คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1029 จุดธูปตามหา ฆ่าคนจองจำวิญญาณ
ตอนที่ 1029 จุดธูปตามหา ฆ่าคนจองจำวิญญาณ
เมื่อมุ่งหน้าไปที่เหมืองหิน เหวินสืออดถามฉินหลิวซีไม่ได้ เมื่อครู่นางเอ่ยว่าผู้ที่น่าสงสารย่อมมีสิ่งที่น่าเกลียดชัง ประโยคนั้นมีความหมายว่าอย่างไร
ลู่สวินก็เงี่ยหูฟังเช่นกัน
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “ซุ้มประตูสตรีบริสุทธิ์ทั้งหกซุ้ม สตรีบริสุทธิ์เหล่านี้ล้วนมาจากหมู่บ้านเดียวกัน นั่นเป็นเพราะฮวงจุ้ยดีงั้นหรือ หรือว่าเป็นเพราะการเลี้ยงดูที่ดี หากคุณชายรองเหวินเป็นสตรีจะยินดีอยู่กับสามีผู้ล่วงลับไปแล้วตลอดชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อยหรือกระทั่งยังไม่ได้ออกเรือนเพียงเพื่อชื่อเสียงสตรีบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ”
เหวินสือตกตะลึง เขาจะเต็มใจหรือไม่
คงจะไม่หรอกกระมัง
ชาวต้าเฟิงเปิดกว้าง สนับสนุนให้หญิงม่าย สตรีที่ถูกปลดภรรยาหรือหย่าร้างสามารถแต่งงานใหม่ได้อีกครั้ง นอกเสียว่าจะมีความรักอย่างลึกซึ้งจริงๆ มิเช่นนั้นหลายคนก็ยินดีที่จะค้นหาชีวิตใหม่
หากอายุยังน้อยก็ยิ่งเป็นเช่นนั้น การได้มีชีวิตที่ดีกว่า ใครบ้างจะอยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปทั้งชีวิตที่เหลืออยู่
“หากเจ้าอยากมีชีวิตใหม่ แต่ชนเผ่าในหมู่บ้านที่เจ้าอาศัยอยู่ไม่ยอมปล่อยเจ้าไปเพื่อไม่ให้เสียชื่อเสียงสตรีบริสุทธิ์นี้ จะเกิดอะไรขึ้น” ฉินหลิวซีกล่าวเสริมอีกหนึ่งประโยค
เหวินสือเข้าใจความหมายแล้ว จึงเอ่ย “หญิงชราผู้นั้นได้ทำร้ายคนหรือ”
“เพื่อให้บุตรชายที่อยู่ใต้ดินไม่โดดเดี่ยว นางเป็นลูกสะใภ้ที่อดอาหารจนตายเพื่อเป็นแม่ม่ายตลอดไป”
เหวินสือกับลู่สวินสูดหายใจเข้า
“ที่หมู่บ้านแห่งนั้นไม่ได้มีลูกสะใภ้เช่นนี้เพียงแค่คนเดียว ยังมีสตรีบริสุทธิ์อีกหลายคนที่เหี่ยวเฉาและรอวันตายจากไป” ฉินหลิวซีมองพวกเขา “เช่นนี้ พวกเจ้ายังคิดว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงของสตรีผู้เสียสละอยู่หรือไม่”
เหวินสือกลืนน้ำลายพลางเอ่ย “ดังนั้นหญิงชราผู้นั้นจึงถูกผีร้ายเอาชีวิตไปจริงๆ หรือ”
ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้า มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหน้า “ทำบาปทำกรรมไม่สมควรมีชีวิตอยู่”
ลู่สวินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าหมู่บ้านแห่งนี้จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว
กลุ่มคนเดินทางมาถึงทะเลสาบแห้งที่อยู่ข้างเหมืองหิน ทะเลสาบขนาดใหญ่ แต่น้ำกลับแห้งเหือดไปจนหมด ซ้ำยังมีหิมะตกติดต่อกันหลายวัน ตอนนี้กลายเป็นทุ่งหิมะสีขาวกว้างใหญ่ เป็นทะเลสาบหิมะไปแล้ว
เหวินสือใบหน้าซีด น้ำแห้งเหือดไปก็ดีแล้ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ตอนนี้กลายเป็นพื้นที่สีขาว จะหาศพนั้นได้อย่างไร
“จะหาอย่างไร” เขามองฉินหลิวซีด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
ฉินหลิวซีเอามือกอดอก เลิกคิ้วพลางเอ่ย “ใช้ความจริงใจของเจ้าตามหา”
เหวินสือ “…”
เจ้ากำลังทำให้ข้าลำบากอยู่แน่ๆ แต่ข้าไม่กล้าแย้ง
ฉินหลิวซีเหลือบมองไปที่ทุ่งหิมะขนาดใหญ่ ก่อนจะเอ่ยกับเถิงเจา “ให้ธูปนำวิญญาณกับเขาหนึ่งดอก”
เถิงเจาหยิบกล่องธูปออกมาจากถุงที่เขาแบกอยู่ หยิบธูปออกมาหนึ่งดอกแล้วยื่นให้เขา “ถือด้วยมือทั้งสองข้าง จุดธูปด้วยความจริงใจ ควันธูปจะนำทางท่านไปตามความจริงใจของท่าน”
เหวินสือสีหน้าตกตะลึง ลึกลับเกินไปแล้ว!
“ใช้ไม้ขีดไฟจุดไม่ได้หรือ”
เถิงเจาเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเรียบ “อะไรคือความจริงใจ ก็คือความจริงจากใจของท่าน ท่านมาหาอีกฝ่ายด้วยความจริงใจ”
เหวินสือถือธูปด้วยมือทั้งสองข้าง ปากกล่าวพึมพำ “ไม่รู้ว่าท่านเป็นพี่ชายหรือพี่สาว ผู้น้อยอย่างข้าต้องขออภัยด้วย ไม่รู้ว่านั่นเป็นป้ายสุสานของท่านจึงได้นำกลับไป เป็นความผิดของข้า ตอนนี้เพื่อไถ่บาป ข้าจะมารวบรวมกระดูกให้ท่าน ขอท่านโปรดชี้ทางสว่างให้ด้วย”
เถิงเจามุมปากกระตุก อยากจะเอ่ยอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกฉินหลิวซีห้ามไว้ด้วยการส่ายหน้า
เหวินสือเห็นว่าธูปนำวิญญาณไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยก็รู้สึกหมดหวัง เขามองไปยังฉินหลิวซีและคนอื่นๆ พวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะเอามือกอดอก ท่าทางราวกับกำลังรออยู่
โมโหยิ่งนัก!
เหวินสือกล่าวอีกรอบ ยังคงไม่มีการตอบสนอง ทำเอาผู้ที่มาด้วยต่างพากันมองหน้าแล้วบ่นพึมพำ
ใช้ความจริงใจจุดธูป ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริงๆ จะได้ผลจริงๆ หรือ
คงไม่ได้ถูกหลอกครั้งใหญ่หรอกกระมัง
เหวินสือเห็นว่าธูปในมือไม่มีการตอบสนองเลยแม้แต่นิด แทบจะร้องไห้แล้ว เขากัดริมฝีปาก ลงไปในทะเลสาบหิมะ วางธูปลงบนพื้นก่อน จากนั้นก็โขกศีรษะบนพื้นหิมะสามที กล่าวยอมรับผิดขอโทษในใจอย่างเงียบๆ
จากนั้นจึงได้หยิบธูปขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ถือด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะหลับตาลง นึกถึงป้ายสุสานนั้น แล้วนึกถึงที่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ บอกถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นกับเจ้าของป้ายสุสาน ในใจมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจและสงสาร เกิดความปรารถนาอันแรงกล้าที่อยากจะช่วยให้อีกฝ่ายได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง
พรึบ
“สว่างแล้วขอรับ” บ่าวรับใช้น้อยข้างกายเหวินสือตะโกนด้วยความดีใจ
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง สามารถจุดธูปโดยไม่ต้องใช้ไฟได้จริงๆ ด้วย
เหวินสือก็รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมากเช่นกัน เขาทำได้แล้ว ก่อนจะหันไปมองฉินหลิวซีตามสัญชาตญาณ
ฉินหลิวซีเอ่ยขึ้นว่า “ไปเถิด”
เหวินสืออธิบายไม่ถูกว่าในใจรู้สึกอย่างไร จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืน คิดในใจว่า ‘ข้าเหวินสือจะพาท่านไปจากที่นี่ ขอท่านโปรดนำทางข้าด้วยเถิด’
ควันธูปนำวิญญาณสั่นไหว ลอยไปทางด้านซ้าย
เหวินสือเห็นดังนั้นก็รีบเดินไปทางด้านนั้นในทันที ธูปนำวิญญาณเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เดินไปตามควันธูปนั้น เมื่อธูปดับลง เขาก็หยุดเดิน หัวใจเต้นแรง ถอยหลังหลายก้าว
