คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1031 ช่วยคนด้วยความตกใจ ข้าช่วยท่านตามหา
ตอนที่ 1031 ช่วยคนด้วยความตกใจ ข้าช่วยท่านตามหา
เฉียวเสี่ยวหลิงเสียชีวิตมาแล้วห้าสิบปี แต่วิญญาณผีของนางกลับมาฟ้องเรื่องครอบครัวของอดีตสามีนามว่าเหมยโหย่วเหลียงในข้อหาฆาตกรรม แม้ว่าจะน่าเหลือเชื่อเล็กน้อย แต่เนื่องจากว่าลู่สวินและพรรคพวกได้พบกระดูกจากทะเลสาบแห้งและมีเข็มสะกดวิญญาณเป็นหลักฐาน และอดีตน้องสามีของนาง ซึ่งตอนนี้เป็นผู้ใหญ่บ้านเหมยก็เห็นวิญญาณของนาง ซ้ำยังประสบกับความทุกข์ทรมานจากการถูกวิญญาณร้ายตามหลอกหลอน จึงไม่กล้าคัดค้าน ย่อมรับสารภาพแต่โดยดี
สำหรับผู้ใหญ่บ้านเหมย การติดคุกนั้นปลอดภัยกว่าการอยู่ข้างนอก
ในเมื่อมีผู้ร้องทุกข์ และอาชญากรสารภาพผิด ซ้ำยังมีลู่สวินซึ่งเป็นคนข้างกายที่ฮ่องเต้ภาคภูมิใจได้สอบปากคำด้วยตัวเอง คดีนี้จึงถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว และเนื่องจากลู่สวินขอให้ราษฎรมารับฟังการพิจารณาคดีในห้องโถง คำพูดจึงถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ในขณะเดียวกันก็มีสตรีบริสุทธิ์หลายคนในหมู่บ้านตระกูลเหมยมาร้องทุกข์ที่หน้าศาล พวกนางไม่ได้เต็มใจที่จะเป็นสตรีบริสุทธิ์ เป็นผู้ใหญ่บ้านและผู้อาวุโสบางคนในหมู่บ้านที่จำกัดเสรีภาพของพวกนาง ไม่ให้พวกนางแต่งงานใหม่
ที่แท้สิ่งที่เรียกว่าหมู่บ้านสตรีบริสุทธิ์ ก็เป็นเพียงซุ้มประตูที่ปกปิดความบาปหนา มันชั่วร้ายยิ่งกว่าหมู่บ้านทั่วไปเสียอีก
เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไปก็เกิดความโกลาหล ถกเถียงกันมากมาย
มีคนโง่เขลาหัวโบราณที่ยึดถือว่าสตรีไม่ควรมีสามีสองคน จะต้องซื่อสัตย์กับการแต่งงานและมีคุณธรรม ควรแก้ไขกฎหมายของต้าเฟิง และมีบางคนที่คิดว่าซุ้มประตูสตรีบริสุทธิ์นี้เป็นการพันธนาการสตรี เป็นผลเสียมากกว่าผลดี ไม่ควรได้รับการยกย่อง
ความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป
หมู่บ้านตระกูลเหมยจะเป็นอย่างไรต่อไป ฉินหลิวซีไม่ได้อยู่ฟัง นางเพียงแต่พาเถิงเจาไปสวดส่งดวงวิญญาณบริสุทธิ์ที่วนเวียนอยู่ในหมู่บ้านเหล่านั้นไม่จากไปไหน ระหว่างทางที่กลับไป เฉียวเสี่ยวหลิงกับผีสาวชุดขาวก็พากันมาหานาง
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนมีบาปชีวิตเพิ่มขึ้นมา ฉินหลิวซีไม่มีอะไรจะพูด เพียงแต่เอ่ยว่า “ต้องการให้ข้าสวดส่งวิญญาณพวกเจ้าหรือไม่”
“รบกวนท่านอาจารย์ด้วย” ทั้งสองคนคำนับพร้อมกัน
ฉินหลิวซีท่องพระสูตรดับทุกข์เพื่อไปเกิดใหม่ เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนสลายความแค้น กลับคืนสู่รูปลักษณ์เดิมที่ตายไปในตอนนั้น จากนั้นก็เปิดประตูวิญญาณแล้วส่งพวกนางเข้าไป
มีบุญกุศลบินมาหานาง
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก รับบุญกุศลนี้ และแบ่งคืนให้พวกนางเล็กน้อย
