คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1024 คนนอกล้วนเป็นคนไร้คุณธรรมทั้งนั้น
ตอนที่ 1024 คนนอกล้วนเป็นคนไร้คุณธรรมทั้งนั้น
หนึ่งคำทำนายหมื่นตำลึงทอง ชุยซื่อเสวียย่อมไม่สามารถหามาได้ แต่เขาก็สัญญาว่าตราบใดที่ฉินหลิวซียอมยื่นมือเข้ามาช่วย เงินดอกเบี้ยพิเศษสองพันตำลึงที่เหวินไท่ฟู่สัญญาว่าจะจ่ายหนี้ จะมอบให้ฉินหลิวซีทั้งหมด
เมื่อเผชิญหน้ากับดวงตาของฉินหลิวซีที่ยิ้มใบหน้านิ่ง ชุยซื่อเสวียก็ยิ้มอย่างลำบากใจพลางเอ่ย “แม้ว่าจะเป็นการเอาเปรียบท่าน แต่ก็ขอให้ท่านเจ้าอาวาสโปรดเมตตาด้วย”
เป็นถึงขุนนางใหญ่ขั้นสอง แต่กลับต้องอ่อนน้อมถ่อมตนกับนักพรตหญิงที่อายุสามารถเป็นบุตรสาวตัวเอง หากสิ่งนี้เผยแพร่ออกไป เกรงว่าจะทำให้คนหัวเราะจนฟันร่วง
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนี้ การขอร้องคนก็ต้องมีท่าทางขอความช่วยเหลือ
เมื่อฉินหลิวซีเห็นท่าทางถ่อมตนของเขา ก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจ จึงเอ่ย “นำทางไปเถิด”
ชุยซื่อเสวียถอนหายใจด้วยความโล่งอก ปาดเหงื่อเย็นบนหน้าผาก จะบ้าตายแล้วจริงๆ การขอร้องคนนั้นกดดันยิ่งกว่าไปทวงหนี้เสียอีก
เหวินไท่ฟู่เป็นขุนนางเก่าสองราชวงศ์ อีกทั้งยังเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ แม้ว่าจะเกษียณอายุแล้ว แต่เนื่องจากไม่หลงใหลในอำนาจ กลับทำให้ฮ่องเต้มองเขาสูงขึ้นและให้ความสำคัญ ซ้ำยังเชิญเขาเข้าวังไปสนทนาเล่นหมากรุกอยู่บ่อยๆ ค่อนข้างมีเกียรติ
ตระกูลเหวินเป็นตระกูลขุนนางวิชาการที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เหวินไท่ฟู่มีสองบุตรชายหนึ่งบุตรสาว บุตรชายคนโตและครอบครัวของเขาเสียชีวิตด้วยเหตุเพลิงไหม้ในงานเลี้ยงตอนที่เขาไม่อยู่ ตอนนี้มีเพียงเฉิงฮวนที่เป็นบุตรชายคนรอง ให้กำเนิดสองบุตรชายหนึ่งบุตรสาวเช่นกัน หลานชายเชื้อสายหลักคนโตเดินตามเส้นทางการสอบคัดเลือกราชสำนักตามที่ท่านปู่วางไว้ทีละขั้น แต่งงานมีบุตรรู้ประสาและมั่นคง แต่ผู้ที่ได้รับความโปรดปรานจากเขามากที่สุดคือเหวินสือ หลานชายเชื้อสายหลักคนรอง
เหวินสือไม่ใช่ผู้ที่จะเป็นปัญญาชนได้ เขามีนิสัยเสเพลมาตั้งแต่เด็ก แต่เป็นคนปากหวาน สามารถทำให้เหวินไท่ฟู่พึงพอใจได้เป็นอย่างดี แล้วก็เป็นหลานชายที่ทำให้เขาปวดหัวมากที่สุด
เพียงแต่หลังจากเข้าฤดูร้อน เหวินสือก็ป่วยด้วยโรคลมแดด เชิญหมอหลวงและหมอทั่วไปมาตรวจและเขียนใบสั่งยา กินยาแล้วก็ไม่เห็นจะดีขึ้น แต่กลับรุนแรงยิ่งกว่าเดิม ครึ่งปีมานี้ร่างกายอ่อนแอลง ซ้ำยังไอเป็นเลือด ดูบ้าๆ บอๆ เล็กน้อย นอนอยู่บนเตียงพูดกับตัวเองเป็นครั้งคราว ดูอาการจะไม่ดีขึ้นแล้ว
ฉินหลิวซีเลิกคิ้วพลางมองไปที่เขา “เจ้าดันกล้าไปทวงหนี้กับคนอย่างเขา เหวินไท่ฟู่ผู้นั้นไม่ได้ไล่ตะเพิดเจ้าออกมา นับว่าเขาเป็นคนมีการศึกษาที่ดี”
เมื่อได้ฟังสถานการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าเหวินไท่ฟู่ผู้นั้นใกล้จะได้เป็นคนผมขาวที่ต้องส่งคนผมดำ เขาก็ยังกล้าไปทวงหนี้ถึงที่จวน ช่างเป็นคนที่มีความกล้าจริงๆ
ชุยซื่อเสวียเกาจมูก ยิ้มอย่างลำบากใจพลางเอ่ย “ตอนที่ข้าไปก็ไม่ได้รู้ว่าเจ้าเด็กเหวินสือผู้นั้นป่วยหนักขนาดนี้”
“ฟังจากที่เจ้ากล่าวเช่นนี้ ดูเหมือนว่าคุณชายผู้นั้นจะโดนวิญญาณร้ายมากกว่าเป็นโรคลมแดด ไม่เคยไปเชิญไต้ซือมาดูหรือ” ฉินหลิวซีสงสัยเล็กน้อย
