คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1020 จัดการคนใจดำอำมหิตให้ตาย
ตอนที่ 1020 จัดการคนใจดำอำมหิตให้ตาย
………………..
นักพรตอี้หยางเดินไปที่ประตูมุมตะวันออกของจวนจวิ้นจู่ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องเหนือศีรษะของเขา เขาชะงักฝีเท้า เสียงฟ้าร้องในฤดูหนาวนั้นหาได้ยากจริงๆ
เขายื่นมือออกมานับข้อทำนายนิ้ว เมื่อคำทำนายปรากฏ เขาก็ขมวดคิ้วแน่น
ลางร้าย
เพียงแต่การทำนายนี้ควรจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ที่อื่น ไม่อาจรู้ได้เลย
นักพรตอี้หยางลังเลเล็กน้อย มองย้อนกลับไปในลานเล็กของจวนใหญ่แห่งนี้ อดทนกัดนิ้วด้วยความเจ็บปวด เลือดที่ไหลออกมาป้ายลงบนที่กลางหน้าผากและเปลือกตาทั้งสองข้าของตัวเอง ปากเอ่ยพึมพำ ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ดวงตาค่อยๆ ชินกับแสง เขาเพ่งเล็ง เห็นว่ามีชั้นพลังงานสีดำปกคลุมเรือนหลักของจวนใหญ่ และผู้ที่อาศัยอยู่ที่เรือนหลักมีเพียงซืออี๋จวิ้นจู่ พลังหยินเข้าไปในเรือน เมื่อครู่เขาก็เห็นว่านางทั้งตัวเต็มไปด้วยโชคร้าย คนผู้นี้จะโชคร้ายในไม่ช้า
อยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว มิเช่นนั้นเขาจะต้องทนทุกข์ทรมานจากการพัวพันกับสตรีโง่เขลาผู้นี้ เมื่อมองออกไปข้างนอก ยังพอมีความหวังอยู่ริบหรี่
นักพรตอี้หยางไม่คิดมากอีกต่อไป เดินออกจากประตูมุมตะวันออกไป ขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ที่นั่น
ขณะที่รถม้าไปจากจวนซืออี๋จวิ้นจู่ ฉินหลิวซีก็เลิกคิ้ว เนื่องจากว่าทารกผีเคลื่อนไหวแล้ว นักพรตมารผู้นั้นได้ไปจากจวนจวิ้นจู่แล้ว
ก็ดี นางจะได้ไม่ต้องเข้าไปสร้างปัญหา
ฉินหลิวซีพาเถิงเจาและคนอื่นๆ จากไป ไปยังร้านเช่ารถม้าเพื่อนั่งรถม้าออกจากเมืองไปตามคำบอกของทารกผี
“หรือว่าเจ้านี่คิดจะหนี” เจ้าโสมน้อยรู้สึกแปลกเล็กน้อย
ฉินหลิวซีหลับพักสายตา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หนีไม่พ้นแล้ว
นักพรตอี้หยางนั่งอยู่ในรถม้า รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อยๆ บวกกับคำทำนายที่ออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ หรือว่าวันนี้จะเกิดเรื่องขึ้น
เขายกผ้าม่านขึ้นแล้วมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่มืดมิด ก่อนจะละสายตา บังเอิญเหลือบมองไปข้างหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ รถม้าคันนั้น ตามตัวเขามางั้นหรือ
นักพรตอี้หยางใจเต้นแรง สะบัดผ้าม่านลง กล่าวกับคนขับรถว่าให้ไปประตูเมืองตะวันออก จากนั้นก็หยิบยันต์วิญญาณออกมาหนึ่งแผ่น ร่ายคาถาบังตาใส่ตัวเอง ลงจากรถอย่างเงียบๆ รีบเดินไปที่ประตูเมืองตะวันตก
ฉินหลิวซีลืมตาขึ้นแล้วหัวเราะ
การเล่นแมวจับหนูเป็นสิ่งที่นางชอบมากที่สุด
นักพรตอี้หยางเดินออกมาทางประตูเมืองตะวันตก เดินตรงไปเรื่อยๆ เป็นเวลาครึ่งชั่วยาม ไปถึงป่าการบูรที่ชานเมือง จากนั้นจึงได้เผยร่างของตนเองออกมา ยกแขนขึ้นเท้าต้นไม้ใหญ่แล้วหายใจหอบอย่างแรง
