คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1018 ต่อสู้อาคมระยะไกล
ตอนที่ 1018 ต่อสู้อาคมระยะไกล
………………..
ฉินหลิวซีหันไปมอง เห็นเพียงทารกผีที่เดิมทีกำลังเล่นอยู่บนพื้นดูเหมือนจะถูกอะไรบางอย่างเกี่ยวไว้กลางอากาศ มีอักขระอยู่ทั่วตัว แสงสีทองราวกับมีด กรีดดวงวิญญาณเล็กๆ ของเขาเป็นชิ้นๆ ทำเอาทารกผีร้องคร่ำครวญไม่หยุด พลังความแค้นพุ่งสูง
มีคนกำลังทำพิธีกำจัดมัน
และการกำจัดนี้เกี่ยวข้องกับการใช้คาถาขับไล่ดวงวิญญาณที่โหดเหี้ยมอย่างยิ่ง ห่อดวงวิญญาณด้วยยันต์วิญญาณ จากนั้นก็ร่ายคาถาทำให้อักขระแสงสีทองเปล่งประกายราวกับมีด เฉือนดวงวิญญาณของมันเป็นหมื่นชิ้นกระจายออกไป สุดท้ายก็วิญญาณแตกสลาย
การใช้วิชานี้ เป็นการร่ายคาถาจากระยะไกล อีกฝ่ายต้องรู้แปดอักษรเวลาตกฟากของทารกผี ใช่แล้ว ช่วงเวลาที่เขาถูกทำแท้งก็นับว่าเป็นแปดอักษรเวลาตกฟาก
ฉินหลิวซีบอกว่าวิชานี้โหดร้าย เป็นเพราะกระบวนการนี้เจ็บปวดพอๆ กับการถูกมีดกรีดเป็นหมื่นพันครั้ง ย่อมทำให้ทารกผีพลังความแค้นเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดก็จะไม่สนว่าใครเป็นญาติ เช่นนั้นเขาก็จะทำร้ายคนที่อยู่รอบตัวโดยไม่ตั้งใจ เหวินซื่อก็เป็นหนึ่งในนั้น
เดิมทีนางก็สังเกตถึงความเคลื่อนไหวของทารกผีอยู่แล้ว ทันทีที่เกิดการเปลี่ยนแปลง นางก็ตกใจจนสีหน้าซีด และเสียงกรีดร้องของผีที่แสบแก้วหู ทำให้นางเจ็บแก้วหูอย่างไร้ที่เปรียบและมีเลือดไหลออกมา
ฉินหลิวซีร่ายคาถาไป ทำลายคาถาสลายดวงวิญญาณ จากนั้นก็โยนยันต์วิญญาณออกไปหนึ่งแผ่นในทันที จับมัดทารกผีไว้แน่น มือทั้งสองข้างทำสัญลักษณ์มืออย่างต่อเนื่อง ร่ายคาถาไปที่ดวงวิญญาณของเขาติดต่อกันในทันที
“สายฟ้าเป็นประกาย ฟ้าแลบฟ้าร้อง เสือคำรามในวังเกิ่น ฟ้าร้องคำราม ยันต์ของข้ามาถึง ใต้หล้าบริสุทธิ์ สิ่งสกปรกและความชั่วร้ายถูกชะล้าง จงออกคำสั่งโดยพลัน เพี้ยง!” หลังจากเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราด สายฟ้าได้ฟาดลงมาที่อักขระสีทองที่ปรากฏบนร่างของทารกผีซึ่งยังลอยอยู่กลางอากาศไม่ทันได้หายไป
ยันต์สลาย เสียงสีทองก็หายไปในทันที
ทารกผีร้องไห้สะอึกสะอื้น
และที่จวนชนชั้นสูงในลานแห่งหนึ่ง มีนักพรตวัยกลางคนส่งเสียงกรีดร้อง ล้มลงกับพื้นอาเจียนออกมาเป็นเลือดหลายรอบ คิ้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีขาว ใบหน้าที่เดิมทีเรียบเนียนเริ่มมีริ้วรอยปรากฏขึ้น คำรามด้วยความเจ็บปวด
ฉินหลิวซีใส่ทารกผีลงในขวดหล่อเลี้ยงวิญญาณ รีบเดินไปหาเหวินซื่อที่กุมหูพลางร้องคร่ำครวญในทันที ก่อนจะเอ่ยว่า “เจ้าผ่อนคลายลงหน่อย ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า”