“ขุดตรงนี้ ระวังหน่อย” เขาเองก็หยิบพลั่วมาขุดด้วยเช่นกัน ระมัดระวังเป็นอย่างมาก
กวาดหิมะหนาๆ ออกก่อนเผยให้เห็นดินโคลน จากนั้นเขาจึงได้เริ่มขุด บ่อโคลนนั้นอ่อนนุ่มเป็นอย่างมาก ไม่ได้ขุดลึกมากเท่าไหร่ก็พบกระดูกแล้ว
เหวินสือตกใจก่อนจะเอ่ยว่า “อยู่ตรงนี้”
ทุกคนพากันเดินมา เริ่มจัดการเอาดินโคลนบริเวณนี้ออก จนกระทั่งเผยให้เห็นกระดูกสีขาวทั้งหมด ร่างเล็กบอบบางเป็นอย่างมาก ราวกับพึ่งอายุได้สิบสี่สิบห้าปี
รูปลักษณ์ของกระดูกนั้นแปลกไปอย่างมาก มือทั้งสองข้างบิดไปข้างหลัง เท้าทั้งสองข้างงอเข้าหากัน ที่สำคัญที่สุดคือศีรษะเต็มไปด้วยพลังงานสีดำ เมื่อได้เห็นแสงอาทิตย์อีกครั้ง พลังงานสีดำก็หลั่งไหลออกมา
ฉินหลิวซีโยนยันต์ออกไป ทำให้พลังชั่วร้ายนั้นแตกกระจาย นางย่อตัวนั่งลงมองดูแล้วจึงเอ่ยว่า “ดูจากอายุกระดูก เป็นสตรีวัยสิบห้าปี มือและเท้าทั้งสองข้างคงจะถูกมัดถ่วงลงทะเลสาบ”
“เช่นนั้น…” เหวินสือมองดูสิ่งที่คล้ายกับเข็มสีดำที่แทงอยู่บนศีรษะด้วยความหวาดกลัว ในใจมีความรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ถูก
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “ใช้เข็มผนึกวิญญาณผนึกทวารทั้งเจ็ด ทำให้ดวงวิญญาณออกมาไม่ได้ และยิ่งไม่สามารถไปบอกใครได้”
นี่คือความจริงว่าเหตุใดนางจึงไม่สามารถตามป้ายสุสานกลับไปที่จวนเหวินได้
เหวินสือโมโหมาก “ใครกันช่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ ฆ่าคนไม่พอ ซ้ำยังจองจำวิญญาณ”
“พวกเจ้าหลบไป” ฉินหลิวซีวาดยันต์ปราบสิ่งชั่วร้ายชะล้างสิ่งสกปรก มือทั้งสองข้างร่ายคาถา ปากกล่าวพึมพำบางอย่าง “ฝุ่นและสิ่งสกปรกจงหายไป หลุมทั้งเก้ารองรับวิญญาณ…ส่งวิญญาณจากไป ขึ้นสู่สวรรค์”
ยันต์ในมือของนางได้ติดไฟขึ้นมาเองก่อนจะเสกไปที่ศพนั้น จากนั้นนางก็ดึงเข็มชั่วร้ายที่ผนึกทวารทั้งเจ็ดออกมาทีละเล่ม เมื่อดึงเล่มสุดท้ายออกมา ลมเย็นก็พัดขึ้นมาม้วนเอาหิมะบนพื้นขึ้นมาด้วย
ทุกคนยกมือขึ้นมาบังตามสัญชาตญาณ หลังจากเอามือลง ต่างก็กรีดร้องด้วยความตกใจ ไม่รู้ว่ามีเงามาปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาตั้งแต่เมื่อใด นางรูปร่างหน้าตางดงาม เห็นได้ชัดว่าเป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบห้าปี แต่กลับมวยผมขึ้น ทั้งตัวเต็มไปด้วยพลังความแค้น
“ห้าสิบปีมาแล้ว เฉียวเสี่ยวหลิงขอบคุณผู้มีพระคุณที่ช่วยปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ถูกจองจำของข้าออกมา เมื่อข้าแก้แค้นแล้ว ข้าจะกลับมาชดใช้บาปกับท่านผู้มีพระคุณ” เฉียวเสี่ยวหลิงคำนับฉินหลิวซี หันหลังเตรียมจากไป
“ช้าก่อน” ฉินหลิวซีเรียกนางไว้ กล่าวว่า “แค่ฆ่าเขา แต่ซุ้มประตูหมู่บ้านก็จะยังคงอยู่ ในภายภาคหน้าก็ยังมีคนอย่างเจ้าที่ต้องตายอย่างไม่ยุติธรรมเพราะสิ่งที่เรียกว่าสตรีบริสุทธิ์ มีเพียงแต่บอกความจริงแก่คนนอกที่ถูกหลอกลวงให้รับรู้ จึงจะไม่มีใครเดินตามรอยเจ้า กลายเป็น ‘สตรีบริสุทธิ์’ อีกในอนาคต”