คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1026 ช่วยสนใจความเป็นความตายของข้าก่อนได้หรือไม่
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1026 ช่วยสนใจความเป็นความตายของข้าก่อนได้หรือไม่
ตอนที่ 1026 ช่วยสนใจความเป็นความตายของข้าก่อนได้หรือไม่
ฉินหลิวซีกับลู่สวินก็มากันหมด ทำเอาในห้องของเหวินสือเบียดเสียดไปหมด เนื่องจากว่าพ่อกับแม่ของเหวินสือไปร่วมงานเลี้ยง มิเช่นนั้นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพของบุตรชายเช่นนี้ พวกเขาก็จะตามมาด้วย ยิ่งเบียดเสียดกันเข้าไปใหญ่
เหวินสืออยู่บนเตียง มีฉินหลิวซีจับชีพจรอยู่ และได้ยินแล้วว่าหินก้อนนั้นที่เขานำกลับมา ความจริงแล้วเป็นแผ่นป้ายสุสาน สิ่งนี้ทำเอาเขาตกใจจนหน้าซีด
ป้ายสุสาน หินก้อนนั้นแวววาวราวกับหยก จะเป็นป้ายสุสานได้อย่างไร
ฉินหลิวซีดึงมือที่จับชีพจรกลับคืน กล่าวว่า “ตอนที่เข้าสู่ฤดูร้อนเคยเป็นโรคลมแดดก็จริง แต่หลังจากดื่มยาต้ม โรคลมแดดก็หายไปนานแล้ว ร่างกายของเจ้าแย่ลงเรื่อยๆ ซ้ำยังไอเป็นเลือด สาเหตุหลักเป็นเพราะพลังชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย หยินหยางเสียสมดุล พลังหยินชั่วร้ายพัวพัน ธาตุไฟย้อนกลับ ทำให้อวัยวะภายในไม่สงบ”
นางมองไปยังยันต์ครึ่งแผ่นที่แขวนอยู่บนหัวเตียง กล่าวว่า “ยันต์นี้เป็นยันต์ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายป้องกันภัย เจ้ากลับฉีกมันออกครึ่งหนึ่ง ยันต์ไม่เป็นยันต์ ย่อมไม่สามารถคุ้มครองเจ้าได้อีก พลังหยินชั่วร้ายนี้จึงได้รุกล้ำโดยไม่เกรงกลัว ตอนที่พึ่งแปะไว้ เจ้าย่อมรู้สึกสบายตัว”
เหวินสือเหลือบมอง รู้สึกผิดเล็กน้อย
เขาได้ลืมสภาพร่างกายของตัวเองตอนที่แปะยันต์นี้ไปแล้ว เพียงแต่รู้สึกว่าอาการป่วยนี้ไม่เคยดีขึ้นเลย ในใจรู้สึกหงุดหงิดรำคาญ ด้วยความโมโหจึงได้ฉีกยันต์นั้นไปครึ่งหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าหลังจากนั้นร่างกายของเขาก็หนักขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งไอออกมาเป็นเลือด
เหวินเหยี่ยนเอ่ย“น้องรอง เจ้าเอาแต่ใจเกินไปแล้ว”
เหวินสือก้มหน้าลงพลางกล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะรู้เรื่องสิ่งลี้ลับเหล่านี้”
“สิ่งนี้ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง มิเช่นนั้นเจ้าไม่สามารถแม้แต่ลุกออกจากเตียงได้ จะต้องให้คนผมขาวมาส่งคนผมดำจริงๆ แล้ว” ฉินหลิวซีชี้ไปยังวงแหวนยันต์ที่ทำจากไม้ท้อแขวนอยู่ที่ใต้ชายคา ในวงแหวนไม้ท้อได้ห่อยันต์กระดาษไว้
เหวินไท่ฟู่หน้าเขียว สบถขึ้นมา
เหวินเหยี่ยนกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าจะได้รับมาจากนักพรตอารามจินหัว”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ท่านเจ้าอาวาสอารามจินหัว เป็นปรมาจารย์ที่มีความสามารถจริง หากเขาเป็นคนออกโรง เจ้าก็คงไม่ถึงขั้นนี้”
หากปรมาจารย์ไท่เฉิงอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงจะถอนหายใจอย่างมีความสุข เป็นช่วงเวลาที่ดีในชีวิต ที่สามารถได้ฟังคำชมจากปากของเจ้าสารเลวตัวน้อยผู้นี้
เหวินเหยี่ยนส่ายหน้าพลางเอ่ย “ตอนนี้ปรมาจารย์ไท่เฉิงแห่งอารามจินหัวไม่สามารถออกจากอารามได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาไม่ออกมา แม้ว่าจะต้องการพบเขา ก็ขึ้นอยู่กับวาสนา ได้ยินมาว่าตอนที่ยังไม่ได้อยู่ในช่วงเก็บตัว ปรมาจารย์ไท่เฉิงจะพบกับผู้ที่มีวาสนาต่อกันไม่เกินสามคน ดังนั้นยันต์วงแหวนนี้เป็นลูกศิษย์ในอารามจินหัวทำขึ้นมา”
ฉินหลิวซี “…”
นางจ้องมองไปยังยันต์วงแหวน ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ราวกับกำลังคิดทบทวน?
