คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1007 เจ้ากำลังตั้งครรภ์ยันต์เร่งเอาชีวิต
ตอนที่ 1007 เจ้ากำลังตั้งครรภ์ยันต์เร่งเอาชีวิต
………………..
พอประตูถูกเปิดออกก็ปรากฏร่างหญิงสาวในชุดอาภรณ์สีแดงอมม่วง พร้อมปิ่นสีทองหรูอี้ลวดลายนกประดับบนศีรษะ
คิ้วสวยดั่งใบหลิว ดวงตาดั่งดอกท้อ หางตามีไฝหยดน้ำ ปากกระจับราวอิงเถา[1] ใบหน้าเรียวเป็นทรงเมล็ดทานตะวัน ยามจับจ้องคนอื่น ดวงตาทรงดอกท้อที่งดงามในเดิมทีกลับแต่งแต้มไปด้วยท่าทีดูแคลนดูหมิ่น อีกทั้งโหงวเฮ้งรูปหน้านั้นด้วย…
นางเป็นสาวงามคนหนึ่ง ทว่าเป็นสาวงามที่มีจิตใจทะเยอทะยานมากกว่าโชคชะตาที่เบาบางดุจกระดาษ
สายตาของฉินหลิวซีกวาดมองไปที่ท้องน้อยของนาง พลางเผยสีหน้าประหลาดใจอยู่บ้าง นางหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบอึกหนึ่ง นิ่งไปสักพักก่อนที่จะใช้สายตาสำรวจนางอยู่หลายครั้ง พลันก็รู้สึกคุ้นหน้าอยู่บ้าง
“เอ๊ะ เป็นน้องเมี่ยวเอ๋อร์จริงๆ ด้วย” หญิงสาวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากหัวเราะเอ่ย “เมื่อครู่ข้าเห็นชิ่งเอ๋อร์อยู่ด้านนอก นึกว่าตนมองผิดไป ในเมื่อคู่ครองเพียบพร้อมดีๆ อย่างน้องเมี่ยวเอ๋อร์ใกล้ออกเรือนเต็มที แต่เหตุใดถึงออกมาข้างนอกขณะที่ต้องเตรียมตัวออกเรือนเล่า ข้าดันไม่เชื่อถึงได้บุกเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญเช่นนี้ แต่สุดท้ายก็เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เจ้าคงไม่โทษข้ากระมัง”
คำพูดนี้เหมือนแฝงนัยยะบางอย่าง
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ลุกขึ้นยืนทำความเคารพต่อนาง “เหตุใดพี่หญิงซ่งถึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า”
ซ่งจือเหลียนปิดปากหัวเราะเสียงเบา “ย่อมเป็นเพราะท่านพี่รักข้า เห็นข้าบ่นว่าปากไร้รสชาติเลยพาข้าออกมาฟังเพลงกินขนม ในเมื่อ…” นางลูบท้องอย่างลำพองใจเอ่ย “ข้าเป็นแม่ของลูกเขา”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ผงะไป ก่อนจะเอ่ยแสดงความยินดีด้วย
ซ่งจือเหลียนเอ่ย “ข้าอาจจะเกิดมาไม่ได้เพียบพร้อมอย่างน้องหญิง แต่ก็ถือว่ามีบุญบารมี เพิ่งแต่งเข้าจวนไปแค่เดือนเดียวก็ตั้งครรภ์แล้ว นี่เป็นลูกคนแรกของท่านพี่เชียวนะ”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์มุมปากอมยิ้ม แต่นัยน์ตากลับมีความรำคาญใจพาดผ่าน เอ่ยขึ้นว่า “ซืออี๋จวิ้นจู่ช่างเอาใจใส่พี่หญิงซ่งนัก ในเมื่อตอนนี้กำลังตั้งครรภ์ คิดว่านางคงดูแลมากเป็นพิเศษ”
รอยยิ้มได้ใจของซ่งจือเหลียนพลันก็แข็งทื่อ หนังตากระตุกอยู่สองสามทีก่อนจะสงบสติอารมณ์เอ่ยว่า “แน่นอนอยู่แล้ว” นางเหลือบมองพวกฉินหลิวซีพลางสาดสายตาสำรวจ “คนพวกนี้ใครหรือ”
ขณะที่ถงเมี่ยวเอ๋อร์หมายพูดอะไรบางอย่าง ฉินหลิวซีก็เอ่ยว่า “เจ้าใช้แซ่ซ่ง มีความเกี่ยวข้องใดกับซ่งลี่หยางหรือไม่”
ซ่งจือเหลียนชะงักไปเล็กน้อย เสมองมาทางฉินหลิวซีแล้วเอ่ยถาม “เจ้ารู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ”
