คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1016 เด็กไม่เคยจากไปไหน
ตอนที่ 1016 เด็กไม่เคยจากไปไหน
………………..
ทันทีที่กล่าวคำพูดเหล่านี้ออกมา เหวินซื่อก็แบกรับแรงกระตุ้นนี้ไม่ไหวเป็นลมหมดสติไป มั่วเหวินเผยพยุงนาง มองไปยังฉินหลิวซี ใบหน้าแฝงไว้ด้วยความโกรธเล็กน้อย
ฉินหลิวซีหันศีรษะเล็กน้อย เหลือบมองเถิงเจา ก่อนจะค่อยๆ ยกชาขึ้นมาจิบ
เถิงเจาหยิบขวดน้ำมันยาออกมาหนึ่งขวด เอาไว้ใต้จมูกให้เหวินซื่อดม ไม่นานนางก็ตื่นขึ้นมา สายตาว่างเปล่า ลุกขึ้นนั่งตัวตรงอย่างรวดเร็ว มองไปยังฉินหลิวซี
“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ บุตรของข้าไม่ได้เสียชีวิตในครรภ์ เป็นข้าที่ลงมือฆ่าเขาด้วยตัวเองหรือ”
ฉินหลิวซีวางถ้วยชาลง กล่าวว่า “เดิมทีเขาสามารถคลอดออกมาอย่างปลอดภัยตามกำหนดได้ หากท่านไม่ได้ดื่มยาเร่งคลอดชามนั้นลงไป”
เหวินซื่อคร่ำคราญ กุมหน้าอกที่รู้สึกเจ็บปวด หายใจหอบอย่างแรง กล่าวว่า “ไม่มีทาง เป็นไปไม่ได้ ท่านหมอได้วินิจฉัยชัดเจนแล้วว่าหยุดตั้งครรภ์แล้ว ทารกในครรภ์เสียชีวิต ข้าจึงได้…”
มั่วเหวินเผยกดไหล่นาง ถามฉินหลิวซีเสียงทุ้มว่า “คำพูดของท่านเจ้าอาวาสนี้มีหลักฐานอะไร ท่านยังไม่ได้จับชีพจรด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่รู้เรื่องในปีนั้น จะพูดจาโดยไร้หลักฐานได้อย่างไร”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ข้าไม่ได้เข้าร่วมการวินิจฉัยในปีนั้นก็จริง แต่มีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์แจ้งมา”
ทั้งสองคนตกตะลึง ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ หมายถึงใคร
ฉินหลิวซีมองทั้งสองคน เอ่ย “หลายปีมานี้ หลังจากที่แท้งบุตร ท่านก็ไม่ตั้งครรภ์อีกเลย ไม่ใช่ว่าร่างกายของพวกท่านไม่แข็งแรง เป็นเพราะเด็กที่ท่านทำแท้งผู้นั้นไม่ยินยอม เขาไม่จากไป ไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ ย่อมไม่ยอมให้เด็กคนอื่นมาเกิดเช่นกัน”
เมื่อมั่วเหวินเผยกับเหวินซื่อได้ฟังดังนั้นก็ขนลุกไปทั้งตัว
คำพูดนี้ ใช่อย่างที่พวกเขาคิดหรือไม่
“ท่านหมายความว่าบุตรของข้ายังไม่จากไปหรือ ” ราวกับมีบางอย่างปิดกั้นที่ลำคอของเหวินซื่อ หัวใจรู้สึกเหมือนถูกบีบด้วยมือที่มองไม่เห็น หายใจลำบาก
มั่วเหวินเผยมองดูภายในห้องตามสัญชาตญาณ ใจเต้นขึ้นมาเช่นกัน
“ห้องนอนของพวกเจ้านี้หนาวเย็น คงไม่ได้คิดว่าเป็นเหตุมาจากอากาศหนาวเย็นหรอกกระมัง แม้ว่าจะเป็นกลางฤดูร้อน เจ้าก็รู้สึกว่ามือเท้าและตัวเย็นอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่หรือ”
สายตาของนางประหลาดมาก เหวินซื่อก้มหน้าลงมองตามสายตาของนาง ความกลัวที่ไม่รู้เรื่องอะไรราวกับกระแสน้ำหลั่งไหลมาทุกทิศทาง ต้องการที่จะทำลายล้างนาง
“บนร่างกายของท่านแฝงไว้ด้วยพลังหยินอันหนาวเหน็บ นั่นเป็นเพราะเด็กอยู่รอบตัวท่านตลอดเวลา ไม่เคยจากไปไหน เจาเจา ยันต์เปิดตาทิพย์”
