คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 932 ชี้แนะเซียงหร่วน
หลังจากที่ทุกคนทักทายกันและนั่งลงในตำแหน่งของตนเพื่อรอเวลาพักใหญ่ ผู้คุมกฎฝั่งซ้าย ผู้คุมกฎฝั่งขวาและผู้อาวุโสทั้งหลายก็มาถึง
“วันนี้ท่านจ้าวนิกายมีธุระสำคัญต้องจัดการ พวกเราจะเป็นคนดูแลความเรียบร้อยของการประชันฝีมือนี้เอง”
ผู้คุมกฎฝั่งซ้ายและฝั่งขวากล่าวกับทุกคนก่อนเดินไปนั่งลง
“เอาล่ะ ทุกคนที่ผ่านเข้ารอบเมื่อวานนี้ออกมาจับฉลากได้”
จากนั้นกล่องใบหนึ่งซึ่งบรรจุฉลากหมายเลขต่าง ๆ ก็ถูกนำออกมา
เมื่อวานนี้ ศิษย์ผู้เข้าร่วมการประชันฝีมือมากกว่าครึ่งหนึ่งถูกกำจัดไปแล้วและตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงห้าสิบคนเท่านั้น
หากต้องการผ่านเข้าไปเป็นสิบอันดับแรก อย่างมากก็ต้องผ่านการประชันฝีมืออีกสามรอบ
ตอนนี้ก็เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียงไม่มากนักและจะสามารถตัดสินสิบอันดับแรกได้ก่อนจบวัน และในวันพรุ่งนี้ก็จะเป็นการประชันฝีมือระหว่างคนเหล่านั้นกับศิษย์สิบอันดับแรกจากการประชันฝีมือปีก่อนเพื่อกำหนดศิษย์สิบอันดับสุดท้ายในปีนี้
ฉินอวี้โม่และสหายทั้งสามก็ก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อจับฉลากคู่ต่อสู้อย่างไม่ลังเล
ครานี้ฉินอวี้โม่ก็จับฉลากได้เลขที่สูงพอสมควรซึ่งเป็นคู่ที่สองนับจากหลังสุด
จางซือถงจับฉลากได้หมายเลขห้าและมีคู่ต่อสู้เป็นศิษย์พี่ที่ฝีมือดีพอสมควรซึ่งโอกาสคว้าชัยชนะของนางก็มีไม่มากนัก
อย่างไรก็ตาม เหมียวเจินเจินโชคร้ายยิ่งกว่า คิดไม่ถึงเลยว่านางจะจับได้หมายเลขหนึ่งเช่นเดียวกับอวิ๋นซื่อเทียนซึ่งหมายความว่าทั้งสองจะต้องต่อสู้กันในรอบนี้
“นี่มันเคราะห์ร้ายดวงซวยอะไรกันเนี่ย ไม่แปลกใจเลยที่ตาขวาของข้ากระตุกตั้งแต่เช้า”
เมื่อเห็นหมายเลขหนึ่งในมืออวิ๋นซื่อเทียน เหมียวเจินเจินก็กล่าวอย่างจนปัญญา
เช้าตรู่ของวันนี้นางคิดว่าหากตนเองโชคดี นางก็อาจเอาชนะคู่ต่อสู้ได้อีกหนึ่งถึงสองรอบ คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องประชันฝีมือกับอวิ๋นซื่อเทียนตั้งแต่ต้นเช่นนี้
ในบรรดาศิษย์ผู้เข้าร่วมการประชันฝีมือทั้งหมด คู่ต่อสู้ที่นางหวาดหวั่นมากที่สุดคือฉินอวี้โม่และอวิ๋นซื่อเทียน หากต้องประชันฝีมือกับคนอื่น ๆ ต่อให้เป็นเหลียนซวง นางก็มั่นใจว่าจะต่อสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี อย่างไรก็ตาม หากคู่ต่อสู้ผู้นั้นเป็นอวิ๋นซื่อเทียน นางก็ไม่สามารถคาดหวังชัยชนะใด ๆ ได้
“เจินเจิน ข้าขอโทษด้วย”
อวิ๋นซื่อเทียนยักไหล่และกล่าวเบา ๆ นางเองก็ไม่คาดคิดเช่นกันว่าจะต้องต่อสู้กับเหมียวเจินเจินในรอบนี้
“ช่างมันเถอะ ข้าขอยอมแพ้ดีกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่อสู้อีก”
เหมียวเจินเจินกางมือและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย นางมิใช่คู่ต่อสู้ของอวิ๋นซื่อเทียนแม้แต่น้อย ทักษะยุทธ์และทักษะการเคลื่อนไหวบางส่วนของนางก็เป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากอวิ๋นซื่อเทียน เพราะเหตุนั้นนางจึงไม่มีโอกาสเอาชนะอีกฝ่ายได้เลย
การที่เหมียวเจินเจินยอมแพ้โดยตรงเช่นนี้หมายความว่าอวิ๋นซื่อเทียนจะผ่านเข้ารอบต่อไปในทันที
การประชันฝีมือของคู่อื่น ๆ ก็เริ่มต้นขึ้นและศิษย์พี่ที่เป็นคู่ต่อสู้ของจางซือถงในรอบนี้ก็จัดเป็นศิษย์ยี่สิบอันดับแรกของนิกายหมื่นบุปผา
