คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 812 การต่อสู้อันดุเดือดในเมืองเทียนหยวน
ในเวลานี้ ข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตของฉินอวี้โม่ก็ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย
ทันทีที่พลังอันน่าสะพรึงกลัวของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นปรากฏขึ้น ผู้ที่มีพลังอ่อนแอซึ่งอยู่รอบ ๆ ก็แทบจะต้านทานมันไว้ไม่ได้ หากมิใช่เพราะจอมยุทธ์ปีศาจยังคงติดอยู่ในข่ายอาคมที่ฉินอวี้โม่จัดวางไว้ เกรงว่าพวกเขาเหล่านั้นก็คงจะทรงตัวยืนอย่างมั่นคงไม่ได้อีกต่อไป
“นั่นใครกัน ?”
สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่ร่างของบุรุษชุดดำและกล่าวด้วยความฉงนสงสัย
การที่ผู้นำตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนหยวนหลายคนถึงขั้นต้องรวมพลังกันเพื่อจัดการกับบุรุษรูปลักษณ์ประหลาดเพียงคนเดียว แท้จริงแล้วบุรุษผู้นั้นเป็นใครมาจากไหนกันแน่ ?
“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ทว่าถึงอย่างไรเขาก็ทรงพลังยิ่งนัก !”
อีกคนหนึ่งส่ายศีรษะและขมวดคิ้วเล็กน้อย แม้อยู่ห่างกันเช่นนี้ หัวใจของเขาก็อดหวาดหวั่นต่อพลังของบุรุษผู้นั้นไม่ได้
“จะว่าไปแล้ว ความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ก็น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง นางไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านการฝึกยุทธ์เท่านั้น ทว่ายังวางข่ายอาคมที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ เกรงว่าพรสวรรค์ในศาสตร์การวางข่ายอาคมของนางจะสูงยิ่งกว่าพรสวรรค์ในการฝึกยุทธ์เสียอีก”
แม้ไม่ทราบว่ามันคือข่ายอาคมประเภทใด แต่พวกเขาก็รู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าข่ายอาคมนี้จะต้องเป็นข่ายอาคมที่ฉินอวี้โม่จัดวางด้วยตนเองอย่างแน่นอน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทำให้พวกเขาทุกคนประจักษ์ต่อพรสวรรค์อันน่าสะพรึงกลัวของฉินอวี้โม่แล้วและข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตในตอนนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาตกตะลึงในพรสวรรค์อันเหนือชั้นของนางมากยิ่งกว่าเดิม
ไม่แปลกใจเลยที่สามตระกูลใหญ่จะให้ความสำคัญกับนางอย่างมากและตระกูลหลานก็แต่งตั้งนางเป็นแขกคนสำคัญ แม้แต่เจ้าเมืองเทียนหยวนเองก็ยังแสดงท่าทีสุภาพต่อสตรีผู้นี้…ฉินอวี้โม่มีคุณสมบัติที่คู่ควรอย่างแท้จริง
“เป็นเพียงแค่มดตัวเล็ก ๆ แต่คิดที่จะต่อกรกับข้าผู้นี้รึ ? ช่างเป็นความคิดที่เพ้อฝันสิ้นดี !”
ในเวลานี้พลังของจอมยุทธ์ปีศาจก็พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก้อนพลังสีดำทะมึนในมือของเขาก็เหมือนจะอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลราวกับสามารถทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า !
“ข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตที่ต่ำต้อยของเจ้ากักขังข้าผู้นี้ไว้ไม่ได้หรอก !”
เขาโบกมือออกไปข้างหน้าและก้อนพลังพุ่งตรงเข้าใส่ม่านป้องกันของข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตอย่างแรง
ตูมมม !
เสียงระเบิดดังสนั่นและข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตของฉินอวี้โม่ก็พังทลายลง กลุ่มก้อนเมฆหนากลางอากาศสลายหายไป รวมถึงเสียงฟ้าร้องก็ไม่หลงเหลือให้ได้ยินอีกต่อไป ในเวลานี้เรียกได้ว่าข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตของฉินอวี้โม่ถูกจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ทำลายได้สำเร็จ
“พรวดดด !”
ซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ที่ร่วมมือกันโจมตีบุรุษชุดดำก่อนหน้านี้ต่างก็กระอักเลือดคำโตออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทุกคนได้รับผลกระทบจากพลังมหาศาลเมื่อครู่อย่างไม่ทันตั้งตัว
จอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก เกรงว่าความแข็งแกร่งของเขาคงจะบรรลุถึงระดับที่คนธรรมดามิอาจเอื้อมถึง
“ฉินอวี้โม่ ข้าให้โอกาสเจ้าแล้ว ในเมื่อไม่รู้จักที่จะน้อมรับแต่โดยดี อย่าหาว่าข้าไม่ปรานีก็แล้วกัน !”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนปลดปล่อยการโจมตีเข้าใส่ฉินอวี้โม่อย่างไม่ลังเล
ฉินอวี้โม่สัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงที่แผ่ตรงมาหาตน และก่อนที่จะได้คิดไตร่ตรองถึงมัน นางก็พุ่งตัวหลบหลีกออกไปตามสัญชาตญาณทันทีโดยการแยกตัวออกไปจากจุดเดิม
ตูมมม !
อึดใจต่อมา หลุมขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นใต้จุดที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้ พลังโจมตีของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้เหนือยิ่งกว่าพลังทำลายล้างจากการระเบิดตัวเองของเฝิงรุ่ยเฉิงเสียอีก
“หากเจ้าคิดว่ามีฝีมือมากพอ ก็ไล่ตามจับข้าให้ได้สิ !”
พลังทำลายล้างของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้น่าสะพรึงกลัวจนเกินไปและกล่าวได้เลยว่าทั้งเมืองเทียนหยวนอาจต้องราบเป็นหน้ากลองหากยังปล่อยให้การปะทะเช่นนี้ดำเนินต่อไป สิ่งที่ต้องทำเป็นอันดับแรกคือการล่อเขาออกไปจากที่นี่และหาพื้นที่โล่งกว้างก่อนคิดหาทางจัดการกับเขาในภายหลัง
ตอนนี้ฉินอวี้โม่รู้สึกว่าแม้แต่คฤหาสน์เฟิงหัวของนางก็ไม่สามารถกักขังจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่สามารถหยิบคฤหาสน์มิติของตนออกมา มิฉะนั้นมันอาจถูกจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้แย่งชิงไปได้
ฉินอวี้โม่ตัดสินใจในทันทีและพุ่งตรงไปยังพื้นที่โล่งนอกเมืองด้วยความเร็วสูง
แน่นอนว่าบุรุษชุดดำไม่รอช้าและไล่ตามไปเช่นกัน
ซ่างสี่ซานและผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ เช็ดรอยเลือดจากมุมปากของพวกตนและรีบติดตามไปอย่างรวดเร็ว
“ทุกคน นี่คือจอมยุทธ์ปีศาจ ศัตรูชั่วร้ายของผู้คนทั้งดินแดน หากคิดว่าสามารถต้านทานพลังของเขาได้ก็มารวมพลังกับพวกข้า ผู้ใดที่ไม่มั่นใจ จงหาที่หลบซ่อนตัวและอย่าเข้าไปหาอันตรายเด็ดขาด”
ก่อนออกจากตัวเมือง จ้าวเหลียงก็ไม่ลืมที่จะกล่าวกำชับกับทุกคนที่เฝ้าดูการปะทะของทั้งสองฝ่ายอย่างใจจดใจจ่อ
หลายคนที่มีความแข็งแกร่งมากพอสมควรหันมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนรีบตามพวกเขาออกไป ในขณะที่อีกหลายคนไตร่ตรองดูและรีบเข้าไปแจ้งข่าวเรื่องนี้กับศูนย์การค้าจ้าวสมุทร…
ณ โถงห้องประชุมภายในศูนย์การค้าจ้าวสมุทร เวลานี้หลานเผิงและผู้อาวุโสหลายคนกำลังหารือบางสิ่งบางอย่างกันอยู่และยังไม่ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก
“นายน้อยขอรับ เกิดเรื่องใหญ่ในเมืองเทียนหยวนแล้วขอรับ !”