นางหยิบเข็มออกมา ฝังเข็มลงไปที่จุดไป่ฮุ่ยบริเวณกลางศีรษะและในจุดสำคัญหลายๆ จุด จากนั้นก็หยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋าหนึ่งขวด เทยาออกมาหนึ่งเม็ดให้นางกลืนลงไป
หลังจากฝังเข็มและกินยา เหวินซื่อจึงได้รู้สึกว่าศีรษะที่กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ รู้สึกสบายขึ้นไม่น้อย แต่นางกลับมองไปรอบๆ รีบถามขึ้นมาทันทีว่า “บุตรชายข้าล่ะ”
“เมื่อครู่เขาพึ่งถูกคาถาสลายวิญญาณเสกมาจากระยะไกล ตอนนี้ดวงวิญญาณได้รับความเสียหาย ข้าใส่เขาไว้ในขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณแล้ว รักษาสักพักก็จะดีขึ้น” ฉินหลิวซีกล่าวอธิบาย
เหวินซื่อร้อนใจ ถามว่า “เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เขาอยู่ข้างกายข้ามาก็หลายปี ก็ไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อน ตอนนี้ได้รู้ถึงการมีอยู่ของเขา กลับเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เพราะเหตุใดกัน”
เถิงเจากล่าวว่า “คงเป็นเพราะไต้ซือที่ทำพิธีกรรมในตอนนั้นได้ทำการวางค่ายอาคมไว้ที่หลุมศพของเขา ทันทีที่ค่ายอาคมถูกแตะต้อง ผู้ที่ร่ายคาถาก็จะรับรู้ จึงได้รีบร้อนที่จะทำลายเขาให้วิญญาณแตกสลายไปโดยสิ้นเชิง”
ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าต่อกรคนผู้นั้นแล้วหรือ”
เถิงเจาพยักหน้า กล่าวว่า “ทันทีที่หลุมศพถูกเปิดออก ค่ายอาคมก็เคลื่อนไหว เขาได้ฝังยันต์สายฟ้าไว้หนึ่งแผ่น”
“ได้รับบาดเจ็บหรือไม่”
เถิงเจาพยักหน้า เหลือบมองมั่วเหวินเผย กล่าวว่า “บ่าวรับใช้เสียชีวิตไปหนึ่งคน อีกหนึ่งคนได้รับบาดเจ็บสาหัส”
การฝังยันต์ดังกล่าวไว้ที่หลุมศพเล็ก เมื่อขุดขึ้นมา ค่ายอาคมถูกแตะต้อง ยันต์จึงระเบิด ผู้ที่ได้รับแรงกระแทกเป็นคนแรกก็คือผู้ที่ขุดหลุมศพ
เถิงเจากล่าวว่า “เมื่อค่ายอาคมถูกแตะต้อง ฝ่ายตรงข้ามก็พยายามใช้คาถาทำลายโลงศพอีกครั้ง ศิษย์ต่อกรกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทักษะก็ยังไม่ดีพอ ปล่อยให้เขาหนีไปได้”
เขากล่าวพลางก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“เจ้าสามารถต่อสู้กับเขาจากระยะไกลได้ ซ้ำยังสามารถโจมตีจนเขาถอยและรักษาโลงศพเอาไว้ได้ ไม่นับว่าแพ้” ฉินหลิวซีกล่าวชื่นชม
เจ้าโสมน้อยเอ่ยอยู่ข้างๆ ว่า “ใช่แล้ว เจ้าดูข้าสิ เป็นคนไร้ประโยชน์ แม้แต่ปกป้องผีน้อยตนนั้นก็ยังทำไม่ได้เลย”
การเปลี่ยนแปลงเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ทันได้ตอบสนองทันเวลาด้วยซ้ำ ทารกผีก็ถูกควบคุมจากระยะไกลเสียแล้ว
ฉินหลิวซีมองไปยังมั่วเหวินเผย เขากอดโลงศพเล็กๆ ที่ห่อด้วยผ้าสีดำ ท่าทางเหม่อลอย เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนี้