แม้จะมีการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมาและสามารถพึ่งพาอาศัยทักษะการเคลื่อนไหวและทักษะการต่อสู้อันคล่องแคล่วในการรับมือกับอีกฝ่ายได้นานสองก้านธูป ทว่าสุดท้ายจางซือถงก็ยังต้องพ่ายแพ้ไป
อย่างไรก็ตาม นางไม่หมดกำลังใจหรือท้อแท้แม้แต่น้อยขณะยิ้มให้กับพัฒนาการที่ชัดเจนของตน นางเชื่อว่าในการประชันฝีมือภายในของนิกายหมื่นบุปผาครั้งหน้า นางจะเอาชนะศิษย์พี่หลายคนที่แข็งแกร่งกว่าตนได้อย่างแน่นอน
ศิษย์คนอื่น ๆ ก็ทำการต่อสู้ต่อไปและจบไปทีละคู่ ๆ โดยที่ครึ่งหนึ่งผ่านเข้ารอบต่อไปและอีกครึ่งหนึ่งถูกกำจัด ในบรรดาผู้ที่ผ่านเข้ารอบต่อไปเหล่านี้ก็มีหลายคนที่ฉินอวี้โม่รู้จักดีซึ่งเป็นคนที่มีความสัมพันธ์อันดีกับนาง
ไม่นานนักก็ถึงตาฉินอวี้โม่ที่จะเดินขึ้นไปบนสังเวียนของตน
คู่ต่อสู้ของฉินอวี้โม่ในครานี้คือศิษย์ฝั่งขวาคนหนึ่งซึ่งฝีมือที่ด้อยกว่าทั้งเหลียนอู้และหมิงเยี่ยนในเมื่อวานนี้มาก
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะเอาชนะศิษย์พี่เหลียนซวงได้แน่”
เมื่อทั้งสองมาถึงบนสังเวียน ศิษย์พี่คนนั้นก็กระซิบกับฉินอวี้โม่เบา ๆ ก่อนประกาศยอมแพ้ไปโดยตรง
ฉินอวี้โม่คิดไม่ถึงเลยว่าคู่ต่อสู้ของตนจะยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเช่นนี้และชะงักค้างไปก่อนยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าตอนนี้นางจะมีผู้สนับสนุนในนิกายหมื่นบุปผาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว…
เมื่อการประชันฝีมือรอบนี้สิ้นสุดลงก็เหลือผู้ผ่านเข้ารอบเพียงยี่สิบกว่าคนเท่านั้น
จากนั้นคนเหล่านี้ก็จับฉลากเพื่อเลือกคู่ต่อสู้ของตนในรอบต่อไป
คู่ต่อสู้ของฉินอวี้โม่ในรอบนี้คือศิษย์ฝั่งขวานามว่า ‘เซียงหร่วน’
“ว้าว คู่ต่อสู้ของข้าคือศิษย์น้องอวี้โม่ !”
เซียงหร่วนอุทานด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูรื่นรมย์ ราวกับฉินอวี้โม่กำลังชวนนางไปรับประทานอาหารค่ำ มิใช่กำลังจะต่อสู้กัน
“เซียงหร่วน เจ้าตื่นเต้นอะไรกัน ? การที่จับได้ศิษย์น้องอวี้โม่ก็หมายความว่าเจ้ากำลังจะตกรอบ”
ใครคนหนึ่งไม่เข้าใจความคิดของเซียงหร่วนและอดเอ่ยถามด้วยความงุนงงไม่ได้
“แล้วอย่างไรกัน ? ถึงอย่างไรมันก็ยากที่ข้าจะเข้าไปเป็นสิบอันดับแรกอยู่แล้ว ข้าดีใจที่จะได้ประชันฝีมือกับศิษย์น้องอวี้โม่ นางแข็งแกร่งมาก หากนางช่วยชี้แนะจุดบกพร่องในการต่อสู้ของข้า ข้าก็จะพัฒนาได้อีกมากอย่างแน่นอน”
เซียงหร่วนยิ้มกว้างและบอกถึงสาเหตุที่ตนดีใจอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้
นางและสหายอีกหลายคนต่างก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เรียนรู้ทักษะยุทธ์จากฉินอวี้โม่และการได้ประชันฝีมือกับฉินอวี้โม่โดยตรงเช่นนี้ก็จะเป็นผลดีกับการฝึกฝนของพวกตน เพราะเหตุนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะตื่นเต้นดีใจเช่นนี้
ฉินอวี้โม่และคนอื่น ๆ ก็ได้ยินวาจาของเซียงหร่วนและอดยิ้มออกมาไม่ได้ ในเวลานี้พวกนางรู้สึกถูกชะตากับศิษย์ฝั่งขวาเพิ่มขึ้นอีกหลายคน
หลังจากการจับฉลากเสร็จสิ้น ผู้เข้าแข่งขันก็ตรงไปที่สังเวียนของตนเพื่อเริ่มการประชันฝีมือ
ด้วยการที่อวิ๋นซื่อเทียนจับได้หมายเลขหนึ่งและฉินอวี้โม่จับได้หมายเลขสาม พวกนางจึงอยู่รวมในชุดห้าคู่แรกที่ต้องประชันฝีมือก่อน
ทั้งสองเดินไปที่สังเวียนด้วยกันเพื่อรอคู่ต่อสู้ของพวกตน
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ข้าจะยอมแพ้ ทว่าข้ายังอยากจะประมือกับเจ้าดูสักหน่อย เจ้าช่วยตรวจสอบจุดบกพร่องในกระบวนท่าของข้าจะได้รึไม่ ?”