มนต์สะกดบุตรของจวนปั๋วเมื่อหลายปีที่แล้วถูกทำลายลง เขาก็ได้รับผลสะท้อนกลับแล้ว ซ้ำยังต่อสู้ทางอาคมกับอีกฝ่ายติดต่อกัน ต่อมาก็ได้เสี่ยงชีวิตทำนายดวงชะตาให้ตัวเอง ซ้ำตอนออกนอกเมืองยังได้ใช้พลังวิญญาณเพื่อประคองวิชาบังตา ตอนนี้พลังวิญญาณได้ใช้เกือบหมดแล้ว แทบจะหมดเรี่ยวแรงแล้ว
ลมพัดกรรโชกมาอย่างแรง ยอดไม้พลิ้วไหว
นักพรตอี้หยางหายใจไม่ค่อยออกเล็กน้อย มองไปข้างหลังด้วยสายตาแหลมคม “ใคร”
กรอบแกรบ
เป็นเสียงรองเท้าเหยียบบนหิมะ
ไม่นานฉินหลิวซีและคนอื่นๆ ก็เข้ามาอยู่ในสายตาของนักพรตอี้หยาง
“พวกเจ้าเป็นใครกัน เป็นพวกเจ้าที่ตามข้ามาตลอดหรือ” นักพรตอี้หยางมองพวกเขาด้วยสายตาระมัดระวัง
ฉินหลิวซีกอดอก ยืนพิงต้นไม้ใหญ่ กล่าวกับเถิงเจาว่า “ความแค้นของตัวเองก็แก้แค้นเอง”
นักพรตอี้หยางรูม่านตาหดลง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “พวกเจ้าคือคนที่ทำลายค่ายอาคมของข้า?”
เถิงเจาไม่ได้กล่าวอะไร เขย่งปลายเท้า งอเข่าแล้วพุ่งไปทางนักพรตอี้หยาง
“บัดซบ!” นักพรตอี้หยางก้าวถอยหลัง หยิบตะปูโลงศพมาสองดอกแล้วเขวี้ยงใส่เถิงเจา
เถิงเจาหมุนตัวหลบออกไป
ฉึกๆ
ตะปูตอกเข้าไปในเนื้อไม้
ฉินหลิวซีมองไป ตะปูโลงศพสองดอกนั้นสีดำสนิท ปกคลุมด้วยพลังงานชั่วร้ายเข้มข้น
เถิงเจาสีหน้าทะมึน ก็ไม่ได้อ้อมค้อม หยิบยันต์ห้าสายฟ้าออกมาหนึ่งแผ่นโจมตีใส่นักพรตอี้หยาง
บ่าวรับใช้สองคนได้รับบาดเจ็บจากยันต์สายฟ้าที่ฝังไว้ในค่ายอาคมของหลุมศพเล็ก ซ้ำหนึ่งในนั้นยังเสียชีวิตอีกด้วย ตอนนี้เขาใช้ยันต์ห้าสายฟ้ามาแก้แค้น นับว่ายุติธรรม
ยันต์ห้าสายฟ้านั้นทรงพลังมาก ซ้ำยังวาดยาก แม้แต่ตัวนักพรตอี้หยางเองก็ยังวาดไม่ได้ง่ายๆ เขาบำเพ็ญเต๋ามานานขนาดนี้ก็ยังวาดสำเร็จไปเพียงสองแผ่น แล้วก็เอาไว้ใช้ตอนเอาชีวิตรอด ต่อกรอาคมกับคนธรรมดาทั่วไป ไหนเลยจะกล้าใช้ยันต์นี้
แม้แต่ค่ายอาคมนั้น ก็ยังใช้ยันต์สายฟ้าขั้นสองเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เจ้าเด็กเมื่อวานซืนผู้นี้ได้ใช้ยันต์ห้าสายฟ้าโจมตีตัวเอง
นักพรตอี้หยางหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ถูกโจมตีโดนตรง แต่ก็ได้รับแรงกระแทกหางๆ อยู่บ้าง โซเซล้มลงไปบนพื้นหิมะ
พลังวิญญาณของเขาใช้จนหมดแล้ว เรี่ยวแรงก็ไม่เหลือแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับมีถึงสามคน เขาสู้ไม่ได้
สู้ไม่ได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงหนีไป
นักพรตอี้หยางกำลังคิดจะใช้พลังวิญญาณเฮือกสุดท้ายเพื่อหลบหนี จากนั้นก็มีเสียงดังปัง
หัวสมองเขาว่างเปล่า ร่างกายเจ็บปวดจนไร้ความรู้สึก ปลายนิ้วชา ราวกับว่ามีสายฟ้าวูบวาบอยู่บนตัวเขา
เขาเป็นใคร เขาอยู่ที่ไหน เมื่อครู่นี้เขาโดนอะไร ไม่ใช่ว่าหลบยันต์ห้าสายฟ้านั้นไปแล้วหรือ เหตุใดจึงมีอีกหนึ่งแผ่น
นี่มันคนรวยแบบใดกัน ยันต์ห้าสายฟ้าไม่ต้องใช้เงินหรือ โจมตีไปแล้วหนึ่งแผ่นยังมีอีกหนึ่งแผ่น เพื่อที่จะฆ่าเขา!