มั่วเหวินเผยได้สติกลับมา ขอบตาเปลี่ยนเป็นสีแดง กล่าวว่า “ท่านเจ้าอาวาส เหตุใดบุตรของข้าตายแล้วก็ยังไม่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้ เป็นใครกันที่มีความแค้นอันใหญ่หลวงกับตระกูลมั่วของข้ามากมายขนาดนี้”
“นี่เป็นสิ่งที่เจ้าควรตรวจสอบด้วยตัวเอง ข้าทำได้เพียงขอบเขตงานของข้าเท่านั้น” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาเล็กน้อย
เรื่องเช่นนี้ อาจเกิดจากความมากรักจนมีปัญหาเรื่องสตรี หรือไม่ก็อย่างที่เขากล่าวมา เป็นฝีมือของศัตรูเก่าบางคน แต่ในความคิดของนาง เป็นอย่างแรกมากกว่า
ผู้ที่มีมากรักมักนำมาสู่ภัยพิบัติความรัก
เมื่อถูกฉินหลิวซีกล่าวเช่นนี้ มั่วเหวินเผยก็รู้สึกอายเล็กน้อย ส่งโลงศพน้อยที่กอดอยู่ในอ้อมแขนไปให้
เมื่อเปิดผ้าดำออก โลงศพน้อยทำมาจากไม้แดงอย่างดี บนโลงศพมีอักขระซึ่งมีรอยด่างดำติดอยู่ แต่ก็ยังพอมองเห็นลายเส้นอยู่บ้าง
“เป็นไปตามคาด” ฉินหลิวซีเพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่านี่เป็นยันต์อะไร เอ่ยกับเหวินซื่อว่า “นี่ไม่ใช่ยันต์ไปเกิดใหม่ แต่เป็นยันต์กักขังผี”
เหวินซื่อใจเต้นแรง ใบหน้ามีความเจ็บปวด ที่แท้ก็เป็นนางที่ทำร้ายบุตรชายของนาง
“ทันทีที่แปะยันต์กักขังผีก็จะไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงติดตามเจ้า” จากนั้นฉินหลิวซีก็มองไปยังโลงศพเล็ก ปิดผนึกโลงศพด้วยตะปูโลงศพวิญญาณเจ็ดดวง แสยะยิ้มพลางเอ่ย “ขังผีจองจำวิญญาณ ตายไปแล้วก็สงบสุขไม่ได้ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังชิงชังเจ้าเป็นอย่างมาก”
เจ้าในที่นี้หมายถึงเหวินซื่อ
ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ หายใจแรง
ฉินหลิวซีงัดตะปูสะกดวิญญาณออก ไม่แปลกใจเลยแม้แต่นิด ข้างในได้ใช้ยันต์อักขระเดียวกันห่อศพเล็กๆ ที่เหมือนกับลูกแมวไว้ ยันต์นั้นเป็นยันต์สะกดวิญญาณจริงๆ
ห่อไว้หลายชั้น คนผู้นี้ต้องชิงชังมากแค่ไหน จึงได้ลงมือโหดร้ายขนาดนี้ ทำให้เด็กคลอดก่อนกำหนดจนตายแล้วก็ยังไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้
ฉินหลิวซีไม่ได้กล่าวอะไร เถิงเจาได้อธิบายถึงความหมายของยันต์แต่ละชั้นเหล่านี้แล้ว ทั้งสองคนพากันยืนไม่อยู่ ล้มตัวนั่งลงบนเตียงหลัวฮั่น สีหน้าหวาดกลัว
“ศพได้ถูกเอาออกมาแล้ว ข้าจะร่ายคาถาชำระสิ่งสกปรกเพื่อไปเกิดใหม่ทำให้พลังชั่วร้ายของเขาสลายไป จากนั้นก็ไขปมในใจของพวกเจ้า ท่องพระสูตรขจัดทุกข์เกิดใหม่แล้วส่งเขาจากไป” ฉินหลิวซีกล่าวกับทั้งสองคนว่า “การจัดการเช่นนี้ มีอะไรจะคัดค้านหรือไม่”
เหวินซื่อสะอึกสะอื้นพลางกล่าวว่า “เขาจะได้ไปเกิดในที่ที่ดีหรือไม่”
“ตามแต่ท่านเจ้าอาวาสจะกำชับ” มั่วเหวินเผยคำนับฉินหลิวซี