เซียงหร่วนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาและแสดงให้เห็นถึงทัศนคติอย่างชัดเจน
“หากศิษย์พี่เชื่อใจข้า ข้าก็ยินดี”
ฉินอวี้โม่ยิ้มและกล่าวอย่างจริงใจ
เมื่อได้รับคำตอบยืนยันจากฉินอวี้โม่ รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏบนใบหน้าของเซียงหร่วนทันทีและไม่อาจปิดบังไว้ได้เลย
“ศิษย์น้องอวี้โม่ ข้าจะเริ่มแล้วนะ”
นางหยิบแส้ยาวสีฟ้าเส้นหนึ่งออกมาและฟาดตรงเข้าใส่ฉินอวี้โม่ทันที
กระบวนท่าโจมตีของเซียงหร่วนควบคู่ทั้งระยะสั้นและระยะไกลขณะเหวี่ยงแส้ยาวในมือ ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่คิดใช้พลังมายาใด ๆ แม้แต่น้อยและเพียงต้องการให้ฉินอวี้โม่ช่วยระบุจุดบกพร่องในการโจมตีของตนเท่านั้น
ฉินอวี้โม่หลบหลีกการโจมตีของเซียงหร่วนได้อย่างรวดเร็วในขณะที่จับตาดูช่องโหว่ในกระบวนท่าของอีกฝ่าย
ทั้งสองต่อสู้กันหลายกระบวนท่าโดยที่เซียงหร่วนไม่สามารถโจมตีถูกตัวฉินอวี้โม่ได้สำเร็จด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับการที่จะทำให้นางบาดเจ็บได้
เซียงหร่วนก็รู้สึกชื่นชมฉินอวี้โม่มากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะยังคงปล่อยการโจมตีต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน
“ศิษย์พี่ แม้กระบวนท่าโจมตีของท่านจะเฉียบคม มันก็ยังมีการหยุดชะงักชั่วขณะในตอนที่ท่านเหวี่ยงแส้ และนั่นน่าจะเป็นจุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของท่าน”
ฉินอวี้โม่ค่อย ๆ สังเกตเห็นจุดอ่อนของเซียงหร่วน แม้การโจมตีจะเฉียบคมและแม่นยำแล้ว ทว่ามันก็ยังมีจุดอ่อนอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม แส้ยาวเป็นอาวุธที่มีความยืดหยุ่นสูง เพราะเหตุนั้นในการเหวี่ยงโจมตีทุกครั้งจึงมีช่องโหว่ปรากฏอย่างชัดเจน ตราบใดที่มีความแข็งแกร่งมากกว่า คู่ต่อสู้จะสังเกตเห็นมันได้อย่างชัดเจนและตอบโต้กลับได้อย่างตรงจุด
“ถ้าเช่นนั้นข้าควรจะปรับปรุงอย่างไร ?”
เซียงหร่วนหยุดการโจมตีของตนเองขณะมองฉินอวี้โม่ด้วยแววตาคาดหวัง
เวลานี้ทั้งสองสื่อสารกันผ่านทางกระแสจิตและคนอื่นรอบตัวไม่ได้ยินมัน หลายคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดจู่ ๆ เซียงหร่วนจึงหยุดการโจมตีของตนเองเช่นนี้
“ง่ายมาก ศิษย์พี่เพียงต้องเพิ่มความเร็วในการโจมตีเล็กน้อย จากนั้นก็ใช้พลังมายาผสมผสานเพื่ออำพรางการเคลื่อนไหวก่อนโจมตี เท่านั้นก็น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว”
ฉินอวี้โม่กล่าวพร้อมรอยยิ้มก่อนที่แส้ยาวจะปรากฏในมือของนางเช่นกัน
จากนั้นนางก็แสดงกระบวนท่าโจมตีชุดใหญ่ออกมาซึ่งเป็นกระบวนท่าเหมือนกับที่เซียงหร่วนใช้โจมตีนางก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตาม ทุกคราที่มีการเคลื่อนไหว ฉินอวี้โม่จะดึงแส้ยาวเก็บไว้ในแขนเสื้อของตนก่อนปล่อยออกไปในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้และปรับเปลี่ยนความเร็วอยู่ตลอดเวลา
เซียงหร่วนผู้ซึ่งยืนชมกระบวนท่าเหล่านั้นก็ยืนนิ่งด้วยความตกตะลึง