เมื่อมีบุญกุศลที่นางมอบให้ แม้ว่าจะต้องถูกลงโทษ แต่เมื่อกลับชาติไปเกิดก็ไม่ถึงขั้นต้องไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน สามารถไปเกิดเป็นชาวนาตัวน้อยที่อยู่อย่างสงบสุขได้ก็นับว่าดีแล้ว
ยิ่งใกล้ประตูทางเข้าเมืองหลวงมากเท่าไหร่ ฉินหลิวซีก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น นับข้อนิ้วทำนาย
เถิงเจาเอ่ยถามว่า “ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ”
ฉินหลิวซีกล่าวว่า “การออกเดินทางครั้งนี้ ข้าเคยทำนายไว้ว่าจะได้พบสหายเก่าจึงได้ตามมาด้วย แต่ตอนนี้ใกล้จะถึงเมืองหลวงแล้ว กลับไม่เจอใครเลยสักคน”
เจ้าโสมน้อยกล่าวด้วยความตกตะลึงว่า “เช่นนั้นก่อนหน้านี้ที่ท่านให้คนตระกูลเหวินตั้งป้ายอายุยืนให้ท่านจึงจะยอมมานั้นเป็นเพียงเรื่องหลอกลวงหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “นั่นเป็นค่าตอบแทนของข้า ข้าสมควรได้รับมัน”
ปีศาจโสมน้อยแสยะยิ้ม เหลือบมองออกไปข้างนอก กล่าวว่า “ข้างหน้าก็คือประตูเมืองแล้ว ท่านทำนายผิดไปหรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ไม่ผิด จะต้องได้พบสหายเก่า”
แต่สหายเก่าอยู่ที่ไหน
“คนผู้นี้สำคัญมากหรือ” เถิงเจาเอ่ยถาม
ฉินหลิวซีไม่ได้กล่าวอะไร เพียงแต่ได้ยินเสียงดังเอะอะโวยวายมาจากข้างหน้า นางมาที่ประตูรถแล้วมองออกไป มีสตรีขี่ม้าดำผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากในเมือง นางสะบัดแส้จนเห็นเป็นเพียงเงาลางๆ ข้างหลังนางยังมีองครักษ์ตามมาอีกสองสามคน ร้องตะโกนเรียกฮูหยิน
ก็ไม่รู้ว่าฮูหยินท่านนั้นร่างกายอ่อนแอหรือว่าเป็นเพราะอากาศหนาวจึงไม่มีแรง นางตัวสั่นเล็กน้อยขณะขี่อยู่บนหลังม้า และเนื่องจากว่าม้าตัวนั้นถูกเฆี่ยนจนวิ่งอย่างรวดเร็ว ฮูหยินที่อยู่บนหลังม้าจึงถูกเหวี่ยงขึ้นลง
ฉินหลิวซีเห็นโหงวเฮ้งของฮูหยินท่านนั้นอย่างชัดเจน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น คนผู้นี้มีกรรมสัมพันธ์กับนางจริงๆ ด้วย
แต่นางกลับไม่รู้จักฮูหยินท่านนี้
แย่แล้ว
ม้าตนนั้นถูกเฆี่ยนจนเจ็บปวด กีบเท้าหน้าของมันยกสูงขึ้น ฮูหยินผู้นั้นไม่ทันระวังจึงตกลงจากหลังม้า
“ฮูหยิน!” มีเสียงคนร้องตะโกน ควบม้าไล่ตามมาอย่างบ้าคลั่ง
ไม่ทันแล้ว
ฉินหลิวซีเคลื่อนไหวรวดเร็ว กระโจนออกไปพลางใช้พลังรั้งนางไว้ ในขณะที่นางใกล้จะหล่นลงพื้นก็ได้ดึงนางขึ้นมาด้วยมือข้างเดียว
ยังคงตกใจไม่หาย
เหตุการณ์นี้ทำเอาทุกคนตกใจจนมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
ฉินหลิวซีพยุงฮูหยินท่านนั้นให้ยืนขึ้น กล่าวว่า “เป็นอะไรหรือไม่”
เถิงเจาและคนอื่นๆ ได้วิ่งเข้ามาถึงแล้ว ลู่สวินและคนอื่นๆ ต่างก็ลงจากรถม้า เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของสตรีท่านนั้นอย่างชัดเจนก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยเรียก “ฮูหยินเซวีย?”
