คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1012 ไม่มีคนโง่ในเมืองหลวง
ตอนที่ 1012 ไม่มีคนโง่ในเมืองหลวง
………………..
หลังจากที่หมิงอ๋องส่งฉินหลิวซีไปแล้ว หมิงหุยก็อุ้มอาหญิงน้อยผู้เป็นที่รักหมิงเจินมาหาเขา เมื่อสาวน้อยเห็นท่านพ่อ ก็เตะเท้าไปทางหมิงอ๋องอย่างแรง
“ตายจริง ดวงใจของพ่อ เจ้าตื่นแล้วหรือ” หมิงอ๋องอุ้มบุตรสาวที่ได้มาตอนแก่ ใจละลาย โดยเฉพาะเมื่อได้กลิ่นหอมของเด็กน้อย แม้ว่าจะน้ำลายไหลเต็มปาก แต่ก็ยิ้มจนตาปิดเห็นแต่ฟัน
หลังจากหยอกเย้าบุตรสาวอยู่พักหนึ่ง ก็เอาขนมไปไว้ตรงหน้าให้นางหยิบกินเอง จากนั้นหมิงอ๋องจึงได้พูดคุยกับหลานชาย เขาเองก็มีหลานชายเพียงแค่คนเดียวเท่านี้ บุตรสาวก็ยังตัวเล็กไม่รู้ความ ผู้ที่สามารถปรึกษาได้ก็มีเพียงหมิงหุยแล้ว
เขาไม่ได้อ้อมค้อม พูดถึงคำพูดกบฏของฉินหลิวซีให้เขาฟังอย่างละเอียด
“เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้” หมิงอ๋องกล่าวเสียงเบาเป็นอย่างมาก
เมื่อหมิงหุยได้ฟังก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันกับเขา ฉินหลิวซีเป็นคนนอก การที่นางจับผีไล่วิญญาณใช้วิชาแพทย์ช่วยชีวิตคนนั้นไม่ใช่เรื่องประหลาด แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหัวใจของนางจะยิ่งใหญ่เช่นนี้
คิดที่จะกบฏเชียวนะ!
หมิงหุยมึนงงไปหมด เลือดไหลย้อนกลับ ใบหน้าแดงก่ำ กลับมีความตื่นเต้นจนลืมตัวไปชั่วขณะ
เมื่อหมิงอ๋องเห็นท่าทางตื่นเต้นซึ่งยากที่จะปกปิดได้ของเขาก็มุมปากกระตุก เขาลืมไปเลยว่าหลานชายคนนี้เป็นคนบ้าที่กลัวว่าใต้หล้าจะสงบสุข ก่อนหน้านี้ร่างกายอ่อนแอและมีโรคหัวใจ ก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตได้อีกนานเท่าไหร่ จึงคิดว่าคนเราเกิดครั้งหนึ่ง และบุตรชายก็อาจจะเป็นผู้ที่อายุสั้น ดังนั้นจึงไม่ได้จำกัดควบคุมเขา ปล่อยให้เขาใช้ชีวิตตามปรารถนา
การตามใจเช่นนี้ กลับตามใจจนทำให้เขากลายเป็นคนบ้าอำนาจในเมืองหลวง ทำตัวเย่อหยิ่ง ยโสโอหัง ราวกับคนบ้าคลั่ง
ในใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องอะไรที่หมิงหุยไม่กล้าทำ เว้นเสียแต่สิ่งที่เขายังคิดไม่ถึง!
เมื่อตอนนี้ได้ยินแผนการอันบ้าคลั่งของฉินหลิวซี เกรงว่าเขาจะรู้สึกดีใจที่ตัวเองตามทัน!