เถิงเจาหยิบยันต์ออกมาหนึ่งกอง พลิกไปมา หยิบยันต์เปิดตาทิพย์ออกมาหนึ่งแผ่น ท่องคาถา เผายันต์ กล่าวเตือนด้วยความหวังดีว่า “เด็กอยู่บนตัวท่าน”
ทั้งสองคนเพียงแต่รู้สึกแสบและปวดบริเวณดวงตา เมื่อลืมตาขึ้น เนื่องจากการเตือนของเถิงเจา ต่างพากันมองไปที่หน้าอกของเหวินซื่อตามสัญชาตญาณ ทันทีที่เห็น ทั้งสองคนก็กรีดร้องออกมาพร้อมกัน
กรี๊ด
เหวินซื่อยังปัดทารกที่ปีนป่ายอยู่บนหน้าอกตามสัญชาตญาณ เพียงแต่ทันทีที่สัมผัส ก็ทะลุผ่านร่างกายของเด็กคนนั้น นางมือแข็งทื่อ มองเด็กอย่างตกตะลึง น้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
ผีน้อยก็เงยหน้าขึ้นมา มองไปยังเหวินซื่อ ราวกับไม่พอใจที่พวกเขากรีดร้อง ร้องไห้ขึ้นมาทันที
เดิมทีเสียงร้องของเด็กก็เหมือนกับเสียงแมว ทันทีที่ส่งเสียงร้องก็จะแสบแก้วหูเป็นพิเศษ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นผีทารก เสียงผีร้องไห้ที่ทะลุแก้วหู ทำเอาทุกคนใจสั่นและหูอื้อ
เหวินซื่อร้อนใจ มือทั้งสองข้าโอบกอดเขาอย่างอ่อนแรง กล่อมว่า “อย่าร้อง อย่าร้อง”
มั่วเหวินเผยล้มลงกับพื้น สีหน้าซีด มองดูทารกผีตนนั้นด้วยสายตาหวาดกลัว นี่คือบุตรชายเชื้อสายหลักของเขาผู้นั้น?
อาจเป็นเพราะการปลอบของเหวินซื่อ ทารกผีไม่ได้ร้องไห้อีก ซ้ำยังหัวเราะคิกคักขึ้นมา แล้วเริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนตัวของเหวินซื่อ อ้าปากพะงาบๆ
“เขาพูดว่าอะไร” เหวินซื่อมองไปยังฉินหลิวซี
“ท่านแม่ เล่นกับข้า”
น้ำตาของเหวินซื่อไหลออกมาราวกับสร้อยลูกปัดที่ขาดร่วงหล่นอีกครั้ง กล่าวว่า “เหตุใดจึงได้เป็นเช่นนี้ แม้ว่าเด็กจะถูกขับออกมา แต่ข้าก็ทำพิธีฝังศพอย่างดี แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในศาลบรรพชน แต่ก็หาสถานที่ที่มีทิวทัศน์สวยงามฝังศพ ซ้ำยังทำพิธีกรรม ทำไมเขาไม่จากไป”
มั่วเหวินเผยก็ระงับความกลัวในใจ ลุกขึ้นยืน กล่าวว่า “เขายังไม่ครบกำหนด เหตุใดจึงได้เหมือนกับเด็กที่ครบกำหนด ซ้ำยังกลายเป็นผีเด็ก”
“แม้ว่าจะยังไม่ครบกำหนด แต่ก็เป็นรูปเป็นร่าง ซ้ำยังอยู่ในร่างกายของแม่มาเป็นเวลาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว หากเป็นหมอฝีมือดีเป็นคนรักษา แม้ว่าจะถูกขับออกมา หากเลี้ยงดูอย่างระมัดระวัง ก็ใช่ว่าจะไม่มีชีวิตรอด” ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้าบอกไปแล้วว่าเดิมทีเขาก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาและยังสามารถมีชีวิตรอดได้ เป็นพวกท่านที่พรากชีวิตของเขาไป”
“แต่เห็นได้ชัดว่า…”
ฉินหลิวซีมองไปที่เขาพลางเอ่ย “หากพูดให้น่าฟังก็คือวิชาแพทย์ของหมอท่านนั้นไม่ดี หากพูดอย่างไม่น่าฟังก็คือถูกลอบวางแผน ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ต้องอาศัยให้พวกท่านไปตรวจสอบเอง สรุปก็คือเด็กคนนี้ตอนนั้นสามารถมีชีวิตรอดได้ ถูกเจ้าทำแท้งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่”