ฉินหลิวซีหยิบยันต์ชาดแดงออกมาอีกครั้ง วาดยันต์วิญญาณสองแผ่น แผ่นแรกเป็นยันต์ไขปมในใจ อีกแผ่นเป็นยันต์คาถาชำระสิ่งสกปรกเพื่อไปเกิดใหม่ ล้วนเตรียมพร้อมหมดแล้ว นางนำศพเล็กใส่ไว้ในผ้าสีขาวด้วยตัวเอง นิ้วทั้งสองข้างคีบยันต์ชำระสิ่งสกปรกวนรอบศพหนึ่งรอบ ปากกล่าวพึมพำคาถา
มั่วเหวินเผยและคนอื่นๆ ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เถิงเจากับเจ้าโสมน้อยล้วนมองเห็นยันต์มีแสงแห่งจิตวิญญาณส่องผ่าน ทำให้ศพราวกับถูกปกคลุมไปด้วยแสงมุก พลังหยินโชคร้ายหายไปจนหมด
ฉินหลิวซีปล่อยทารกผีออกมาอีกครั้ง ให้เถิงเจาท่องพระสูตรขจัดทุกข์ไปเกิดใหม่ จากนั้นก็หยิบเชือกแดงออกมาหนึ่งเส้น ถูกเป็นปมด้วยมือทั้งสองข้าง ยื่นไปตรงหน้าของทั้งสองคน แต่ละคนแก้ปมหนึ่งครั้ง ปมเชือกแดงถูกคลายออกอย่างราบรื่น ซึ่งหมายความว่าความคับข้องใจระหว่างกันได้รับการแก้ไขแล้ว ไม่ติดค้างกันอีกต่อไป
ขณะที่กำลังท่องพระสูตร พลังชั่วร้ายบนร่างของทารกผีก็สลายไป ค่อยๆ เผยให้เห็นลักษณะที่ควรจะเป็นของเขา ผิวขาวเนียน ดวงตาโตราวกับองุ่น คล้ายกับเหวินซื่อเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีเอ่ยกับทารกผีว่า “ไปกล่าวลาพวกเขาเถิด จบกรรมกันในชาตินี้ จากนั้นก็เลี้ยงดูวิญญาณอยู่กับข้าก่อน ไว้ข้าจะให้ยมทูตที่สนิทกันพาเจ้าเข้าสู่ประตูวิญญาณ”
ทารกผีหัวเราะคิกคักให้กับทั้งสองคน ก็นับว่าเป็นการกล่าวลาแล้ว จากนั้นก็มุดเข้าไปในขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณ ที่แห่งนั้นสบายเป็นอย่างมาก เขาชอบมาก
“ลูกรัก” เหวินซื่อร้องไห้ไม่หยุด มั่วเหวินเผยก็เม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลเอ่อออกมา
ฉินหลิวซีห่อศพด้วยผ้าสีขาว วางลงไปในโลงศพเล็กอีกครั้ง จากนั้นก็ปิดโลงศพ เอาชาดแดงมาวาดยันต์บนโลงศพไม้ จากนั้นก็ปิดทับด้วยกระดาษเหลือง ใช้ผ้าดำคลุมโลงศพ กล่าวกับมั่วเหวินเผยว่า “เรียบร้อยแล้ว เลือกสถานที่ฝังศพใหม่เถิด ภูเขาและป่าไม้รอบๆ อารามจินหัวก็ไม่เลว สามารถไปหาพื้นที่ทางด้านนั้นได้”
มั่วเหวินเผยรับมา กล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงเอ่ย “บังอาจถามท่านเจ้าอาวาส เมื่อเรื่องนี้จบลงแล้ว เช่นนั้นข้ากับภรรยาจะสามารถมีบุตรได้อีกหรือไม่”
ฉินหลิวซีล้างมือ เอ่ยเสียงเรียบว่า “ตราบใดที่ดูแลอย่างเหมาะสม ย่อมได้ เพียงแต่ฮูหยินมีวาสนาเรื่องบุตรน้อย ต้องระมัดระวัง อย่างเช่นเรื่องเหล่านี้ อย่าให้เกิดขึ้นอีก หากเกิดขึ้นอีกครั้ง ชาตินี้พวกเจ้าก็หมดหวังที่จะมีบุตรจากภรรยาเอกแล้ว”
ทั้งสองคนตกตะลึง
มั่วเหวินเผยถามด้วยใบหน้าเขินอายว่า “ท่านเจ้าอาวาสช่วยทำนายให้พวกเราได้หรือไม่ เป็นใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังทำร้ายพวกเรา”
เหวินซื่อก็ดวงตาลุกวาวเช่นกัน
