คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 804 หักหน้าอีกครั้ง
บุรุษชราที่นอนอยู่บนหลังของเสี่ยวเฮยมีเส้นผมสีเทาและลมหายใจอ่อนแอรวยรินในสภาพที่ดูเลวร้ายอย่างแท้จริง เขาผู้นี้คืออาจารย์ที่เคารพของเฝิงเยี่ยและเป็นผู้อาวุโสใหญ่ของตระกูลเฝิง—เฝิงเตา
เฝิงเตาถือเป็นสมาชิกเก่าแก่ของตระกูลเฝิงและนับตั้งแต่สมัยที่บิดาของเฝิงรุ่ยเฉิงเป็นผู้นำตระกูล เขาก็เป็นผู้อาวุโสของตระกูลเฝิงอยู่แล้ว
เฝิงเตาเป็นคนจิตใจดีและอ่อนน้อมถ่อมตน อีกทั้งยังได้รับความเคารพอย่างสูงในตระกูลเฝิงซึ่งไม่ด้อยไปกว่าเฝิงรุ่ยเฉิงแม้แต่น้อย หากมิใช่เพราะเขาไม่ต้องการแก่งแย่งชิงดีกับผู้ใด ตำแหน่งผู้นำตระกูลเฝิงในตอนนั้นก็อาจจะไม่ได้ตกเป็นของเฝิงรุ่ยเฉิง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาอุทิศตนและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตระกูลเฝิงอย่างเต็มที่และไม่เคยคิดทรยศต่อตระกูลนี้มาก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าความจงรักภักดีทั้งหมดจะถูกตอบแทนด้วยการที่รากฐานพลังของเขาถูกทำลายและตกอยู่ในสภาพเช่นนี้…
“เหอะ เจ้าชายแก่นี่ถูกวางยาโดยข้า เว้นแต่ว่าข้าจะนำยาถอนพิษออกมา ก็ไม่มีทางใดที่จะรักษาเขาได้และทำได้เพียงเฝ้ารอความตายเท่านั้น”
เฝิงรุ่ยเฉิงแค่นเสียงเย็นชาและยังพอโล่งใจเล็กน้อยที่ตนเตรียมการไว้อย่างรอบคอบพอสมควร เพื่อความปลอดภัยของผู้อาวุโสใหญ่ เฝิงเยี่ยจะต้องหาทางทำให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน
“บัดซบ !”
เฝิงเยี่ยแทบรอที่จะสังหารเฝิงรุ่ยเฉิงเพื่อระบายความแค้นไม่ไหวอีกต่อไป ทว่าเมื่อเห็นสภาพของอาจารย์ เขาก็ไม่กล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิด
“เยี่ยเอ๋อร์…”
เฝิงเตาลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ เวลานี้พลังมายาทั้งหมดในร่างของเขาสลายหายไปแล้วและกลายเป็นเพียงผู้เฒ่าธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีเรี่ยวแรงใด แม้แต่การเอ่ยปากพูดออกมาก็ยังยากลำบากยิ่งนัก
“เพียงได้เป็นอาจารย์อบรมสั่งสอนเจ้ามานานหลายปีก็ถือว่าดีพอแล้ว เจ้ายังมีอนาคตอีกยาวไกล หากมิใช่เพราะความภักดีต่ออาจารย์อย่างข้า เจ้าก็คงไม่ต้องจมปลักอยู่กับตระกูลเฝิงมานานหลายปี หลังจากเหตุการณ์นี้ ข้าก็ได้เห็นและเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว อย่าให้พวกเขาใช้ข้าข่มขู่เจ้าเด็ดขาด ตระกูลเฝิงไม่คู่ควรที่จะได้คงอยู่ต่อไป เฝิงรุ่ยเฉิงทำสิ่งชั่วร้ายมามากและสมควรถูกลงโทษอย่างสาสม”