อย่างที่คิด หมิงหุยถามอย่างตื่นเต้นว่า “นางอยากจะผลักดันใครขึ้นสู่ตำแหน่ง มีแผนการอย่างไร จะทำอย่างไร”
หมิงอ๋องใบหน้ามืดครึ้ม กล่าวว่า “เจ้าท่าทางจริงจังหน่อย นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่อาจถูกฆ่าล้างโคตรได้หากไม่ระวังเพียงเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องไร้สาระอย่างจับสุนัขขโมยไก่ที่เจ้าทำตามปกติ จวนหมิงอ๋องไม่ได้มีส่วนร่วมใดๆ ในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ตั้งแต่ที่ท่านพ่อของข้าออกจากตำแหน่งกลับคืนสู่บ้านเกิด ตระกูลของพวกเราเป็นผู้สนับสนุนราชวงศ์ที่จงรักภักดี ใครเป็นฮ่องเต้ ตำแหน่งของจวนหมิงอ๋องก็จะไม่เปลี่ยนแปลง”
หมิงหุยส่ายหน้า “ท่านผู้เฒ่า ไม่มีตำแหน่งอ๋องที่อยู่อย่างถาวร โดยเฉพาะพวกเราที่เป็นอ๋องต่างแซ่ ตอนแรกตำแหน่งอ๋องนี้ถูกฮ่องเต้ราชวงศ์ก่อนแต่งตั้งขึ้นตอนก่อตั้งอาณาจักร เมื่อเปลี่ยนตระกูลฉีเป็นผู้ดูแล การที่ไม่ถูกปลดออกจากจวนอ๋องนี้เป็นเพราะบรรพบุรุษที่อยู่เหนือบรรพบุรุษได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ยอมจำนนต่อฮ่องเต้องค์ใหม่อย่างกล้าหาญพร้อมมอบทหารม้าจำนวนสองแสนนาย ซ้ำยังใช้ความพยายามทำผลงาน แผ่นโลหะเคลือบทองของจวนอ๋องนี้จึงไม่ได้ถูกถอดออก”
หมิงอ๋องเลิกคิ้ว
“แต่ที่มันไม่ถูกถอดออก ท่านคิดว่าเป็นเพราะฮ่องเต้มีเมตตาไม่อยากถอดออกหรือ ตำแหน่งอ๋องนี้ยิ่งมีน้อยก็ยิ่งเป็นผลดีต่อราชวงศ์ อย่างไรเสียเมื่อมีมาก ใครจะไปรู้ว่าวันไหนจะเกิดบ้าคลั่งก่อกบฏขึ้นมา อย่างท่านพ่อของข้าก็อายุสั้นจากไปเร็ว ท่านก็เป็นคนไม่เอาถ่านที่รู้แต่เล่นสนุกเท่านั้น และข้าก็เป็นเพียงคนอายุสั้นที่เกิดมาพร้อมกับโรคหัวใจ เกรงว่าเขาจะแอบรอให้ตระกูลหมิงไร้ทายาทสืบทอดมานานแล้ว เมื่อครอบครัวของเราเสียชีวิตจนหมด แผ่นป้ายนี้ก็จะสามารถถอดออกได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ ซ้ำยังไม่ต้องแปดเปื้อนชื่อเสียงที่ไม่ดีด้วยแม้แต่นิด”
ฟังสิ น้ำเสียงไม่เกรงกลัวฟ้าดินเช่นนี้!
ไม่เคยเห็นใครสาปแช่งตัวเองเช่นนี้ ตอนนี้ได้เห็นแล้ว
หมิงอ๋องตบโต๊ะด้วยความโกรธ “หลานไม่รักดี เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรกัน!”
หมิงหุยนั่งขาไขว่ห้าง เขย่าขาเป็นครั้งคราว ไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงดุนี้เลยแม้แต่นิด พลางเอ่ย “พูดความจริงท่านก็ไม่อยากฟัง แต่ก็ต้องยอมรับความจริง ดูว่าสิ่งที่ข้าพูดนั้นถูกหรือไม่ ลองไตร่ตรองดู ท่านก็อายุหกสิบกว่าปีแล้ว หากอายุยืนก็จะมีชีวิตไปอีกสิบยี่สิบปี แต่หากเพียงไม่กี่ปีก็จากไป ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของข้า ซ้ำยังมีอาหญิงน้อยที่อายุเพียงไม่กี่ขวบ ท่านว่าป้ายของจวนอ๋องนี้ ข้าจะรักษาไว้ได้หรือไม่”
หมิงอ๋องสำลักไปจนถึงปอด มือที่ชี้เขาสั่นไม่หยุด “หลานทรพี!”