บุรุษหนุ่มคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาและกล่าวด้วยสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้นรึ ?”
หลานเผิงลุกยืนขึ้นทันทีและกล่าวถามพร้อมขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่ทราบว่าเป็นมาเป็นไปอย่างไร ทว่าจอมยุทธ์ฉินอวี้โม่กำลังต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจ เจ้าเมืองจ้าวเหลียงและผู้นำตระกูลอีกหลายคนก็รวมพลังกันต่อสู้กับบุรุษผู้นั้นเช่นกัน ตอนนี้พวกเขาออกไปนอกเขตเมืองแล้ว จอมยุทธ์ปีศาจผู้นั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก แม้จอมยุทธ์ฉินอวี้โม่ที่ดูจะแข็งแกร่งอย่างมาก ทว่าต่อให้ร่วมมือกับเหล่าผู้นำทั้งหลาย พวกนางก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของบุรุษผู้นั้น”
บุรุษหนุ่มกล่าวอธิบายอย่างรวดเร็ว เนื่องจากทราบดีว่านายน้อยของตนมีความสัมพันธ์อันดีกับฉินอวี้โม่ เขาจึงไม่กล้าปิดบังเรื่องใด
“ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่นี้ข้าสัมผัสได้ถึงคลื่นพลังที่รุนแรงอย่างผิดปกติ ที่แท้ก็เป็นจอมยุทธ์ปีศาจนี่เอง !”
ใบหน้าของหลานเผิงกลายเป็นตึงเครียดจริงจังทันที สำหรับความน่าสะพรึงกลัวของขุมกำลังลึกลับอย่างจอมยุทธ์ปีศาจนั้น เขาในฐานะนายน้อยตระกูลหลานย่อมทราบดี ฉินอวี้โม่เคยเล่าเรื่องตระกูลเฝิงให้เขาทราบก่อนหน้านี้รวมถึงการติดต่อกันระหว่างเฝิงรุ่ยเฉิงและจอมยุทธ์ปีศาจ อีกทั้งหลานเผิงยังทราบถึงแผนการที่ฉินอวี้โม่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้เช่นกัน
“ลุงติง…ไปกับข้า ส่วนคนอื่น ๆ อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม”
หลานเผิงก้าวเดินออกไปทันทีทว่าไม่ลืมที่จะสั่งการคนอื่น ๆ ในที่ประชุม
ลุงติงติดตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนอื่น ๆ กำชับให้พวกเขาระวังตัวก่อนแยกออกไปจัดการงานในส่วนของตนเอง
นอกเมืองเทียนหยวนในตอนนี้ ฉินอวี้โม่หยุดลงเหนือที่ราบแห่งหนึ่งซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเปล่าและกว้างขวาง
“แม่สาวน้อย ความเร็วของเจ้าใช้ได้เดียว !”
จอมยุทธ์ปีศาจตามมาอย่างใกล้ชิดและหยุดลงก่อนกล่าวขึ้นเบา ๆ
ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่เพิ่งเข้าสู่ขอบเขตราชาเซียนเท่านั้น ทว่านางกลับมีความเร็วที่น่าทึ่ง หากเป็นจอมยุทธ์ราชาเซียนขั้นสูงทั่วไปก็อาจไม่สามารถไล่ตามความเร็วของนางได้ทัน
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคราที่ฉินอวี้โม่ขยับตัวเคลื่อนไหวไปที่ใดก็มักทิ้งภาพติดตาไว้เบื้องหลังเสมอ ภาพติดตาเหล่านั้นปรากฏอยู่ในช่วงสั้น ๆ และเป็นภาพที่เหมือนกับฉินอวี้โม่อย่างมากจนสามารถตบตาคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย
“ขอบคุณสำหรับคำชม”
ฉินอวี้โม่หันกลับไปประจันหน้ากับบุรุษชุดดำและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใด
“น่าเสียดายที่สตรีเยาว์วัยผู้มากพรสวรรค์อย่างเจ้าจะต้องตายอยู่ที่นี่ในวันนี้ !”
