คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 799 ถ้ำประหลาด
ฉินอวี้โม่กำลังกวาดสายตามองเฝิงต้าเป่าและคนอื่น ๆ ที่อยู่บนพื้นในสภาพน่าเวทนา ทว่าจู่ ๆ นางก็รู้สึกถึงภัยอันตรายบางอย่างและสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
และเมื่อได้ยินเสียงตะโกนดังจากหานอวี้ นางก็รีบพุ่งตัวหลบหลีกออกไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พุ่งตัวออกไป นางรู้สึกราวกับขาทั้งสองของตนถูกดึงโดยมือคู่หนึ่งและไม่อาจขยับเขยื้อนได้เลย
จากนั้นพลังมหาศาลบางอย่างก็ดึงร่างของนางตรงเข้าไปในส่วนลึกของป่าทึบ
มารยาและอสูรอื่น ๆ ก็ตอบสนองเช่นกัน พวกมันทั้งหมดพุ่งตรงเข้าไปในคฤหาสน์เฟิงหัวทันทีและไม่สนใจสถานการณ์ในสมรภูมิรบเมื่อครู่อีกต่อไป
ในเวลานี้ หานอวี้ก็พุ่งไปถึงตัวฉินอวี้โม่แล้วพร้อมกับจับมือนางไว้อย่างแน่น
“โร่ววว !”
ด้วยเสียงคำรามดังสนั่น เด็กหนุ่มมังกรก็คืนกลับร่างที่แท้จริงของมันทันทีและลำตัวขนาดมหึมาทอดยาวบนพื้นขณะใช้กรงเล็บจิกพื้นดินไว้แน่นและพยายามดึงฉินอวี้โม่กลับมา
ทว่าน่าเสียดาย พลังมหาศาลที่ฉุดดึงฉินอวี้โม่นั้นทรงพลังเกินไป แม้หานอวี้จะกลับคืนร่างเดิมก็ยังไม่สามารถต่อกรกับพลังนี้ได้ และมิใช่เพียงแต่หยุดไม่ได้เท่านั้น ทว่าร่างใหญ่ยักษ์ของมันก็ถูกดึงเข้าไปเช่นกันและพุ่งเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
*ฮึมมม…*
เสียงประหลาดดังขึ้นในความคิดของฉินอวี้โม่และทำให้นางหมดสติไป หานอวี้ก็กัดฟันแน่นและเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงที่พุ่งตรงเข้าในระหว่างคิ้วของฉินอวี้โม่อย่างรวดเร็ว แม้ไม่อาจต้านทานพลังมหาศาลดังกล่าว มันก็รู้สึกได้ว่าพลังนั้นไม่ได้ต้องการเอาชีวิตมารดาต่างเผ่าพันธุ์หรือทำให้นางต้องเป็นอันตรายใด ๆ
*ฮึมมม…* *ฮึมมม…*
เสียงประหลาดนั้นดังขึ้นอีกหลายครั้งขณะที่หานอวี้ในมิติเชื่อมอสูรและอสูรอื่น ๆ ในคฤหาสน์เฟิงหัวหมดสติไปเช่นเดียวกัน…
เมื่อฉินอวี้โม่ได้สติฟื้นกลับมาอีกครั้ง เวลาก็ผ่านมาพักใหญ่แล้ว นางลุกขึ้นและมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนพบว่าตนอยู่ในถ้ำที่ดูไร้ที่สิ้นสุด ถ้ำแห่งนี้มืดสนิทและไร้แสงสว่างใด ๆ หากมิใช่เพราะพลังในขอบเขตราชาเซียนของนาง เกรงว่านางอาจมองไม่เห็นทางเดินข้างหน้าได้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำ
ฉินอวี้โม่ไม่มั่นใจเลยว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ใด นางไม่ได้ยินเสียงของลมพลิ้วไหวและไม่เห็นแสงสว่างแม้แต่น้อย ซึ่งทำให้นางคาดเดาได้เพียงว่านางน่าจะอยู่ไกลจากปากทางเข้าของถ้ำพอสมควร
“ท่านแม่…”
เสียงของหานอวี้ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และฟังดูอ่อนแอเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ที่พยายามต่อสู้กับพลังมหาศาลที่ฉุดดึงฉินอวี้โม่ไป มันก็ทำให้มังกรน้อยสูญเสียพลังไปมากและต้องใช้เวลาพักฟื้นพอสมควรจึงจะฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดอีกครั้ง