เหวินซื่อหัวสมองว่างเปล่า
“ถูกพ่อแม่ฆ่าตาย ในใจเขาย่อมมีความแค้น แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่ยอมไปไหนเป็นเวลานานเช่นนี้ อยู่รอบตัวแม่ไม่ยอมไปไหนมาตลอด บอกได้เพียงว่าเขาไปไม่ได้”
มั่วเหวินเผยตกใจ “นี่หมายความว่าอย่างไร”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “คนเมื่อตายไปแล้วก็จะไปสู่ยมโลกเป็นเรื่องปกติ นอกเสียแต่ว่าในใจจะมีความแค้นอันใหญ่หลวง จึงได้เร่ร่อนอยู่ในโลกมนุษย์ไม่ยอมไปเกิด แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งอย่างคือไม่สามารถไปเกิดได้ หากมีคนใช้ยันต์หรือคาถอะไรเหล่านั้นทำให้ดวงวิญญาณของเขาถูกกักขัง เช่นนั้นย่อมไม่สามารถไปเกิดได้ กักขังวิญญาณก็คือการจองจำวิญญาณ เขาไปไหนไม่ได้ เจ้าจึงไม่ตั้งครรภ์มาเป็นเวลาหลายปี อีกอย่าง ผู้ที่กักขังเขาด้วยตัวเองก็เป็นท่านที่เป็นแม่ของเขา นี่หมายความว่าเป็นท่านเองที่กักขังเด็กคนนี้ไว้ข้างกายไม่ไปไหน”
เหวินซื่อร้องคร่ำครวญด้วยความเศร้าใจ “ไม่มีทาง ข้าเปล่านะ ข้าจะกักขังไม่ให้เขาไปเกิดได้อย่างไร เขาเป็นบุตรของข้านะ”
“ไม่ได้เป็นความตั้งใจ ก็คือไม่มีเจตนา เจ้าคิดให้ดี ตอนที่ฝังศพเขาในตอนนั้นได้รับอะไรบางอย่างมาบ้าง อาจารย์ที่เป็นประธานพิธีกรรมผู้นั้นให้เจ้าทำอะไรบ้าง สิ่งเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องทั้งหมด”
“ข้า…” ทันทีที่เหวินซื่อกล่าวคำว่า ‘ข้า’ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที ค่อยๆ ซีดลงทีละน้อย ไม่มีสีเลือดแม้แต่นิด กล่าวว่า “มี มี”
มั่วเหวินเผยตกใจ “อะไรนะ”
เหวินซื่อมองเขาอย่างตกตะลึง กล่าวว่า “ตอนที่ปิดโลงศพในตอนนั้น นักพรตท่านนั้นยังได้ให้ยันต์แก่ข้าหนึ่งแผ่น บอกว่าเป็นยันต์ไปเกิดใหม่ แปะลงบนโลงศพ สามารถช่วยให้ชาติหน้าเป่าเอ๋อร์ได้ไปเกิดในที่ที่ดี ท่านเองก็รู้”
มั่วเหวินเผยก็นึกขึ้นมาได้เช่นกัน มีเรื่องเช่นนั้นจริงๆ คนผู้นั้นกล่าวว่าคนเป็นมารดาต้องแปะยันต์ด้วยตัวเอง จะทำให้มีผลมากกว่า เด็กก็จะได้ไม่เป็นห่วงแม่ไม่ยอมจากไปไหน
“ยังมีให้ตอกตะปูอีก” เขานึกขึ้นมาได้อีกเรื่องหนึ่ง
เหวินซื่อกล่าวว่า “แต่นี่จะเป็นเรื่องเท็จได้อย่างไร นักพรตท่านนั้นเป็นท่านแม่จากตระกูลข้าเป็นคนแนะนำ ท่านแม่ข้าไม่มีทางทำร้ายพวกเรา”
“หากนางก็ถูกหลอกด้วยเช่นกันล่ะ” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ไปหาคนให้เอาโลงศพเล็กนั้นขึ้นมา อย่าทำให้ของเหล่านั้นเสียหาย”
ขณะที่นางกล่าว ก็ให้เถิงเจาหยิบกระดาษสีเหลืองหนึ่งแผ่นกับชาดแดงมา เมื่อนางวาดยันต์เสร็จก็พับแล้วยื่นส่งให้เขา จากนั้นก็กล่าวกับมั่วเหวินเผยว่า “เจ้าก็ไปด้วยกันเถิด ความแค้นที่บิดามารดาสร้างขึ้นมา ย่อมต้องแก้ไข เจาเจา เจ้าไปกับพวกเขา”
“ขอรับ”