คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1008 ไหนเลยจะมีผีเข้าสิงเยอะขนาดนั้น
ตอนที่ 1008 ไหนเลยจะมีผีเข้าสิงเยอะขนาดนั้น
………………..
แม้ว่าหน่วนถังจะเป็นโรงน้ำชา แต่สภาพแวดล้อมเงียบสงบและโอ่โถง แต่ละลานมีลักษณะเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งในฤดูหนาวก็จะปกคลุมไปด้วยหิมะ ทิวทัศน์งดงามราวกับภาพวาด มีชิ่งเอ๋อร์เป็นคนนำทาง ฉินหลิวซีเดินตามถงเมี่ยวเอ๋อร์ไปตามระเบียงทางเดิน มาถึงลานแห่งหนึ่งที่เรียกว่าเซียงอี๋ และได้ยินเสียงกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนกดังขึ้น
ถงเมี่ยวเอ๋อร์เร่งฝีเท้า พุ่งเข้าไปในห้องส่วนตัว เห็นฮูหยินเฉิง ท่านน้าสะใภ้ของตัวเองสีหน้าซีดล้มลงในอ้อมแขนของบ่าวรับใช้เบาๆ และบนพื้นก็มีหญิงสาวรูปร่างอวบอ้วนผมเผ้ายุ่งเหยิงร้องตะโกน ไม่รู้ว่าปากกล่าวพึมพำอะไร ราวกับคนบ้าเสียสติ แม้ว่าจะมีหลายคนแต่ก็จับนางไว้ไม่อยู่
ทุกคนในห้องต่างพากันตกใจกลัว หญิงสาวผู้สูงศักดิ์ที่อยู่อีกด้านหนึ่งเอามือกุมหัวใจ ท่าทางตกใจกลัว บนพื้นยังมีลูกประคำที่ขาดแล้วหนึ่งเส้น ข้างกายนางยังมีบุรุษผู้หนึ่งที่มีคิ้วทรงกระบี่ ดวงตาราวกับดวงดาว รูปร่างสง่างาม ขมวดคิ้วพลางมองดูเด็กสาวที่บ้าคลั่งอยู่บนพื้น
“บ้าไปแล้วๆ เกรงว่าจะถูกผีร้ายเข้าสิงแล้ว รีบไปเชิญอาจารย์จากวัดอวี้ฝอกับอารามจินหัวมาไล่ผีเร็วเข้า” ไม่รู้ว่าใครกล่าวขึ้นมา
เมื่อฮูหยินเฉิงได้ฟังดังนั้นก็หน้ามืด แทบจะเป็นลมไปในทันที
หากไปเชิญอาจารย์มาจริงๆ ชื่อเสียงของบุตรสาวนางก็ไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไป
“น้องหญิงห้า” ถงเมี่ยวเอ๋อร์กระโจนเข้าไปหาหญิงสาวที่อยู่บนพื้น ถูกนางเตะกระเด็น แต่กลับไม่มีเวลามารู้สึกเจ็บ หันไปมองยังฉินหลิวซี “พี่หญิง”
ฉินหลิวซีมองดูมือทั้งสองข้างของเฉิงอวี้ชิ่นปัดป่ายไปมา ตาเหลือก สีหน้าบ้าคลั่ง มือได้หยิบเข็มเงินออกมาจากกระเป๋าแล้วแทงลงไปที่จุดกุ่ยซินบริเวณข้อมือ จากนั้นก็กดลงบนจุดฝังเข็มของนางอย่างชำนาญ
เฉิงอวี้ชิ่นแข็งทื่อไปทั้งตัว ราวกับถูกถอนกำลัง อ่อนแรง สงบลง เพียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างของนางหม่นหมองไร้แสงสว่าง สีหน้าซีดเหลือง ราวกับถูกผีร้ายบางอย่างดูดพลังชีวิตไป ไม่มีชีวิตชีวาสดใสอย่างที่เด็กสาวควรจะมีแม้แต่นิด
“น้องหญิงห้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ถงเมี่ยวเอ๋อร์พยุงนางลุกขึ้น ซบอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง
“บุตรสาวข้า” ฮูหยินเฉิงผลักสาวใช้ข้างกายออกแล้วรีบพุ่งเข้าไปหาเฉิงอวี้ชิ่น
ถงเมี่ยวเอ๋อร์หยุดไว้ “ท่านน้าสะใภ้ อย่าแตะเข็มเงินนี้”
ฮูหยินเฉิงรีบถอยออกไป แล้วก็ไม่มีเวลามาถามว่านางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เพียงแต่มองไปยังฉินหลิวซี “แม่นางผู้นี้ บุตรสาวของข้าเป็นอะไรไปหรือ”
