คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1023 ทวงหนี้ตามราชโองการ หนึ่งคำทำนายหนึ่งหมื่นตำลึงทอง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1023 ทวงหนี้ตามราชโองการ หนึ่งคำทำนายหนึ่งหมื่นตำลึงทอง
ตอนที่ 1023 ทวงหนี้ตามราชโองการ หนึ่งคำทำนายหนึ่งหมื่นตำลึงทอง
………………..
ไม่นานฉินหลิวซีก็ได้ยินข่าวว่าซืออี๋จวิ้นจู่ลื่นล้มได้รับบาดเจ็บที่กระดูกก้นกบจนต้องนอนบนเตียงเชิญหมอมารักษาหลายคน นี่เป็นสิ่งที่บ่าวรับใช้ที่ลิ่นชิงถังส่งมาเล่าให้ฟัง แล้วก็มาบอกกับนางว่าพวกเขาได้พาบุตรสาวไปรักษาตัวที่วัดอวี้ฝอแล้ว คาดว่าอาจจะกลับเข้าเมืองมารับประทานอาหารค่ำฉลองวันขึ้นตรุษจีน จากนั้นก็ไปพักอยู่ที่วัดอวี้ฝอต่อ
นอกจากนี้นางยังได้ส่งข่าวมาบอกอีกว่าเสนาบดีลิ่นอยากจะเชิญฉินหลิวซีมาร่วมงานเลี้ยงที่จวนหากมีเวลาว่าง แต่ฉินหลิวซีไม่ได้ไป บอกเพียงว่าไว้เจอกันในวันแรกของปีใหม่
แม่ทัพใหญ่เจิ้งก็ได้ไปที่จิ่วเสียนเพื่อพบนางอีกครั้ง บอกว่าทางด้านของจวนจงฉินปั๋ว อนุที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดของมั่วเหวินเผยเสียชีวิตด้วยอาการป่วยกะทันหัน บุตรชายและบุตรสาวของอนุผู้นั้นก็ถูกส่งกลับไปที่บ้านของบรรพบุรุษเก่านางเพื่อเลี้ยงดูแล้ว และมั่วเหวินเผยก็ได้ส่งอนุสองคนที่ยังไม่ได้คลอดบุตรออกจากจวนไป และพวกเขาก็ได้ใช้ชื่อของบุตรชายคนโตในการบริจาคเสื้อผ้าฤดูหนาวเก่าๆ และเสบียงอาหาร ส่งไปที่ค่ายลี้ภัยในเขตชาญเมืองเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ฉินหลิวซีไม่ได้แปลกใจกับสิ่งนี้ แต่การที่มั่วเหวินเผยโหดเหี้ยมเช่นนี้ จัดการปัญหาจากหายนะเหล่านี้ในทันที กลับทำให้นางค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ
แม่ทัพใหญ่เจิ้งกล่าวว่า “หากเขาไม่โหดเหี้ยม เจ้าอย่ามองจวนจงฉินปั๋วว่าส่องสว่างเป็นอย่างมากในตอนนี้ แต่ตำแหน่งได้ลดมาถึงตำแหน่งปั๋วแล้ว หากลดลงไปอีกก็จะเป็นเพียงตำแหน่งขุนนางธรรมดา หากไม่มีคนรุ่นหลังที่โดดเด่นมาประคับประคอง ความมั่งคั่งนี้ก็จะถึงจุดสิ้นสุด อยู่ห่างจากความน่าสังเวชไม่ไกลแล้ว แต่ตระกูลเดิมของเหวินซื่อ ปีนี้ท่านพ่อของนางได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นขุนนางใหญ่ขั้นสาม พี่น้องในจวนก็พัฒนาจนโดดเด่นเป็นอย่างมาก มั่วเหวินเผยได้พึ่งพาใบบุญของตระกูลภรรยาในหลายๆ ด้าน”
ฉินหลิวซีเย้ยหยัน “หมายความว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีไปกว่าผู้อื่น จำเป็นต้องก้มหัว”