“ที่นี่มีบางอย่างที่ประหลาดยิ่งนัก ข้าออกไปจากมิติเชื่อมอสูรไม่ได้ มารยาและอสูรอื่น ๆ ก็ติดอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและออกไปไม่ได้เช่นกัน ท่านแม่ต้องระวังตัวให้มาก”
มันกล่าวเตือนฉินอวี้โม่เกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบ ดูเหมือนว่าพลังประหลาดในถ้ำแห่งนี้จะขัดขวางมิให้อสูรมายาทั้งหมดออกมาได้และพวกมันก็ทำได้เพียงสื่อสารกับฉินอวี้โม่ผ่านทางจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกันเท่านั้น
“เข้าใจแล้ว ไม่เป็นไร…ไม่ต้องกังวล”
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับก่อนเดินตรงไปในทิศทางหนึ่ง นางไม่มั่นใจเลยว่าทางใดคือทางออกและทางใดคือทางเข้า เวลานี้นางทำได้เพียงก้าวเดินไปตามความรู้สึกในใจเท่านั้น ในเมื่อพลังดังกล่าวพานางมาที่นี่ มันก็คงจะไม่สลายหายไปดื้อ ๆ บางที…ที่นี่อาจมีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงนางเข้ามาและต้องการให้นางมาพบก็เป็นไปได้
หลังจากหยิบไข่มุกราตรีออกมาเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับถ้ำที่มืดสนิท นางก็พบกับผนังที่สลักไปด้วยอักษรประหลาดที่ไม่อาจเข้าใจได้และไม่ทราบความหมายของมัน ทว่าหากพิจารณาจากลักษณะของสถานที่แห่งนี้ คาดว่ามันคงจะดำรงอยู่มาเนิ่นนานหลายปีแล้ว…
ถ้ำแห่งนี้ที่น่าจะถือกำเนิดพร้อมกับดินแดนลับแห่งนี้และนี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมัน !
นางก้าวเดินตรงต่อไปในทิศเหนือทว่าไม่พบสิ่งผิดปกติใดตลอดทาง ถ้ำประหลาดนี้มีความยาวมากและสิ่งแวดล้อมรอบตัวยังคงไม่เปลี่ยนแปลงใด ๆ หากฉินอวี้โม่ไม่แข็งแกร่งพอ เกรงว่านางคงสับสนและสงสัยว่าตนเดินวนอยู่ที่เดิมมาตลอด
หลังจากเดินมุ่งหน้าไปนานสองก้านธูป ในที่สุดนางก็ได้ยินเสียงบางอย่างที่ฟังดูเหมือนเสียงหยดน้ำตกกระทบดังอยู่ไม่ไกล แม้ไม่ชัดเจนนัก นางก็พอจะได้ยินมัน
ฉินอวี้โม่เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นทันทีและใช้เวลาอีกหนึ่งก้านธูปก่อนมองเห็นสิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเหมือนกับทางเข้าของที่แห่งหนึ่ง
นางไม่รอช้าและเหาะตรงไปอย่างรวดเร็วก่อนหยุดลงตรงหน้าทางเข้าของโถงกว้าง โถงดังกล่าวมีขนาดกว้างใหญ่เท่ากับคฤหาสน์หลักของเมืองเทียนหยวนเลยทีเดียว ภายในนี้มีทะเลสาบอยู่ตรงกลางซึ่งมีโขดหินขนาดใหญ่อยู่ข้างใน และเสียงหยดน้ำกระทบที่ฉินอวี้โม่ได้ยินเมื่อครู่ก็มาจากเสียงหยดน้ำที่กระเซ็นลงบนโขดหินเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากทะเลสาบตรงหน้า โถงแห่งนี้ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีกเลย
ฉินอวี้โม่พยายามแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจรอบตัวพักหนึ่งทว่าไม่พบสิ่งผิดปกติหรือภยันตรายใด ๆ จากนั้นนางจึงค่อย ๆ เดินตรงไปที่ทะเลสาบและหยุดนิ่งขณะสายตาจ้องมองตรงไปที่น่านน้ำผืนใหญ่ตรงหน้า
ทันใดนั้น ผืนน้ำก็เปลี่ยนไปและมีภาพของคนหลายคนปรากฏขึ้นมา
“เฮ้ นั่นท่านพ่อนี่นา !”
