คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1010 เว่ยเสียกำลังประสบปัญหา
ตอนที่ 1010 เว่ยเสียกำลังประสบปัญหา
………………..
ในขณะที่ฉินหลิวซีกำลังเขียนใบสั่งยา ฮูหยินเฉิงก็ดึงถงเมี่ยวเอ๋อร์เดินออกไปข้างนอก ถามว่าเหตุใดนางจึงได้ปรากฏตัวที่โรงน้ำชา หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายก็ถอนหายใจอีกครั้ง
“ช่างบังเอิญเสียจริง หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีใจที่จะไปบำเพ็ญกุศล ก็คงไม่ได้บังเอิญพบกับท่านเจ้าอาวาสปู้ฉิวและมาที่โรงน้ำชาแห่งนี้ หากพวกเจ้าไม่มา เกรงว่าลูกห้าจะต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัสแล้ว” ฮูหยินเฉิงนึกถึงภาพที่บุตรสาวบ้าคลั่ง ในใจรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ยังไม่ต้องพูดถึงว่าโรคนี้รักษาได้หรือไม่ สถานการณ์ในตอนนั้น หากคนตระกูลไป๋กระจายข่าวออกไป ชิ่นเอ๋อร์ก็จะไม่เหลือชื่อเสียงอะไรอีกแล้ว
ผีเข้าสิง คลุ้งคลั่ง หากแพร่สะพัดออกไป ใครยังจะกล้ามาดูตัวกับบุตรสาวของนางอีก
ถงเมี่ยวเอ๋อร์เอ่ยปลอบใจนางว่า “นี่ล้วนเป็นบุญของน้องหญิงห้า ถึงจะประสบอันตรายแต่ก็ปลอดภัย ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ไม่ต้องกังวลมากเกินไป หลังจากประสบเหตุการณ์นี้ ในภายภาคหน้านางจะมีชีวิตที่ราบรื่นอย่างแน่นอน”
ฮูหยินเฉิงกล่าวติดตลกว่า “ได้ยินท่านแม่เจ้าบอกว่าหลังจากที่เจ้าหายดี เจ้าก็นับถือเต๋า กลายเป็นผู้ศรัทธาในลัทธิเต๋า ไม่เพียงแต่ตั้งป้ายอายุยืนไว้ในห้องเพื่อจุดธูปบูชาทั้งกลางวันและกลางคืน ในวันปกติก็ทำบุญกุศลมากมาย ตอนนี้เจ้าก็พูดถึงแต่บุญกุศล ผลกรรมตามสนอง หรือว่าจะเข้าสู่ลัทธิเต๋าแล้วจริงๆ”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าเพียงแค่เชื่อในเส้นทางของตัวข้าเอง”
ฮูหยินเฉิงเลิกคิ้ว เมื่อเห็นว่าใบหน้านางสงบและอ่อนโยน ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกมีความสุขและอบอุ่น จึงเอ่ยว่า “ในใจเจ้ารู้ดีก็พอแล้ว จริงสิ เจ้าว่าพวกเราต้องให้ค่าตอบแทนเท่าไหร่จึงจะดี”
“ท่านน้าสะใภ้ใหญ่ให้ตามกำลังศรัทธาก็พอ” ถงเมี่ยวเอ๋อร์เอ่ยว่า “ตัวข้าเองก็ได้บูชาป้ายอายุยืนของนาง เชื่อในวิถีของนาง จึงได้เป็นเช่นนี้ เมื่อมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้น ข้าก็จะทำความดีในนามของท่านเจ้าอาวาส เก็บเล็กผสมน้อย”
ฮูหยินเฉิงไม่เข้าใจเล็กน้อย “เหตุใดจึงต้องทำความดีภายใต้ชื่อของนาง การทำความดีสั่งสมบุญกุศล ในเมื่อเจ้าเป็นคนทำ บุญกุศลก็ตกอยู่ที่ตัวเจ้าเองไม่ใช่หรือ”
“แม้ว่าจะทำในนามของนาง บุญกุศลที่ข้าควรได้รับ เชื่อว่าก็ไม่น้อยเช่นกัน แต่นาง…” ถงเมี่ยวเอ๋อร์เอียงศีรษะเล็กน้อย กล่าวว่า “ข้าคิดว่าพี่หญิงเจ้าอาวาสต้องการบุญกุศลและความศรัทธาเหล่านี้มากกว่าข้า”
ความรู้สึกนี้อธิบายไม่ถูก นางแค่รู้สึกว่าฉินหลิวซีต้องการมันมากกว่านาง ดังนั้นนางจึงได้ทำความดีในนามของฉินหลิวซี หวังว่าผลบุญที่ได้รับจะตกอยู่กับฉินหลิวซี
ฮูหยินเฉิงอดลูบศีรษะนางไม่ได้ “เจ้าเด็กคนนี้ ช่างเป็นคนดีอย่างบริสุทธิ์ใจ”
ถงเมี่ยวเอ๋อร์ใบหน้ายิ้มแย้ม
ฮูหยินเฉิงเตรียมตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งพันตำลึงมอบให้ฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีดึงไปเพียงมูลค่าร้อยตำลึงสองใบ กล่าวกับฮูหยินเฉิงว่า “เงินทำบุญที่เหลือขอให้ฮูหยินหักออกไปเป็นค่าเสบียงอาหารหรือชุดผ้าฝ้ายเก่าๆ ส่งไปให้ผู้ที่ประสบกับภัยพิบัติในครั้งนี้ด้วยเถอะ”
ฮูหยินเฉิงตะลึงเล็กน้อย ถอนหายใจพลางเอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสช่างมีจิตใจเมตตาเป็นอย่างยิ่ง!”
