คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1030 เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ได้รับพรเพราะหายนะ
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1030 เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ได้รับพรเพราะหายนะ
ตอนที่ 1030 เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ได้รับพรเพราะหายนะ
เมื่อห้าสิบปีก่อน เฉียวเสี่ยวหลิงพึ่งจะทำพิธีปักปิ่น ก็ถูกพ่อแม่ให้แต่งงานเป็นสะใภ้ของตระกูลผู้ใหญ่บ้านที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านตระกูลเหมยที่อยู่ข้างกัน เดิมทีนางคิดว่านางจะได้ไปจากครอบครัวดั้งเดิมที่ให้ความสำคัญกับบุรุษมากกว่าสตรี สามารถเริ่มต้นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อนางแต่งเข้าไป กลับเป็นเพียงการแต่งงานแก้เคล็ด
สามีที่แต่งงานด้วยถูกหินกระแทกศีรษะจนหมดสติ เพื่อแต่งงานแก้เคล็ด จึงได้ใช้ ‘สินสอด’ ราคาสามสิบตำลึงซื้อนางกลับมาเป็นสะใภ้ จากนั้นในเวลาไม่ถึงสามวันนางก็กลายเป็นหญิงม่ายบริสุทธิ์
ในตอนนั้นหมู่บ้านตระกูลเหมยได้มีซุ้มสตรีบริสุทธิ์แล้ว ซุ้มแรกแลกมาด้วยแม่เลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่ชื่ออย่างเป็นทางการคนหนึ่งในหมู่บ้าน นางเป็นเหมือนกับเฉียวเสี่ยวหลิง แต่งานได้เพียงสามวันก็กลายเป็นหญิงม่าย จากนั้นก็กลายเป็นแม่เลี้ยงของเด็กทั้งห้าคน ไม่ได้แต่งงานใหม่อีกตลอดชีวิต ทำงานหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกเลี้ยงทั้งห้าคนมาจนเติบใหญ่ สร้างหลักปักฐานให้พวกเขา ตอนเสียชีวิตก็กำลังทำงานอยู่ในทุ่งนา
และการตายของนางก็เป็นการเหนื่อยตาย
ด้วยเหตุนี้ แม่เลี้ยงที่ทุกคนต่างพากันชื่นชมผู้นั้นจึงได้แลกมาซึ่งซุ้มประตูสตรีบริสุทธิ์ ลูกเลี้ยงเหล่านั้นยังคงได้รับผลตอบแทนจากชื่อเสียงของนางหลังจากที่นางเสียชีวิตไปแล้ว น่าเสียดายที่นางไม่มีวาสนา แต่เฉียวเสี่ยวหลิงกลับมองว่านางโง่ ทั้งชีวิตไม่เคยมีความสุขเลยแม้แต่วันเดียว ทุกวันต้องทนทุกข์ทรมาน ซุ้มประตูนั้นให้ประโยชน์อะไรแก่นางได้บ้าง
เฉียวเสี่ยวหลิงอยากจะแต่งงานอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เรื่องง่าย ครอบครัวของสามีเอาแต่บอกว่าสตรีในหมู่บ้านตระกูลเหมยมีชีวิตอยู่ก็เป็นคนของหมู่บ้านตระกูลเหมย ตายไปก็เป็นผีของหมู่บ้านตระกูลเหมย ต้องรักษากฎเกณฑ์ ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยตัวคนไป ซ้ำยังมีความคิดชั่วร้ายให้น้องชายของสามีมาร่วมหอแทนพี่ชายที่จากไปเพื่อรักษาสายเลือดเอาไว้
ในเวลานั้นพวกเขากลับไม่ได้พูดถึงเรื่องสตรีบริสุทธิ์ และไม่กลัวว่าทารกในท้องของนางจะทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ
เฉียวเสี่ยวหลิงถูกพ่อแม่สามีบังคับมัดมือมัดเท้า แล้วให้น้องชายสามีที่อายุเพียงสิบสี่ปีลงมือ นางโกรธมาก ทำได้เพียงอดทนและหาโอกาสหนีไป
แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น นางมีใบหน้าอันงดงาม ความงดงามนี้ได้ดึงดูดจินตนาการของผู้คน น้องชายสามีกับพ่อสามีผลัดกันขืนใจนาง จนในที่สุดนางก็ตั้งครรภ์สายเลือดของคนที่ถูกเรียกว่าสามีผู้ล่วงลับ แต่กลับไม่รู้ว่าเป็นของใครกันแน่ อย่างไรเสียก็เป็นลูกของคนบาป