เสียงของหานอวี้ดังขึ้น ในเวลานี้มันก็มองเห็นภาพในผืนน้ำได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางภาพของคนหลายคนที่ปรากฏบนผืนน้ำ หนึ่งในนั้นคือหานโม่ฉือ ตรงข้ามเขาในตอนนี้คือสตรีนางหนึ่งที่มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดนักซึ่งกำลังดึงแขนเสื้อของเขาและพูดคุยเรื่องบางอย่างที่ฉินอวี้โม่ไม่ได้ยิน คนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่ด้านข้างก็กำลังพูดคุยกับพวกเขาอยู่เช่นกัน แม้มองเห็นใบหน้าของคนเหล่านั้นได้อย่างชัดเจน ฉินอวี้โม่ก็ไม่รู้จักและไม่เคยพบหน้าพวกเขามาก่อน
สตรีผู้นั้นและหานโม่ฉือดูใกล้ชิดกันมากและความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองน่าจะสนิทสนมกันพอสมควร
“นี่คงจะเป็นภาพของโม่ฉือในดินแดนมหาเทพแห่งนี้”
สีหน้าของฉินอวี้โม่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย หากเป็นสตรีคนอื่นก็อาจโกรธเคืองหรือหึงหวงเมื่อเห็นภาพสะท้อนบนผืนน้ำเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่ผ่านมา นางและหานโม่ฉือได้ข้ามผ่านปัญหาอุปสรรคมากมายเคียงข้างกัน และความเชื่อใจที่ทั้งสองมีต่อกันนั้นเหนือกว่าระดับที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ การที่ต้องการจะทำให้ฉินอวี้โม่รู้สึกหึงหวงขึ้นมาด้วยภาพที่ปรากฏเหล่านี้ นั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในทางกลับกัน ภาพสะท้อนที่เห็นนี้ก็ทำให้นางรู้สึกโล่งใจขึ้นมา ดูเหมือนว่าสถานการณ์ของหานโม่ฉือจะราบรื่นดีและคาดว่าเขาก็กำลังเข้าร่วมการคัดเลือกในเมืองที่เขาอยู่เช่นกัน…
ณ เมืองเทียนยิน หานโม่ฉือกำลังพูดคุยกับเหมียวเจินเจิน เหมียวเหรินจวินและอีกหลายคน ทว่าจู่ ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่มองมา ความรู้สึกนี้คุ้นเคยอย่างที่สุด ราวกับว่าเป็นสายตาของฉินอวี้โม่ที่กำลังมองเขาอยู่
เขาหันมองไปในทิศทางหนึ่งทันทีและรู้สึกได้อย่างเลือนรางราวกับว่าฉินอวี้โม่อยู่ในทิศทางนั้น
“พี่หาน มีอะไรรึ?”
เหมียวเจินเจินเดินเข้ามาหาหานโม่ฉือและมองดูท่าทางประหลาดของเขาอย่างสงสัยใคร่รู้
ในเวลานี้ ตระกูลเถียนแห่งเมืองเทียนยินไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขาอีกแล้วและการคัดเลือกของเมืองเทียนยินก็สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน ทั้งหานโม่ฉือและเหมียวเจินเจินผ่านการคัดเลือกในรอบที่สองและมีโอกาสเข้าร่วมการคัดเลือกในรอบสุดท้าย ทั้งสองกำลังหารือกันว่าจะออกเดินทางเมื่อใดและในช่วงเวลาว่างที่เหลือนี้ พวกเขาอาจช่วยหานโม่ฉือตามหาฉินอวี้โม่ให้พบโดยเร็วที่สุด
“ไม่มีอะไร..”