“เป็นเช่นนั้นไม่ผิด”
ฉินหลิวซีไม่ได้พูดถึงสิ่งนี้อีก กล่าวทักทายอยู่ครู่หนึ่ง ทันทีที่ส่งเขาจากไป ก็ได้ต้อนรับผีทั้งสองตนอย่างเว่ยเสียกับหมิงอวี้กลับมา เพียงแต่สีหน้าของทั้งสองไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หลังจากสอบถามก็ได้รู้ว่าหลังจากที่ผีร้ายหนีไป ไม่เพียงแต่กลืนผีไปหลายตน ซ้ำยังทำร้ายคนไปหลายชีวิต พวกเขาก็เปลืองแรงเป็นอย่างมากกว่าจะจับตัวได้
การมาในครั้งนี้ หมิงอวี้ก็วางแผนจะร่วมมือกับเว่ยเสียส่งผีเหล่านั้นเข้าสู่ประตูวิญญาณ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเพิ่มเติม
ฉินหลิวซีส่งมอบนักพรตอี้หยางกับทารกผีให้เว่ยเสีย ส่วนบุญกรรมของพวกเขานั้น ทางด้านยมโลกย่อมเป็นคนตัดสิน
หมิงอวี้กล่าวว่า “ใช่แล้ว ตอนที่พวกเราจับผีร้ายตนนั้น พบว่ามีคนกำลังจับสตรีที่เป็นหยินบริสุทธิ์ คนผู้นั้นดูเหมือนเป็นปีศาจ ฝีมือของเขาโหดร้ายเป็นอย่างมาก ท่านสังเกตการณ์ไว้สักหน่อยเถิด”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว เป็นใครกัน
…
ฤดูหนาวกลางวันสั้นกลางคืนยาวนาน วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันส่งท้ายปีเก่ากำลังใกล้เข้ามา เนื่องจากพายุหิมะรุนแรง คลังสมบัติว่างเปล่า ฮ่องเต้จึงยกเลิกงานเลี้ยงวันส่งท้ายปีเก่า เหลือไว้เพียงงานเลี้ยงในครอบครัวเท่านั้น และบุคคลมีอำนาจคนสำคัญในเมืองหลวงยังคงแสดงเจตจำนงจัดตั้งโรงข้าวต้มในค่ายผู้ลี้ภัยโดยเฉพาะ ให้ผู้ประสบภัยได้มีตรุษจีนอันอบอุ่นในต่างแดน
แม้ว่าพวกเขาจะถูกพายุหิมะรบกวน แต่กลุ่มชนชั้นสูงในเมืองหลวงกลับพูดอย่างออกรสออกชาติและเตรียมพร้อมทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่สำหรับเรื่องนี้
เรื่องอะไรน่ะหรือ
นี่เป็นการประมูลเพื่อการกุศลซึ่งจัดโดยกรมกิจการภายในและโรงประมูลจิ่วเสียนที่ร่วมมือกันเพื่อระดมทุนในการบรรเทาภัยพิบัติ ชื่องานนี้ค่อนข้างใหม่เป็นอย่างมาก การประมูลการกุศลคืออะไร จำเป็นต้องสอบถามอย่างละเอียด
เมื่อไปสอบถามมาก็พบว่ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก
เนื่องจากสินค้าในการประมูลเหล่านั้น ล้วนมีมูลค่าที่ไม่ธรรมดา ได้รับการบริจาคอย่างสมัครใจโดยผู้มีเมตตา หนึ่งในนั้นคือภาพวาดของหวังเซียนปรมาจารย์ที่เก่งในการวาดภาพด้วยหมึก และยังมีภาพวาดตัวอักษรของอาจารย์หลิวเสี่ยน ปรมาจารย์ด้านการวาดภาพตัวอักษร ล้วนเป็นสินค้าประมูลที่หาได้ยาก
