คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด - ตอนที่ 997 แผนการสมคบคิดของฮวาหรง
ในเวลานี้ ฉินอวี้โม่เก็บตัวฝึกวิชาอยู่ในห้องพักในขณะที่ฮวาหรงติดต่อกับฮวาฟางเฟย
“ท่านจ้าวนิกาย หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าพวกเราคงตกอยู่ในอันตรายแน่ ความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่กำลังพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ นางไม่เพียงแต่มีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวเท่านั้น ทว่านางยังมีอสูรพันธสัญญาที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก หากปล่อยให้นางได้พัฒนาฝีมือต่อไป นางจะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจอมยุทธ์ปีศาจอย่างแน่นอนและเราจะจัดการนางได้ยากยิ่งขึ้น”
ฮวาหรงกล่าวอย่างกระตือรือร้น ฉินอวี้โม่ทำให้นางรู้สึกถึงความกดดันอย่างที่สุด หากไม่คิดจัดการให้สิ้นซากเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าในอนาคตการที่คิดจะกำจัดฉินอวี้โม่จะเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก เพราะเหตุนั้น พวกนางจะต้องหาทางกำราบนางให้ได้ หรือไม่ทางที่ดีที่สุดก็คือการสังหารนางไปโดยตรง มิเช่นนั้นนางจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อพวกตนอย่างแน่นอน
“อสูรพันธสัญญาของนางน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงนั้นเลยรึ ?”
ภาพสะท้อนของฮวาฟางเฟยปรากฏขึ้นในห้องของฮวาหรงและขมวดคิ้วมุ่นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่อยากเชื่อ
“เจ้าค่ะ แม้แต่ท่านมังกรกระดูกดำก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักจากอสูรของนาง ท่านจ้าวนิกายก็คงจะสามารถจินตนาการได้ว่าอสูรตัวนั้นจะทรงพลังมากเพียงใด”
ฮวาหรงพยักหน้าหงึกหงักและกล่าวยืนยัน ตอนนี้นางได้ทราบถึงไพ่ตายของฉินอวี้โม่แล้ว อสูรพันธสัญญาตัวนั้นทำให้มังกรกระดูกดำบาดเจ็บจนต้องล่าถอยกลับไปและดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของมันจะยังไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดด้วยซ้ำ เพียงเท่านี้ก็สามารถจินตนาการได้แล้วว่าหากปล่อยให้ฉินอวี้โม่พัฒนาต่อไป นางจะกลายเป็นศัตรูที่อันตรายเพียงใด
“เอาล่ะ เข้าใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็จงหาทางทำให้นางอยู่ที่ภูเขาจันทราต่อไปก่อน ข้าจะติดต่อกับผู้นำของจอมยุทธ์ปีศาจเพื่อขอความช่วยเหลือสักหน่อย”
ฮวาฟางเฟยพยักศีรษะและจิตสังหารแรงกล้าก็ปรากฏในแววตาอย่างชัดเจน ผู้ใดก็ตามที่เป็นภัยต่อแผนการของพวกนางล้วนถือเป็นศัตรูทั้งสิ้นและนางไม่มีทางปล่อยให้ฉินอวี้โม่ได้พัฒนาฝีมือต่อไปอย่างแน่นอน…
นางสนทนากับฮวาหรงต่อเล็กน้อยโดยกำชับให้ฮวาหรงรอคำสั่งของตนก่อนและอย่าเพิ่งทำสิ่งใดบุ่มบ่ามในช่วงนี้ แน่นอนว่าฮวาหรงก็ตกปากรับคำอย่างไม่คัดค้าน
ตลอดห้าวันต่อมา สถานการณ์ก็ผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ทุกคนยังคงใช้เวลาอยู่ในโรงเตี๊ยมเป็นส่วนใหญ่และมีเพียงฮวาหรงที่เดินทางออกไปข้างนอกสองครั้งโดยกล่าวว่าจะขึ้นไปที่ภูเขาจันทราเพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ของเหลียนซวง
ฉินอวี้โม่ทราบดีว่าฮวาหรงไม่มีความคิดเช่นนั้นอยู่แม้แต่น้อย อย่างไรก็ตาม นางไม่สนใจนักและเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในห้องของตนอย่างจริงจัง