เมื่อตั้งครรภ์ แม่สามีก็บอกกับคนนอกว่าตัวเองตั้งครรภ์แล้ว เพื่อที่จะได้สะดวกในการให้เด็กอยู่ภายใต้ชื่อของนางในภายภาคหน้า รักษาชื่อเสียงที่ดีไว้
ตระกูลเหมยโกรธมาก ทุบตีนางจนบาดเจ็บสาหัส ไม่ง่ายเลยกว่าจะฟื้นตัวได้ สัตว์เดรัจฉานทั้งสองก็กลับมาอีกครั้ง แสดงความเป็นสัตว์ป่า ในขณะที่แม่สามีด่านางว่าเป็นโสเภณี
ครั้งนี้เฉียวเสี่ยวหลิงได้พบกับคนผู้หนึ่ง ลูกพี่ลูกน้องตระกูลเหมยที่มาขอยืมอะไรบางอย่างได้เห็นเหตุการณ์นี้เข้า เป็นคนที่หน้าตาคล้ายคลึงและอายุเท่ากันกับสามีผู้ล่วงลับจึงได้เป็นตัวแทนเขาเข้าพิธีแต่งงานกับนาง จากสายตาของคนผู้นั้น นางรู้ว่าเขาชอบนาง
ด้วยเหตุนี้นางจึงคิดว่าในที่สุดนางก็จะสามารถหลบหนีไปได้ แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น บุรุษตระกูลเหมยนั้นมีความน่ารังเกียจและโหดร้าย เขาไม่ได้ช่วยนาง เพียงแต่เข้าร่วมบังคับขืนใจนางด้วย
เฉียวเสี่ยวหลิงเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากนางขัดขืนไม่ยินยอมจึงถูกปิดปากปิดจมูกจนตาย คนตระกูลเหมยกลัวความผิด เกรงว่านางจะกลายเป็นผีร้ายมาแก้แค้นจึงไปเชิญนักพรตมาผนึกทวารทั้งเจ็ด เพื่อไม่ให้นางแก้แค้นและไปฟ้องที่ยมโลก แม้แต่โลงศพก็ไม่จัดเตรียมให้นาง มัดมือมัดเท้าไว้กับก้อนหินแล้วถ่วงลงทะเลสาบ จองจำเป็นเวลาห้าสิบปี
และที่โหดร้ายยิ่งกว่านั้นคือ หลังจากที่นางเสียชีวิต พวกเขาก็ได้สร้างเรื่องที่น่าประทับใจเกี่ยวกับการเสียสละของนาง นางไม่ได้มีซุ้มประตู แต่คนตระกูลนั้นกลับได้รับชื่อเสียงมากมาย เพราะตระกูลของพวกเขามีสตรีผู้เสียสละ แต่นางกลับไม่สามารถไปเกิดใหม่ได้ จมอยู่ที่ก้นทะลสาบเป็นเวลาห้าสิบปี
“ฮือๆๆ” เหวินสือปาดน้ำตาพลางสะอึกสะอื้น “เหตุใดจึงได้น่าสงสารเช่นนี้”
เฉียวเสี่ยวหลิงเต็มไปด้วยพลังชั่วร้าย นางมองฉินหลิวซีแล้วจึงเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ แม้ว่าในชาติหน้าจะต้องกลายเป็นสัตว์เดรัจฉาน ข้าก็จะฆ่าพวกเขา!”
“ผีร้ายฆ่าคนนั้นได้แก้แค้น แต่ความจริงจะถูกซ่อนไว้ใต้ดินตลอดไปโดยไม่มีใครรับรู้ พวกเขาเป็นขุนนางในราชสำนัก ซ้ำยังเป็นขุนนางใหญ่ เจ้าเป็นผู้ถูกระทำ สามารถฟ้องร้องได้” ฉินหลิวซีชี้ไปที่ลู่สวิน ก่อนจะเอ่ยว่า “ยังคงยืนยันคำเดิม มีเพียงรื้อถอนซุ้มประตูที่ปกปิดความอัปลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนั้นได้ ที่นั่นจึงจะไม่มีการสร้างซุ้มประตูอีกต่อไป ทุกสิ่งที่เจ้าเคยประสบในตอนนั้นจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ คืนชื่อที่แท้จริงให้กับเจ้า”
เฉียวเสี่ยวหลิงมองไปยังลู่สวิน “เป็นเวลาห้าสิบปีแล้ว ฟ้องร้องไป ยังจะสามารถทำให้พวกเขารับสารภาพได้หรือ”
ลู่สวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าวางใจเถิด ตราบใดที่เจ้าฟ้องร้อง พวกเขาก็หนีไปไหนไม่ได้แล้ว”
“ตกลง ข้าฟ้อง” เฉียวเสี่ยวหลิงลดสายตาลง กล่าวว่า “แต่ข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาไป”
เหวินสือถามอีกว่า “คือว่า ตั้งแต่ที่เจ้าถูกจับถ่วงทะเลสาบ แล้วใครเป็นคนช่วยตั้งป้ายสุสานให้เจ้า ข้าไม่รู้ว่านั่นคือป้ายสุสาน มิเช่นนั้นก็ไม่กล้านำกลับเรือนไปแกะสลักหรอก”
เฉียวเสี่ยวหลิงแสยะยิ้ม “เป็นคนที่ให้ความหวังแก่ข้า แต่กลับผลักข้าเข้าสู่ขุมนรกด้วยมือของตัวเอง เขาคนนั้นเป็นคนตั้งให้ แต่ก็เพียงป้ายสุสาน จะสามารถชดใช้ความชั่วที่เขาก่อได้อย่างไร ฝันไปเถอะ!”