เวลานี้เขารู้สึกโล่งใจมากและไม่กังวลสิ่งใดอีก ต่อให้ตนเองต้องตายไป เขาก็ไม่นึกเสียดายและได้ต่อสู้เคียงข้างสหายในตระกูลเฝิงมาตั้งแต่ต้นอย่างเต็มที่แล้ว ชีวิตของเขาอุทิศเพื่อตระกูลเฝิงมาโดยตลอด และตอนนี้ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาไม่ต้องการเป็นตัวถ่วงของศิษย์ที่รักและเอ็นดูอีกต่อไป
“หากมิใช่เพราะอยากพบกับเจ้าอีกครั้ง ข้าก็คงยอมตายไปนานแล้ว ตอนนี้เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงอาจารย์ผู้นี้อีกต่อไป ทำในสิ่งที่เจ้าเชื่อมั่นว่าถูกต้องเถอะ”
หลังจากกล่าวจบ ผู้อาวุโสใหญ่ก็หลับตาลงราวกับกำลังเฝ้ารอความตายอย่างสงบ
“ท่านอาจารย์…”
สีหน้าของเฝิงเยี่ยในตอนนี้เศร้าสร้อยอย่างที่สุด เขาทำได้เพียงจับมือของอาจารย์และกล่าวเบา ๆ ก่อนหันไปหาฉินอวี้โม่ด้วยแววตาวิงวอน
“จิ๊จิ๊ เฝิงรุ่ยเฉิง เจ้ามั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้ว คิดจริง ๆ รึว่าจะไม่มีใครที่ถอนพิษธรรมดา ๆ นี้ได้ ?”
ฉินอวี้โม่ก้าวตรงเข้าไปหาเฝิงเตาอย่างช้า ๆ เพียงมองแวบเดียว นางก็มั่นใจได้ทันทีขณะหยิบเมล็ดต้นโพธิ์ออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวและป้อนเข้าปากเฝิงเตา
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ?”
เฝิงรุ่ยเฉิงชะงักไปทันทีทว่ายังไม่เข้าใจความหมายที่แน่ชัด
“จับตาดูไว้ให้ดีเถอะ”
ฉินอวี้โม่ยกยิ้มมุมปากโดยไม่คิดอธิบายสิ่งใด
จากนั้นจู่ ๆ เฝิงเตาผู้ซึ่งหายใจอย่างรวยรินในตอนแรกก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
เส้นผมสีเทาของเขากลับกลายเป็นสีดำและริ้วรอยบนใบหน้าก็หายไปทั้งหมด ลมหายใจที่อ่อนแอค่อย ๆ กระปรี้กระเปร่าขึ้นและพลังมายาจากรอบตัวหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ภายในเวลาเพียงไม่นาน รากฐานพลังของเขาก็ถูกฟื้นฟูจนกลับคืนสู่สภาวะเดิมอีกครั้งและเหมือนจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
หลังจากลืมตาขึ้นอีกครั้ง เฝิงเตาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเองและตกตะลึงขึ้นมาทันที
ฉินอวี้โม่ป้อนบางอย่างให้กับเขา ในตอนแรกเขาไม่ทราบว่ามันคือสิ่งใด ทว่าในตอนนี้เขาเข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่าสิ่งนั้นคือเมล็ดที่ล้ำค่าจากต้นโพธิ์ เมล็ดต้นโพธิ์สามารถลบล้างพิษทั้งหมดในโลกได้อย่างง่ายดาย แม้ยาพิษของเฝิงรุ่ยเฉิงจะประหลาดและมีฤทธิ์ที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง มันก็ไม่อาจต้านทานสรรพคุณของเมล็ดต้นโพธิ์ได้เลย
“ท่านอาจารย์”
เมื่อเห็นอาจารย์ของตนกลายเป็นบุรุษวัยกลางคน เฝิงเยี่ยก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจและกล่าวออกไปด้วยสีหน้าที่ปลื้มปีติ
“เยี่ยเอ๋อร์”
เฝิงเตาตบไหล่เฝิงเยี่ยเบา ๆ ก่อนหันไปมองฉินอวี้โม่