ฉินหลิวซีหัวเราะ เอ่ยเสริมอีกว่า “โรคอารมณ์สองขั้วของคุณหนูเฉิง แม้จะบอกว่าความไม่สมดุลของหยินหยางที่เกิดจากประจำเดือนมาไม่ปกติ ส่งผลให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการเกิดจากปัจจัยภายนอก บางคนพะวงกับสิ่งที่ผู้อื่นพูดเนื่องจากดูถูกตัวเอง กระทั่งคิดว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าวมานั้นถูกต้อง ความจริงแล้วเป็นการระเมิดทางจิตใจอย่างหนึ่ง หากอยากจะร่าเริงแจ่มใส ก็อย่าปล่อยให้คนเหล่านั้นมาป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวนางโดยใช้ข้ออ้างว่าหวังดี บางครั้งความหวังดีก็การที่อยากจะผลักเจ้าให้ตกลงสู่เหวลึกกว่าเดิมก็เท่านั้น”
ฮูหยินเฉิงท่าทางเคร่งขรึม เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจแล้ว”
ฉินหลิวซีดึงเข็มออก ยื่นใบสั่งยาให้ กล่าวถามไถ่ถงเมี่ยวเอ๋อร์สองสามประโยค จากนั้นก็ขอตัวจากไป
เมื่อออกมาจากโรงน้ำชา ก็มีเกล็ดหิมะตกลงมาจากบนท้องฟ้าอีกครั้ง
เจ้าโสมน้อยยังคงคาบขนมนมอบอยู่ในปาก เคี้ยวสองสามทีแล้วกลืนลงไป กล่าวว่า “หิมะพึ่งหยุดตกไปได้ไม่ถึงสองวันก็ตกลงมาอีกแล้ว ไม่จบไม่สิ้นเสียที”
“ใกล้จะตรุษจีนแล้ว” ฉินหลิวซีจับเกล็ดหิมะขนเป็ดหนึ่งแผ่น ดูมันค่อยๆ ละลายอยู่ในมือ เอ่ย “ปีนี้อย่าคิดว่าจะได้อยู่อย่างสบาย”
ทันทีที่นางพูดจบ ก็หันไปมองอีกด้านหนึ่ง เว่ยเสียที่ไม่ได้เจอมาหลายวันปรากฏตัวอยู่ในสายตาด้วยสภาพสะบักสะบอม
“พวกท่านออกมาจากข้างในนั้นหรือ กินดื่มอย่างเอร็ดอร่อยสบายใจไม่น้อยเลย ลำบากให้ข้าเหนื่อยอยู่คนเดียว” เว่ยเสียชี้ไปยังกล่องขนมนมอบที่เจ้าโสมน้อยถืออยู่ กล่าวว่า “เร็วเข้า เสกให้ข้าได้กินรองท้องสักหน่อย”
เจ้าโสมน้อยสีหน้าไม่เต็มใจ ขนมนมอบนี้นุ่มราวกับก้อนเมฆ มีกลิ่นหอมของนมเข้มข้น อร่อยมาก ซ้ำยังขายราคาแพง เขาทำใจไม่ได้
ฉินหลิวซีเหลือบมอง เขาจึงทำได้เพียงหยิบออกมาสองชิ้นแล้วให้เถิงเจาเสกคาถา
ไม่นาน ในมือของเว่ยเสียก็มีขนมนมอบเพิ่มขึ้นมาสองชิ้น เขากินหมดภายในไม่กี่คำ จากนั้นก็กล่าวกับฉินหลิวซีว่า “เท่านก็เสกบุญกุศลให้ข้าสักหน่อยเถิด”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “เกิดเรื่องขึ้นหรือ”
ใบหน้าซีดขาวของเว่ยเสียเขียวขึ้นมาทันที กล่าวว่า “ครั้งนี้มีคนเสียชีวิตจากภัยพิบัติหิมะจำนวนมาก จับดวงวิญญาณไว้ไม่ไหว ก่อนหน้านี้ได้ไปจับวิญญาณคนเลวมา หลังจากตายก็กินวิญญาณผีใหม่ไปสองตน กลายเป็นผีร้าย หนีไปแล้ว”
“เจ้ามีความสามารถแค่นี้เองหรือ” เจ้าโสมน้อยถามพลางเบิกตาโต
เว่ยเสียจ้องมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ “หากท่านเก่งนักก็มาจัดการเอง พยัคฆ์ก็มีเวลาที่งีบหลับ ไม่ใช่แค่คนสองคนที่เสียชีวิตจากภัยพิบัติครั้งนี้ มีที่น่าอนาถใจ ทั้งครอบครัวถูกขังไว้ในห้อง แข็งตายทั้งเป็น จริงสิ ยังมีหิมะถล่มอยู่ทางด้านของหุบเขาหลงซาน เส้นทางหลวงถูกตัดขาดแล้ว”
