คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1015 พวกเจ้าทำบาปฆ่าบุตร!
ตอนที่ 1015 พวกเจ้าทำบาปฆ่าบุตร!
………………..
ครั้งนี้ฉินหลิวซีได้รับเชิญจากแม่ทัพใหญ่เจิ้ง ไปช่วยรักษาอาการมีบุตรยากเป็นเวลานานหลังจากแท้งบุตรให้กับฮูหยินซื่อจื่อจวนตระกูลมั่วของจงฉินปั๋ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลเดิมของภรรยาท่านแม่ทัพที่เสียชีวิตไปแล้ว
“เด็กทั้งสองแต่งงานกันมาแปดปีแล้ว ตั้งแต่ที่แท้งบุตรเมื่อสี่ปีที่แล้วก็ไม่มีข่าวดีอีกเลย ได้พบหมอหลวงและหมอทั่วไปมาแล้วไม่น้อย ต่างบอกว่าสามีภรรยาคู่นี้ร่างกายไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ก็ไม่มีข่าวดีให้ได้ยินมาโดยตลอด” แม่ทัพใหญ่เจิ้งกล่าวด้วยสีหน้าสงสารว่า “ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะเด็กคนนี้วาสนาไม่ถึง ก็คงมีหลานชายเชื้อสายหลักคนแรกไปแล้ว”
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากไม่มีปัญหา เช่นนั้นก็เป็นเพราะวาสนายังมาไม่ถึง”
แม่ทัพใหญ่เจิ้งกล่าวว่า “ถึงจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็แต่งงานมาเกือบสิบปีแล้ว กลับไม่มีบุตรจากภรรยาเอกแม้แต่คนเดียว ก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้าง สองสามีภรรยาไปไหว้พระขอบุตรทุกหนแห่ง น่าสงสารนัก”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้ว “ไม่มีบุตรภรรยาเอก ก็มีบุตรอนุแล้ว เช่นนั้นผู้ที่น่าสงสารก็มีเพียงฮูหยินน้อยมั่วแล้ว”
แม่ทัพใหญ่เจิ้งอึดอัดเล็กน้อย เอ่ย “ตระกูลของพวกเขาก็ให้ความสำคัญกับภูมิหลังของบุตรเชื้อสายหลักและเชื้อสายรองเป็นอย่างมาก”
“หากให้ความสำคัญจริงๆ บุตรจากภรรยาเอกยังไม่เกิด ก็จะไม่มีบุตรจากอนุ” ฉินหลิวซีไม่คิดเช่นนั้น
แม่ทัพใหญ่เจิ้งเกาจมูก ยกม่านขึ้นแล้วมองออกไปข้างนอก เอ่ยขึ้นว่า “ถึงแล้ว”
ฉินหลิวซีลงจากรถก่อน มีคนเข้ามาต้อนรับ เป็นชายวัยสามสิบปี รูปร่างหน้าตางดงามราวกับหยก มีดวงตาดอกท้อ มีวุฒิภาวะและมีเสน่ห์ แต่กลับเป็นผู้ที่มีหลายรักโดยกำเนิด
ฉินหลิวซีมองดูบนตัวเขาอย่างละเอียด บนตัวคนผู้นี้กลับมีพลังหยินพัวพันอยู่เล็กน้อย เช่นนั้นก็น่าสนใจแล้ว
“ท่านอาเขย ท่านมาแล้ว” มั่วเหวินเผยคำนับแม่ทัพใหญ่เจิ้ง พยุงเขาลงจากรถ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี
แม่ทัพใหญ่เจิ้งเอ่ยว่า “ท่านนี้ก็คือท่านเจ้าอาวาสปู้ฉิว เรื่องของน้องหญิงลูกพี่ลูกน้องของเจ้าในปีนั้นก็เป็นนางที่ช่วยแก้ไขปัญหา แม้ว่าจะเป็นนักพรตในเสวียนเหมิน แต่วิชาแพทย์กลับยอดเยี่ยมมาก”
มั่วเหวินเผยรีบคำนับฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นท่านเจ้าอาวาสปู้ฉิว ขอบคุณท่านเจ้าอาวาสที่มีเมตตาหาตัวญาติผู้น้องจนพบ นับว่าได้คลายความกังวลของท่านอาเขยไปได้”
ฉินหลิวซี “ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะบุญพาวาสนาส่ง”