และสิ่งที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นก็คือ นอกเหนือจากการบริจาคเงินสองแสนตำลึงของร้านยาตำหนักอายุวัฒนะเพื่อบรรเทาภัยพิบัติแล้ว ยังได้บริจาคยาชั้นเลิศอย่างยาอันกงหนึ่งขวด ยาคุณภาพยอดเยี่ยมอย่างโสมหย่างหรงสองขวด อวี้เสวี่ยจีสามขวด ข่าวนี้ทำให้แวดวงคนชั้นสูงตื่นเต้นเป็นอย่างมาก อย่างไรเสียยาที่ร้านนี้ทำออกมาล้วนเป็นยาช่วยชีวิตชั้นดี สำหรับอวี้เสวี่ยจี นับตั้งแต่การประมูลไปห้าขวดเมื่อไม่กี่ปีก่อน ร้านยาตำหนักอายุวัฒนะก็ไม่มีอวี้เสวี่ยจีอีก ตอนนี้ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ผู้คนยิ่งกระตือรือร้นมากกว่าเดิม
นอกจากสิ่งนี้แล้ว ก็ยังมีหมึกอันล้ำค่าของฮ่องเต้ รวมถึงตำแหน่งในการลงทะเบียนเข้าสอบกิจการราชสำนักห้าที่นั่ง ทำให้พ่อค้าในต้าเฟิงตกตะลึงและดีใจเป็นอย่างมาก ได้ใช้เส้นสายไปแย่งชิงป้ายสำหรับเข้าร่วมงานมาแต่เนิ่นๆ แล้ว
ใช่แล้ว ตั้งแต่รู้ถึงวัตถุประสงค์ของการประมูลและสิ่งของในการประมูลครั้งนี้ ผู้ที่ต้องการเข้าร่วมล้วนเตรียมพร้อมต่อสู้ที่จะไปขอแผ่นป้ายเพื่อเข้าร่วมการประมูล อย่างไรเสียก็สามารถประมูลได้ของดี ได้บริจาคเงินและมีชื่อเสียงที่ดี มีหรือที่จะไม่ยินดีเข้าร่วม
ป้ายเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ แสดงถึงสถานะและแสดงถึงความแข็งแกร่ง ใครๆ ก็อยากได้
การประมูลมีกำหนดจัดขึ้นในวันแรกของปีใหม่ ยังไม่ทันถึงกำหนดก็ได้รับความนิยมจนขึ้นราคาแล้ว
ราชโองการทวงหนี้นี้ ไม่ได้ทวงหนี้เล็กๆ น้อยๆ แต่เป็นหนี้เก่าสะสมของตระกูลที่มีชื่อเสียงบางตระกูลในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นหนี้ในสมัยของฮ่องเต้องค์ก่อนที่ล่วงลับไปแล้ว ยามนี้พระคลังว่างเปล่า แต่จำเป็นต้องใช้เงินไปเสียทุกหนแห่ง ฝ่ายครัวเรือนจำเป็นต้องทวงหนี้ตามราชโองการ
แต่หนี้เหล่านี้ เนื่องจากล่าช้ามานานขนาดนี้ยังไม่คืน เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าลูกหนี้ทุกคนล้วนเป็นตาแก่ขี้โกง แต่ละคนนั้นไม่ธรรมดา เจ้าจะมาทวงก็ได้ แต่ข้าจะคืนหรือไม่นั้นก็เป็นเรื่องของข้าแล้ว
แต่ขุนนางครัวเรือนฝ่ายซ้ายก็น่าสนใจ เขาเชิญกลุ่มคนผู้มีคุณธรรมมาเข้าร่วมให้ไปตามรายชื่อลูกหนี้ในรายการ มีทั้งผู้ที่เจรจาด้วยคำพูดและผู้ที่เจรจาด้วยหมัด หนึ่งในนั้นเป็นตาแก่ขี้โกงอย่างบัณฑิตเซี่ยจากตระกูลบัณฑิต เขาอาศัยโอกาสที่หลานชายของบัณฑิตเซี่ยครบหนึ่งเดือนไปหาถึงที่จวน เคาะประตูจวน เอะอะโวยวาย พูดว่าอะไรบ้างน่ะหรือ บอกว่าบัณฑิตเซี่ยมีนิสัยแปลกประหลาด เปิดเผยต่อหน้าแขกว่าเขาชอบกินเต้าหู้เหม็นของทางด้านหูหนาน และชอบดมกลิ่นห้องส้วม ทำเอาบัณฑิตเซี่ยตกใจจนปิดปากเขาในทันที รีบไปควักเงินมาให้เทพหายนะผู้นี้