“ชายชราผู้นี้ต้องขอขอบคุณท่านจอมยุทธ์จริง ๆ ที่ช่วยชีวิตไว้”
เขาโค้งคำนับต่อฉินอวี้โม่และกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ เฝิงเยี่ยเองก็โค้งคำนับให้กับฉินอวี้โม่เช่นกัน แม้ไม่กล่าวสิ่งใด เขาก็แอบตัดสินใจอย่างแน่วแน่อยู่ในใจแล้วว่า ในอนาคตข้างหน้าหากฉินอวี้โม่เผชิญกับปัญหาใด เขาจะไม่ลังเลและยินดีที่จะบุกน้ำลุยไฟเพื่อสตรีผู้นี้ด้วยความเต็มใจ
“ท่านผู้อาวุโสลุกขึ้นเถิด ท่านเป็นอาจารย์ของเฝิงเยี่ยและเฝิงเยี่ยก็ถือเป็นสหายของข้า มันมิใช่เรื่องที่ลำบากเกินไปเลย”
ฉินอวี้โม่ช่วยประคองเฝิงเตาลุกขึ้นและกล่าวจากใจจริง นางเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฝิงเยี่ยจึงมีลักษณะนิสัยและทัศนคติเช่นนั้นได้ เมื่อได้พบกับอาจารย์ของเขา นางก็ไม่รู้สึกแปลกใจเลย
หากเฝิงเตาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเฝิง สิ่งเลวร้ายต่าง ๆ ก็คงจะไม่เกิดขึ้นกับตระกูลเฝิงเช่นนี้
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน ?!”
เฝิงรุ่ยเฉิงเรียกสติกลับคืนมาจากความตกตะลึง ในตอนที่ ‘บุรุษผู้นั้น’ มอบโอสถประหลาดนี้กับตน เขากล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าจะไม่มียารักษาหรือยาบรรเทาอาการใด ๆ นอกเหนือยาถอนพิษที่อยู่ในมือของเฝิงรุ่ยเฉิง แล้วเหตุใดฉินอวี้โม่จึงลบล้างพิษทั้งหมดและทำให้อาการของเฝิงเตาหายเป็นปลิดทิ้งเช่นนี้ไปได้ ?
“เฝิงรุ่ยเฉิง เจ้าอยากจะบอกทุกคนเกี่ยวกับสิ่งชั่วร้ายที่เจ้าทำไว้ก่อนหน้านี้รึไม่ ?”
เฝิงเตาหันมองไปที่เฝิงรุ่ยเฉิงด้วยแววตาโกรธแค้น
ในค่ำคืนของวันนั้น เฝิงรุ่ยเฉิงส่งคนมาเรียกเขาไปที่ห้องหนังสือโดยบอกว่าจะหารือเรื่องบางอย่างและเฝิงเตาก็ไม่นึกสงสัยแต่อย่างใด ไม่คิดเลยว่าเฝิงรุ่ยเฉิงวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วและผสมยาพิษลงในน้ำชาที่เตรียมไว้ให้ตนดื่ม หลังจากนั้น เฝิงเตาก็ถูกจับขังไว้ในห้องใต้ดินไร้แสงสว่าง ในทุก ๆ วันเฝิงรุ่ยเฉิงก็จะนำอาหารและน้ำดื่มเข้าไปให้ด้วยตนเองเพื่อดูตรวจสอบดูว่าเขาตายไปหรือยัง อีกทั้งยังข่มขู่อยู่ตลอดเวลาว่าหากเขากล้าคิดฆ่าตัวตาย เฝิงรุ่ยเฉิงก็จะสังหารเฝิงเยี่ยอย่างไม่ปรานี
เฝิงเตาทราบดีว่าเฝิงรุ่ยเฉิงเป็นคนอย่างไร แม้ทราบว่าผู้นำตระกูลเฝิงจะใช้ตนเป็นเครื่องมือข่มขู่เฝิงเยี่ย เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ต่อให้ตัดสินใจฆ่าตัวตายจริง ๆ เฝิงเยี่ยก็คงไม่ทราบและยังคงถูกเฝิงรุ่ยเฉิงข่มขู่ต่อไป