“เป็นต้นเหตุภัยพิบัติที่เจ้าพามาเอง” ฉินหลิวซีมองมั่วเหวินเผยพลางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เด็ก เป็นฮูหยินที่ตัดสินใจทำแท้ง แต่การที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นวันนี้ กลับเป็นเจ้าที่เป็นต้นเหตุ”
ตอนที่ไขปมในใจเมื่อครู่นี้ นางก็ได้เห็นเส้นสายเวรกรรมระหว่างพวกเขาแล้ว
นี่เป็นเรื่องชั่วร้ายในเรือนหลัง
เหวินซื่อรูม่านตาหดลง หันไปมองมั่วเหวินเผยทันที มือทั้งสองข้างสั่นเทา
มั่วเหวินเผยก็สับสนเช่นกัน เป็นข้าเองหรือ
“บางครั้ง การมีมากรักก็ทำร้ายผู้อื่นและทำร้ายตัวเองได้ หากเรือนหลังเรียบง่าย ก็จะมีความขัดแย้งอันเลวร้ายน้อยลง” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างมีนัยยะ ทั้งยังกำชับให้เหวินซื่อทำความดีให้มาก เนื่องจากพลังหยินรุนแรง ดังนั้นนางจึงต้องรับแสงแดดให้มาก รักษาร่างกายดีแล้วค่อยมีบุตรก็ยังไม่สาย
เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย นางก็พาเถิงเจาและเจ้าโสมน้อยจากไป
แม่ทัพใหญ่เจิ้งก็คิดไม่ถึงว่าการมาครั้งนี้จะใช้เวลาไปหลายชั่วยาม อดถามฉินหลิวซีไม่ได้ การวินิจฉัยเป็นอย่างไรบ้าง
เขาเคยประสบกับเรื่องที่บุตรสาวถูกฝังเสาเอกมาแล้ว ไม่ได้รู้สึกแปลกกับเรื่องผีสางนางไม้เหล่านี้แม้แต่นิด ฉินหลิวซีก็ไม่ได้ปิดบังเขา จึงอธิบายให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ
แม่ทัพใหญ่เจิ้งได้ฟังดังนั้นกลับไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เอ่ย “ข้าก็เดาได้แล้วว่าสาเหตุเกิดมาจากเจตนาแอบแฝงของเรือนหลัง เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเลวร้ายกว่าที่ข้าคิดไว้เสียอีก เห้อ หากขัดแย้งกันต่อไป ไหนเลยจะจบเพียงเท่านี้ ทำให้เด็กต้องเสียชีวิตยังไม่พอ กลับทำเรื่องโหดร้ายเช่นนี้อีก นี่มัน…”
“ใจคนและดวงอาทิตย์ไม่สามารถมองโดยตรงได้ และความชั่วร้ายของนิสัยคนนั้นชั่วร้ายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้ ไม่อาจคาดเดาได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ยิ่งมีสตรีอยู่ในเรือนหลังมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งขัดแย้งมากขึ้นเท่านั้น”
แม่ทัพใหญ่เจิ้งถอนหายใจ เอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร เรื่องนี้ก็นับว่าจบลงแล้ว แม้ว่าจะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้ แต่อย่างไรเสียก็จบลงด้วยดี ส่วนพวกเขาควรจะจัดการอย่างไรนั้น ก็เป็นเรื่องของพวกเขาแล้ว รบกวนให้ท่านต้องมาที่นี่แล้ว”
เขาหยิบกระเป๋าออกมาหนึ่งใบแล้วยื่นให้
ฉินหลิวซีส่งสัญญาณให้เถิงเจารับมา กล่าวอวยพรขอสวรรค์จงประทานพรไม่มีที่สิ้นสุด “พวกเรายังมีธุระ ขอลงรถตรงนี้ ท่านเดินทางปลอดภัย”