ชุยซื่อเสวียรู้จักวิธีจัดการ เกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง กล่าวเสียงดังว่าบัณฑิตเซี่ยเป็นผู้ทรงคุณธรรม ได้ยินว่าอาณาจักรตกอยู่ในภาวะวิกฤติจึงรีบใช้หนี้คืนในทันที ช่างเป็นผู้สูงส่ง
การตบหัวแล้วเอามือมาลูบหลังนี้ ไม่ว่าบัณฑิตเซี่ยจะโกรธแค่ไหนก็ทำได้เพียงระงับความขุ่นเคืองไว้ในใจ จากนั้นก็เรียกบ่าวรับใช้ส่วนตัวมาให้จับตาดูขบวนทวงหนี้คุณธรรมนี้ ไปตระกูลไหนก็ให้มาแจ้งแก่เขา เขาจะได้แบกกาน้ำชาสีม่วงพร้อมกับจานถั่วลิสงไปนั่งชมละครอย่างมีความสุข
สถานีต่อไปคือจวนของฉังอันโหว เขาจับจุดอ่อนของฉังอันโหวที่ถูกสวมเขา จึงทวงกลับมาได้จำนวนหนึ่ง ทำเอาฉังอันโหวโกรธจนด่าจิ่งเสี่ยวซื่อไม่เหลือชิ้นดี จากนั้นก็อ้างว่าป่วยไม่ออกไปไหน
แน่นอนว่าก็มีช่วงเวลาที่ชุยซื่อเสวียพ่ายแพ้ เมื่อไปถึงตระกูลของเหวินไท่ฟู่[1] เขาไม่ได้บอกว่าจะไม่คืน เพียงแต่ในจวนมีปัญหา ตราบใดที่ชุยซื่อเสวียสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เขาก็จะคืนในทันที ซ้ำยังเพิ่มดอกเบี้ยให้อีกสองพันตำลึง
ตระกูลเหวินไท่ฟู่เป็นหนี้มากถึงห้าหมื่นตำลึง ชุยซื่อเสวียย่อมไม่สามารถปล่อยไปได้ เมื่อสอบถามว่าเป็นปัญหาอะไร เขาจึงได้ไปพบฉินหลิวซี
เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความสามารถของเขาที่จะแก้ไขได้ ย่อมต้องหาตัวช่วย
“เหวินไท่ฟู่ผู้นี้เป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ เอ่ยตามตรง เมื่อต้องไปทวงหนี้กับเขา ในใจก็รู้สึกกลัวอยู่บ้าง อย่างไรเสียก็เป็นถึงอาจารย์ของฮ่องเต้เชียวนะ เมื่อฮ่องเต้อยู่ต่อหน้าเขา ก็ยังให้ความเคารพเขาอยู่บ้าง โชคดีที่เหวินไท่ฟู่ยังใจกว้างอยู่บ้าง ให้ข้าแก้ปัญหาของตระกูลเหวินอย่างลับๆ แล้วเขาก็จะคืนเงินให้อย่างว่าง่าย ทำให้ข้าไม่อาจเอาจุดอ่อนของตระกูลเขามาหาเรื่องได้” ชุยซื่อเสวียกล่าวว่า “นี่เป็นปัญหาของตระกูลเขา ซึ่งอยู่นอกเหนือความสามารถของข้า ท่านว่าท่านสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เจ้าเคยได้ยินหรือไม่ว่าใครผู้นั้นก่อนหน้านี้ ที่เป็นท่านอ๋องผู้โชคร้ายเกือบโดนแผ่นป้ายหน้าประตูจวนฟาดจนเปลือกตาได้รับบาดเจ็บ เขาขอให้ข้าช่วยทำนายชะตาชีวิต รู้หรือไม่ว่าต้องจ่ายเงินจำนวนเท่าไหร่”
จ้าวอ๋องผู้โชคร้าย ‘คำถามนี้ข้าตอบได้ หนึ่งคำทำนายหนึ่งหมื่นตำลึงทอง!’
[1] ไท่ฟู่ ตำแหน่งอาจารย์ของฮ่องเต้