คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 967 พระราชวังที่ก่อตัวจากไข่มุกเลี่ยงวารี
ยิ่งเข้าใกล้ห้องโถงหลักมากเพียงใด กลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีก็หนาแน่นและการเชื่อมโยงระหว่างมันกับไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ชัดเจนมากเพียงนั้น เพราะเหตุนั้น ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จึงมั่นใจแล้วว่าไข่มุกเลี่ยงวารีที่ตามหาจะต้องอยู่ในห้องโถงเบื้องหน้าอย่างแน่นอน
“มันคือบริเวณที่ข้าอาศัยและฝึกวิชาอยู่ หากไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ที่นั่นจริงก็ถือว่าสมเหตุสมผล”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น อสูรกลืนนภาก็ไม่แปลกใจแม้แต่น้อย นับตั้งแต่ที่มันเลือกอยู่ที่นี่ มันก็สัมผัสได้ว่าสภาวะพลังของที่แห่งนี้เป็นประโยชน์ต่อการบ่มเพาะพลังของมันอย่างมาก หากกล่าวว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในห้องโถงจริงก็เป็นไปได้ว่าสภาวะพลังเหล่านี้ก็มาจากไข่มุกเลี่ยงวารีและสาเหตุที่มันบ่มเพาะพลังได้อย่างรวดเร็วตลอดเวลาที่ผ่านมาก็เป็นเพราะไข่มุกเลี่ยงวารีนั่นเอง
“ไปตามหามันเถอะ ตราบใดที่ตามหามันได้ พวกเจ้าก็เอามันไปได้เลย ข้าจะไม่ขัดข้อง”
อสูรกลืนนภากล่าวขึ้นเบา ๆ ขณะส่งสัญญาณให้ฉินอวี้โม่และคณะเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่เพื่อตามหาไข่มุกเลี่ยงวารี
ในขณะเดียวกัน มันก็จำแลงร่างมนุษย์และเดินเข้าไปด้วยเช่นกัน
ห้องโถงหลักทั้งงดงามและกว้างขวางอย่างยิ่ง ผู้ที่สร้างพระราชวังใต้น้ำแห่งนี้จะต้องแข็งแกร่งและร่ำรวยมากอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นก็คงไม่มีทางสร้างสถานที่ที่น่าทึ่งเช่นนี้ได้
โครงสร้างของห้องโถงก็ดูเรียบง่ายอย่างมาก ทุกคนสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจนตั้งแต่แวบแรกและไม่พบวี่แววของไข่มุกเลี่ยงวารีแม้แต่น้อย
“แปลกจริง ข้าสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในบริเวณนี้กลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีหนาแน่นมากที่สุด ทว่าเหตุใดเมื่อก้าวเข้ามาข้างในนี้มันกลับเจือจางไปได้ ?”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความฉงนสงสัย ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องโถงหลัก กลิ่นอายรอบตัวก็เปลี่ยนแปลงไป
ก่อนหน้านี้มันรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ภายในห้องโถงแห่งนี้ ทว่าตอนนี้มันกลับไม่มั่นใจอีกต่อไป
จู่ ๆ กลิ่นอายของไข่มุกเลี่ยงวารีก็เจือจางและคลุมเครืออย่างที่ไม่ทราบสาเหตุ ราวกับว่ามันอยู่ที่นี่ ทว่าก็ราวกับว่าประสาทรับรู้ของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ผิดพลาดไปซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดยิ่งนัก
“ไม่ได้อยู่ด้านใต้และไม่ได้อยู่ข้างบน”
เนตรปีศาจพยายามแผ่พลังออกไปสำรวจพิกัดของไข่มุกเลี่ยงวารีเช่นกัน มันสำรวจหาไข่มุกเลี่ยงวารีทั้งบนเพดานและใต้พื้นอย่างละเอียดทว่าก็ไม่พบร่องรอยใด ๆ ของมัน
“แล้วมันจะอยู่ที่ใดได้ล่ะ ?”
