ไปเพลี่ยงพล้ำได้ไม่ยาก
“มีฝีมือแค่นี้เองรึ !”
โจวหังรุ่ยถอนหายใจเบา ๆ กับตัวเองด้วยความโล่งอก การที่ทำให้ฉินอวี้โม่กระเด็นออกไปกลางอากาศและตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบเช่นนี้ ตอนนี้เขาก็เริ่มมั่นใจว่าตนเองมีโอกาสชนะมากถึงเจ็ดส่วน
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่โจวเฉียนลงทุนซื้อเกราะชุดนี้มาในราคาที่สูงจนน่าตกใจ ความสามารถในการป้องกันของมันก็น่าทึ่งสมราคาอย่างแท้จริง
เพราะถึงอย่างไร ฉินอวี้โม่ก็เป็นเพียงจอมยุทธ์ที่ก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนได้เพียงไม่นานและเป็นไปได้ยากที่นางจะทำลายการป้องกันของเขาได้
“แค่สวมกระดองเต่าก็รู้สึกว่าตนไร้เทียมทานเสียแล้ว โจวหังรุ่ย…เจ้าอย่ามั่นใจเกินไปนักเลย จงจับตาดูไว้ว่าข้าจะแทงทะลุกระดองเต่าของเจ้าอย่างไร”
พลังมายาในร่างของฉินอวี้โม่ไหลเวียนอย่างรวดเร็วและมือของนางกลับกลายเป็นปกติ นางมองตรงไปที่โจวหังรุ่ยอย่างดูแคลนก่อนพุ่งตรงเข้าโจมตีอีกครา
ฉินอวี้โม่ไหลเวียนพลังมายาในร่างจนบรรลุถึงขีดสุดและกระหน่ำโจมตีโจวหังรุ่ยอย่างต่อเนื่อง
แม้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะเพิ่มขึ้นมาก กอปรกับการที่มีเกราะสีทองซึ่งมีพลังการป้องกันที่แกร่งกล้า อย่างไรก็ตาม เกราะของเขาก็มีน้ำหนักและเทอะทะมากจนเกินไปส่งผลให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลง แม้คาดเดาทิศทางการโจมตีของฉินอวี้โม่ได้ แต่โจวหังรุ่ยก็ไม่อาจขัดขวางมันได้ทุกครั้ง นับประสาอะไรกับการโจมตีตอบโต้กลับไป
เคร๊ง เคร๊ง เคร๊ง…
เสียงโลหะกระทบยังดังขึ้นเรื่อย ๆ ต้องกล่าวเลยว่าเกราะของโจวหังรุ่ยยอดเยี่ยมมากทีเดียว มันสามารถป้องกันการโจมตีของฉินอวี้โม่ได้อย่างสมบูรณ์โดยที่นางยังไม่สามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขาได้
“อย่าเสียเวลาพยายามเลย ก่อนหน้านี้ข้าลองทดสอบกับท่านอาจารย์แล้ว แม้ด้วยพลังของเขา เขาก็ยังเจาะทะลวงผ่านเกราะของข้าไม่ได้และไม่สามารถทำอันตรายต่อข้าได้แม้แต่น้อย และด้วยพลังในระดับของเจ้า มันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ !”
โจวหังรุ่ยไม่สามารถตอบโต้อะไรฉินอวี้โม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงกล่าวเยาะเย้ยอย่างมั่นอกมั่นใจเพื่อพยายามยั่วโทสะจนกว่านางจะเปิดเผยช่องโหว่ออกมา
น่าเสียดายที่ฉินอวี้โม่เมินเฉยต่อวาจาเหล่านั้นและยังคงกระหน่ำโจมตีต่อไป
ในเวลานี้ฉินอวี้โม่ก็ตัดสินใจเก็บกระบี่ในมือไว้และเหาะถอยหลังกลับไปเล็กน้อย จากนั้นพลังมายาปริมาณมหาศาลก็รวมตัวเข้าตรงหน้าอย่างหนาแน่นก่อนก่อตัวกลายเป็นกระบี่เล่มใหญ่อย่างรวดเร็ว
พลังมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งอัดแน่นภายในกระบี่เล่มใหญ่นั้นก็ทำให้โจวหังรุ่ยรู้สึกหวั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ไม่มีประโยชน์ ด้วยพลังที่อ่อนแอของเจ้า เจ้าทำลายการป้องกันของข้าไม่ได้หรอก !”
