คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 823 จอมยุทธ์ปีศาจพ่ายแพ้ไปอีกครา
หานโม่ฉือติดพันอยู่ในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจและฉินอวี้โม่ก็พยายามเร่งมือมากขึ้นเช่นกัน
พลังมายาที่ก่อตัวรวมกันในข่ายอาคมรวมวิญญาณหลั่งไหลตรงไปยังผนึกของสมรภูมิรบเก่าแก่อย่างรวดเร็ว ส่วนเดิมที่อ่อนแอของผนึกก็ส่องแสงสว่างจ้าจนทำให้ทุกคนรับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันรุนแรง
“เหอะ หานโม่ฉือ ด้วยพลังของเจ้า…เจ้าคิดว่าเจ้าจะเอาชนะข้าได้งั้นรึ ?!”
จอมยุทธ์ปีศาจแค่นเสียงเย็นชาและใช้ฝ่ามือฟาดหานโม่ฉือออกไป สีหน้าแววตาของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างชัดเจน
แม้ว่าเขาจะชื่นชมในความสามารถของฉินอวี้โม่และหานโม่ฉืออยู่ไม่น้อย ทว่าคนทั้งสองคิดต่อต้านและขัดขวางแผนการของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจให้อภัย
ในเมื่อไม่ยอมจำนนต่อขุมกำลังชั่วร้ายของตน จอมยุทธ์หนุ่มสาวทั้งคู่ก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป หากให้เวลาพวกเขาพัฒนาเติบโตอีกเพียงไม่กี่ปี อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์น่าทึ่งเช่นนี้จะต้องกลายเป็นจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้าและกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อพวกเขาอย่างแน่นอน
“ลองดูเถอะ !”
สีหน้าของหานโม่ฉือไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อยขณะโจมตีจอมยุทธ์ปีศาจต่อไป หากกล่าวตามตรง ตัวเขาในตอนนี้ก็มิใช่คู่มือของจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้จริง ๆ ทว่าตราบใดที่มีเวลาพัฒนาตัวเองอีกเพียงเล็กน้อย หานโม่ฉือก็มั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือการถ่วงเวลาคู่ต่อสู้ไว้เพื่อให้ฉินอวี้โม่ซ่อมแซมและเสริมความแข็งแกร่งให้กับผนึกได้สำเร็จ
“ช่างไม่รู้จักประมาณตน !”
ก้อนพลังมายาสีดำทะมึนก่อตัวตรงหน้าจอมยุทธ์ปีศาจก่อนที่เขาจะโบกมือออกไปข้างหน้าเบา ๆ เพื่อส่งพลังมหาศาลที่อัดแน่นในนั้นตรงไปยังบุรุษหนุ่มตรงหน้า
หานโม่ฉือยังไม่มีท่าทีตื่นตระหนกขณะพลังจากทั้งร่างหลั่งไหลมารวมตัวที่ปลายนิ้วมือและควบแน่นกลายเป็นโล่ป้องกันขึ้นมาตรงหน้า
ตูมมม !
เสียงดังสนั่นปะทุขึ้นมาเมื่อก้อนพลังมายาของจอมยุทธ์ปีศาจปะทะเข้ากับโล่ป้องกันของหานโม่ฉือ ส่งผลให้โล่ป้องกันแตกสลายและหายไปในอากาศ
พลังของก้อนพลังมายาสีดำนั้นก็ลดน้อยลงไปมากก่อนถึงตัวหานโม่ฉือ อึดใจต่อมา มันก็ถูกทำลายภายใต้ฝ่ามือของเขาโดยที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ
“น้องอวี้โม่ ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนรึ ?”
โหรวฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและเอ่ยถามในขณะที่ยังเติมพลังมายาของตนลงในข่ายอาคมรวมวิญญาณต่อไป
การได้ทำความรู้จักกันตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำให้นางเข้าใจได้ว่าความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของหานโม่ฉือไม่ด้อยไปกว่าพวกตนแม้แต่น้อย และต่อให้ต้องต่อสู้กันจริง ๆ นางและผู้นำตระกูลคนอื่น ๆ ก็อาจจะมิใช่คู่มือของหานโม่ฉือ
เพียงแต่พวกนางเคยประจันหน้ากับจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้มาก่อนและตระหนักถึงความน่าสะพรึงกลัวของเขาได้เป็นอย่างดี แม้หานโม่ฉือจะแข็งแกร่งมาก ทว่าก็ยากที่เขาจะต้านทานจอมยุทธ์ปีศาจผู้นี้ได้นาน
การรวมร่างของกองทัพอสูรมายาของฉินอวี้โม่ก็ถูกขัดขวางไว้โดยจอมยุทธ์ปีศาจคนอื่น ๆ ที่มาด้วยกันในครานี้ เพราะฉะนั้น หากหานโม่ฉือเพลี่ยงพล้ำไป เกรงว่าฝ่ายของเมืองเทียนหยวนจะตกอยู่ในอันตรายทันที
“อีกหนึ่งก้านธูป !”
ฉินอวี้โม่มองสำรวจผนึกตรงหน้าและคำนวณเวลาที่ยังต้องใช้ต่อไป ผนึกที่ถูกสร้างโดยจอมยุทธ์ผู้แกร่งกล้านี้ทรงอำนาจอย่างยิ่ง แม้นางและบรรดาผู้นำตระกูลทั้งหลายจะรวมพลังกัน การซ่อมแซมมันก็ยังยากพอสมควร หากมิใช่เพราะข่ายอาคมรวมวิญญาณ พวกนางไม่มีทางที่จะซ่อมแซมมันได้อย่างแน่นอน
ข่ายอาคมรวมวิญญาณในตอนนี้ฟื้นฟูพลังความแข็งแกร่งให้กับมันได้เกือบแปดในสิบส่วนแล้ว และในเวลาอีกหนึ่งก้านธูป ผนึกตรงหน้าน่าจะมีพลังเพิ่มขึ้นเป็นเก้าในสิบส่วนจากความแข็งแกร่งเดิม และเก้าในสิบส่วนนั้นคือขีดจำกัดสูงสุดที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ สามารถเสริมพลังให้กับมันแล้ว
“นายหญิง พวกเราช่วยเอง !”
มารยาและเสี่ยวม่านเป็นอสูรชนิดพิเศษและไม่สามารถรวมร่างกับอสูรตัวอื่น ๆ ได้ เมื่อเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พวกมันจึงกล่าวเสนอตัวและตรงเข้าโจมตีจอมยุทธ์ปีศาจ
นอกเหนือจากซิวและหานอวี้ที่เข้าสู่ช่วงจำศีล ไป๋ฉี่ หยกขาวพันปี เสี่ยวโพธิ์และอสูรอีกบางตัวก็ยังคงเก็บตัวจำศีลอยู่ในคฤหาสน์เฟิงหัวและยังไม่ตื่นขึ้นมาเช่นกัน
พรสวรรค์ของมารยาในด้านการวางข่ายอาคมก็ไม่ด้อยไปกว่าฉินอวี้โม่แม้แต่น้อย มันทราบดีว่าควรทำอย่างไรและไม่เฉียดเข้าใกล้จอมยุทธ์ปีศาจขณะรีบวางข่ายอาคมหลายชนิดอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน”
อสูรสาวก็ส่งกระแสจิตไปหาหานโม่ฉือเพื่อบอกให้เขาหลอกล่อจอมยุทธ์ปีศาจมาที่ข่ายอาคมของมัน
หานโม่ฉือเข้าใจความหมายของมันได้ทันที และในขณะที่กำลังต่อสู้กับจอมยุทธ์ปีศาจ เขาก็พยายามหลอกล่อให้คู่ต่อสู้เข้ามาในข่ายอาคมที่มารยาวางไว้