ช่องเขาหลงซานเป็นเส้นทางเดียวที่เดินทางเชื่อมจากใต้ไปเหนือ ทั้งสองข้างทางล้วนเป็นภูเขา หากถูกตัดขาด ก็จะไม่สะดวกเป็นอย่างมาก
เว่ยเสียกล่าวอีกว่า “ยมทูตในตอนนี้เอาดวงวิญญาณไปแทบไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงเสียบเป็นไม้รวมกันไว้ เก็บได้มากเท่าไหร่ก็เท่านั้น หากไปๆ มาๆ หลายครั้งเข้า ประตูวิญญาณก็จะถูกเหยียบจนเละ ข้าเองก็ทำเช่นนั้น”
เขาพูดพลางยกโซ่ตรวนวิญญาณในมือขึ้น สิ่งนั้นคือโซ่ตรวนวิญญาณขนาดใหญ่ที่สามารถบีบอัดดวงวิญญาณใหม่เล็กใหญ่ได้มากกว่ายี่สิบดวง
และเมื่อเขามาอย่างกะทันหัน ทำให้อากาศบริเวณนี้หนาวเย็นยิ่งกว่าเดิม พลังหยินพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
เจ้าโสมน้อยมุมปากกระตุก จับเสียบไม้รวมกัน เตรียมจะเอาไปย่างหรืออย่างไร
“ผีมีมากขึ้น ก็จะมีสถานที่ที่ดูแลไม่ถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อข้าจะไปจับผีใหม่ ผีร้ายตนนั้นก็กลืนวิญญาณผีใหม่ไปสองดวงติดต่อกัน ต่อต้านจนหลุดออกจากโซ่ตรวนหลบหนีไป” เว่ยเสียกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา “ผีที่หนีไปจากเงื้อมมือของข้า จะต้องจับกลับคืนมาอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นดวงวิญญาณที่เขากลืนเข้าไปก็จะถูกตำหนิเป็นความผิดของข้า นั่นเป็นการทำบาปครั้งใหญ่! ก็เลยมาหาท่านให้ช่วยมอบบุญกุศลให้ พลังผีของข้าก็จะได้เพิ่มมากขึ้น จะได้มีความมั่นใจในการจัดการกับเจ้านั่น”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “หนีมาที่เมืองหลวงหรือ”
“ใช่แล้ว”
ฉินหลิวซีมอบบุญกุศลให้เขาเล็กน้อย เอ่ยว่า “หากเป็นผีร้าย กลืนดวงวิญญาณเข้าไปพลังผีก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก เมื่อได้ลิ้มรสของดี คาดว่าคงจะดูดกลืนดวงวิญญาณไม่หยุด ในช่วงนี้เพื่อที่ค้นหาสมบัติอันล้ำค่าในเมืองหลวง ก็มีวิญญาณเร่ร่อนเพิ่มไม่น้อย หากอพยพกันไม่ทันเวลา เกรงว่าจะกลายเป็นอาหารของผีร้ายตนนั้น เจ้าไปที่จวนหมิงอ๋อง…ช่างเถิด ข้าจะไปกับเจ้า ที่นั่นมีทหารผี พวกเราสองคนร่วมแรงกัน จับกุมผีร้ายตนนั้นโดยเร็วที่สุด”
หากำลังเสริมงั้นหรือ
เรื่องนี้เขาเห็นด้วย!
มีกำลังเสริม ตัวเองไม่ต้องลำบากลำบนต่อสู้ พลังผีก็ประหยัดไว้ใช้ เป็นประโยชน์อย่างมาก!
ขณะที่หมิงอวี้ที่จวนหมิงอ๋องกำลังมองดูท้องฟ้ามืดมิด หิมะตกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ดี และความรู้สึกไม่ดีนี้ คล้ายกับวันที่เทพอสูรฉินหลิวซีผู้นั้นมาหาที่หน้าประตู
“เหล่าหมิง ข้ายังอยู่!”
หมิงอวี้หันไป ฉินหลิวซีมาพร้อมกับหมิงอ๋องหลานเฒ่าไม่เอาไหน กำลังโบกมือให้เขา และด้านหลังของนางยังมีแม่สาวจอมปลอมทัดดอกไม้ที่ท่าทางอ้อนแอ้น สายตาที่มองตัวเองเป็นประกาย!
นี่มันตัวอะไรกัน