เมื่อเหวินเหยี่ยนเห็นว่านางไม่กล่าวอะไร คิดว่าตัวเองกล่าวผิดไป จึงถามอย่างระมัดระวังว่า “มีอะไรหรือ”
“ไม่ได้เจอกันหลายปี ตาเฒ่าไท่เฉิงพัฒนาขึ้นแล้ว รู้จักใช้ลูกไม้นี้มาทำให้ค่าของตัวเองสูงขึ้น” ฉินหลิวซีถอนหายใจ
หลักการเดียวกันกับสิ่งของหายากทำให้มีค่า ปรมาจารย์ไท่เฉิงทำเช่นนี้ ผู้คนที่สามารถพบเขาได้ก็จะมีน้อยลง และยิ่งพบได้ยาก ก็จะยิ่งดูเหมือนว่าเขาสูงส่งไม่อาจเอื้อมถึงได้ ลึกจนไม่อาจหยั่งรู้ มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นในพริบตาไม่ใช่หรือ
ทุกคน “…”
เป็นถึงเจินเหริน แต่ถูกเจ้าเรียกว่าตาเฒ่าไท่เฉิง เจ้าไม่เคารพผู้อาวุโสเช่นนี้ เขารู้หรือไม่
เหวินไท่ฟู่คิดในใจว่าที่แท้นางไม่เคารพผู้อาวุโสไม่ใช่เพียงแค่กับเขา แต่เป็นนิสัยโดยธรรมชาติของนาง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาเอ่ยเรื่องนี้ กล่าวว่า “เช่นนั้นจะรักษาสิ่งชั่วร้ายที่พัวพันสือเอ๋อร์ได้อย่างไร”
“จริงด้วย ป้ายสุสานนี้มีความแค้น หมายความว่าเจ้าของป้ายก็ตามกลับมาด้วยหรือ” เหวินเหยี่ยนกวาดสายตามองไปรอบๆ ด้วยความเป็นกังวล ถามว่า “อยู่ที่ป้ายสุสานด้านนอกหรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “หากเจ้าของป้ายตามกลับมาด้วย เขาก็จะไม่มีทางนั่งอยู่ที่นี่อย่างสบายได้แล้ว”
เขาในที่นี่หมายถึงเหวินสือ
ในเวลานี้เถิงเจาได้อธิบายให้ทุกคนฟังว่า “เดิมทีป้ายสุสานก็เป็นหยิน และคนเราหลังจากตายไป ส่วนใหญ่จะมีร่องรอยของความแค้นที่ไม่เต็มใจ หากถูกฆาตกรรม พลังความแค้นก็จะยิ่งรุนแรง เจ้าของป้ายสุสานนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และยิ่งไม่รู้ว่าตายเพราะเหตุใด แต่ไม่ได้เป็นการตายโดยสิ้นอายุขัยอยู่บนเตียงแน่นอน เนื่องจากมีเพียงไม่กี่คนที่จะตั้งหลุมศพไว้ริมทะเลสาบ นอกเสียแต่ว่าจะเสียชีวิตโดยบังเอิญ หาศพไม่พบ จึงทำได้เพียงตั้งหลุมศพไว้ริมทะเลสาบ”
เหวินไท่ฟู่และคนอื่นๆ ได้ฟังดังนั้น ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฉินหลิวซีเป็นคนเก่งกาจนั้นไม่เท่าไหร่ แต่นักพรตน้อยผู้นี้ก็กล่าวได้อย่างสมเหตุสมผล?
“นักพรตน้อยประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ ใต้เท้าเถิงคงจะดีใจเป็นอย่างมาก” ลู่สวินกล่าวอย่างทอดถอนใจ
เหวินไท่ฟู่ตกตะลึง มองสำรวจเถิงเจา กล่าวว่า “นี่คือบุตรของเถิงอวิ๋นหยา?”