มั่วเหวินเผยพาพวกเขาเข้าไป ได้พบจงฉินปั๋วอยู่ที่ลานด้านหน้า เขากล่าวทักทายแม่ทัพใหญ่เจิ้งอยู่พักหนึ่ง เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีเป็นนักพรตหญิง จึงให้มั่วเหวินเผยพาพวกเขาเข้าประตูรองไปวินิจฉัยอาการให้กับลูกสะใภ้ ส่วนตาเฒ่าทั้งสองคนอย่างเขากับแม่ทัพใหญ่เจิ้ง ก็ไม่สะดวกติดตามไปดูสตรีตรวจอาการเท่าใดนัก
ฉินหลิวซีเดินอยู่ข้างๆ มั่วเหวินเผย กล่าวว่า “ตอนนี้มั่วซื่อจื่อก็มีทั้งบุตรชายและบุตรสาวแล้ว สำหรับบุตรแล้วคงไม่ได้มีความต้องการมากมายเท่าฮูหยินหรอกกระมัง”
มั่วเหวินเผยตกตะลึง อึดอัดเล็กน้อย กล่าวว่า “ไหนเลยจะรังเกียจที่มีลูกมากเกินไป โดยเฉพาะบุตรภรรยาเอก”
ฉินหลิวซีไม่ได้ตอบประโยคนี้ อย่างที่นางเคยกล่าวกับแม่ทัพใหญ่เจิ้งไป หากใส่ใจบุตรจากภรรยาเอกจริงๆ ก็จะไม่มีบุตรอนุเกิดขึ้น
ไม่นานก็มาถึงลานซวงชีที่มั่วเหวินเผยกับภรรยาอาศัยอยู่ แม้ว่าตอนนี้อากาศจะหนาว แต่เนื่องจากได้รับแจ้งตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว จึงมีคนรออยู่ที่ระเบียงทางเดิน
ก็คือเหวินซื่อ ฮูหยินของจวนจงฉินปั๋ว รูปร่างผอมเพรียว ขอบตาดำคล้ำ ใบหน้าซีดขาว บนตัวถูกคลุมด้วยเสื้อผ้าหนาๆ ดูเหมือนว่าพลังงานจะถูกอะไรบางอย่างสูบไปจนหมด
ฉินหลิวซีหรี่ตาลง พลังหยินบนตัวของนางรุนแรงยิ่งนัก
เถิงเจาก็เห็นอย่างชัดเจน กล่าวกับเจ้าโสมน้อยเสียงเบาว่า “รู้สึกถึงอะไรบางอย่างหรือไม่”
เจ้าโสมน้อยกล่าวว่า “พลังงานไม่ดี หยินรุนแรง หากสตรีผู้นี้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าอาจจะตายในไม่ช้า”
“เป็นพลังงานหยินพันรอบตัว” เถิงเจาเอ่ยเสียงเรียบ
มั่วเหวินเผยอยู่ไม่ไกลจากพวกเขาเงี่ยหูฟังอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็มองพวกเขาด้วยความตกใจกลัว สีหน้ามืดมน
“ซื่อจื่อ” สาวใช้พยุงมือเหวินซื่อไว้ ก้าวไปข้างหน้าพลางคำนับ
มั่วเหวินเผยสูดหายใจเข้า กล่าวว่า “ท่านนี้คือเจ้าอาวาสปู้ฉิว เป็นผู้ที่ท่านอาเขยเชิญมาตรวจอาการให้กับเจ้า เข้าไปคุยกันข้างในเถิด ข้างนอกอากาศหนาวมาก เจ้าเป็นคนกลัวหนาวมาแต่ไหนแต่ไร”
เหวินซื่อคำนับฉินหลิวซีอีกครั้ง พยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “รบกวนให้ท่านเจ้าอาวาสต้องมาหาถึงที่นี่แล้วเจ้าค่ะ เชิญด้านในเถิด”
ฉินหลิวซีเดินตามหลังพวกเขาเข้าไปในห้อง ทันทีที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของทารก นางเพ่งเล็งความสนใจ มองไปยังที่มาของเสียง มีทารกคนหนึ่งสวมชุดคลุมเล็กๆ คลานออกมาจากเตียง สีหน้าซีด ดวงตาแดงก่ำ ไม่มีพลังงานคนแม้แต่นิด มีเพียงพลังงานหยิน
นี่คือทารกผี
เถิงเจากับเจ้าโสมน้อยไม่จำเป็นต้องเปิดดวงตาสวรรค์ก็เห็นทารกผีตนนี้คลานอยู่บนพื้นส่งเสียงหัวเราะเล็กแหลม จากนั้นก็ลอยไปหาเหวินซื่อ หมอบอยู่บนหน้าอกของนาง ดวงตาผีมองไปที่ทุกคนด้วยความสงสัย
เจ้าโสมน้อย “…” เร็วกว่าตอนที่ข้าวิ่งหนีเสียอีก!