“เป็นคนที่เข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าผู้นั้นหรือ”
เฉียวเสี่ยวหลิงพยักหน้า ไม่ได้สนใจแม้แต่นิด
เหวินสือกล่าวว่า “ข้าจะช่วยเจ้ารวบรวมกระดูกแล้วเชิญไต้ซือเลือกที่ฝังศพให้ใหม่ เจ้ากับข้ามีกรรมต่อกัน ก็นับว่าได้รับการแก้ไขแล้วกระมัง”
เฉียวเสี่ยวหลิงคำนับเขา “รบกวนคุณชายด้วย”
นี่เป็นข้อตกลงที่เสร็จสิ้นแล้ว!
เหวินสือเกือบจะเผยให้เห็นรอยยิ้ม แต่ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม รีบให้คนไปเอาโกศมา หยิบถุงมือมาสวม จากนั้นก็เก็บรวบรวมกระดูกใส่ไว้ในโกศด้วยตัวเอง
ฉินหลิวซีแปะยันต์วิญญาณไว้ด้านบน
เฉียวเสี่ยวหลิงรู้สึกขอบคุณ นางกล่าวขอบคุณฉินหลิวซีอีกครั้ง
ในเมื่อเก็บรวบรวมกระดูกเรียบร้อยแล้ว ฉินหลิวซีก็หาสถานที่ที่เป็นฮวงจุ้ยที่ดีสำหรับการฝังศพใหม่ในบริเวณใกล้เคียง เหวินสือพาคนไปตามหาก้อนหินหนึ่งก้อนที่เหมืองหิน ตั้งป้ายสุสานขึ้นมาใหม่
เมื่อทุกอย่างจัดการอย่างเหมาะสมแล้ว เหวินสือก็รู้สึกว่าความหนักอึ้งของร่างกายได้หายไป รู้สึกสบายและผ่อนคลายทั้งตัว
ฉินหลิวซีมองเห็นบุญกุศลตกลงสู่แท่นวิญญาณของเหวินสือ นับว่าเขาได้รับพรจากหายนะ
กลุ่มคนเดินทางกลับไปที่หมู่บ้านตระกูลเหมยอีกครั้ง ลู่สวินให้ผู้ติดตามขี่ม้าเร็วไปเชิญนายอำเภอ
และเมื่อผู้ใหญ่บ้านเหมยเห็นว่าพวกเขากลับมาอีกครั้งก็หัวใจเต้นรัว มีลางสังหรณ์ว่าจะมีลางร้ายเกิดขึ้น ยังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยปาก ลมเย็นก็ได้ปกคลุมเขา พลังชั่วร้ายกลายเป็นมีด ฟันไปบนร่างกายของเขาทีละครั้ง เลือดไหลออกมาจากผิวหนัง ทำให้เสื้อผ้าของเขากลายเป็นสีแดงฉานในทันที
คนในหมู่บ้านกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
เหวินสือไปยืนอยู่ข้างเจ้าโสมน้อยด้วยความกลัว เอ่ยอย่างสั่นเทาว่า “ขอบคุณท่านอาจารย์จริงๆ ที่ช่วยชีวิตสุนัขอย่างข้า”
เมื่อเห็นเฉียวเสี่ยวหลิงคลุ้มคลั่งขึ้นมา หากเขาเก็บป้ายสุสานนั้นไว้ตลอดไป ก็จะมีสภาพอนาถเหมือนกับเหตุการณ์ในตอนนี้ใช่หรือไม่
เจ้าโสมน้อยผลักเขาออกด้วยความรังเกียจ “จะพูดก็พูดไป ไม่ต้องเข้ามาใกล้ข้าขนาดนี้”
เหวินสือกล่าวว่า “ไม่ได้ เจ้ามีกลิ่นหอมทำให้ข้ารู้สึกสบายใจ” เขากล่าวพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง
เจ้าโสมน้อยสบถ นับว่าเจ้ารู้จักของดี
เมื่อฉินหลิวซีเห็นสมควรแล้ว จึงกล่าวว่า “หากเขาตายจะไม่มีหลักฐานใดพิสูจน์ได้แล้ว”
พลังหยินชั่วร้ายพลันหยุดลงในทันที
เฉียวเสี่ยวหลิงจ้องไปยังผู้ใหญ่บ้านเหมยซึ่งกำลังร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำ พลังความแค้นพุ่งทะยาน
ในเวลานี้ลู่สวินได้ก้าวไปข้างหน้า กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เหมยชังฮุย มีคนฟ้องร้องเจ้ากับเหมยโหย่วเหลียงว่าบังคับขืนใจและฆ่าเฉียวเสี่ยวหลิงที่เป็นสตรี ทหาร มาเอาตัวพวกเขาไป!”
ผู้ใหญ่บ้านเหมยรูม่านตาหดลง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นกลับมองเห็นร่างผีของเฉียวเสี่ยวหลิง เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัวราวกับเจ้าเข้า
ในที่สุดนางก็กลับมาแก้แค้นแล้ว!