คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 827 สถานที่อันตราย
หลังจากบีบป้ายหยกจนแหลกละเอียด ฉินอวี้โม่ก็รู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลที่ฉุดดึงตนและพลังวิญญาณที่แกร่งกล้าก็ท่วมท้นเข้ามาในจิตของนางส่งผลให้หมดสติไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางก็ปรากฏตัวในป่าทึบแห่งหนึ่ง
ฉินอวี้โม่แตะศีรษะของตนเบา ๆ ขณะพยายามติดต่ออสูรมายาในคฤหาสน์เฟิงหัว ทว่าก็เป็นจริงดังที่คิดไว้ ในมิติพิเศษแห่งนี้มีพลังบางอย่างที่ปิดผนึกคฤหาสน์เฟิงหัวไว้ทำให้นางขาดการติดต่อกับมันอย่างสิ้นเชิง
“นายหญิง ท่านสลบไปทั้งวันเลย”
เนื่องจากคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าอาจเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ มารยาจึงเข้าไปอยู่ในมิติเชื่อมอสูรของฉินอวี้โม่เป็นการล่วงหน้า เมื่อสัมผัสได้ว่าผู้เป็นนายลืมตาตื่นขึ้นมา ร่างของอสูรสาวก็ปรากฏตัวตรงหน้าในทันที
“นั่นมันคือพลังประเภทใดกัน ? ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก !”
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความประหลาดใจในพลังที่เผชิญก่อนหน้านี้ นางหมดสติไปนานตลอดทั้งวันโดยที่ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย การส่งคนเข้ามาในมิติพิเศษด้วยวิธีการเช่นนี้ช่างแปลกพิลึกยิ่งนัก
“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”
มารยาส่ายศีรษะอย่างจนปัญญา เมื่อฉินอวี้โม่หมดสติไป มิติเชื่อมอสูรก็ถูกปิดกั้นโดยพลังประหลาดส่งผลให้มันไม่สามารถแผ่พลังออกไปสำรวจหรือรับรู้สถานการณ์ของโลกภายนอกได้ หากมิใช่เพราะฉินอวี้โม่ฟื้นขึ้นมาในตอนนี้ มารยาก็จะยังถูกปิดผนึกอยู่ในมิติเชื่อมอสูรและไม่มีทางปรากฏตัวออกมาได้
“ที่นี่คือสมรภูมิรบเดนตายอย่างนั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่มองไปรอบตัวและพบเพียงป่าทึบโดยที่ไม่มีใครอื่นรอบตัว เมื่อพยายามแผ่พลังวิญญาณออกไปสำรวจโดยรอบ นางก็พบว่าพลังวิญญาณของนางสามารถแผ่ออกไปสำรวจในระยะรัศมีสิบลี้เพียงเท่านั้นซึ่งด้อยกว่าตอนที่อยู่ในโลกภายนอกมาก กล่าวได้ว่าสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้น่าจะมีอาคมบางอย่างที่จำกัดพลังไว้
หลังจากไตร่ตรองดู นางก็เริ่มออกเดินไปในทิศทางหนึ่ง
ขณะเดินไปเรื่อย ๆ นั้น ฉินอวี้โม่ก็เริ่มจดจำภาพที่เห็นในตอนที่หมดสติได้อย่างเลือนราง
ตลอดหนึ่งวันที่หมดสติไปนั้น จิตใต้สำนึกของนางได้เห็นภาพหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน นางจดจำได้ลาง ๆ ว่ามีมือที่อบอุ่นคู่หนึ่งกอดตนไว้ในอ้อมแขนและเจ้าของมันมองนางด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู ฉินอวี้โม่รู้สึกว่าได้ว่าเจ้าของมือผู้นั้นเป็นบุรุษทว่าไม่อาจมองเห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน
บุรุษผู้นั้นคือใครกัน ? แล้วเขาเกี่ยวข้องอะไรกับข้า…?
“นายหญิง อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย สำหรับบางสิ่งบางอย่าง…ท่านจะได้รู้ก็ต่อเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม”
มารยาสัมผัสได้ถึงความคิดของฉินอวี้โม่และทราบดีว่านายของตนมีปริศนาหลายอย่างซ่อนอยู่ในร่างกาย ก่อนหน้านี้มันก็เคยพยายามสำรวจความลับเหล่านั้นทว่าถูกขัดขวางไว้โดยพลังลึกลับบางอย่าง มารยาตระหนักดีว่าความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในตอนนี้ยังไม่มากพอและปริศนาบางอย่างยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย สิ่งที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกของฉินอวี้โม่ก่อนหน้านี้น่าจะเกี่ยวข้องกับชีวิตในภพก่อนของนาง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบา ๆ และสลัดความคิดเหล่านั้นออกไป
จากนั้นหนึ่งมนุษย์และหนึ่งอสูรก็เดินหน้าต่อไปเป็นระยะทางไกลโดยที่ไม่เผชิญกับภยันตรายใด ๆ
ป่าผืนนี้กว้างใหญ่ยิ่งนัก แม้ฉินอวี้โม่จะเหาะขึ้นกลางอากาศก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดของมันด้วยซ้ำ สมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ
หลังจากออกเดินทางมุ่งหน้าไปอย่างไร้จุดหมาย ระยะเวลาหลายชั่วโมงก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“มารยา เจ้ารับรู้ได้ถึงสิ่งใดที่ผิดปกติรึไม่ ?”
หลังจากหยุดชั่วคราวในจุดหนึ่งของป่า ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วและเอ่ยถาม
“มันแปลกจริง ๆ ตอนนี้โลกภายนอกควรที่จะเป็นเวลาใกล้ค่ำแล้วและท้องฟ้าก็ควรที่จะมืดลง”
มารยาค้นพบความผิดปกตินี้ได้เช่นกัน หลังจากเดินหน้ามานานกว่าหนึ่งชั่วยาม ท้องฟ้าที่นี่กลับไม่มีความเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย
ภายในสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้ไม่มีก้อนเมฆหรือดวงอาทิตย์ปรากฏให้เห็น อีกทั้งบรรยากาศรอบตัวก็ไม่หนาวเหน็บหรือร้อนอบอ้าวซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดไม่น้อย
“บางทีภายในสมรภูมิรบเดนตายอาจจะไม่มีเวลากลางคืนก็เป็นได้”
ฉินอวี้โม่ครุ่นคิดครู่หนึ่งและกล่าวข้อสันนิษฐานของตน
เกรงว่าสมรภูมิรบเดนตายแห่งนี้คงไม่มีแสงอาทิตย์และมีเพียงความครึ้มสลัวเหมือนตอนรุ่งสางตลอดเวลา เพียงบรรยากาศนี้ก็เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับทุกคนแล้ว
ไม่ว่าโลกภายนอกจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน มิติพิเศษแห่งนี้ก็จะไม่เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด
ด้วยความแข็งแกร่งของจอมยุทธ์มากฝีมือเช่นพวกนาง ต่อให้อดหลับอดนอนนานติดต่อกันเจ็ดวัน พวกนางก็จะไม่ได้รับผลกระทบใดมากนัก อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเวลากลางคืนเช่นนี้ มันก็ผิดวิสัยอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีจอมยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่อ่อนแอกว่านาง หากต้องใช้ชีวิตอย่างปราศจากกลางวันและกลางคืนเป็นเวลานาน เกรงว่าพวกเขาคงไม่อาจทนต่อความผิดปกตินี้ได้
แม้คาดเดาบางอย่างได้แล้ว ทั้งสองก็ยังไม่อาจมั่นใจได้แน่ชัด หนึ่งมนุษย์และหนึ่งอสูรก็เดินหน้าต่อไปตามผืนป่ากว้างใหญ่พร้อมกับเวลาหลายชั่วยามที่ผ่านไปอย่างต่อเนื่อง
ท้องฟ้าเบื้องบนยังคงไม่เปลี่ยนแปลงและเป็นภาพที่ดูราบเรียบเช่นเดิม หากมิใช่เพราะดูสมจริงอย่างที่สุด เกรงว่านางอาจจะคิดว่าท้องฟ้าเป็นภาพลวงตาก็เป็นได้
“นายหญิง ที่นี่ไม่เพียงแต่ไม่มีเวลากลางคืนเท่านั้น ทว่าคงจะไม่มีดวงอาทิตย์อยู่ด้วยซ้ำ”
คิ้วคู่สวยขมวดกันเป็นปมด้วยความฉงนสงสัย ไม่แปลกใจเลยที่สถานที่แห่งนี้จะถูกเรียกว่า ‘สมรภูมิรบเดนตาย’ เพียงบรรยากาศดังกล่าวก็ถือเป็นบททดสอบจิตใจของผู้คนได้มากมายและคนส่วนใหญ่อาจไม่สามารถทนรับมือกับความผิดปกตินี้ได้นาน
ฉินอวี้โม่ไม่กล่าวสิ่งใดตอบ ทว่านางสัมผัสได้ถึงอันตรายบางอย่างในที่แห่งนี้
ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน หากไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดหรือแสงสว่างใด ต่อให้มีความแข็งแกร่งในระดับสูง ทั้งร่างกายและจิตใจก็จะต้องได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงเป็นแน่…
“โฮกกก !”
ทันใดนั้น เสียงคำรามดังก็ขึ้นในโสตประสาทของฉินอวี้โม่และนางสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลแผ่ตรงมาที่ตน
ตุบ !
