คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 915 ข่าวที่คาดไม่ถึง
ในอดีตข่ายอาคมมายาและหมาป่าขาวถูกทิ้งไว้ที่นี่โดยฉินอวี้โม่ และหมาป่าขาวก็คาดการณ์ว่านางคงจะกลับชาติมาเกิดใหม่อีกครั้ง มันจึงเฝ้ารอนางอยู่ที่นี่มาโดยตลอด
ในอดีตเมื่อครั้งที่นิกายหมื่นบุปผาก่อตั้งขึ้นในตอนแรก ฉินอวี้โม่ก็ได้เดินทางมาที่นี่
ครานั้นบังเอิญว่านิกายหมื่นบุปผาเผชิญกับปัญหาบางอย่างและฉินอวี้โม่ก็เป็นผู้ที่ช่วยเหลือนิกายหมื่นบุปผาไว้
เดิมทีดินแดนต้องห้ามแห่งนี้มิใช่เป็นสถานที่ส่วนตัวของนิกายหมื่นบุปผา หากแต่เป็นสถานที่บ่มพาะฝึกวิชาของฉินอวี้โม่ ในภายหลัง หลังจากช่วยนิกายหมื่นบุปผาไว้ จ้าวนิกายหมื่นบุปผาในตอนนั้นก็ต้องการแสดงความขอบคุณและฉินอวี้โม่ก็ขอให้นิกายหมื่นบุปผาช่วยดูแลที่แห่งนี้แทนตน ทว่าด้วยเวลาที่ผ่านมาเนิ่นนาน ดินแดนต้องห้ามแห่งนี้จึงตกกลายเป็นของนิกายหมื่นบุปผาไปโดยปริยาย
เมื่อได้ทราบที่มาที่ไปเหล่านี้ ฉินอวี้โม่ก็พยักศีรษะแสดงความเข้าใจโดยที่ไม่รู้สึกแปลกใจนัก
ด้วยพลังลึกลับในร่างกายของนางและทุกอย่างที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ปัจจัยเหล่านี้ล้วนทำให้นางคาดเดาได้ว่าชีวิตในอดีตของตนจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
ในตอนนี้ไม่ว่าจะประสบพบเจอกับสิ่งที่น่าตกตะลึงเพียงใด มันก็ไม่เหนือกว่าความคาดหมายของนางอีกแล้ว
เพียงแต่สาเหตุที่นางเดินทางมายังดินแดนมหาเทพในตอนนั้นและสาเหตุที่นางเข้าไปเกี่ยวข้องกับนิกายหมื่นบุปผา นางยังต้องรอจนกว่าความทรงจำฟื้นคืนมาจึงจะทราบมันได้
ตอนนี้สภาพแวดล้อมรอบตัวทุกคนเปลี่ยนไปแล้วและทุ่งหญ้าเขียวขจีเดิมหายไปอย่างไร้ร่องรอย ในเวลานี้ สิ่งที่ปรากฏรอบตัวคือผืนป่าหนาทึบที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ซึ่งยากที่จะมองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้
ท้องฟ้าเบื้องบนหม่นลงเช่นกันและดูเหมือนมีกลุ่มหมอกปกคลุมโดยรอบ ทัศนวิสัยรอบตัวทุกทิศทางกลับกลายเป็นมัวหมองและคลุมเครือ
“หมาป่าขาว เจ้าทราบรึไม่ว่าสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาที่หายสาบสูญไปในดินแดนต้องห้ามอยู่ที่ใด ?”
ฉินอวี้โม่ไม่เสียเวลาคิดเรื่องอื่นที่ไม่มีคำตอบในตอนนี้และจดจ่อสมาธิกับจุดประสงค์ของการเข้ามาในดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาในครานี้
“สมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาคือสิ่งใดกัน ?”
หมาป่าขาวชะงักไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนั้นมาก่อน
“เจ้าไม่ทราบรึ ?”