ฉินอวี้โม่และหานโม่ฉือสำรวจทั่วทั้งห้องโถงและไม่พบสิ่งผิดปกติใด ๆ เลย นับประสาอะไรกับไข่มุกเลี่ยงวารี
“ข้าอยู่ที่นี่มานานนับพันปี หากไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ที่นี่จริง ข้าก็น่าจะรับรู้ได้ตั้งแต่แรก”
อสูรกลืนนภาอดกล่าวออกไปไม่ได้และมันเริ่มสงสัยว่าการรับรู้ของฉินอวี้โม่ผิดพลาดไปหรือไม่
หากไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในพระราชวังที่มันอาศัยอยู่จริง มันก็น่าจะรับรู้ถึงมันได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น อาณาเขตบริเวณนี้คือสถานที่ฝึกวิชาของอสูรกลืนนภาและไข่มุกเลี่ยงวารีก็เป็นถึงวัตถุศักดิ์สิทธิ์ล้ำค่าที่เต็มไปด้วยพลังฟ้าดิน หากมันปรากฏตัวอยู่ที่นี่จริง มันจะต้องก่อให้เกิดคลื่นผันผวนที่รุนแรงออกมาและอสูรกลืนนภาก็ควรที่จะสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก
“ไม่ควรที่จะผิดพลาดไปได้”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวขึ้นเบา ๆ และใช้ความคิดอย่างหนัก การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันที่เกิดขึ้นจะต้องมีสาเหตุและมันมั่นใจว่าไข่มุกเลี่ยงวารีอยู่ในบริเวณนี้อย่างแน่นอน เพียงแต่ยังไม่สามารถระบุพิกัดได้อย่างแน่ชัด
หานโม่ฉือและฉินอวี้โม่ก็เริ่มเดินสำรวจไปรอบ ๆ อีกครั้งก่อนออกจากห้องโถงและตรวจดูที่ห้องอื่น ๆ รอบบริเวณ
“ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ห้องเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ปกติมากและไม่มีวี่แววของไข่มุกเลี่ยงวารีแม้แต่น้อย”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็เอ่ยขึ้นมาทันที ไม่มีกลิ่นอายใด ๆ อยู่ในห้องเหล่านั้นและมันมั่นใจว่าไข่มุกเลี่ยงวารีจะไม่อยู่ในห้องเหล่านั้นอย่างแน่นอน
“ข้านึกออกแล้ว !”
จู่ ๆ ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้และกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “พระราชวังแห่งนี้ก่อตัวขึ้นมาจากไข่มุกเลี่ยงวารี เพราะเหตุนี้ข้าจึงรับรู้ถึงกลิ่นอายของมันได้ชัดเจนจากระยะไกล ทว่าเมื่อก้าวเข้ามา กลิ่นอายนั้นก็เปลี่ยนแปลงเป็นเจือจางและไม่สามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนเช่นเดิม”
นี่เป็นเพียงความเป็นไปได้เดียวของสถานการณ์นี้ ที่พักของอสูรกลืนนภาแท้จริงแล้วมิใช่เป็นเพียงพระราชวัง หากแต่เป็นสิ่งที่ก่อตัวขึ้นมาจากไข่มุกเลี่ยงวารี
เมื่อก้าวเข้ามาภายในก็เทียบเท่าได้กับการก้าวเข้ามาอยู่ข้างในไข่มุกเลี่ยงวารี เพราะเหตุนั้นกลิ่นอายที่ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์รับรู้จึงไม่ชัดเจนอีกต่อไป เมื่อออกไปข้างนอกอีกครั้ง ความรู้สึกดังกล่าวจะชัดเจนเช่นเดิมและยืนยันข้อสันนิษฐานนี้ได้
“พระราชวังแห่งนี้ก่อตัวขึ้นมาจากไข่มุกเลี่ยงวารีงั้นรึ ?”
อสูรกลืนนภาชะงักไปชั่วขณะ ทว่าเมื่อพิจารณาอย่างละเอียด มันก็มีความเป็นไปได้อย่างแท้จริง สาเหตุที่มันเลือกพระราชวังแห่งนี้ตั้งแต่แรกเป็นเพราะสภาวะพลังข้างในนี้ดึงดูดมันเป็นอย่างมาก การบ่มเพาะวิชาภายในสถานที่ที่เต็มไปด้วยสภาวะพลังเช่นนี้จะช่วยให้มันพัฒนาพลังของตนเองได้เร็วกว่าโลกภายนอกมากนัก ในตอนแรกมันก็รู้สึกว่าพระราชวังแห่งนี้ไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่มันก็คิดไม่ถึงเลยว่าแท้จริงแล้วพระราชวังแห่งนี้จะก่อตัวขึ้นมาจากไข่มุกเลี่ยงวารี
“หากมันจำแลงมาจากไข่มุกเลี่ยงวารีจริง เราจะปลุกมันขึ้นมาอย่างไร ?”
เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไข่มุกเลี่ยงวารียังไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา ไม่เช่นนั้น ฉินอวี้โม่และทุกคนก็คงจะไม่สามารถเข้ามาอยู่ในนี้ได้นานโดยที่ไม่เกิดปฏิกิริยาใด ๆ
แม้ไม่ทราบว่าเหตุใดมันจึงเปลี่ยนกลายเป็นพระราชวัง ฉินอวี้โม่ก็รับรู้ได้ว่าไข่มุกเลี่ยงวารีเป็นตัวตนที่ชาญฉลาดอย่างที่สุด
การแปลงเป็นพระราชวังใต้น้ำนี้เรียกได้ว่าเป็นการช่วยอำพรางตัวและทำให้ไม่มีผู้ใดคาดเดาได้ว่าแท้จริงแล้วมันคือสมบัติพลังฟ้าดินที่ล้ำค่าอย่างไข่มุกเลี่ยงวารี
“ข้าก็ไม่ทราบ การครอบครองไข่มุกเลี่ยงวารีก็ต้องอาศัยโชคชะตาเช่นกัน เช่นเดียวกับตอนที่ข้ายินดีติดตามนายหญิงในตอนแรก หากไข่มุกเลี่ยงวารีไม่เต็มใจยอมจำนน เราก็ไม่มีทางปลุกมันขึ้นมาและครอบครองมันไปได้”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยความมั่นใจ หากไข่มุกเลี่ยงวารีไม่ยินยอม ฉินอวี้โม่ก็ไม่มีทางนำมันออกไปจากที่นี่ได้
หากต้องการให้ไข่มุกเลี่ยงวารียอมจำนนและยอมรับเป็นเจ้านาย นั่นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาเท่านั้นและมิใช่ทุกคนที่จะครอบครองมันมาได้
นี่ก็เป็นเหมือนกับกรณีของไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ สาเหตุที่มันเลือกติดตามฉินอวี้โม่ก็เพราะนางเป็นเจ้านายเดิมของมันเมื่อนานมาแล้ว ทว่าหากมันไม่ต้องการ ฉินอวี้โม่เองก็ไม่มีทางนำมันออกมาจากดินแดนต้องห้ามของนิกายหมื่นบุปผาได้
“ข้าไม่เคยรับรู้ได้ถึงตัวตนของมันด้วยซ้ำ นี่ก็เป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่าข้าไม่มีโอกาสที่จะได้ครอบครองมัน”
อสูรกลืนนภากางมือและกล่าวอย่างจนปัญญา สถานการณ์ของมันถือว่าชัดเจนดี มันบ่มเพาะวิชาอยู่ที่นี่มานานนับพันปีและไม่เคยสัมผัสได้ถึงพลังที่ผันผวนของไข่มุกเลี่ยงวารีแม้แต่น้อย เพียงเท่านี้ก็ยืนยันได้แล้วว่ามันไม่มีโชคชะตาที่จะได้ครอบครองไข่มุกเลี่ยงวารีมา
“นายหญิง ท่านลองพยายามสื่อสารกับมันดูก่อนเถอะ แม้ตอนนี้มันจะยังไม่ตื่นขึ้นมา ทว่ามันก็ยังได้ยินสิ่งที่ท่านสื่อสารออกไป บางทีท่านอาจจะทำให้มันตื่นขึ้นมาก็เป็นได้”
ไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์กล่าวและบอกให้ฉินอวี้โม่ลองสื่อสารกับไข่มุกเลี่ยงวารีดู เนตรปีศาจเองก็มีความคิดเช่นเดียวกันอยู่
หานโม่ฉือจับมือฉินอวี้โม่และเดินเข้าไปในห้องโถงหลักอีกครั้งก่อนเงยหน้ามองทั่วทั้งห้องอย่างละเอียด จากนั้นฉินอวี้โม่ก็กล่าวขึ้น “สวัสดีไข่มุกเลี่ยงวารี ข้าคือฉินอวี้โม่”
นางไม่มั่นใจว่าไข่มุกเลี่ยงวารีจะได้ยินตนหรือไม่ ทว่าในเมื่อไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แนะนำให้ทำเช่นนี้ การลองดูก็ไม่เสียหายอะไร หากไม่ได้ผล นางก็ค่อยคิดหาทางอื่นอีกครั้ง
หลังจากรอเวลาพักใหญ่ มันก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ เสียงของนางก้องสะท้อนไปมาภายในห้องโถงใหญ่ ทว่าไข่มุกเลี่ยงวารีก็เหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงของนางแม้แต่น้อย
ฉินอวี้โม่ไม่รีบร้อนและพยายามสื่อสารกับไข่มุกเลี่ยงวารีต่อไป นางอธิบายเหตุผลที่ตนต้องการไข่มุกเลี่ยงวารีและแสดงให้เห็นว่าไม่มีความคิดมุ่งร้ายก่อนนิ่งเงียบและรอไปอีกพักใหญ่
หานโม่ฉือก็ไม่กล่าวสิ่งใดขณะสายตากวาดมองไปทั่วบริเวณและประกายความเยือกเย็นปรากฏในแววตา ความคิดของเขาเรียบง่ายกว่ามาก หากไม่มีการตอบสนอง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำลายพระราชวังแห่งนี้เสีย เมื่อถึงเวลานั้น เชื่อว่าไข่มุกเลี่ยงวารีจะต้องปรากฏตัวอย่างไม่มีทางเลือกแน่นอน…
หลังจากรอเวลาสองก้านธูปและยังไม่มีการตอบสนองจากไข่มุกเลี่ยงวารี ฉินอวี้โม่ก็เริ่มหมดความอดทนทีละน้อย ในเมื่อไม่มีสิ่งใดตอบสนองให้มั่นใจว่าที่แห่งนี้ก่อตัวขึ้นมาจากไข่มุกเลี่ยงวารีจริง ต่อให้พยายามต่อไป มันก็ไม่เป็นผล
“เหอะ หากยังไม่ตอบสิ่งใดอีกละก็ นายน้อยผู้นี้จะทำลายพระราชวังของเจ้าเสีย !”
หานอวี้กระโดดออกมาจากคฤหาสน์เฟิงหัวและกล่าวสิ่งที่อยู่ในใจของหานโม่ฉือด้วยน้ำเสียงเชิงข่มขู่