ทั้งอารามชิงหัวและวัดอวี้ฝอก็ล้วนมีไต้ซือที่มีความสามารถจริงๆ อยู่ คงจะดูออกได้ว่าสถานการณ์จริงๆ ของเหวินสือเป็นอย่างไร
ชุยซื่อเสวียเอ่ย “เรื่องนี้ข้าไม่ค่อยแน่ใจ แต่ว่าเหวินไท่ฟู่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้”
“คนที่บอกว่าไม่เชื่อ เมื่อถึงทางตัน ไม่ว่าวิธีใดก็จะเชื่อทั้งนั้น” ฉินหลิวซีไม่คิดเช่นนั้น
ชุยซื่อเสวียไม่ได้คัดค้าน เมื่อยาไม่ได้ผล คนเข้าสู่สภาวะสิ้นหวัง ไม่ว่าวิธีใดก็จะลองดูสักตั้ง รวมถึงการไหว้พระขอพร
ระหว่างที่พูดคุยก็ได้มาถึงตระกูลเหวินแล้ว
ชุยซื่อเสวียให้บ่าวรับใช้น้อยไปเคาะประตู ผู้ที่มาต้อนรับพวกเขาคือเหวินเหยี่ยนซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของเหวินสือ อายุราวๆ ยี่สิบสี่สามปี เมื่อเห็นเขาก็โค้งคำนับ “ข้าน้อยคารวะใต้เท้าชุย”
ชุยซื่อเสวียพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า “ไม่ต้องมากพิธี นี่ก็ไม่ได้อยู่ในราชสำนัก ไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้ จริงสิ ท่านนี้ก็คือหมอลัทธิเต๋าที่ข้าเชิญมาตรวจอาการให้เหวินสือ เป็นเจ้าอาวาสแห่งอารามชิงผิงในเมืองหลี นามเต๋าว่าปู้ฉิว ส่วนสองคนนั้นเป็นลูกศิษย์ของนาง”
เหวินเหยี่ยนดูประหลาดใจกับสถานะนักพรตหญิงของฉินหลิวซีอยู่เล็กน้อย แต่เขาเป็นคนมีการศึกษา จึงไม่ได้เสียมารยาท
จวนเหวินเป็นจวนห้าทางเข้าที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ ไม่ได้หรูหรา แต่ฮวงจุ้ยดีเป็นอย่างมาก สภาพแวดล้อมเงียบสงบสง่างาม เหมาะสมกับภาพลักษณ์อันสง่างามของตระกูลชนชั้นสูงอย่างตระกูลเหวิน
ไม่ช้าฉินหลิวซีก็ได้พบกับเหวินไท่ฟู่ เป็นชายชราที่แก่เต็มทีแล้ว บางทีอาจเป็นเพราะกังวลเกี่ยวกับหลานชายคนรองสุดที่รักจึงได้ค่อยๆ แก่ชราลงเรื่อยๆ ไม่ค่อยมีชีวิตชีวานัก ลมหายใจอ่อนแรง ผมขาวทั่วทั้งศีรษะ
“ไท่ฟู่” ชุยซื่อเสวียก้าวเข้าไปโค้งคำนับ
เหวินไท่ฟู่ “อืม” สายตาจ้องมองไปที่ฉินหลิวซี เห็นว่าแม้นางจะเป็นสตรี แต่ก็รูปร่างสูงสง่า ท่าทางสูงส่ง ดวงตาทั้งสองข้างดูมีจิตวิญญาณเป็นพิเศษ ราวกับสามารถมองเข้าไปในหัวใจของคนได้
“ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาว่าเสนาบดีลิ่นมีนักพรตหญิงที่เขานับถือเป็นพิเศษ คาดว่าคงจะเป็นท่าน”
“ได้ยินมาว่าคนผู้นั้นยากที่จะมองออกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี ชอบสวมชุดคลุมสีเขียวของลัทธิเต๋า ปักอักขระลัทธิเต๋าไว้ที่แขนเสื้อ” เหวินไท่ฟู่มองดูที่แขนเสื้อของนาง
ฉินหลิวซีลดสายตาลง เหลือบมองอักขระบนแขนเสื้อ หัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนว่านับจากนี้ไปเมื่อเดินทางไปไหน ทางที่ดีควรจะเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกโจมตีเอาคืนในขณะที่ศึกษาวิชาได้ยังไม่ดีพอ”
เหวินไท่ฟู่แสร้งทำเป็นวางอำนาจ กล่าวอย่างพิจารณาว่า “ท่านมั่นใจจริงๆ หรือว่าจะรักษาอาการป่วยของหลานชายข้าได้ หากรักษาไม่ได้ ข้าจะใช้สถานะของข้าลงโทษท่าน”
ชุยซื่อเสวียร้อนใจในทันที ขณะที่กำลังจะกล่าว ฉินหลิวซีก็ชิงกล่าวขึ้นมาก่อนเขาว่า “หากข้าบอกว่ามั่นใจ เช่นนั้นก็เป็นการโกหกท่าน ดังนั้น ข้าไม่ได้มั่นใจ หากต้องรักษาให้หายเท่านั้นจึงจะละเว้นโทษได้ เช่นนั้นการที่ข้าก้าวเข้ามาในจวนนี้ก็คงมาผิดที่แล้ว ขอโทษที่รบกวน ขอตัวก่อน!”