ไม่เพียงแต่สาปแช่งตัวเอง ซ้ำยังสาปแช่งเขาอีกด้วย!
“ท่านพ่ออย่าโกรธ กิน!” หมิงเจินยื่นขนมหนึ่งชิ้นไปที่ปากของท่านพ่อ จากนั้นก็แยกเขี้ยวกำหมัดใส่หมิงหุย
ความโกรธของหมิงอ๋องหายไปในทันที กอดนางพลางหอมด้วยความรักและเอ็นดู เอ่ย “เป่าจูเอ๋อร์ของพวกเรารู้ประสาที่สุด พ่อรักเจ้า”
ชื่อทางการของบุตรสาวไม่ควรเปิดเผยตามอำเภอใจ หมิงอ๋องจึงตั้งชื่อให้บุตรสาวที่ได้มาตอนแก่ว่าเป่าจูเป็นชื่อเล่น อาจจะดูเรียบง่ายไปหน่อย แต่สถานะสูงส่ง ก็เหมาะสมกับชื่อนี้
หมิงหุยเบะปากใส่ทาสบุตรสาวผู้นี้ เอ่ย “สมมุติว่าท่านไม่อยู่แล้ว ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะยังคงเป็นห่วงชื่อเสียงของตัวเอง อดทนที่จะไม่แตะต้องแผ่นป้ายนี้ของตระกูลเรา แต่ฮ่องเต้องค์ถัดไปล่ะ คาดหวังกับคนโง่อย่างรัชทายาทที่เชี่ยวชาญด้านการแสดงจนเคยชินผู้นั้น หากเขาขึ้นสู่บัลลังก์ ไม่ช้าก็เร็วก็จะจัดการกับแผ่นป้ายตระกูลเรา เพราะเหตุใดน่ะหรือ ท่านอย่าลืมว่าเสด็จแม่ของเขาผู้นั้นเคยมีความขัดแย้งอะไรกับท่านแม่ของข้า”
พระสนมเสียนเฟยองค์ปัจจุบัน ความจริงแล้วเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านแม่ผู้ล่วงลับของหมิงหุย แต่ท่านแม่ของหมิงหุยไม่มีผู้สืบทอดในตระกูลต่ออีกแล้ว ตอนนั้นตระกูลเดิมของพระสนมเสียนเฟยยังคิดที่จะครอบครองกิจการครอบครัวของนาง พระสนมเสียนเฟยยังได้เผยแพร่ข่าวลือว่าท่านแม่ของหมิงหุยไม่รักษาศีลธรรมของสตรีตอนที่ยังไม่ได้ออกเรือน เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก
หมิงอ๋องกอดบุตรสาวอันเป็นที่รักไว้ในอ้อมแขน เลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าหมายความว่าพวกเราก็จะเข้าร่วมด้วยอย่างนั้นหรือ”
“หากมีโอกาสชนะ ก็พยายามให้ดีที่สุดเพื่อชัยชนะ” หมิงหุยเอ่ยต่อไปว่า “ท่านอย่าลืมว่าผู้ที่เคยได้รับบุญคุณจากนางนั้นมีใครบ้าง อย่างเจ้าหมามู่คนไม่เอาไหนผู้นั้น แทบอยากจะบูชานางราวกับเป็นบรรพบุรุษ เฉิงเอินโหวก็มีบุตรชายเพียงคนเดียวเท่านี้ ไหนเลยจะไม่ใช่เช่นนั้น”
หมิงอ๋องหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง
“ฮองเฮามีองค์หญิงเพียงองค์เดียว นางเป็นมารดาแห่งราชอาณาจักร แม้ว่าจะไม่สนว่าเด็กคนไหนจะขึ้นครองบัลลังก์ล้วนต้องเรียกนางว่าเสด็จแม่และแต่งตั้งนางเป็นไทเฮา แต่หากรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ เสด็จแม่ของเขาก็ต้องถูกแต่งตั้งเป็นไทเฮาเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้น ใครที่จะเป็นไทเฮาคนสำคัญอย่างแท้จริง ในเมืองหลวงมีใครบ้างที่ตาบอดมองไม่ออก ท่านดูเถิด หากรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ ชีวิตของฮองเฮามู่ก็จะไม่สงบสุขอีกต่อไป รวมถึงตระกูลเดิมที่อยู่เบื้องหลังของนางด้วย”
เมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านี้ อารมณ์ของหมิงอ๋องซับซ้อนเล็กน้อย ในบรรดาผู้มีอำนาจที่อยู่ใต้ฝ่าพระบาทของฮ่องเต้ จะมีสักกี่คนที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างแท้จริง หลานชายทรพีของเขาผู้นี้อาจจะนิสัยไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่คนโง่เขลา สิ่งที่ควรรู้เขาล้วนรู้ทั้งหมด แต่เขาแค่ไม่มีร่างกายที่ดี
“เรื่องนี้ รอให้บรรพบุรุษของเรากลับมาแล้วพวกเราค่อยถามความเห็นของเขา” เรื่องนี้เรื่องใหญ่ หมิงอ๋องไม่ได้รีบร้อนที่จะตัดสินใจ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่ได้จะเกิดเรื่องขึ้น ฉินหลิวซีก็บอกแล้วว่ากำลังรวบรวมกองฟาง
แต่ตามที่หมิงหุยกล่าวว่ามีหลายคนที่ได้รับบุญคุณจากนาง ล้วนสามารถใช้ประโยชน์ได้ หากนางต้องการรวบรวมกองฟางขึ้นมาจริงๆ เช่นนั้นกองกำลังคนนี้จะยังเรียกว่ากองฟางได้หรือ คงเป็นกองทองกองหยกมากกว่ากระมัง
ทันใดนั้นหมิงอ๋องก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย นางเป็นใครกัน ถูกผู้คนพากันเอาอกเอาใจเช่นนี้ ชาติที่แล้วไปทำบุญกุศลอันใหญ่หลวงอะไรไว้หรือ
คนโชคดีผู้นั้นที่หมิงอ๋องอยากรู้ใจแทบขาด ในขณะนี้กำลังถือนกกระเรียนกระดาษตัวหนึ่งพลางเหม่อลอย ก่อนที่เขาจะคลี่กระดาษออกดู ตกตะลึงไปชั่วขณะ
ฉีเชียนถือนกกระเรียนกระดาษ ไปเป็นราชฑูตบรรเทาภัยพิบัติหรือ
นี่เป็นการให้เขาไปสะสมผลงานอย่างเป็นทางการ การบรรเทาภัยพิบัติหิมะครั้งนี้เป็นผลงานแรก
แม้ว่าจะไม่มีราชโองการ แต่ฉีเชียนเชื่อมั่นว่าการที่นางสามารถส่งข่าวมาด้วยวิธีนี้ได้ จะต้องมีความมั่นใจที่จะให้เขาออกเดินทาง เช่นนั้นเขาจะต้องเตรียมการให้พร้อม
“ใครก็ได้ ไปเชิญท่านอาจารย์เติ้งและคนอื่นๆ มาที่ห้องประชุม” ฉีเชียนเรียกบ่าวรับใช้น้อยมากำชับ ก่อนจะจุดไฟเผานกกระเรียนกระดาษ
เส้นทางอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาจะต้องก้าวต่อไป