การเดินทางมาที่เมืองจันทราในครานี้ทำให้นางมีความเข้าใจใหม่ในหลายด้านและความแข็งแกร่งของนางก็พัฒนาขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน นอกจากนี้นางก็ยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับขุมกำลังต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เช้าตรู่ของวันที่หก ฮวาหรงเรียกรวมตัวศิษย์ของนิกายหมื่นบุปผาทุกคน
“หลังจากสืบหาข้อมูลมานานหลายวัน ในที่สุดข้าก็พบเบาะแสบางอย่างบนภูเขาจันทรา วันนี้ข้าจะพาพวกเจ้าทุกคนไปที่นั่นเพื่อตรวจสอบมันด้วยกัน”
ฮวาหรงกล่าวอธิบายเพียงสั้น ๆ สาเหตุดั้งเดิมที่พวกนางต้องอาศัยอยู่ที่เมืองจันทราต่อก็เพื่อสืบหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องของเหลียนซวงและเหลียนอู้ และตอนนี้นางกล่าวว่าพบเบาะแสบางอย่างแล้ว การเสนอให้ทุกคนขึ้นไปตรวจสอบด้วยกันจึงมิใช่เรื่องแปลก
ศิษย์ทุกคนพยักศีรษะตอบรับอย่างพร้อมเพรียงในขณะที่ฉินอวี้โม่ไม่สนใจเท่าใดนักและติดตามฮวาหรงไปยังภูเขาจันทรา
“กล่าวกันว่าก่อนหน้านี้เหลียนซวงและเหลียนอู้ได้ยินข่าวว่ามีสมบัติอยู่บนภูเขาจันทรา พวกนางจึงเดินทางมาที่นี่และต้องการครอบครองสมบัติดังกล่าวเพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเอง การสำรวจที่ภูเขาจันทราในหลายวันที่ผ่านมาก็ทำให้ข้ามั่นใจมากขึ้น เพียงแต่ข้ายังไม่พบตำแหน่งที่แน่นอนของสมบัตินั้น เพราะเหตุนั้น ข้าจึงพาพวกเจ้าทุกคนไปด้วยกันเพื่อลองเสี่ยงโชคกันดู หากได้สมบัติชิ้นนั้นมาครอง มันจะเป็นส่วนช่วยให้กับพวกเจ้าได้มาก”
ฮวาหรงกล่าวอธิบายเสริมและอ้างเหตุผลที่ทำให้ศิษย์ทุกคนไม่สงสัยสิ่งใด
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง ขอบคุณท่านผู้คุมกฎฝั่งขวาเจ้าค่ะ”
ศิษย์เหล่านั้นไม่นึกสงสัยในสิ่งที่ได้ยินแม้แต่น้อยและกล่าวขอบคุณฮวาหรงตาม ๆ กัน ทว่าฉินอวี้โม่ก็ไม่มีทางเชื่อวาจาของอีกฝ่ายและเอ่ยถามขึ้นเบา ๆ “ไม่ทราบว่าท่านผู้คุมกฎได้ข่าวมาจากที่ใดรึเจ้าคะ ?”
เนื่องจากทราบอยู่แล้วว่าฉินอวี้โม่จะต้องสงสัยเป็นแน่ ฮวาหรงจึงยิ้มตอบอย่างใจเย็นและเปิดเผยข้ออ้างที่เตรียมไว้แล้ว
“ก่อนหน้านี้ข้าติดต่อไปหาท่านจ้าวนิกายและนางก็ช่วยสืบเรื่องนี้มาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ข่าวเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าได้มาจากนางและข้าก็ขึ้นไปสำรวจที่ภูเขาด้วยตนเองจนรู้สึกได้ว่ามันน่าจะเป็นความจริง การที่ข้าพาทุกคนมาด้วยในวันนี้ก็เพื่อยืนยันให้แน่ชัดยิ่งขึ้น”
นางผลักทุกอย่างไปให้กับฮวาฟางเฟยทันทีเพราะทราบดีว่าฉินอวี้โม่ไม่มีทางติดต่อฮวาฟางเฟยเพื่อยืนยันความจริงได้ในตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ฉินอวี้โม่ติดต่อได้สำเร็จ ฮวาฟางเฟยก็จะกล่าวเช่นเดียวกับนางและจะไม่เกิดปัญหาใด ๆ แม้แต่น้อย
ฉินอวี้โม่ยิ้มตอบและไม่กล่าวสิ่งใดอีก จากนั้นคนทั้งกลุ่มก็มุ่งหน้าไปยังภูเขาจันทรา
มังกรกระดูกดำออกจากภูเขาจันทราไปแล้ว เมื่อทุกคนได้ทราบข่าว ภูเขาจันทราก็กลับมาคึกคักและมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ทั้งคณะได้พบกับจอมยุทธ์มากหน้าหลายตาในระหว่างทาง คนเหล่านั้นก็ล้วนรู้จักตัวตนของฮวาหรงและศิษย์คนอื่น ๆ พวกเขาจึงทักทายอย่างเป็นมิตร
ฉินอวี้โม่และศิษย์พี่คนอื่น ๆ ก็ทักทายคนเหล่านั้นเช่นกันก่อนเดินหน้าต่อไปยังจุดหมายของพวกตน
ภูเขาจันทราในตอนกลางวันไม่มีอสูรมายาทรงพลังเช่นในอดีตอีกต่อไป ก่อนหน้านี้มังกรกระดูกดำได้กลืนกินอสูรเหล่านั้นไปเป็นส่วนใหญ่ส่งผลให้ภูเขาจันทราเงียบสงบลงอย่างมาก พวกนางไม่เผชิญกับอันตรายใดในระหว่างทางและมาถึงยอดเขาในที่สุด