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เฝิงเตาจึงกัดฟันอดทนมาโดยตลอดเพียงเพื่อรอดูว่าเฝิงเยี่ยจะถูกข่มขู่ให้ทำสิ่งที่ชั่วร้ายหรือไร้เหตุผลหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ก็โชคดีอย่างยิ่งที่ได้ฉินอวี้โม่ช่วยไว้ ศิษย์รักของเขาจึงไม่ต้องเผชิญกับทางตันและตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ไม่เช่นนั้น หากต้องเปิดศึกกับคนของสามตระกูลใหญ่จริง ๆ เฝิงเยี่ยจะต้องสังหารคนบริสุทธิ์ไปจำนวนไม่น้อย และต่อให้เอาตัวรอดจากเหตุการณ์นี้ไปได้ ชีวิตของเขาก็จะไม่สงบสุขและไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“ท่านเจ้าเมือง เขาไม่เพียงแต่ร่วมมือกับโจวเฉียนเพื่อกำจัดฉินอวี้โม่และสามตระกูลใหญ่เท่านั้น ทว่ายังร่วมมือกับกลุ่มคนชั่วร้ายจากภายนอกอีกด้วย ข้าไม่ทราบถึงตัวตนของคนเหล่านั้นและได้ยินแผนการของพวกเขาโดยบังเอิญเท่านั้น ยาพิษประหลาดของเฝิงรุ่ยเฉิงก็ได้มาจากคนเหล่านั้นเช่นกัน ไม่อาจทราบได้ว่าเป้าหมายสูงสุดของคนเหล่านั้นคือสิ่งใด แต่ข้ามั่นใจว่าพวกเขามิใช่คนดีอย่างแน่นอน”
เวลานี้ เฝิงเตาไม่คิดปิดบังสิ่งใดเพื่อตระกูลเฝิงอีกต่อไปและกล่าวสิ่งที่ค้นพบก่อนหน้านี้ออกไป
คนกลุ่มนั้นลึกลับอย่างยิ่งและเฝิงเตาทราบเรื่องนี้โดยบังเอิญ พวกเขาทำข้อตกลงกับเฝิงรุ่ยเฉิงอย่างลับ ๆ และมอบยาพิษปริมาณมากให้กับเขาเพื่อช่วยกำจัดคู่แข่งจนกระทั่งได้เป็นตระกูลทรงอิทธิพลของเมืองเทียนหยวน ก่อนหน้านี้เฝิงเตาก็ลังเลและมีความคิดที่จะเปิดเผยเรื่องนี้กับสามตระกูลใหญ่และเจ้าเมืองจ้าวเหลียง ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าตนก็จะถูกวางยาและถูกกักขังไว้เสียก่อน เขาจึงไม่มีโอกาสได้เปิดเผยเรื่องนี้กับผู้ใด
“เฝิงเตา หยุดพล่ามเรื่องไร้สาระเสียที !”
สีหน้าของเฝิงรุ่ยเฉิงถอดสีทันทีที่ได้ยินวาจาของเฝิงเตา เห็นได้ชัดว่าคนกลุ่มนั้นมีตัวตนอยู่จริง
การติดต่อสื่อสารและทำข้อตกลงระหว่างเขาและคนเหล่านั้นถูกปิดเป็นความลับสุดยอด เฝิงรุ่ยเฉิงมั่นใจมาตลอดว่าไม่มีผู้ใดทราบเรื่องนี้ คาดไม่ถึงเลยว่าเฝิงเตาจะค้นพบมัน
“เหอะ ข้าพูดพล่ามเรื่องไร้สาระงั้นรึ ? ทุกคนต่างก็ทราบดี หากมิใช่เพราะได้รับความช่วยเหลือจากใครบางคน เจ้าจะครอบครองยาพิษที่ร้ายแรงเช่นนั้นมาจากที่ใดตั้งมากมาย”
เฝิงเตาแค่นเสียงและกล่าวต่อ “แรกเริ่มเดิมที เป็นเพราะความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำตระกูลคนก่อน ข้าจึงไม่อยากทนเห็นตระกูลเฝิงต้องล่มสลายไปและทำทุกอย่างเพื่อปกป้องตระกูลมาตลอดหลายปี ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังเช่นนี้ ในเวลานี้ การที่ตระกูลเฝิงก่อกรรมทำชั่วจนยากที่จะให้อภัย…ก็ไม่มีความจำเป็นที่มันจะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป !”
หากมิใช่เพราะความสัมพันธ์ช้านานนับตั้งแต่อดีต เฝิงเตาเองก็คงออกจากตระกูลเฝิงไปนานแล้ว นับตั้งแต่ที่เฝิงรุ่ยเฉิงได้กลายเป็นผู้นำของตระกูลเฝิง ตระกูลเฝิงก็เปลี่ยนจากหน้ามือกลายเป็นหลังมือและกลายเป็นตระกูลที่หาเรื่องรังแกผู้อื่นมาตลอดโดยที่คิดทำสิ่งชั่วช้าได้อย่างไม่ละอายใจ เพราะเหตุนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่ตระกูลเฝิงจะต้องดำรงอยู่อีกต่อไป สำหรับตระกูลเฝิงในอดีต แม้เป็นตระกูลอันดับห้าของเมือง พวกเขาก็มีความมุมานะพัฒนาตนและมีหลักศีลธรรมที่แน่ชัด ทว่าตระกูลเฝิงในทุกวันนี้ไม่มีหลักศีลธรรมหรือความบันยะบันยังแม้แต่น้อย พวกเขายินดีทำทุกอย่างเพื่อยกตนให้เหนือกว่าทุกคนไม่ว่าต้องใช้วิธีการชั่วร้ายเพียงใดก็ตามและนั่นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างที่สุด
“เฝิงเตา เจ้าคิดที่จะทรยศตระกูลเฝิงงั้นรึ ?”
สีหน้าของเฝิงรุ่ยเฉิงบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ เขากัดฟันกรอดและจ้องเฝิงเตาตาเขม็งพลางคิดเสียดายในใจ หากทราบว่าสถานการณ์จะกลายเป็นเช่นนี้ เขาคงสังหารบุรุษชราผู้นี้ไปนานแล้วและไม่ปล่อยให้ความลับรั่วไหลออกไปได้
“หึ เจ้าไม่สมควรได้รับความภักดีจากข้า”
เฝิงเตาแค่นเสียงอย่างเย้ยหยันและไม่สนใจจิตสังหารที่แผ่มาจากเฝิงรุ่ยเฉิงแม้แต่น้อย
“เฝิงรุ่ยเฉิง คนพวกนั้นที่ให้ยาพิษกับเจ้าเป็นใครกัน ?”
ฉินอวี้โม่คาดไม่ถึงว่าทุกอย่างจะซับซ้อนเช่นนี้และยังมีกลุ่มคนลึกลับอยู่เบื้องหลังแผนการของเฝิงรุ่ยเฉิง ยิ่งไปกว่านั้น ยาพิษที่ประหลาดและร้ายแรงเหล่านั้นก็มาจากพวกเขาเช่นกัน
ต้องยอมรับเลยว่ายาพิษที่เฝิงรุ่ยเฉิงใช้ในแผนการครานี้ถือว่ามีฤทธิ์ที่ร้ายแรงยิ่งนัก คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่ ? และพวกเขามีจุดประสงค์ใด…
“ฮ่า ๆ ๆ คิดว่าข้าจะบอกเจ้างั้นรึ ?”
จู่ ๆ เฝิงรุ่ยเฉิงก็หัวเราะลั่นและแววตาฉายประกายบางอย่างแวบหนึ่ง อึดใจต่อมา ร่างของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่คิดจะระเบิดตัวเอง
“ทุกคน ระวัง !”