จอมยุทธ์ปีศาจที่ไม่ทันสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของมารยาเมื่อครู่จึงหลงกลเข้ามาในข่ายอาคมของมารยาโดยที่ไม่รู้ตัว
เนื่องจากเวลาที่กระชั้นชิด มารยาจึงไม่ได้มีโอกาสวางข่ายอาคมที่ทรงพลังเป็นพิเศษซึ่งจะต้องใช้เวลามาก ข่ายอาคมหลายชนิดที่มันวางล้วนเป็นข่ายอาคมลวงตาระดับต่ำที่มีไว้สำหรับการถ่วงเวลาเท่านั้น ข่ายอาคมเหล่านี้เป็นสิ่งที่จัดวางได้ง่ายและสะดวก ทว่ามันก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะฝ่าทะลวงออกมา
และก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ เพียงเข้าไปในขอบเขตของข่ายอาคม จอมยุทธ์ปีศาจก็ตะลึงงันและสับสนงุนงงในทันที
แน่นอนว่าหานโม่ฉือไม่มีทางพลาดโอกาสทองตรงหน้า เขาเหวี่ยงมือเล็กน้อยและก้อนพลังที่รุนแรงก็พุ่งตรงไปหาจอมยุทธ์ปีศาจอย่างรวดเร็ว
ผลัวะ !
พรวดดด !
ก่อนที่จอมยุทธ์ปีศาจจะตอบโต้ได้ เขาก็ถูกก้อนพลังที่รุนแรงฟาดเข้าอย่างจังจนกระเด็นออกไปและกระอักเลือดคำโตออกมา ในตอนนั้นเองที่เขาเรียกสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง
“ดี ! ดีมาก !”
เขากัดฟันกรอดและกล่าวลอดฟันที่กัดกันแน่น คาดไม่ถึงเลยว่าครานี้เขาจะตกกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้
การที่ถูกจอมยุทธ์หนุ่มที่อ่อนแอกว่าและอสูรมายาธรรมดา ๆ บีบไล่ต้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ มันช่างเป็นสิ่งที่น่าอับอายยิ่งนัก !
“แค่นี้ยังไม่พอหรอก เจ้าโง่”
เสียงของเสี่ยวม่านดังขึ้นและพลังวิญญาณรุนแรงก็ทะลุทะลวงเข้าไปในจิตของจอมยุทธ์ปีศาจจนเขารู้สึกเจ็บปวดจี๊ดขึ้นมา
พลังวิญญาณนั้นแล่นไปทั่วจิตของจอมยุทธ์ปีศาจส่งผลให้เขาเกิดอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง
จอมยุทธ์ปีศาจก็ทำได้เพียงแผ่พลังวิญญาณออกไปเพื่อต่อกรกับพลังวิญญาณดังกล่าวจนทำให้เขาไม่มีสมาธิจดจ่อกับหานโม่ฉือที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ประกายบางอย่างฉายวาบในแววตาของหานโม่ฉือทันทีขณะกระบี่เล่มยาวปรากฏในมือก่อนจ้วงแทงตรงไปที่หัวใจของคู่ต่อสู้
ทว่าก่อนที่จะถึงตัวเป้าหมาย จู่ ๆ พลังมหาศาลก็แผ่ปกคลุมไปทั่วอากาศ
“อ๊ากกก !”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นพร้อมกับพลังของจอมยุทธ์ปีศาจที่พุ่งพรวดขึ้นอีกครา
ตูมมม !
พลังมหาศาลระเบิดออกพร้อมเสียงดัง หน้ากากบดบังใบหน้าและเสื้อผ้าอาภรณ์ของเขาขาดวิ่นทันทีเผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าขาวซีด
“วันนี้ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้จงได้ !”