หานโม่ฉือส่ายศีรษะเบา ๆ หากโม่เอ๋อร์ของเขาอยู่ไม่ไกล นางก็คงมาหาเขานานแล้ว แม้ความรู้สึกในตอนนี้จะชัดเจนจนไม่อาจละเลย เขาก็มั่นใจว่าฉินอวี้โม่คงจะอยู่ในเมืองที่อยู่ไกลไปอีกฟากของดินแดนอย่างแน่นอน ทางที่ดีที่สุดในการตามหานางให้พบคือการเดินทางไปยังสถานที่แข่งขันคัดเลือกในรอบสุดท้ายโดยเร็วที่สุด
เหมียวเจินเจินก็มองตามไปในทิศทางที่หานโม่ฉือมองเช่นกันทว่าไม่พบสิ่งใดผิดปกติ เมื่อเป็นเช่นนั้นนางก็ไม่สงสัยสิ่งใดอีกต่อไปและสีหน้ากลับเป็นปกติขณะเดินกลับไปนั่งลง…
ภายในถ้ำประหลาด ฉินอวี้โม่ก็ไม่ทราบเลยว่าหานโม่ฉือรับรู้ได้ถึงสายตาของตน ภาพสะท้อนบนผืนทะเลสาบตรงหน้าค่อย ๆ จางหายไปและกลับคืนเป็นปกติอีกครั้งซึ่งทำให้นางสับสนไม่น้อย
พลังลึกลับนั่นพาข้ามาที่นี่เพียงเพื่อให้เห็นภาพสะท้อนเมื่อครู่อย่างนั้นรึ ?
“ท่านแม่ อย่าคิดมากไปเลย ท่านพ่อมิใช่คนแบบนั้นหรอก”
หานอวี้กังวลว่าฉินอวี้โม่จะหึงหวงหรือไม่พอใจและพยายามกล่าวอย่างระแวดระวัง ด้วยความรักที่แท้จริงที่หานโม่ฉือมีต่อฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือไม่มีทางทรยศนางอย่างแน่นอน สำหรับสาเหตุที่เขาดูสนิทสนมกับสตรีนางนั้น เกรงว่าคงจะมีเหตุผลที่ยังไม่อาจทราบได้ในตอนนี้
“ข้าไม่ได้คิดเรื่องนั้นหรอก ข้าเพียงกำลังคิดว่าพลังนั่นพาเรามาที่นี่เพราะจุดประสงค์ใดกันแน่ ?”
ฉินอวี้โม่ยักไหล่อย่างสบาย ๆ และเพียงคิดว่ามังกรน้อยหานอวี้ที่เคยใสซื่อไร้เดียงสาโตเป็นผู้ใหญ่กว่าก่อนมากนัก
“นั่นสิ เพราะอะไรกัน…”
หานอวี้เองก็สงสัยในสิ่งเดียวกันขณะมองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ นอกเหนือจากทะเลสาบตรงหน้าก็ไม่มีสิ่งใดผิดสังเกตแม้แต่น้อย
“ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามีความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างกับดินแดนลับนี่ใช่หรือไม่ ? หรือความรู้สึกนั่นจะอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ?”
จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็นึกย้อนไปถึงสิ่งที่หานอวี้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ดินแดนลับแห่งนี้มีกลิ่นอายบางอย่างที่ทำให้มันรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด หรือพลังนั่นจะพาพวกนางมาที่นี่เพราะเหตุผลนี้ ?
“ท่านแม่ ใช่จริง ๆ ด้วย !”
หานอวี้พยายามสำรวจสิ่งแวดล้อมโดยรอบและสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คุ้นเคยนั้นอย่างแท้จริง มันเกิดความรู้สึกนี้ในตอนแรกทว่าความรู้สึกดังกล่าวก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลย หานอวี้คิดว่าตนคงจะคิดผิดไป ไม่คิดเลยว่าความรู้สึกประหลาดนั้นจะเกิดขึ้นอีกครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นอายที่คุ้นเคยในถ้ำนี้ก็รุนแรงกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก ราวกับมันอยู่ตรงหน้านี้เอง
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็นำทางข้าไปเถอะ”
ฉินอวี้โม่มองไปรอบ ๆ ทว่าไม่พบทางเข้าใดต่อไป หลังจากไตร่ตรองครู่หนึ่ง นางก็กล่าวกับหานอวี้
มังกรน้อยนิ่งเงียบไปพักหนึ่งขณะแผ่พลังวิญญาณออกไปรอบตัว
“ท่านแม่ ลงไปในน้ำนั่น”
เสียงของหานอวี้ดังขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่ขณะมันสัมผัสถึงความรู้สึกคุ้นเคยมาจากทะเลสาบตรงหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าความรู้สึกนั้นกำลังร้องเรียกหามัน
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ลังเลและก้าวลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ความเปียกโชกหรือความหนาวเหน็บที่คาดหวังไว้กลับไม่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อฉินอวี้โม่ลงไปในทะเลสาบ มันกลับไม่เกิดความผันผวนใด ๆ ของผืนน้ำเลย
เมื่อเอื้อมมือออกไปกวาดน้ำ นางก็พบว่าแท้จริงแล้วทะเลสาบตรงหน้าเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น หาใช่ความจริง…
“ช่างเป็นภาพลวงตาที่แนบเนียนนัก !”
นางอดถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้ หากไม่กระโดดลงมา นางคงไม่มีทางทราบความจริงข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำที่ไหลผ่านซอกโขดหิน เสียงน้ำหยดกระทบลงหินหรือแม้แต่ภาพคลื่นน้ำเล็ก ๆ บนผืนน้ำ ทุกอย่างทำให้ทะเลสาบแห่งนี้เหมือนจริงอย่างแยกไม่ออก
“คนผู้นี้จะต้องเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลังมากแน่ ๆ”
นางรู้สึกมั่นใจมากพอสมควร สำหรับผู้ที่สามารถทำให้เกิดภาพลวงตาที่ละเอียดประณีตเหมือนจริงเช่นนี้ เจ้าของถ้ำจะต้องเป็นผู้ใช้ข่ายอาคมที่ทรงพลังอย่างแน่นอน และคาดว่ามีความแข็งแกร่งที่มากกว่าตัวนางด้วยซ้ำ
“ท่านแม่ เดินไปทางทิศใต้”
หานอวี้สำรวจทิศทางอีกครั้งและบอกให้ฉินอวี้โม่เดินมุ่งหน้าไปยังทิศใต้
“ใกล้กับทะเลสาบประมาณหนึ่งร้อยก้าวน่าจะมีช่องทางอยู่”
มันกล่าวต่ออีกประโยคและค้นพบทางเข้าจุดต่อไป
ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใดและเดินไปในทิศทางดังกล่าวอย่างช้า ๆ
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ หลังจากเดินหน้าต่อไปไม่ถึงหนึ่งร้อยก้าว นางก็มองเห็นช่องทางขนาดเล็กที่ปรากฏอยู่ซึ่งสามารถรองรับคนได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น
ก่อนตรงเข้าไปในช่องทางดังกล่าว นางก็ไม่ลืมที่จะแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจรอบตัวเสียก่อน เมื่อไม่พบอันตรายใด ๆ ฉินอวี้โม่ก็ก้าวเข้าไปทันที
เมื่อพ้นจากทางเข้าดังกล่าว ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เปลี่ยนไป
มันยังคงเป็นทางเดินยาวสุดลูกหูลูกตา ทว่าคับแคบมากกว่าเดิม ต่อให้จะมีฉินอวี้โม่เพียงคนเดียว มันก็ดูอึดอัดมากแล้ว ในสองข้างทางก็มีหิมะสีขาวปรากฏอยู่ซึ่งไม่มีสิ่งอื่นใดอยู่บนนั้นและเป็นภาพที่กระตุ้นความรู้สึกประหลาดในใจ
ฉินอวี้โม่ก็จดจ่อกับพลังวิญญาณจนถึงขีดสุดขณะเดินหน้าต่อไป
ภายในชั่วพริบตา อีกหนึ่งก้านธูปก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่มุ่งหน้าเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ ทางเดินก็กว้างใหญ่ขึ้นและเริ่มมีสว่างมากขึ้นเช่นกัน ในเวลานี้ฉินอวี้โม่ก็สัมผัสถึงแสงแดดและสายลมอ่อนได้อย่างเลือนราง