“จะเป็นอะไรไปได้อีก เกรงว่าจะไปแปดเปื้อนของสกปรกมา ฮูหยินเฉิง ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ใช่ฤกษ์งามยามดีที่จะออกมาข้างนอก พวกเราไว้เจอกันวันหลังเถิด” หญิงสูงศักดิ์ผู้นั้นมองดูเฉิงอวี้ชิ่นที่ได้สงบลงแล้วด้วยความรังเกียจ
โชคร้ายจริงๆ รู้มานานแล้วว่าคุณหนูห้าตระกูลผิงชังปั๋วผู้นี้รูปร่างอวบอ้วนเกินไป แต่อย่างน้อยก็เป็นตระกูลสูงศักดิ์ และได้ยินมาว่าผิงชังปั๋วได้เตรียมสินสอดแปดสิบแปดหีบให้แก่คุณหนูผู้นี้ ดังนั้นแม้ว่าจะต้องผิดต่อบุตรชายของนาง ก็อยากที่จะมาดูตัว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าคุณหนูเฉิงห้าผู้นี้จะดึงดูดของสกปรกเข้าสิงร่าง ต้องโชคร้ายแค่ไหนจึงได้เป็นเช่นนี้
ฮูหยินเฉิงสีหน้ามืดครึ้ม เอ่ย “ฮูหยินไป๋ เรื่องยังไม่ได้รับการชี้แจงอย่างชัดเจน ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้”
“เช่นนั้นคนดีๆ เหตุใดจู่ๆ จึงได้เป็นบ้าขึ้นมา หากไม่ใช่เพราะผีเข้าสิงแล้วจะเป็นอะไรได้อีก ฮูหยินเฉิง หากคุณหนูห้ามีอาการป่วยอะไรซ่อนอยู่ ก็ไม่ควรออกมาดูตัวหรอกกระมัง นี่เป็นการทำร้ายผู้อื่นไม่ใช่หรือ” ฮูหยินไป๋กล่าวพลางเบะปาก
“เจ้า!”
ฉินหลิวซีเอ่ยแทรกขึ้น “เป็นเพียงแค่ทาสไฟพุ่งขึ้นสูง เสมหะเปียกชื้นบริเวณลำคอจนทำให้เกิดอาการคลุ้งคลั่งก็เท่านั้น เป็นเพียงอาการที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ไหนเลยจะมีผีสิง”
น้ำเสียงของนางเยือกเย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างพากันมองมา
เมื่อเห็นนางสวมชุดสีเขียวราวกับต้นสน สง่างามบริสุทธิ์ ก็พากันเงียบไปชั่วขณะ
“เจ้าเป็นใครกัน” เมื่อฮูหยินไป๋เห็นว่าคำพูดของตัวเองถูกคัดค้าน ก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ข้าคือเจ้าอาวาสอารามชิงผิงในเมืองหลี นามเต๋าว่าปู้ฉิว”
ฮูหยินไป๋ขมวดคิ้ว นี่มันสถานที่แห่งใดกัน ไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ฮูหยินเฉิงกลับดวงตาเป็นประกาย กล่าวว่า “เป็นอาจารย์ท่านนั้นที่เคยรักษาเมี่ยวเอ๋อร์จนหายหรือ”
“ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ เป็นนางเจ้าค่ะ นางบอกว่าอาการของญาติผู้น้องเป็นอาการที่เกิดขึ้นกะทันหัน เช่นนั้นก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นกะทันหันจริงๆ ท่านอย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ” ถงเมี่ยวเอ๋อร์กล่าวปลอบใจ
ฮูหยินเฉิงเอ่ย“ตายแล้ว รบกวนท่านอาจารย์ช่วยจับชีพจรดูอาการให้บุตรของข้าด้วยเถิด อยู่ดีๆ นางเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร”
“เป็นอาการคลุ้งคลั่งอย่างกะทันหัน เมื่อคืนนางคงไม่ได้หลับอย่างเต็มที่ ตับเมื่อยล้าสะสม ทำให้ตับกลายเป็นไฟ และเมื่อได้รับการกระตุ้น ไฟในหัวใจพุ่งขึ้นสูง ทำให้ดูเหมือนคลุ้งคลั่ง” มีคนนอกอยู่ ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยเกี่ยวกับอาการที่นางเห็นมากนัก
“ถูกกระตุ้นได้อย่างไร”
ทันทีที่นางกล่าวเช่นนี้ ในห้องส่วนตัวก็เงียบมากจนสามารถได้ยินเสียงเข็มหล่นได้