นัยน์ตาของเขาส่องประกายสีแดงน่าสะพรึงกลัว เวลานี้เขาตวัดสายตามองไปที่ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ตาเขม็งขณะแผ่จิตสังหารรุนแรงที่ทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
เมื่อหน้ากากที่บดบังแหลกสลายไป ทุกคนก็มองเห็นใบหน้าของจอมยุทธ์ปีศาจได้เป็นครั้งแรก
เป็นจริงดังที่คิดไว้ รูปลักษณ์ของจอมยุทธ์ปีศาจน่าเกลียดน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นยิ่งนัก สีที่แปลกประหลาดบนใบหน้าก็ทำให้ยากที่จะมองเห็นลักษณะเครื่องหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน
ใบหน้าบวมปูดของเขาก็ดูราวกับถูกพิษร้ายกัดกินและทำให้ผู้พบเห็นแทบอาเจียนออกมา
“หยี๋ น่าเกลียดชะมัด !”
เหมียวเจินเจินอดกล่าววาจาแสดงความรังเกียจออกไปไม่ได้
“ปิดตาเร็วเข้า มันมิใช่ภาพที่เหมาะกับเด็ก ๆ !”
เนื่องจากเสื้อผ้าอาภรณ์ขาดวิ่นทั่วทั้งร่างและแม้แต่อวัยวะส่วนที่ควรสงวนก็เผยให้เห็น หลานเผิงจึงรีบยกมือบังสายตาของสตรีอ่อนวัยในขณะที่แสดงสีหน้ารังเกียจไม่แพ้กัน
“ที่แท้ก็เป็นขันทีนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เจ้ามักจะกล่าววาจาประหลาดชวนสับสน”
มารยาและเสี่ยวม่านรีบเบือนหน้าหนีทันทีและเมินเฉยต่อจอมยุทธ์ปีศาจ ทว่ามารยาก็อดกล่าววาจาเย้ยหยันอีกฝ่ายไม่ได้
“ข้าจะฆ่าพวกเจ้าซะ !”
จอมยุทธ์ปีศาจโมโหมากจนไม่มีอารมณ์มาแก้ตัวใด ๆ ขณะรีบควานหาเสื้อผ้าจากในแหวนมิติและสวมใส่อย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เหวี่ยงกระบี่เพื่อตรงเข้าโจมตีหานโม่ฉือและคนอื่น ๆ อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันนั้น สถานการณ์ของฉินอวี้โม่ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
จู่ ๆ ผนึกรอบสมรภูมิเก่าแก่ก็ส่องแสงสว่างจ้า และก่อนที่ทุกคนจะถอนพลังมายาของตนกลับมาได้ทัน คลื่นพลังรุนแรงก็แผ่ออกมาและกระแทกจนซ่างสี่ซานและคนอื่น ๆ ถอยหลังออกไปเล็กน้อย
ข่ายอาคมรวมวิญญาณก็แหลกสลายไปในทันทีและหายวับไปราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน แม้แต่ร่างของฉินอวี้โม่ก็กระเด็นหมุนตัวกลางอากาศสองถึงสามตลบก่อนทรงตัวยืนได้อีกครั้ง
“เยี่ยมไปเลย…ในที่สุดก็เสร็จสมบูรณ์สักที !”
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น เหมียวเจินเจินก็เบิกตาโพลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“หัวหน้า พวกเขาซ่อมแซมผนึกเสร็จแล้วและมีจำนวนที่มากกว่า เราถอยกันก่อนเถอะ”
หนึ่งในจอมยุทธ์ปีศาจที่ต่อสู้กับอสูรมายากล่าวด้วยน้ำเสียงกังวลและใบหน้าเริ่มเหยเกเล็กน้อย
จุดประสงค์หลักของการมาที่นี่คือการขัดขวางมิให้ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ซ่อมแซมผนึกได้สำเร็จ ในเมื่อตอนนี้ผนึกถูกซ่อมแซมจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว นั่นก็หมายความว่าภารกิจของพวกเขาล้มเหลวและไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป !