คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 876 พลังที่น่าสะพรึงกลัวของฉงฉี
กร๊อบ !
เสียงกระดูกแตกหักดังขึ้นมาจากปากของฉงฉีซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล เห็นได้ชัดว่าจางซือฉีถูกมันกลืนกินกลายเป็นอาหารไปเสียแล้ว…
“อย่างน้อยเจ้ามนุษย์ไร้ประโยชน์นั่นก็ยังช่วยพัฒนาพลังของข้าได้ !”
ฉงฉีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม ในเวลานี้มันก็กำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยราวกับว่าจางซือฉีเป็นอาหารอันโอชะสำหรับมัน
เกรงว่าจางซือฉีคงไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนจะเจรจากับเสือเพื่อขอหนังเสือ สุดท้ายก็ต้องลงเอยกลายเป็นอาหารของฉงฉีเช่นนี้
* 与虎谋皮 เจรจากับเสือขอหนังเสือ เปรียบเทียบการเจรจาร่วมมือกับคนร้าย สุดท้ายก็ไม่ได้ลงเอยในทางที่ดี
“ข้าก็กำลังคิดอยู่ว่าจะจัดการกับนางอย่างไร น่าเสียดายจริง ๆ ที่สตรีดอกบัวขาวนั่นตายไปเสียก่อน !”
อวิ๋นซื่อเทียนกล่าวพร้อมยักไหล่เล็กน้อย เมื่อครู่นี้การเคลื่อนไหวของฉงฉีรวดเร็วเกินไปจนนางและฉินอวี้โม่ไม่สามารถขัดขวางได้ทัน แน่นอนว่าต่อให้ไม่สายเกินไป ทั้งสองก็จะไม่มีทางช่วยเหลืออีกฝ่าย
จางซือฉีหาเรื่องกวนใจฉินอวี้โม่ทุกคราที่พบหน้าและถึงขั้นวางแผนที่จะสังหารนาง ฉินอวี้โม่เองก็มิใช่สตรีที่อ่อนหัดไร้เดียงสาเกินไปนัก นางจึงไม่โง่เขลาจนถึงขั้นที่จะเข้าไปช่วยชีวิตของจางซือฉีไว้
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็ขมวดคิ้วมุ่น นางสัมผัสได้ว่าหลังจากที่กลืนกินจางซือฉีเข้าไป ความแข็งแกร่งของฉงฉีก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แรงกดดันของมันในตอนนี้สามารถกดข่มกิเลนอัคคีได้มากขึ้นแล้วและส่งผลกระทบต่อพวกนางเล็กน้อย
“ฉงฉี นี่ก็ผ่านมานานนับพันปีแล้ว ทว่าเจ้าก็ยังตะกละจนกินไม่เลือกเช่นเดิม ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่น่าขยะแขยงเพียงใดเจ้าก็กินได้อย่างไม่ลังเล !”
กิเลนอัคคีกล่าววาจาดูถูกถากถางเพื่อพยายามยั่วยุฉงฉี
หลังจากที่ได้ประมือกัน มันก็ตระหนักดีว่าฉงฉีไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังโจมตีหรือการป้องกัน กล่าวได้ว่าฉงฉีจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ ในหมู่ของอสูรมายา อย่างไรก็ตาม มันก็มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงเช่นกัน นั่นก็คือสติปัญญาที่ไม่สูงนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ถูกยั่วโมโห มันจะสูญเสียเหตุผลทุกอย่างไปในทันที แม้การโจมตีในตอนนั้นจะรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ทว่าการโจมตีของมันก็จะเต็มไปด้วยช่องโหว่ และในตอนนั้นก็จะเป็นโอกาสของฝ่ายพวกนาง
“กิเลนอัคคี เจ้าก็ยังทำตัวน่าหงุดหงิดเช่นเดิม !”
เป็นจริงดังที่คาดไว้ ฉงฉีมีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาและจ้องหน้ากิเลนอัคคีตาเขม็ง อึดใจต่อมา ก้อนพลังมายาขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นในปากของมันและพุ่งตรงไปยังจุดที่กิเลนอัคคียืนอยู่
ตูมมม !
กิเลนหลบหลีกได้ทันและพื้นดินที่มันยืนอยู่ก่อนหน้านี้ก็ระเบิดกลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ เห็นได้ชัดแล้วว่าการโจมตีของฉงฉีอัดแน่นไปด้วยพลังที่มหาศาลเพียงใด
“วันนี้พวกเจ้าทั้งหมดจะต้องกลายเป็นอาหารของข้าผู้นี้ !”
ฉงฉีตะโกนกร้าวและพุ่งตรงเข้าโจมตีฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ
ปัง ! พลั่ก !
ความเร็วของฉงฉีก็รวดเร็วจนเกินไป ก่อนที่เฉินหยางชั่วจะตอบสนองได้ทัน เขาก็ถูกกรงเล็บฟาดกระเด็นออกไปจนพุ่งชนเข้ากับผนังหุบเขาและร่วงลงกระแทกพื้นแล้ว
“พรวดดด !”
เขากระอักเลือดคำโตออกมาและมีรูเลือดปรากฏที่หัวไหล่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าบาดเจ็บหนักพอสมควร
อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เสียงที่คล้ายกันดังขึ้นซ้ำอีกหลายคราเมื่อซ่างจู๋มู่ โหรวรั่วและเฝิงเยี่ยถูกฟาดกระเด็นลอยออกไปโดยฝีมือของฉงฉีเช่นเดียวกัน ภายในเวลาเพียงไม่นาน ความสามารถในการต่อสู้ของฝ่ายฉินอวี้โม่ก็ลดน้อยลงไปมาก
“บัดซบ นี่มันความเร็วอะไรกัน !”
เซิ่งเซียวเหวี่ยงกระบี่ออกไปขัดขวางกรงเล็บของฉงฉีได้ทันทว่าร่างของเขาก็ถอยหลังออกไปหลายก้าว ในเวลานี้ เขาก็อดที่จะสบถออกไปไม่ได้
ฉงฉีในตอนนี้เคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วสุดขีดจนพวกเขาก็ไม่สามารถมองเห็นร่างของมันได้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำ เงาภาพติดตาปรากฏให้เห็นในขณะที่ฉงฉีพุ่งไปปรากฏตรงหน้าใครสักคนอย่างรวดเร็วทำให้แทบไม่มีโอกาสป้องกันได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ทราบเลยว่าชั้นหมอกที่ปกคลุมรอบตัวหนาขึ้นกว่าเดิมตั้งแต่เมื่อใด ร่างของฉงฉีที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมอกหนาและเดินหน้าโจมตีฝ่ายของฉินอวี้โม่อย่างต่อเนื่องทำให้ทุกคนอดรู้สึกปวดหัวไปตาม ๆ กันไม่ได้
หลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ยังโจมตีไม่ถึงตัวฉงฉี ทว่ากลับถูกมันโจมตีอย่างไม่หยุดหย่อน แม้เซิ่งเซียวจะพลาดท่าถูกมันประชิดตัวและฟาดโจมตีเข้าไปครั้งหนึ่ง ทว่าด้วยร่างกายที่พิเศษและเกราะป้องกันระดับสูงที่สวมใส่ เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก
กิเลนอัคคีก็ยังคงรับมือกับการโจมตีของฉงฉีได้อย่างหวุดหวิดหลายครา อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ฉงฉีกลืนกินจางซือฉีเข้าไป กอปรกับสภาพแวดล้อมหมอกหนารอบตัวทำให้แม้แต่กิเลนอัคคีก็เอาชนะฉงฉีไม่ได้
“ระวัง !”
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่ก็จดจ่อสมาธิทั้งหมดเข้ากับพลังวิญญาณของตนเอง และเมื่อเห็นกรงเล็บของฉงฉีที่กำลังฟาดตรงเข้าไปที่หลังของอวิ๋นซื่อเทียนอย่างรวดเร็ว นางก็ตะโกนเตือนออกไปทันที
ทว่าอวิ๋นซื่อเทียนเพิ่งหลบหนีจากกรงเล็บของฉงฉีในเมื่อครู่นี้ไปเท่านั้น ไม่คิดเลยว่ามันจะเล็งเป้าหมายมาที่นางอีกครั้ง เนื่องจากทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่สามารถรับมือได้ทัน นางจึงทำได้เพียงสร้างม่านป้องกันขึ้นมารอบตัวเพื่อลดความเสียหายให้น้อยลงที่สุด
ตูมมม !
“พรวดดด !”
ร่างของนางกระเด็นออกไปและกระอักเลือดคำโตออกมากลางอากาศ นางรู้สึกได้ถึงอวัยวะภายในร่างกายที่ปั่นป่วนในทันที พลังโจมตีของฉงฉีช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
ฟิ้วว !
เสียงลมพัดผ่านอย่างแรงขณะฉินอวี้โม่ปรากฏตัวตรงหน้าอวิ๋นซื่อเทียนและคว้าร่างของนางไว้ก่อนพุ่งตัวออกไปด้านข้างทันที
อวิ๋นซื่อเทียนก็ก้มลงมองปลายเท้าของตนเอง เมื่อครู่นี้นางไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำว่าตนกำลังกระเด็นลงไปในทิศทางของหลุมลึกที่เต็มไปด้วยซากศพจอมยุทธ์มากมาย ภายในนั้นมีท่อนซุงท่อนไม้แหลมคมจำนวนมากปักไว้ หากร่วงลงไปในนั้น เกรงว่าปลายแหลมคมเหล่านั้นจะทิ่มแทงทะลุร่างกายของนางจนตายไปอย่างแน่นอน
“ขอบใจมาก”
นางรีบกล่าวขอบคุณฉินอวี้โม่และถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที
หากปฏิกิริยาของฉินอวี้โม่ไม่รวดเร็วมากพอ นางก็คงต้องตายอยู่ที่นี่ไปแล้ว
“ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แน่”
จู่ ๆ หานโม่ฉือก็กล่าวขึ้นมา หากปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อต่อไปเช่นนี้ พวกเขาจะเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ ถึงอย่างไรฉงฉีก็อาศัยอยู่ในที่แห่งนี้มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและเป็นธรรมดาที่มันจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมทุกอย่างของที่นี่ หมอกหนารอบตัวที่เป็นอุปสรรคของพวกเขากลายเป็นเกราะกำบังที่ดีที่สุดของมันซึ่งช่วยให้การโจมตีของมันคาดเดาได้ยากมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ทำให้ฝ่ายของเขาติดขัดและรับมือได้อย่างลำบาก
“เราต้องทำให้การเคลื่อนไหวของมันช้าลง หรือไม่ก็ทำให้หมอกหนาพวกนี้หายไป”
เขาเงยหน้าขึ้นมองหมอกรอบตัวที่หนาทึบขึ้นเรื่อย ๆ ขณะกล่าวอย่างใจเย็น
ก่อนหน้านี้เพลิงแห่งชีวิตของซิวยังพอจะควบคุมหมอกได้เล็กน้อย ทว่าตอนนี้มันไม่เกิดผลใดอีกต่อไป ไม่เพียงแต่หมอกไม่หายไปเท่านั้น ทว่ามันกลับหนาทึบมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่นาน เกรงว่าทุกคนคงมองไม่เห็นแม้กระทั่งมือของตนเองที่ยื่นไปข้างหน้าด้วยซ้ำ
“มารยา จัดเตรียมข่ายอาคมจำนวนหนึ่ง ทุกคนมาหาข้าเร็วเข้า”
ฉินอวี้โม่กล่าวกับทุกคน แม้เพลิงแห่งชีวิตของซิวจะไม่ส่งผลกระทบใดต่อหมอกรอบตัวอีกต่อไป มันก็น่าจะทำอันตรายต่อฉงฉีได้พอสมควร ตราบใดที่ถ่วงเวลามันได้สักระยะและให้มารยาวางข่ายอาคมหลายชนิดเพื่อหยุดยั้งการเคลื่อนไหวของมันไว้ ความเร็วของฉงฉีจะต้องช้าลงอย่างแน่นอน และเมื่อถึงตอนนั้น ฉินอวี้โม่และทุกคนก็จะมีโอกาสเอาชนะมันได้มากยิ่งขึ้น
“รับทราบ นายหญิง !”
มารยาพยักศีรษะรับคำขณะแผ่พลังมายาออกไปรอบตัวและวางข่ายอาคมจำนวนหนึ่งไว้รอบ ๆ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของฉงฉี
“สามพันเพลิงคำราม !”
ฉินอวี้โม่กล่าวขึ้นเบา ๆ และกลุ่มเมฆสีแดงเดือดก็ปรากฏขึ้นมาบนอากาศ
จากนั้น เพลิงร้อนระอุก็ตกลงมาจากเมฆสีแดงเหล่านั้นและปกคลุมทั่วบริเวณโดยเว้นเพียงแต่จุดที่ฉินอวี้โม่และทุกคนยืนอยู่เท่านั้น
“อ๊ากกก ! นี่มันเพลิงอะไรกัน !”
ฉงฉีส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดทันทีและเพลิงลุกท่วมร่างของมันจนขนแหลมทั่วตัวแทบลุกไหม้ ต้องกล่าวเลยว่าในฐานะอสูรมายาโบราณที่มีสายเลือดที่ทรงพลังมากพอจะเทียบชั้นกับสายเลือดมังกร กิเลนและหงส์แดงนั้น ไม่มีทางเลยที่เพลิงธรรมดา ๆ จะทำอันตรายต่อมันได้ ทว่าเพลิงเหล่านี้กลับทำให้มันรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
“ฮ่า ๆ ๆ น่าเสียดายที่ซิวยังอยู่ในช่วงจำศีล ไม่เช่นนั้น..เจ้าไม่มีโอกาสได้วางท่าเย่อหยิ่งเช่นนี้แน่ !”
กิเลนอัคคีหัวเราะเบา ๆ ในตอนนี้มันต้องการให้ซิวปรากฏตัวเป็นที่สุด แม้ความแข็งแกร่งของมันและซิวจะอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน ทว่าสายเลือดของมันก็ยังด้อยกว่าเทพอสูรพอสมควร ยิ่งไปกว่านั้น กล่าวได้ว่าแรงกดดันของซิวเป็นศัตรูตัวฉกาจของอสูรโบราณเหล่านี้ หากประจันหน้ากับฉงฉี ฉงฉีที่เย่อหยิ่งตัวนี้จะไม่มีทางรอดพ้นอย่างแน่นอน
“อ๊ากกกกก !”
เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นและสามพันเพลิงคำรามก็แผดเผาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึงหนึ่งก้านธูป แม้ฉงฉีพยายามหลบเลี่ยงมันอย่างสุดความสามารถและสร้างม่านป้องกันขึ้นมารอบตัว ทว่าเพลิงทรงพลังก็ยังแผดเผามันจนตกในสภาพที่ดูน่าสังเวชและได้รับบาดเจ็บสาหัสพอสมควร
เมื่อสามพันเพลิงคำรามสิ้นสุดลง ข่ายอาคมหลายชนิดก็ถูกจัดวางจนเสร็จสิ้นพอดิบพอดี และการต่อสู้ก็ยังคงดำเนินต่อไป…