เป็นคนในตระกูลซ่งจริงๆ ด้วย มิน่าหญิงสาวคนนี้ถึงมีความละม้ายคล้ายฉินอวี่ฉิงที่เปลี่ยนแซ่ไปแล้ว ที่แท้ก็มาจากตระกูลเดียวกันนี่เอง
“ผู้ชายสารเลวพรรค์นั้น มีใครไม่รู้จักบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยเย้ยหยันไปที
ทันใดนั้นซ่งจือเหลียนก็เผยสีหน้าถมึงทึง จับจ้องฉินหลิวซีแล้วเอ่ย “เจ้าเป็นใครกัน เหตุใดถึงปากคอเราะรายได้ถึงเพียงนี้”
“ข้าคงไม่ได้พูดผิดกระมัง จวนพ่อตาเกิดเรื่องแต่กลับทิ้งลูกทิ้งเมียโดยไร้ความปรานีและไร้ความรู้สึกเช่นนั้น หากไม่ใช่ผู้ชายสารเลวแล้วจะเป็นใครไปได้ ตายไปยังไม่เคยสร้างเรื่องดีๆ จนลูกสาวแทบถูกตระกูลซ่งขายทิ้ง เรียกได้ว่าสารเลวถึงขั้นสุดทีเดียว”
“เจ้า เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลใดกัน!” ซ่งจือเหลียนชี้พลางด่าทอนาง “เจ้าเป็นใคร”
ฉินหลิวซีมองท้องของนาง เอ่ยโดยไม่ได้ตอบคำถามว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าท้องตั้งแต่เข้าจวนไปไม่ถึงหนึ่งเดือน ถือว่ามีบุญบารมียิ่งใหญ่ ข้าว่าไม่เลย เจ้าเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ หากเจ้ายังอยากมีชีวิตรอด ข้าขอแนะนำเจ้าว่าตัดใจเสีย มิเช่นนั้นเขาจะลากเจ้าลงนรกไปด้วย”
บุญบารมีหรือ ยันต์เร่งให้ตายเร็วมากกว่า!
ซ่งจือเหลียนใจกระตุกวาบ กุมหน้าท้องก่อนเซถอยหลังไปสองก้าว มองนางด้วยท่าทีระแวดระวังเอ่ย “สามหาว เจ้าเป็นใครถึงบังอาจพูดจาเหิมเกริมเช่นนี้ ถงเมี่ยวเอ๋อร์ เจ้าไปมาหาสู่กับใครกันถึงได้มีนิสัยชั่วร้ายถึงเพียงนี้!”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์กล่าว “นางเป็นนักพรต”
ซ่งจือเหลียนดวงตาเบิกกว้าง นักพรตหรือ
ดวงตาสีดำขลับราวหินอัคนีจับจ้องนางแน่นิ่ง เงียบกริบโดยไม่พูดอะไร แววตาแฝงไปด้วยความเห็นอกเห็นใจ แต่ก็เพียงเท่านั้น
“ข้าคร้านจะถือสากับคนบ้าๆ อย่างเจ้า!” ซ่งจือเหลียนกลืนน้ำลายลงคอ ยามเผชิญกับดวงตานั้นยิ่งชวนให้จิตใจว้าวุ้น นางจึงหมุนตัวเดินจากไป
นางไม่ควรมาเลย ดูเอาเถิดว่าต้องมาเจอกับคนแบบใด
ครั้นเห็นซ่งจือเหลียนรีบจากไปราวกับหลบหนี ไร้ซึ่งท่าทีย่ามใจเหมือนตอนเดินเข้ามา ถงเมี่ยวเอ๋อร์จึงสั่งให้คนปิดประตู รีบเอ่ยถามฉินหลิวซีว่า “คำพูดของพี่หญิงเมื่อครู่หมายความว่าอย่างไร เก็บเด็กในท้องไว้ไม่ได้หมายความว่าอย่างไรหรือ”
“นางเก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้ โหงวเฮ้งของนางโชคชะตาเปราะบาง ซึ่งก็คืออายุขัยสั้น หน้าผากของนางสีดำคล้ำ เลือดลมเข้มข้น บริเวณโหนกใต้ตามีสีดำแดงช้ำ สื่อว่าโหงวเฮ้งไม่ดี เด็กคนนี้จะดึงเอาชีวิตนางไปด้วย”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้น พลันหัวใจก็เต้นแรง ล้มตัวนั่งลงแล้วเอ่ย “ข้าก็ว่าคนอย่างซืออี๋จวิ้นจู่ยอมปล่อยให้นางมีลูกได้อย่างไร หากเป็นดั่งพี่หญิงว่า เกรงว่าคงตกอยู่ในมือของจวิ้นจู่แล้ว”