หมาป่าขาวอยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้มานานนับพันปี หากสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผาหายสาบสูญอยู่ที่นี่จริง มันก็ควรที่จะทราบ
“นายหญิง ที่นี่มีสมบัติบางอย่างอยู่จริง ทว่าส่วนใหญ่มันก็เป็นสมบัติของท่าน ข้าไม่ทราบเลยว่าสมบัติใดที่ถูกจัดให้เป็นสมบัติล้ำค่าของนิกายหมื่นบุปผา”
ในเมื่อดินแดนต้องห้ามแห่งนี้เป็นสถานที่ฝึกยุทธ์เดิมของฉินอวี้โม่ สมบัติข้างในนี้ก็ย่อมเป็นของนางตั้งแต่แรกเช่นกัน ก่อนหน้านี้แม้นิกายหมื่นบุปผาจะเคยส่งคนมาที่นี่และหยิบฉวยบางสิ่งบางอย่างออกไปโดยบังเอิญ แต่สิ่งเหล่านั้นก็ถือว่าเป็นของกำนัลจากฉินอวี้โม่และมิใช่ของนิกายหมื่นบุปผา
สำหรับสมบัติที่เป็นของนิกายหมื่นบุปผา หมาป่าขาวไม่เคยพบเห็นมันมาก่อน
อวิ๋นซื่อเทียนก็กลอกตาไปมาเมื่อตระหนักได้ว่าหมาป่าขาวหมายความอย่างที่กล่าวจริง ๆ
ตอนนี้นางก็เริ่มคิดไปว่าฮวาหรงวางแผนโกหกพวกนางทุกคนและแท้จริงแล้วไม่เคยมีสมบัติของนิกายหมื่นบุปผาอยู่ในดินแดนต้องห้ามแห่งนี้ด้วยซ้ำ
“ถ้าอย่างนั้นก็พาพวกข้าไปหาสมบัติเหล่านั้นที่เจ้ากล่าวถึงก่อน”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มเพื่อให้หมาป่าขาวนำทางพวกนางไปหาสมบัติที่กล่าวว่าเป็นของนางในอดีต
หมาป่าขาวพยักหน้าตอบรับและนำทางคณะของฉินอวี้โม่ไปยังทิศทางหนึ่งในขณะบอกเล่าถึงสถานการณ์ของดินแดนต้องห้ามไปพร้อมกัน
ดินแดนต้องห้ามแห่งนี้คงอยู่มานานนับพันปี ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนจากนิกายหมื่นบุปผาเข้ามาที่นี่หลายคนและหมาป่าขาวก็ได้เผชิญหน้ากับคนเหล่านั้นทั้งหมด
สำหรับผู้ที่มันรู้สึกถูกชะตา มันก็มักจะปล่อยให้คนเหล่านั้นรอดตัวไปจากข่ายอาคมมายาโดยที่ไม่ทำให้เผชิญกับความสิ้นหวังมากนัก ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่มันไม่ชอบหน้ามักจะถูกสังหารไปในทันที
“นายหญิง ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเรื่องที่น่าสนใจเกิดขึ้นที่นี่ ท่านอยากได้ยินรึไม่ ?”
หมาป่าขาวกล่าวและกระตุ้นความสนใจของฉินอวี้โม่ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
“เรื่องอะไรรึ ?”
ฉินอวี้โม่เอ่ยถามอย่างให้ความร่วมมือ สำหรับสิ่งที่ทำให้หมาป่าขาวมองว่าน่าสนใจก็น่าจะเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การรับรู้เป็นอย่างมาก
“เมื่อประมาณสิบปีก่อน ฮวาฟางเฟยพาสตรีนางหนึ่งเข้ามาในดินแดนต้องห้าม จะว่าไปแล้ว กลิ่นอายบนตัวของสตรีผู้นั้นก็ดูจะคล้ายคลึงกับกลิ่นอายจากนายหญิงไม่น้อยเลย…”
เมื่อได้ยินประโยคหลัง ฉินอวี้โม่ก็คาดเดาได้ทันที
“สตรีผู้นั้นคงจะเป็นมารดาของข้า”
สตรีที่มีกลิ่นอายคล้ายคลึงกับนางและถูกพาตัวเข้ามาที่นี่โดยฮวาฟางเฟย คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าจะต้องเป็นอวี๋เสี่ยวอวิ๋นอย่างแน่นอน
“มารดาของนายหญิงงั้นรึ ?”
หมาป่าขาวชะงักไปเล็กน้อย หากสตรีผู้นั้นเป็นถึงมารดาของนายหญิงจริง ๆ สตรีผู้นั้นจะมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับทั่วไปได้อย่างไรกัน ?
“มารดาของข้าในชีวิตนี้”
ฉินอวี้โม่รับรู้ได้ถึงความสงสัยของหมาป่าขาวและกล่าวอธิบายเพียงสั้น ๆ
“โอ้ ถ้าเช่นนั้นก็ไม่แปลกใจเลยที่นางจะดูคล้ายคลึงกับท่านมาก”
หมาป่าขาวพยักหน้าและกล่าวต่อ “เมื่อพวกนางปรากฏตัวในตอนนั้น ข้าก็ไม่ชอบสตรีที่มีนามว่าฮวาฟางเฟยแม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม กลิ่นอายของมารดาของนายหญิงทำให้ข้ารับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและจิตใจดี ข้าจึงไม่ได้ทำร้ายพวกนาง”
เมื่อประมาณสิบปีก่อน ฮวาฟางเฟยปรากฏตัวในดินแดนต้องห้ามพร้อมกับอวี๋เสี่ยวอวิ๋น เมื่อได้พบกับหมาป่าขาว ไม่ว่าใครก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าจะเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้นแน่ อย่างไรก็ตาม หมาป่าขาวกลับสัมผัสได้ถึงความเป็นมิตรไร้พิษภัยจากอวี๋เสี่ยวอวิ๋น มันจึงไม่สร้างปัญหากวนใจและปล่อยพวกนางไปโดยง่าย
“หลังจากนั้น ฮวาฟางเฟยก็พามารดาของท่านเข้าไปในส่วนลึกของดินแดนต้องห้ามและมารดาของท่านก็หายสาบสูญไป”
เวลานี้หมาป่าขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
มันจับตาดูคนทั้งสองอยู่ตลอดเวลาทว่าไม่ทราบเลยว่าอวี๋เสี่ยวอวิ๋นหายตัวไปอย่างไร ในครานั้น ฮวาฟางเฟยเองก็มีสีหน้างุนงงเช่นกันและเห็นได้ชัดว่านางเองก็ไม่ทราบว่าเหตุใดอวี๋เสี่ยวอวิ๋นจึงหายตัวไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น
“เจ้าหมายความว่ามารดาของข้าหายตัวไปจากที่นี่งั้นรึ ?”
ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่น หากมารดาของนางหายตัวไปเอง นั่นก็หมายความว่ามันต่างจากข้อสันนิษฐานเดิมของนาง
แต่ว่า… มารดาของข้าหายไปที่ใดกัน ?
เหตุใดฮวาฟางเฟยจึงพาท่านแม่มาที่ดินแดนต้องห้ามตั้งแต่ต้น ? นางเป็นเพียงสตรีธรรมดาจากดินแดนระดับต่ำ ต่อให้มีพรสวรรค์ที่โดดเด่นเล็กน้อย มันก็ไม่ควรจะมากพอที่จะดึงดูดความสนใจของฮวาฟางเฟยได้…หรือว่าท่านแม่เองก็มีปริศนาบางอย่างที่ซ่อนไว้เช่นกัน ?
“ดูเหมือนว่าหากต้องการจะสืบทราบความจริงทั้งหมดนี้ เจ้าก็คงทำได้เพียงสืบหาจากฮวาฟางเฟย ทว่าตอนนี้พวกเราก็ยังอ่อนแอเกินไป หากเผยพิรุธหรือช่องโหว่ใด ๆ ออกไป ฮวาฟางเฟยจะหาทางกำจัดเราแน่ เพราะฉะนั้นเราจะทำสิ่งใดบุ่มบ่ามไม่ได้เด็ดขาด”
หานโม่ฉือกล่าวอย่างจริงจัง ฉินอวี้โม่และทุกคนยังต้องพัฒนาความแข็งแกร่งให้ได้โดยเร็วที่สุดก่อนวางแผนทำสิ่งใดต่อไป
ฉินอวี้โม่ก็เข้าใจดีและหยุดคิดเรื่องราวเหล่านี้ไปชั่วคราว หมาป่าขาวได้เห็นด้วยตัวเองว่ามารดาของนางหายสาบสูญไป นั่นหมายความว่ามารดาของนางยังมีชีวิตอยู่และไม่เป็นอันตรายใด ในไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องตามหามารดาจนพบอย่างแน่นอน
“นายหญิง บนร่างของฮวาฟางเฟยนั่นมีกลิ่นอายชั่วร้ายบางอย่างที่แตกต่างจากจ้าวนิกายคนก่อน ๆ”
หมาป่าขาวกล่าวต่ออีกประโยค ในฐานะอสูรโบราณ มันย่อมมีสัญชาตญาณในการแยกแยะกลิ่นอายที่หลบซ่อนอยู่ในร่างของมนุษย์ที่พบเจอ
ในร่างของฮวาฟางเฟยมีกลิ่นอายของความชั่วร้ายบางอย่างซึ่งทำให้หมาป่าขาวไม่ถูกชะตาแม้แต่น้อย มันเหมือนกับกลิ่นอายของศัตรูที่นายหญิงของมันเผชิญในตอนนั้นและเป็นสิ่งที่น่าหงุดหงิดใจอย่างที่สุด
ฉินอวี้โม่ หานโม่ฉือและคนอื่น ๆ ก็หันมองหน้ากันทันทีพร้อมกับความคิดหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจเหมือนกัน ฮวาฟางเฟยผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นภายนอกอย่างแน่นอน
“หลังจากออกไปจากที่นี่ ข้าจะหาทางสืบเรื่องนี้เอง”
หานโม่ฉือเขย่ามือฉินอวี้โม่เบา ๆ และวางแผนที่จะสืบเรื่องฮวาฟางเฟยด้วยตนเอง
ฉินอวี้โม่พยักศีรษะตอบรับ ในเมื่อมีเนตรปีศาจอยู่กับตัว หานโม่ฉือก็จะสามารถสืบข่าวได้ง่ายดายกว่านางมาก
“ถึงแล้ว”
ในขณะที่พูดคุยกันอยู่นั้น ฉินอวี้โม่และทุกคนก็มาถึงหน้าทางเข้าของถ้ำแห่งหนึ่ง