เถิงเจาเพ่งเล็งสายตา กระบี่เหรียญทองแดงที่แบกอยู่ด้านหลังสั่นสะท้านส่งเสียงดังหวึ่งๆ
มั่วเหวินเผยสังเกตพวกเขามาตลอด เห็นว่าทันทีที่พวกเขาเข้ามาในห้อง สายตาก็ดูแปลกๆ ราวกับเห็นอะไรบางอย่าง อดหันไปมองไม่ได้ ความหนาวเย็นไหลลงมาที่หลัง
ทั้งๆ ที่ในห้องมีเตาไฟกำลังลุกไหม้ แต่ความหนาวเย็นกลับพาดผ่านกระดูกสันหลังของเขา ตกใจจนมีเหงื่อบางๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผาก
เหล่าสาวใช้ที่สวมเสื้อผ้าหนาๆ ยกชามาวางแล้วถอยออกไป
ฉินหลิวซีจิบชา กล่าวว่า “ตอนนั้นที่พวกเจ้าแท้งบุตร ได้เด็กที่มีรูปร่างเป็นเด็กผู้ชายแล้วหรือ”
เหวินซื่อตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าฉินหลิวซีจะตรงไปตรงมาเช่นนี้ พึ่งยกถ้วยชาขึ้นมาก็วางลงอีกครั้ง สีหน้าเผยให้เห็นถึงความโศกเศร้า กล่าวว่า “ใช่แล้ว ตอนที่ตั้งครรภ์ สภาพครรภ์ไม่ค่อยมั่นคง ต้องนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสามเดือนจึงจะรักษาไว้ได้ แต่หมอได้บอกแล้วว่าร่างกายของข้าอ่อนแอ ทำให้เด็กร่างกายอ่อนแอโดยกำเนิด เป็นเรื่องยากที่จะรักษาเด็กคนนั้นไว้ได้ แม้ว่าจะรักษาไว้ได้ ก็ยากที่จะคลอดได้ครบกำหนด เป็นไปตามคาด ดูแลครรภ์อย่างดีมาโดยตลอด เมื่อถึงช่วงที่ใกล้ครบเจ็ดเดือน ทารกก็ไม่ขยับแล้ว…”
เมื่อเหวินซื่อกล่าวถึงบุตรชายที่สูญเสียไป ก็อดรู้สึกโศกเศร้าไม่ได้ น้ำตาไหลออกมาไม่หยุด
มั่วเหวินเผยอยู่ข้างๆ นาง ยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้นางซับน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยว่า “ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เด็กคนนั้นมีบุญน้อย”
“เจ้าคิดผิดแล้ว” ฉินหลิวซีส่ายหน้าพลางเอ่ย “เป็นความผิดของนาง”
เหวินซื่อตกตะลึง หมายความว่าอย่างไร
“เจ้าเป็นคนตัดสินใจทำแท้งเด็กกระมัง” ฉินหลิวซีกล่าว
เหวินซื่อกล่าวว่า “คือว่า เด็กตายในครรภ์ ไม่อยากทำแท้งก็ต้องทำ ใช่ว่าข้าอยากเก็บไว้แล้วเขาจะมีชีวิตรอด”
สิ่งที่นางพูดนั้นแปลกมาก ทารกตายในครรภ์ ย่อมต้องใช้ยาเร่งคลอดเพื่อขับออกมา มิเช่นนั้นจะให้ตั้งครรภ์ทารกที่ตายแล้วตลอดไปหรือ
ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเด็กตายในครรภ์แล้วจริงๆ”
เหวินซื่อรูม่านตาหดลง คำพูดนี้หมายความว่าอย่างไร
มั่วเหวินเผยก็ตกใจเป็นอย่างมากเช่นกัน หรือว่าเรื่องนี้จะยังมีเบื้องหลังอีก
ฉินหลิวซีมองทั้งสองคน ถอนหายใจพลางเอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าตอนนั้นพวกเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กตายในครรภ์ และเป็นท่านหมอท่านไหนที่วินิจฉัย และนี่เกี่ยวข้องกับการสมรู้ร่วมคิดอะไร แต่จากข่าวที่ข้าได้รับ ตอนนั้นเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ไม่ได้มีการเสียชีวิตในครรภ์ เป็นเจ้าที่พรากชีวิตของเขาไป ใช้วิธีเร่งคลอดขับออกมาให้เขาคลอดก่อนกำหนด มิเช่นนั้นเดิมทีเขามีโอกาสที่จะได้ลืมตาดูโลกใบนี้ ตอนนี้ก็สามารถเรียกพวกเจ้าว่าพ่อกับแม่ได้แล้ว เป็นพวกเจ้าที่ไม่ต้องการเขาแล้ว และได้เอาชีวิตของเขาไป! พวกเจ้าได้ทำบาปฆ่าบุตรแล้ว!”
เหวินซื่อกรีดร้อง หน้ามืดล้มลงเบาๆ ในอ้อมแขนของมั่วเหวินเผย