ช่างเป็นเกียรติจริงๆ !
ฉินหลิวซีมองดูนักพรตอี้หยางที่กำลังหายใจรวยรินถูกระเบิดอยู่ในหลุมจนควันขึ้น ค่อยๆ ก้าวไปข้างหน้า นั่งยองๆ ที่ข้างหลุม เอ่ยถามว่า “สี่ปีที่แล้ว ทารกที่ตายไปของจวนจงฉินปั๋วผู้นั้น เจ้าไม่ได้เพียงแค่ใช้ยันต์ขังวิญญาณ ซ้ำยังจองจำวิญญาณ ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังเจ้าเป็นใคร ถึงขั้นต้องลงมืออย่างโหดร้ายกับทารกที่ตายไปแล้วขนาดนี้!”
นักพรตอี้หยางไอสองครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ดังนั้นพวกเจ้ามาที่นี่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับเด็กคนนั้นหรือ เจ้ากับข้าเป็นคนลัทธิเต๋าเช่นกัน ไม่รู้หรือว่าคนอย่างพวกเราล้วนรับเงินจากผู้อื่นเพื่อปัดเป่าภัยพิบัติให้เขา ในเมื่อข้ารับเงินจากลูกค้ามาแล้ว ย่อมต้องทำให้ลูกค้าราบรื่น ก็เป็นเพียงแค่การทำการซื้อขายเท่านั้น”
ฉินหลิวซีกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึมว่า “กักขังดวงวิญญาณเด็กคนนั้นจนไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ เจ้าไม่กลัวกรรมตามสนองหรือ”
นักพรตอี้หยางหัวเราะพลางกระอักเลือดออกมา เอ่ยว่า “หากกลัวก็จะไม่ทำ เป็นข้าที่ฝีมือไม่เท่าคนอื่น ตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกเจ้า จะฆ่าจะแกงก็ตามสบาย”
“ซืออี๋จวิ้นจู่ต้องการให้เจ้าใช้มนต์ดำทำอะไร” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม “ในเมื่อรอบตัวนางมีคนใช้พิษเป็น เหตุใดจึงได้ไปหาเจ้าอีก”
นักพรตอี้หยางรูม่านตาสั่นเล็กน้อย กล่าวว่า “เป็นเจ้าที่ทำร้ายลูกศิษย์ข้า”
ฉินหลิวซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยิ้ม “คนใช้พิษผู้นั้นเป็นลูกศิษย์ของเจ้า ช่างเหมือนกันเสียจริง แต่ดูจากสีหน้าของเจ้าเช่นนี้ คิดว่าคนใช้พิษผู้นั้นคงม่องเท่งไปแล้ว บอกมา ซืออี๋จวิ้นจู่ต้องการจะทำอะไร”
“หากข้าบอกไป เจ้าจะปล่อยข้าไปหรือ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า
นักพรตอี้หยางคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “นางอยากจะฝังครรภ์หยินให้กำเนิดบุตรชายผู้สูงศักดิ์”
“เหลวไหล!” ฉินหลิวซีน้ำเสียงดุ “ต้องการให้กำเนิดบุตรชาย เหตุใดจึงต้องฝังครรภ์หยิน วิชาชั่วร้ายเช่นนี้ นางก็ไม่กลัวกรรมตามสนองจนทำให้ถึงแก่ชีวิตของตัวเอง”
นักพรตอี้หยางหัวเราะเบาๆ “บุตรชายผู้สูงศักดิ์ที่เกิดจากห้าธาตุแห่งใต้หล้า จะมีโชคลาภไม่สิ้นสุด หากต้องการความสูงส่งเช่นนี้ ไหนเลยจะสามารถคลอดออกมาได้ตามอำเภอใจ จะต้องรวบรวมเลือดหัวใจของเด็กทั้งห้าธาตุเสริมด้วยยันต์วิญญาณแล้วดื่มลงไป ร่วมหอตามฤกษ์มงคลที่กำหนดไว้ เมื่อตั้งครรภ์หยินจนกระทั่งครบสามเดือน ห้าธาตุรุ่งเรือง จากนั้นก็ผ่าครรภ์แล้วนำเลือดมาดื่ม บุตรที่สตรีผู้นั้นตั้งครรภ์จะต้องเป็นบุตรชายผู้สูงศักดิ์ และความสูงศักดิ์นั้นเท่ากับบุตรแห่งสวรรค์”