“ก่อนหน้านี้ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของสมบัติบนยอดเขาแห่งนี้ แต่ยังไม่มั่นใจเท่าใดนัก อวี้โม่มีไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัวและการสัมผัสรับรู้ถึงสมบัติของมันก็ชัดเจนกว่าคนอื่น ๆ มากนัก เพราะฉะนั้นข้าคงต้องพึ่งพาเจ้าแล้วล่ะ”
ฮวาหรงกล่าวกับฉินอวี้โม่ด้วยกิริยาท่าทางที่ดีซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“เจ้าค่ะ”
สีหน้าของฉินอวี้โม่ยังคงเรียบเฉยและไม่แสดงถึงความผิดปกติแต่อย่างใด ท่าทางของฮวาหรงทำให้นางมั่นใจได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลและนางก็แอบระแวดระวังอยู่ในใจ แม้ยังไม่ทราบถึงแผนการของอีกฝ่ายในครานี้ นางก็คาดเดาได้ไม่ยากว่าตนเองคือเป้าหมาย เพราะฉะนั้น นับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป นางจะต้องระมัดระวังตัวในทุกฝีก้าว
นอกเหนือจากไข่มุกวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ฮวาหรงก็ทราบเกี่ยวกับตัวตนของซิวแล้วและทราบว่าฉินอวี้โม่มีอสูรมายาเป็นจำนวนมาก หากวางแผนสมคบคิดใดไว้ ฮวาหรงก็น่าจะเตรียมการไว้รอบด้านแล้ว เกรงว่าซิวและบรรดาอสูรมายาอาจจะถูกกีดกั้นจากนาง
และสิ่งที่เป็นไปได้มากก็คือจอมยุทธ์ปีศาจก็น่าจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย บางทีคนเหล่านั้นอาจร่วมมือกันเพื่อวางแหฟ้าตาข่ายดินไว้และเพียงรอฉินอวี้โม่ก้าวเข้าไปติดกับดัก
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อฮวาหรงเตรียมแผนการไว้อย่างรอบคอบแล้ว ฉินอวี้โม่ก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องผิดหวัง แม้ไพ่ตายส่วนหนึ่งของนางจะถูกเปิดเผยออกไปจริง ๆ ทว่าฉินอวี้โม่ก็ยังมีไพ่ตายอื่นอีกไม่น้อย หากอีกฝ่ายต้องการกำจัดนาง ฉินอวี้โม่ก็ตั้งตารอดูเช่นกันว่าฮวาหรงและฮวาฟางเฟยจะเตรียมสิ่งใดไว้จัดการกับตน
ฉินอวี้โม่เดินตามฮวาหรงไปเรื่อย ๆ จนถึงถ้ำแห่งหนึ่งก่อนหยุดลงชั่วคราวและฮวาหรงกล่าวขึ้นเบา ๆ “ก่อนหน้านี้กลิ่นอายของสมบัตินั้นหายไปที่นี่ อวี้โม่ เจ้ารับรู้อะไรได้บ้างรึไม่ ?”
ในเมื่อวางแผนไว้แล้ว ทุกอย่างก็ต้องถูกจัดเตรียมไว้แล้วเช่นกัน สมบัติดังกล่าวควรจะมีตัวตนอยู่จริง อย่างไรก็ตาม มันน่าจะเป็นสิ่งที่ฮวาหรงนำมาไว้ที่นี่เองและมิใช่สิ่งที่อยู่บนภูเขาจันทราตั้งแต่แรก สำหรับสาเหตุที่เหลียนซวงและเหลียนอู้ออกนอกเส้นทางเพื่อมาที่ภูเขาจันทราลูกนี้ ฉินอวี้โม่มั่นใจว่ามันมิใช่เพื่อการตามหาสมบัติที่ไม่มีอยู่จริงนี้อย่างแน่นอน
“ข้าสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับบางอย่างและคาดว่าน่าจะมาจากในถ้ำนี้ ข้าคิดว่ามันอาจจะเป็นสมบัติที่ท่านผู้คุมกฎฝั่งขวากล่าวถึง”
ฉินอวี้โม่ตอบกลับอย่างให้ความร่วมมือ นางสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายลึกลับจากในถ้ำนี้อย่างแท้จริง ดูเหมือนว่าในการที่จะกำจัดนาง ฮวาหรงและฮวาฟางเฟยจะยอมลงทุนไปมากทีเดียวและเตรียมสมบัติที่ล้ำค่าบางอย่างไว้แล้ว
“พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ ปล่อยให้ข้าและอวี้โม่เข้าไปตรวจดูก็คงจะเพียงพอ เรายังไม่ทราบว่าสถานการณ์ข้างในถ้ำเป็นอย่างไร ยิ่งเข้าไปหลายคน หากเผชิญกับอันตราย เราก็จะหลบหนีออกมาได้ยากขึ้นเพียงนั้น”
ฮวาหรงกล่าวออกไปโดยตรงเพื่อให้ศิษย์คนอื่น ๆ รออยู่ที่ปากทางเข้าของถ้ำ