ฉินอวี้โม่หลบหลีกออกไปอย่างรวดเร็วโดยสัญชาตญาณพร้อมกับร่างร่างหนึ่งที่กระโจนเข้ามาหยุดลงในจุดที่นางยืนอยู่ก่อนหน้านี้
มันคือสิงโตงามที่มีขนสีทองอร่ามทั่วทั้งตัวซึ่งแผ่คลื่นพลังที่แกร่งกล้าเหนือธรรมชาติออกมา ลำตัวของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับห้องแห่งหนึ่งและกรงเล็บเพียงอย่างเดียวก็มีขนาดใหญ่เท่ากับร่างของฉินอวี้โม่แล้ว ดวงตาสีแดงก่ำและกรงเล็บขนาดใหญ่ก็เสริมความน่าเกรงขามให้กับมันมากขึ้นไปอีก
“โฮกกก !”
มันคำรามตรงมาที่ฉินอวี้โม่อีกครั้งและพุ่งโจมตีตามสัญชาตญาณ
“นั่นมัน…สิงโตปีศาจขนทอง !”
สีหน้าของมารยาเปลี่ยนไปเล็กน้อยขณะร่ายขยับมือทันทีเพื่อวางข่ายอาคมหลายชนิดอย่างรวดเร็ว
“สิงโตปีศาจขนทองงั้นรึ ? มันคืออสูรอะไรกัน ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามในขณะหลบหลีกการโจมตีของอสูรยักษ์ใหญ่
“นายหญิง ในความทรงจำของข้าจากเมื่อนับพันปีก่อน ยอดฝีมือที่แกร่งกล้าในโลกปีศาจถือครองพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง เขาสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตทั้งหมดให้กลายเป็นปีศาจและทำให้พลังของพวกมันเพิ่มขึ้นมาอย่างทวีคูณ ไม่เพียงแต่อสูรมายาและมนุษย์เท่านั้น แม้แต่สิ่งมีชีวิตพิเศษที่มีสติปัญญาอย่างเช่นข้าก็ไม่อาจรอดพ้นได้ อสูรที่อยู่ตรงหน้าเราควรจะเป็นสิงโตขนทองธรรมดา ๆ ทว่าหลังจากถูกกัดกร่อนด้วยพลังงานปีศาจ มันจึงมีพลังที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ !”
มารยากล่าวอธิบายขณะก้าวออกไปข้างหน้าและส่งสิงโตปีศาจขนทองเข้าไปในข่ายอาคมที่ตนวางไว้
ตูม ตูม ตูม !!!
ด้วยเสียงระเบิดดังสนั่น สิงโตปีศาจขนทองก็ทำลายข่ายอาคมของมารยาได้อย่างง่ายดาย ทว่ามันก็ได้รับบาดแผลมากมายเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อสูรมายาขนาดใหญ่ไม่มีท่าทีเจ็บปวดแม้แต่น้อยขณะยังคงโจมตีฉินอวี้โม่และมารยาต่อไป
“โลกปีศาจงั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ชะงักไปเล็กน้อยและนี่ก็มิใช่ครั้งแรกที่นางได้ยินเกี่ยวกับมัน
หลังจากเผชิญประสบการณ์มากมายจากดินแดนที่ผ่าน ๆ มา รวมถึงอ่านตำราประวัติศาสตร์จำนวนไม่น้อย นางก็เคยได้ข้อมูลเกี่ยวกับโลกปีศาจมาบ้าง ทว่าบันทึกเกี่ยวกับโลกปีศาจก็มีอยู่เพียงน้อยนิดเท่านั้น แท้ที่จริงแล้วโลกปีศาจเป็นอย่างไรกันแน่ ?
ตูมมม !
สิงโตปีศาจขนทองเหวี่ยงกรงเล็บฟาดเข้าใส่ฉินอวี้โม่ นางจึงใช้กระบี่ขวางการโจมตีนั้นไว้ทันที อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถต้านทานพละกำลังที่มหาศาลของมันได้และกระเด็นออกไปหลายก้าวเพราะการโจมตีอันรุนแรงของสิงโตปีศาจขนทอง
ความแข็งแกร่งของอสูรตัวนี้อย่างน้อยก็อยู่ในระดับราชาเซียนขั้นสูงหรืออาจจะสูงกว่านั้นด้วยซ้ำ เพียงพละกำลังของมันก็มิใช่สิ่งที่ฉินอวี้โม่จะต้านทานได้
“นายหญิง อสูรที่ถูกกัดกร่อนโดยพลังงานปีศาจจะทำพันธสัญญากับผู้อื่นไม่ได้ เราจะต่อสู้หรือหลบหนีไปดี ?”
มารยาขมวดคิ้วเล็กน้อยในขณะที่ปลดปล่อยการโจมตีใส่สิงโตปีศาจขนทองต่อไป