จอมยุทธ์ปีศาจรู้สึกเสียดายอย่างแท้จริง ด้วยพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ หากนางยอมทำตามคำสั่งของเขา เขาสามารถช่วยอบรมฝึกฝนนางจนกลายเป็นจอมยุทธ์ฝีมือดีอันดับต้น ๆ ของดินแดนได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่เต๋าแตกต่างไม่อาจร่วมทางได้และทั้งสองฝ่ายถูกลิขิตไว้ให้เป็นเพียงศัตรูต่อกันตั้งแต่แรก
* 道不同不相为谋 เต๋าแตกต่างไม่อาจร่วมทาง ความหมายคือ ในเมื่อเส้นทางที่เลือกเดินแตกต่างกันก็ไม่สามารถลงเอยร่วมทางกันได้
“ฮ่า ๆ ๆ ก็ไม่แน่เสมอไปหรอก !”
ฉินอวี้โม่หัวเราะเบา ๆ ขณะขยับนิ้วมือก่อนเกิดเสียงดังครืนและจอมยุทธ์ปีศาจก็ตกอยู่ภายในวงล้อมของข่ายอาคมอีกครา
อย่างไรก็ตาม ครานี้มิใช่ข่ายอาคมสายฟ้าพิฆาตอีกต่อไป หากแต่เป็นข่ายอาคมเจ็ดดาราทลายวิญญาณที่ทรงพลังในระดับใกล้เคียงกัน ในดินแดนระดับต่ำก่อนหน้านี้ฉินอวี้โม่สามารถวางข่ายอาคมสามดาราทลายวิญญาณได้ หลังจากนั้น นางก็หมั่นศึกษาเป็นเวลานานก่อนคิดค้นข่ายอาคมเจ็ดดาราทลายวิญญาณนี้ได้สำเร็จ พลังของมันแกร่งกล้ายิ่งกว่าข่ายอาคมสามดาราทลายวิญญาณในอดีตหลายสิบเท่าตัว ซึ่งเรียกได้ว่าน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉินอวี้โม่ได้มีโอกาสใช้ข่ายอาคมนี้อย่างจริงจังซึ่งต้องใช้ความพยายามมากพอสมควร
พลังมายารอบตัวก่อตัวรวมกันเข้าที่ข่ายอาคมเจ็ดดาราทลายวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง และภายในข่ายอาคมที่ยากจะมองเห็นได้ชัดเจนนี้ พลังมหาศาลจากเจ็ดทิศทางก็พุ่งโจมตีตรงเข้าที่เป้าหมายซึ่งก็คือจอมยุทธ์ปีศาจนั่นเอง
ตูมมม !
พลังจากทิศทางหนึ่งกระแทกเข้าที่ร่างของจอมยุทธ์ปีศาจและทำให้ทั้งร่างของเขากระเด็นถอยหลังไปเล็กน้อย
“นี่มันข่ายอาคมอะไรกัน ?!”
บุรุษชุดดำไม่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกขณะยกมือขัดขวางการโจมตีจากหลายทิศทาง ทว่าน้ำเสียงของเขายังเจือด้วยความประหลาดใจอย่างไม่อาจปิดบัง
เขาเองก็มีความรู้เกี่ยวกับข่ายอาคมมากพอสมควร ทว่าไม่เคยพบเห็นหรือแม้แต่ได้ยินเกี่ยวกับข่ายอาคมนี้มาก่อน
ฉินอวี้โม่ผู้นี้ทำให้เขาต้องประหลาดใจและเผชิญกับสิ่งที่เหนือความคาดหมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกชื่นชมคู่ต่อสู้ผู้นี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เพียงแต่…หากมิได้อยู่ภายใต้อำนาจของเขา เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องกำจัดฉินอวี้โม่ผู้นี้ไปจากโลกนี้เท่านั้น !