เหวินไท่ฟู่ตกตะลึง
เหวินเหยี่ยนก็ชะงักอยู่กับที่เช่นกัน
ชุยซื่อเสวียร้อนใจเป็นอย่างมาก หัวเราะกลบเกลื่อน โบกไม้โบกมือ “ท่านเจ้าอาวาส ไท่ฟู่เพียงแค่หยอกล้อท่านเล่น”
เขาส่งสายตายให้เหวินเหยี่ยนไม่หยุด รีบรั้งคนไว้สิ ข้าจ่ายเงินไปก้อนโตกว่าจะเชิญมาได้เชียวนะ พวกท่านกลับไล่คนจากไปด้วยประโยคเดียว คิดจะเอาชีวิตข้าหรือ!
เหวินเหยี่ยนรีบก้าวไปข้างหน้า เอ่ย “ใช่แล้วๆ ท่านปู่เพียงแค่เป็นกังวลเกี่ยวกับอาการป่วยของน้องชาย ไม่ได้หมายความเช่นนั้น”
ฉินหลิวซี “แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าก็กลัว เขามีเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น”
“แต่ข้าเห็นว่าท่านไม่ได้มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย” เหวินไท่ฟู่สบถเบาๆ กล่าวว่า “อายุไม่มาก แต่อารมณ์ไม่ร้ายไม่เบาเลยทีเดียว”
“อืม คนนอกล้วนไร้คุณธรรมทั้งนั้น” ผู้ที่มีความสามารถ อารมณ์ร้ายหน่อยจะเป็นไรไป
เหวินไท่ฟู่สำลัก “…”
เหวินเหยี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าอาวาสช่างรู้จักกล่าวหยอกล้อจริงๆ ไม่สู้เข้าไปดื่มชาข้างในก่อนสักสองถ้วย”
“ไม่ต้องหรอก ข้าก็ไม่ใช่คนใจร้ายที่อยากเห็นคนผมขาวต้องส่งคนผมดำ ไปดูคนไข้ก่อนเถิด”
ฉินหลิวซีไม่ได้เล่นตัวอีก แต่คำพูดนี้กลับทำให้เหวินไท่ฟู่โมโหอีกครั้ง
เหวินเหยี่ยนนำทางไปด้วยความอึดอัด หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ผู้ดูแลก็เดินมาอย่างรวดเร็ว บอกว่ามีแขกผู้สูงศักดิ์มาเยี่ยมนายท่านน้อยรอง และได้กระซิบชื่อข้างใบหูของเขา
ฉินหลิวซีหูไว ได้ยินชื่อบุคคลนั้น แต่กลับไม่ได้มีการตอบสนองใดๆ
เหวินเหยี่ยนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกล่าวขออภัยชุยซื่อเสวียและคนอื่นๆ ให้เหวินไท่ฟู่พาคนไปที่ลานของน้องรองก่อน ส่วนเขาก็รีบไปต้อนรับแขก
เหวินไท่ฟู่เหลือบมองฉินหลิวซีพลางถามว่า “ปีนี้ท่านอายุเท่าไหร่แล้ว”
“ยี่สิบ”
“อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าเด็กสือ” เหวินไท่ฟู่ถามว่า “นิกายของท่านสามารถมีครอบครัวได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีชะงักฝีเท้าเล็กน้อย เอ่ย “ไท่ฟู่คงไม่ได้คิดที่จะให้หลานชายผู้นี้มาเป็นสามีข้าเพื่อชดเชยค่ารักษาหรอกกระมัง”
เถิงเจากับเจ้าโสมน้อยมองไปยังเหวินไท่ฟู่พร้อมกัน กล่าวขึ้นมาโดยไม่ได้นัดหมายว่า “ท่านฝันไปเถอะ!”
เหวินไท่ฟู่ “…”
ข้าก็แค่ถามเฉยๆ ดูพวกเจ้าปกป้องเข้าสิ ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าข้าคิดชิงตัวเจ้าสาว!