ไป๋อวี่รูม่านตาหดลง หลบสายตา ร้อนตัวเล็กน้อย
เปลือกตาของฮูหยินไป๋สั่นไหว กล่าวตำหนิออกมาเป็นคนแรก “เจ้ากล่าวเหลวไหล เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
ฉินหลิวซีมองไปยังฮูหยินเฉิง ถามอย่างไร้เดียงสาว่า “พวกท่านไม่รู้หรือ”
ฮูหยินเฉิงได้สติกลับคืนมาจากอาการตกใจ จ้องมองฮูหยินไป๋และคนอื่นๆ ถามว่า “ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะรู้อะไรหรือ”
“เขามีบุตรแล้ว” ฉินหลิวซีเหลือบมองไป๋อวี่พลางเอ่ย “ทำไมหรือ พวกท่านไม่รู้เรื่องนี้งั้นหรือ”
“เหลวไหล เจ้ากล่าวไร้สาระอะไร บุตรชายของข้าเป็นบุรุษนิสัยดีมีภูมิหลังที่ดี บริสุทธิ์สะอาดสะอ้าน ประพฤติตัวดี จะมีบุตรก่อนแต่งงานได้อย่างไร นักต้มตุ๋นอย่างเจ้ามาพูดจาไร้สาระอยู่ที่นี่ ระวังข้าจะจับเจ้าไปฟ้องทางการ!” ฮูหยินไป๋โกรธจนตัวสั่น ชี้ฉินหลิวซีพลางตะโกนด่า “เจ้าทำลายชื่อเสียงบุตรชายข้า ตระกูลไป๋ของข้าไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
ฮูหยินเฉิงกลับหรี่ตาลง การแสดงออกของฮูหยินไป๋เช่นนี้ ดูร้อนตัวอยู่บ้าง จึงได้ตั้งใจกล่าวด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
ฉินหลิวซีมองนิ้วของนางที่ชี้มาอย่างเย็นชา เอ่ย“ข้าไม่ได้กล่าวเหลวไหล ท่านได้อุ้มหลานชายแล้ว ตำแหน่งบุตรที่ใต้ตาของเขามีสีแดงระเรื่อ ซ้ายชายขวาหญิง ตำแหน่งบุตรทางด้านซ้ายอวบอิ่มเป็นอย่างมาก เขาได้บุตรชาย ซ้ำยังเป็นเด็กเกิดใหม่”
“เด็กอายุน้อยอย่างเจ้า คิดว่าตัวเองเป็นปรมาจารย์เต๋าจริงๆ หรือ กล่าวขึ้นมามั่วๆ สองสามประโยค ก็ทำราวกับเป็นเรื่องจริง ช่างน่าขัน…”
ฉินหลิวซีสะกัดคำพูดของนาง นางจึงเอ่ยอย่างเหลืออดว่า “เช่นนั้นคนที่ท่านฆ่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในใจท่านคงรู้ดีกระมัง”
ฮูหยินไป๋สีหน้าเปลี่ยนไป
ไป๋อวี่ก็ตกตะลึง มองไปยังฮูหยินไป๋
ฉินหลิวซีเอ่ยอีกว่า “หากท่านอยากให้ข้ากล่าวอีกสักสองสามประโยค ก็ได้เช่นกัน จะทำนายให้ท่านโดยไม่คิดเงินด้วย”
สายตาของนางจับจ้องไปที่ฮูหยินไป๋ ฮูหยินไป๋ตกใจจนถอยหลังสองก้าว กลืนน้ำลาย กล่าวกับฮูหยินเฉิงว่า “ฮูหยินเฉิงไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หากไม่ชอบบุตรชายของข้าจริงๆ ก็แค่กล่าวมาตามตรง เหตุใดต้องไปเชิญผู้ที่เรียกว่าอาจารย์ท่านนี้มาแสดงละครทำให้พวกเราขายหน้า ลูกผู้ชายควรกังวลเรื่องการก่อร่างสร้างตน ไม่ใช่แต่งภรรยามีครอบครัว อวี่เอ๋อร์ พวกเรากลับ”
“หยุดนะ!” ฮูหยินเฉิงตะโกนด้วยความโกรธ จ้องฮูหยินไป๋พลางกล่าวว่า “รีบไปขนาดนี้ ร้อนตัวหรือ หรือว่าจะรีบไปจัดการหลานชายของเจ้าผู้นั้น”
ฮูหยินเฉิงโกรธมาก นางก็ไม่ได้โง ฮูหยินไป๋กล่าวเช่นนี้ก็เพื่อหาทางออกให้ตัวเอง แล้วก็เป็นการโยนความผิดให้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้นเกรงว่าฉินหลิวซีจะพูดถูกแล้ว ชายหนุ่มรูปงามท่าทางสง่างามผู้นี้ ความจริงได้มี ‘ภรรยา’ มีบุตรอยู่นอกเรือนแล้ว
ดี ดีมากจริงๆ!
ตระกูลไป๋รังแกกันเกินไปแล้ว!