“บิดาผู้ให้กำเนิดของข้าคือเถิงเทียนฮั่น” เถิงเจากล่าวนามเต๋าของตัวเองอย่างจริงจัง “ผู้น้อยมีนามเต๋าว่าเสวียนอี”
“ตอนนี้เขาเป็นลูกศิษย์คนแรกของข้า และเป็นเจ้าอาวาสน้อยของอารามชิงผิงของข้า” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างภาคภูมิใจว่า “แม้ว่าจะอายุยังน้อย แต่เขาเข้าสู่ลัทธิเต๋าตั้งแต่อายุเจ็ดขวบ มีบุญสัมพันธ์กับลัทธิเต๋าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ประสบความสำเร็จทางการศึกษา แต่เส้นทางเต๋ายังอีกยาวไกล”
เหวินสือ ‘เลิกชมกันได้แล้ว ช่วยสนใจความเป็นความตายของข้าก่อนได้หรือไม่’
ฉินหลิวซีเหลือบมองเหวินสือที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง กล่าวว่า “ศิษย์ของข้ากล่าวไม่ผิด หินแผ่นป้ายสุสานก้อนนั้นเดิมทีก็เป็นหยิน มีพลังความขุ่นเคืองอันชั่วร้ายในตัวของมันเอง และเจ้าของหลุมศพนั้นคงจะตายด้วยอุบัติเหตุจึงได้มีพลังความแค้นรุนแรงเช่นนี้ มีคนตั้งป้ายให้กับคนผู้นี้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเหตุใดป้ายหลุมศพนี้จึงได้ตกลงไปในทะเลสาบ ทำให้ความแค้นของมันรุนแรงยิ่งขึ้น ไม่แน่ตอนที่เจ้าของป้ายหลุมศพนั้นตายอาจจะถูกฝังอยู่ในทะเลสาบ”
เหวินสือขนลุกไปทั่วทั้งตัว
“หมายความว่าเจ้าของป้ายไม่ได้ตามกลับมาด้วย” ชุยซื่อเสวียเอ่ย
“ยังคงยืนยันคำเดิม หากวิญญาณร้ายนั้นตามกลับมาด้วย เขาก็คง…ไปนานแล้ว” ฉินหลิวซีชี้เหวินสือพลางทำท่าปาดคอ
ลู่สวินถามว่า “ป้ายสุสานถูกนำกลับมาแล้ว เหตุใดเขาจึงไม่ตามมาด้วย”
“หากไม่ได้เป็นเพราะวิญญาณไปเกิดใหม่ไม่อยู่แล้ว ก็คงเป็นเพราะไม่สามารถตามมาได้” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบ
“ไม่สามารถตามมาได้?”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ดวงวิญญาณถูกผูกมัด ย่อมไม่สามารถตามมาได้ พวกเจ้าบอกว่านั่นเป็นป้ายสุสานที่นำกลับมาจากทะเลสาบในภูเขาเหยา หากคนเสียชีวิตในทะเลสาบ ก็คงจะหาศพพบ”
เหวินเหยี่ยนถามหยั่งเชิงว่า “หาศพพบ?”
“อืม หากคนผู้นั้นถูกฆ่าตายอย่างไม่ยุติธรรม ย่อมมีความแค้น ตอนนี้เขาได้นำป้ายสุสานกลับมา ได้ผูกเป็นกรรมต่อกัน หากอยากจะแก้กรรม กำจัดความขุ่นแค้นนี้ เช่นนั้นก็ต้องหาศพให้พบ หาสถานที่ล้ำค่าถูกหลักฮวงจุ้ยเพื่อฝังศพตั้งแผ่นป้ายใหม่ เมื่อสายกรรมนี้ได้รับการแก้ไข วิญญาณร้ายที่มีความแค้นย่อมถูกกำจัด” ฉินหลิวซีกล่าว
เหวินสือมองนาง เอ่ย “ท่านเป็นไต้ซือไม่ใช่หรือ ร่ายคาถาปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายเลยไม่ได้หรือ”
“ได้สิ แต่ผลกรรมนี้เป็นเจ้าที่สร้างมันขึ้นมาเอง หากต้องการกำจัด เจ้าย่อมต้องทำด้วยตัวเอง จึงจะได้ผลเป็นสองเท่าในการใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว มิเช่นนั้น หากข้าปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายนี้ให้เจ้า จากนี้ไปโชคลาภของเจ้าก็จะไม่ดีเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ฉินหลิวซีกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “โชคลาภไม่เหมือนเมื่อก่อน กล่าวก็คือจะได้พบกับโชคร้าย ทำอะไรก็ไม่ราบรื่น”
เหวินสือตัวแข็งทื่อ ร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ
เหวินเหยี่ยนเหลือบมือเหวินสือที่ใบหน้าซีด กล่าวว่า “แต่ว่า ร่างกายของน้องรอง จะสามารถยืนหยัดไปตามหาศพนั้นที่ภูเขาเหยาได้อย่างไร ทะเลสาบแห่งนั้นคงจะกว้างขวางมาก ไม่ง่ายที่จะหาเจอหรอกกระมัง”
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “มีกรรมต่อกันอยู่ไม่ใช่หรือ ตราบใดที่เขาจริงใจ เจตนาแห่งกรรมย่อมนำทางเขาไปพบกระดูกในทะเลสาบแห้งแห่งนั้น ดังนั้นไม่มีอะไรที่ยากเลย ขึ้นอยู่กับว่าเขาจริงใจหรือไม่”
เหวินสือรู้สึกเศร้าเป็นอย่างยิ่ง เหลือบมองนางด้วยสายตาเศร้าหมอง
ข้ารู้สึกว่านางจงใจแกล้งข้า แต่ข้าไม่มีหลักฐาน!