แม้จะหวาดหวั่นเล็กน้อย ทว่าโจวหังรุ่ยก็ยังคงมั่นใจในชุดเกราะของตนอย่างเต็มเปี่ยม เขามองตรงไปที่คู่ต่อสู้ตรงหน้าขณะที่มือเริ่มขยับเขยื้อนเช่นกัน
ขวานขนาดใหญ่ของเขาลอยตัวกลางอากาศและพลังมายาจากรอบตัวก็ควบแน่นรวมกันเข้าที่ขวานจนเปล่งแสงสีทองเจิดจ้าออกมา
“ลุย !”
ฉินอวี้โม่แค่นเสียงเบา ๆ ขณะกระบี่เล่มใหญ่ของตนฟาดฟันตรงไปหาโจวหังรุ่ย
โจวหังรุ่ยก็มีปฏิกิริยาตอบโต้เช่นเดียวกันและขวานเล่มใหญ่พุ่งออกไปปะทะกับกระบี่ของฉินอวี้โม่
โครมมม !
อาวุธขนาดใหญ่ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดเสียงดังสนั่น และคลื่นพลังที่เกิดจากแรงกระแทกก็ทำให้พืชพรรณต้นไม้หลายร้อยต้นรอบตัวสลายกลายเป็นเถ้าถ่านไปในทันที
อย่างไรก็ตาม ในจังหวะนี้ ฉินอวี้โม่ก็ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยขณะแสงบางอย่างส่องวาบขึ้นในมือและกระบี่สีเงินขนาดเล็กเท่ากับเข็มก็ปรากฏขึ้นในมือของนาง
เมื่อครั้งยังอยู่ในดินแดนเทพมายาก่อนหน้านี้ นางก็เคยเผชิญกับปัญหาที่การป้องกันของคู่ต่อสู้แข็งแกร่งจนเกินกว่าจะฝ่าทะลวงไปได้ ในตอนนั้นนางจึงได้คิดค้นและพัฒนาทักษะยุทธ์ของตนเองขึ้นมา แม้ก่อนหน้านี้ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานในการทำความคุ้นเคยกับมัน ทว่าในตอนนี้นางก็ควบคุมมันได้อย่างง่ายดายขึ้นมาก
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็เพียงโบกมือออกไปข้างหน้าเบา ๆ และกระบี่ขนาดเล็กก็พุ่งผ่านอากาศตรงไปยังโจวหังรุ่ย
โจวหังรุ่ยกำลังจดจ่อกับการปะทะระหว่างขวานเล่มใหญ่และกระบี่ของฉินอวี้โม่ เมื่อเห็นขวานของตนมีพลังเหนือกว่า เขาก็มีสีหน้าภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัดและกำลังจะเอ่ยปากด้วยความทะนงตน ทว่าจู่ ๆ เขาก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทิ่มแทงที่หน้าอกของตนเอง
ตูมมม !
เสียงหนึ่งดังขึ้นและบริเวณหน้าอกของโจวหังรุ่ยก็ระเบิดออกจนเกิดเป็นรูโหว่ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน
“น่าเสียดายจริง ๆ มันเป็นเกราะที่ดีทีเดียว…”
ฉินอวี้โม่กล่าวด้วยน้ำเสียงเสียดายเล็กน้อย ทว่าดวงตาของโจวหังรุ่ยกลับเบิกกว้างเผยให้เห็นถึงความไม่ยินยอม อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะได้มีโอกาสกล่าวสิ่งใด ร่างของเขาก็ล้มลงไปบนพื้นและพลังชีวิตมอดดับไป ขวานเล่มใหญ่ของเขาก็สูญเสียการควบคุมและร่วงลงจากกลางอากาศ
ฉินอวี้โม่ก็รีบโบกมือและเก็บขวานเล่มใหญ่นั้นมาทันที
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายใช้เวลาเพียงไม่นานและทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนองอะไรด้วยซ้ำ ทว่าโจวหังรุ่ยกลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปเสียแล้ว
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร ?!”