ครั้นฉินหลิวซีได้ยินชื่อของซืออี๋จวิ้นจู่ พลันก็นึกถึงคู่ของลิ่นชิงถังขึ้นมาจึงเอ่ย “แม่นางซ่งผู้นี้เป็นอนุของจวนจวิ้นจู่หรือ เหตุใดข้าเห็นเหมือนนางอาฆาตแค้นเจ้าเช่นนั้นเล่า”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์เอ่ย “ตอนที่ข้ากับคุณชายรองดูตัวกัน ตระกูลซ่งเองก็ถูกใจคุณชายรองสยงด้วย กระทั่งนางเป็นฝ่ายรุกไปเจอคุณชายสยงเอง เพียงแต่ตระกูลสยงไม่ชอบนาง บอกเพียงว่าหากจะแต่งภรรยาก็ต้องหาคนที่เพียบพร้อมคู่ควร คุณชายรองยิ่งหลบหลีกนางเข้าไปใหญ่ ต่อมาพอข้าหมั้นหมายกับเขา เจอนางอีกทีก็ทำตัวแปลกๆ เช่นนี้แล้ว”
ฉินหลิวซีเข้าใจในทันที เป็นโรคอิจฉาตาร้อนนี่เอง
“บอกกันว่าซืออี๋จวิ้นจู่เป็นคนไร้เหตุผลมิใช่หรือ เหตุใดนางถึงยอมให้สามีรับอนุได้”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์เล่าว่า “จวิ้นจู่แต่งงานมาสองปีแต่กลับไร้วี่แววมีลูก บำรุงร่างกายมาโดยตลอด สุดท้ายเลยยอมให้สามีรับอนุ”
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “เจ้าเชื่อว่านางจะใจกว้างจริงๆ หรือ เกรงว่าเด็กคนนี้คงเป็นนางที่อยากได้เองมากกว่า”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์กลับไม่เข้าใจนัก
ฉินหลิวซีไม่อธิบายให้มากความ ซ่งจือเหลียนรักษาบุตรคนนี้ไว้ไม่ได้แน่นอน แถมเป็นภัยอีกต่างหาก เข้าจวนไปก็ตั้งครรภ์ เกรงว่าคงเป็นฝีมือของซืออี๋จวิ้นจู่ ในเมื่อข้างกายนางมีแต่คนเล่นกู่ทั้งนั้น
ปล่อยให้ซ่งจือเหลียนตั้งครรภ์คงต้องใช้เด็กคนนี้ทำเรื่องอะไรบางอย่าง เกรงว่าคงไม่ได้ใช้เด็กมาดึงดูดความสนใจเฉกเช่นสกุลหูหรือสกุลหลิวอะไรทำนองนั้นกระมัง
ในเมื่อสามารถลงมือกับเด็กทารกได้ลงคอ เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย มีเรื่องใดที่ไม่กล้าทำบ้างหรือ
ฉินหลิวซีเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ความชิงชังที่นางมีต่อซืออี๋จวิ้นจู่ในเดิมทีก็เพิ่มขึ้นหลายส่วน
“พี่หญิงเองก็ไม่ชอบซ่งจือเหลียนเหมือนกันหรือ พี่รู้จักพี่ชายนางด้วยหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ย “เดิมทีข้าสกุลฉิน ฉินหยวนซานเป็นท่านปู่ของข้า บุตรสาวคนโตของอนุเขา ซึ่งก็คือท่านป้าของข้าเป็นอดีตภรรยาของซ่งลี่หยาง เจ้ารู้แล้วก็ดี ข้าไม่ค่อยไปมาหาสู่กับตระกูลฉินแล้ว”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้ ยิ้มเอ่ย “ดูเหมือนเมืองหลวงจะใหญ่ แต่จากความสัมพันธ์เหล่านี้ก็ถือว่าไม่ใหญ่นัก ในเมื่อรู้จักกันหมด”
มิน่าฉินหลิวซีถึงเตือนไปประโยคหนึ่ง แต่กลับไม่ได้เน้นย้ำอะไรมากมาย คิดว่าคงเป็นเพราะนายหญิงฉินที่ถูกทิ้งเป็นแน่
ขณะที่สนทนากัน สาวรับใช้ของถงเมี่ยวเอ๋อร์ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้ามา ทำความเคารพก่อนเอ่ย “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่บ่าวเจอพวกฮูหยินเฉิง เหมือนกำลังดูตัวกัน แต่ลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูเหมือนจะอาการกำเริบ ทางนั้นเลยตกอยู่ในความโกลาหลเจ้าค่ะ”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ลุกขึ้นพรวด “อะไรนะ น้องหญิงชิ่นอาการกำเริบหรือ”
สีหน้านางซีดลง ก่อนจะมองฉินหลิวซีด้วยสายตาวิงวอน “พี่หญิง…”
ฉินหลิวซีฉีกยิ้มปลอบประโลมนาง “ไม่ต้องกระวนกระวายใจไป พวกเราไปดูกัน”
[1] อิงเถา เชอร์รี่