จ้าวเหลียงและคนอื่น ๆ ไม่คาดคิดว่าเฝิงรุ่ยเฉิงจะตัดสินใจระเบิดตัวเองเช่นนี้ เมื่อเห็นการกระทำของเขา ทุกคนจึงรีบร่ายม่านป้องกันรอบตัวอย่างรวดเร็ว
ความแข็งแกร่งของเฝิงรุ่ยเฉิงอยู่ในขอบเขตราชาเซียนขั้นสูงและพลังทำลายล้างของพลังในระดับนี้ก็รุนแรงยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ทุกคนในลานจัตุรัสเท่านั้นที่จะได้รับผลกระทบ ทว่าแม้แต่คนทั้งเมืองเทียนหยวนก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน
สีหน้าของโหรวฉิง ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ เปลี่ยนไปทันที ทุกคนรีบโบกมือสร้างม่านป้องกันตรงหน้าเพื่อบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการทำลายตัวเองของเฝิงรุ่ยเฉิงให้ได้มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม เสี้ยวอึดใจต่อมา ร่างของฉินอวี้โม่พุ่งตรงไปและปรากฏถัดจากเฝิงรุ่ยเฉิงอย่างรวดเร็ว นางคว้าเสื้อผ้าของเขาและโยนเข้าไปในที่ราบไร้ขอบเขตภายในคฤหาสน์เฟิงหัวทันทีก่อนรีบถอยออกมา
ตูมมม!
เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นและร่างของผู้นำตระกูลเฝิงกลายเป็นเถ้าถ่านสลายไปในอากาศทันที คฤหาสน์เฟิงหัวก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงและเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นในที่ราบแห่งนั้น
จากนั้นฉินอวี้โม่ก็ปรากฏตัวในคฤหาสน์เฟิงหัวอีกครั้งและมองดูหลุมขนาดใหญ่ยักษ์ตรงหน้าพร้อมขมวดคิ้วเล็กน้อย พลังทำลายล้างของจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นสูงช่างน่าทึ่งอย่างแท้จริง หากมิใช่เพราะมีคฤหาสน์เฟิงหัวอยู่ เกรงว่าทั่วทั้งเมืองเทียนหยวนคงจะเกิดความเสียหายอย่างหนัก แม้แต่ภายในคฤหาสน์เฟิงหัวของนางก็ยังกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้และการซ่อมแซมตัวเองของมันก็ต้องใช้เวลานานพอสมควร
อย่างไรก็ตาม จู่ ๆ ฉินอวี้โม่ก็หลับตาลงและแผ่พลังวิญญาณออกไปรอบตัวก่อนขยับมือเบา ๆ และคว้าเศษเสี้ยววิญญาณไว้ในมือ
“เฝิงรุ่ยเฉิง คิดว่าข้าจะไม่รู้ถึงแผนการของเจ้างั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน เมื่อเฝิงรุ่ยเฉิงตัดสินใจระเบิดตัวเองก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาได้ถึงความคิดของเขาแล้ว
เมื่อใดที่จอมยุทธ์มีพลังบรรลุถึงขอบเขตราชาเซียนขั้นสูง ตราบใดที่รักษาหนึ่งจิตหนึ่งวิญญาณไว้ได้ คนผู้นั้นก็จะมีโอกาสฟื้นคืนชีพใหม่ได้อีกครั้ง ก่อนหน้านี้เฝิงรุ่ยเฉิงเพียงต้องการทำลายทุกคนในคราวเดียวและถือโอกาสปล่อยให้จิตและวิญญาณของตนเองล่องลอยออกไปก่อนหาทางกลับมาอีกครา น่าเสียดายที่ฉินอวี้โม่ไม่มีทางปล่อยให้เขาทำได้สำเร็จ
“ฉินอวี้โม่ ปล่อยข้าไปเดี๋ยวนี้ !”
เดิมทีเฝิงรุ่ยเฉิงก็ยังคงมีสีหน้าแห่งผู้กำชัย ทว่าเขาก็คาดไม่ถึงเลยว่าตนจะถูกฉินอวี้โม่จับได้เช่นนี้ และเมื่อเขาลองสำรวจดูสิ่งแวดล้อมรอบตัว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันทีก่อนพยายามดิ้นรนและกล่าวด้วยความตื่นตระหนก