เฝิงต้าเป่าผู้ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับพยัคฆ์หงส์ทองและพยายามหาทางตอบโต้อีกฝ่าย ทว่าเมื่อเห็นสถานการณ์ของโจวหังรุ่ย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขาเคยเชื่อมั่นว่าด้วยไพ่ตายที่มีมากมาย ฉินอวี้โม่จะมิใช่คู่ต่อสู้ของโจวหังรุ่ยอย่างแน่นอน ไม่คิดเลยว่าการต่อสู้นี้จะไม่ยืดเยื้อยาวนานด้วยซ้ำและสตรีผู้นี้ก็ปลิดชีวิตของโจวหังรุ่ยไปได้อย่างง่ายดาย
เมื่อโจวหังรุ่ยตายไป พลังในการต่อสู้โดยรวมของพวกเขาก็ลดน้อยลงอย่างมากและการเอาชนะก็ยากขึ้นเป็นเท่าทวี
“เจ้าโง่ พวกเจ้าจะเทียบชั้นกับนายหญิงของข้าได้อย่างไรกัน”
พยัคฆ์หงส์ทองกลอกตาไปมาขณะเตะเฝิงต้าเป่าจนกระเด็นออกไป
“หยุดเดี๋ยวนี้ ! หากเจ้ายังไม่หยุด ข้าจะฆ่าคนพวกนี้เสีย !”
ใบหน้าของเฝิงต้าเป่าบิดเบี้ยวเหยเกอย่างที่สุด ทว่าเมื่อหันไปเห็นฉื่อไท่หลางและสหายที่ยังถูกควบคุมโดยสมาชิกของตระกูลเฝิงหลายคน ความคิดดังกล่าวก็ผุดขึ้นในหัว
เขาเชื่อว่าฉินอวี้โม่จะไม่มีทางปล่อยให้คนเหล่านั้นเป็นอะไรไปแน่ ตราบใดที่ยังมีพวกเขาเป็นตัวประกัน เฝิงต้าเป่าก็ไม่กังวลว่าจะรับมือกับฉินอวี้โม่ไม่ได้
“ถ้าเช่นนั้น…เจ้าก็ต้องมีฝีมือมากพอเสียก่อน”
ฉินอวี้โม่โบกมือออกไปเล็กน้อยและจู่ ๆ ฉื่อไท่หลางและสหายทั้งสี่ก็หายวับไปทันที
“เกิดอะไรขึ้น ?!”
สีหน้าของเฝิงต้าเป่าเปลี่ยนไปอีกครั้ง เช่นเดียวกับอีกหลายคนที่ควบคุมล้อมรอบคนทั้งห้าก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงความผิดปกติใด ๆ แม้แต่น้อย ทว่าจู่ ๆ ฉื่อไท่หลางและพวกกลับหายวับไปต่อหน้าต่อตา ไม่ว่าฉินอวี้โม่จะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็ไม่ควรที่จะบรรลุสิ่งที่เหนือจินตนาการเช่นนี้ได้ !
“ทีนี้เจ้าจะใช้ใครข่มขู่ข้าล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่โบกมืออีกครั้งและกลุ่มของฉื่อไท่หลางปรากฏตัวข้างกาย เชือกทั้งหมดที่ถูกมัดบนร่างของพวกเขาก็หายไปและพลังมายาทั้งหมดของพวกเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมาเช่นเดียวกัน เรียกได้ว่าตอนนี้พวกเขาสามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ตามปกติ
ก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่เพียงส่งพวกเขาเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัว ไม่มีทางเลยที่เฝิงต้าเป่าหรือลิ่วล้อคนอื่น ๆ ของเขาจะสัมผัสอะไรได้
การส่งพวกเขาเข้าไปและปล่อยออกมาก็เกิดขึ้นได้ง่ายดายเพียงใช้ความคิดของนางเท่านั้น ถึงอย่างไรเฝิงต้าเป่าและพวกก็ไม่ทราบว่านางมีสิ่งที่ประหลาดเหนือจินตนาการอย่างคฤหาสน์มิติอยู่ แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นได้แม้แต่น้อย
ซ่างจู๋มู่และคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาเพียงมองตรงมาที่ฉินอวี้โม่ด้วยแววตาประหลาดใจทว่าไม่กล่าวสิ่งใด
อย่างไรก็ตาม ภายในหัวใจของเฝิงเยี่ยกลับสงบนิ่งและมั่นคงมากขึ้นเรื่อย ๆ การที่ฉินอวี้โม่มีสมบัติที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ เขาเชื่อว่าหลังจากตามหาอาจารย์พบ เขาจะสามารถพาตัวอาจารย์ออกมาได้โดยที่ไม่เผชิญอุปสรรคใด ๆ
“ลูกพี่ เจ้าหมูจูโหย่วจ้วงนั่น ข้าขอจัดการเอง !”
ทันทีที่ฉื่อไท่หลางและศิษย์ตระกูลฉื่อปรากฏตัว สายตาของพวกเขาก็จับจ้องตรงไปที่จูโหย่วจ้วงทันที หากมิใช่เพราะคนผู้นั้น พวกเขาก็คงจะไม่กลายเป็นตัวถ่วงของฉินอวี้โม่และทำให้นางต้องตกอยู่ในอันตราย ทว่าตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็ได้โอกาสสั่งสอนบทเรียนให้กับนายน้อยตระกูลจูผู้โอหังนี้เสียที
“ไว้ชีวิตเขาด้วยล่ะ เพียงทำลายรากฐานพลังของเขาก็พอ”
ฉินอวี้โม่ก็ปล่อยให้ฉื่อไท่หลางจัดการตามต้องการ ทว่าไม่คิดที่จะสังหารจูโหย่วจ้วงในตอนนี้ ตระกูลจูหาเรื่องกวนใจพวกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าและมันถึงเวลาต้องยุติเสียที หลังจากจัดการสั่งสอนจูโหย่วจ้วง นางก็จะหาทางเล่นงานตระกูลจูเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น การสังหารบุรุษผู้นี้ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรและมีแต่จะทำให้มือต้องแปดเปื้อนสกปรกไปเสียเปล่า ๆ
“ได้เลยลูกพี่ !”
ฉื่อไท่หลางกล่าวด้วยความตื่นเต้นและตรงเข้าโจมตีจูโหย่วจ้วงทันที
สีหน้าของจูโหย่วจ้วงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงและต้องการหยิบป้ายหินวิญญาณขึ้นมาทำลาย น่าเสียดายที่ฉื่อไท่หลางรู้ทันและชิงป้ายหินไปจากเขาเสียก่อน
“พวกเรามาสั่งสอนเขาให้รู้สำนึกกันเถอะ !”
หลังจากออกคำสั่งเบา ๆ เขาก็ประเคนหมัดตรงเข้าที่ใบหน้าของจูโหย่วจ้วงอย่างจัง
คนอื่น ๆ ก็ไม่รอช้าและตรงเข้าโจมตีจูโหย่วจ้วงเช่นกัน
“โอ๊ย ! โอ๊ยยย ! อ๊ากก…”
ด้วยเสียงร้องอย่างเจ็บปวดที่ดังขึ้นต่อเนื่อง จูโหย่วจ้วงก็ไม่มีแม้แต่พลังที่จะตอบโต้และตกอยู่ในสภาพที่น่าเวทนายิ่งนัก
“ทุกคน จับตัวคนของตระกูลเฝิงไว้ก่อนเถอะ หลังจากออกไปจากที่นี่ เราจะต้องขอคำอธิบายจากตระกูลเฝิง”
ฉินอวี้โม่ยิ้มให้กับซ่างจู๋มู่และกล่าวถึงแผนการของตน
“ไม่มีปัญหา การที่ตระกูลเฝิงคิดเล่นงานพวกเราทั้งสามตระกูลใหญ่เช่นนี้ หลังจากออกไป ข้าเองก็อยากรู้นักว่าพวกเขาจะอธิบายสถานการณ์นี้อย่างไร !”
โหรวรั่วกล่าวตอบ ในเวลานี้ความแข็งแกร่งของเขาก็ฟื้นฟูกลับคืนมามากพอสมควรและเริ่มลงมือโจมตีคนของตระกูลเฝิงทันที
ซ่างจู๋มู่และคนอื่น ๆ ก็ไม่ยอมน้อยหน้าขณะตรงเข้าโจมตีสมาชิกของตระกูลเฝิงเช่นกัน
ภายในเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป คนตระกูลเฝิงก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมทั้งหมด พลังมายาในร่างของพวกเขาก็ถูกปิดผนึกไว้และถูกมัดรวมกันก่อนโยนลงบนพื้นในสภาพที่ดูน่าเวทนานัก เฝิงต้าเป่าเองก็ถูกอัดจนน่วมโดยที่ใบหน้าบวมปูดจนแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร แม้แต่ฟันหลายซี่ของเขาก็หลุดร่วงไปและยากที่จะเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้
“ท่านแม่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว !”
หลังจากที่หานอวี้จัดการกับตัวนิ่มเสร็จสิ้น มันก็มองฉินอวี้โม่พร้อมรอยยิ้มกว้าง
“หืม ?! ท่านแม่ ระวัง !”
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ สีหน้าของเด็กหนุ่มมังกรน้อยก็เปลี่ยนไปพร้อมกับตะโกนเตือนฉินอวี้โม่ทันที ในขณะเดียวกันร่างของมันก็พุ่งตรงเข้าหามารดาต่างเผ่าพันธุ์อย่างรวดเร็ว