องครักษ์เหล่านั้นได้ตามมาถึงแล้วเช่นกัน ต่างพากันกระโดดลงจากหลังม้ามาคุกเข่าขอรับโทษ และที่ลงจากม้าตัวสุดท้ายก็เป็นบุรุษสีหน้าซีดเซียวมีเครา
“ใต้เท้าเซวีย” ลู่สวินโค้งคำนับอีกฝ่าย
เมื่อเซวียปั๋วเจิ้นเห็นลู่สวินก็โค้งคำนับกลับ ไม่มีเวลามาทักทายเขา รีบเดินไปหาฮูหยินของตัวเอง กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ฮูหยิน เหตุใดเจ้าจึงได้เอาแต่ใจเช่นนี้”
น้ำเสียงของเขาแฝงไว้ด้วยความโกรธเล็กน้อย แต่ที่มากไปกว่านั้นคือความตกใจและความกลัว มองสำรวจนาง “เจ้าทำข้าตกใจแทบแย่ พวกเรากลับไปรอที่เรือนเถิด ข้ารับปากเจ้าว่าจะต้องตามหาอิงเอ๋อร์กลับคืนมาให้ได้”
“ข้าจะกลับไปตามหาเอง อิงเอ๋อร์เรียกหาข้าอยู่ตลอด นางกำลังหวาดกลัว” ฮูหยินเซวียพูดจาวกวน “นางกำลังเรียกหาข้า ข้าต้องตามหานางให้เจอ”
“เจ้าเชื่อฟังข้า” เซวียปั๋วเจิ้นกอดนางไว้ ยกสันมือขึ้นตีไปที่ท้ายทอยของนาง ฮูหยินเซวียค่อยๆ ล้มลงในอ้อมแขนของเขา
เซวียปั๋วเจิ้นก้มลงอุ้มนางมาไว้ในอ้อมแขน มองไปยังฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ไม่ทราบว่าแม่นางผู้นี้อาศัยอยู่ที่ใด ชื่อแซ่ว่าอะไร บุญคุณที่ช่วยฮูหยินของข้า ข้าจะตอบแทนรางวัลอย่างงาม”
ฉินหลิวซีมองดูสตรีที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา จากนั้นก็มองเขาแล้วถามว่า “บุตรสาวของพวกท่านหายตัวไปหรือ”
เซวียปั๋วเจิ้นตกตะลึง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คิดเพียงว่าคำพูดของเขาเมื่อครู่นี้ทำให้คนตรงหน้าได้ยินเข้าแล้ว
“ใช่แล้ว”
“มีข้าวของของนางหรือแปดอักษรเวลาตกฟากของนางหรือไม่ ข้าจะช่วยตามหาให้ท่าน”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินหลิวซีอาสาที่จะช่วยแก้ไขปัญหา
เหวินสือที่พึ่งให้นางช่วยแก้ไขปัญหารู้สึกถึงความแตกต่างอันใหญ่หลวงนี้ ตระกูลของตัวเองขอความช่วยเหลือจากนางต้องจ่ายอะไรไปบ้าง
คืนหนี้ก้อนโตซ้ำยังให้ดอกเบี้ยมากมาย และตั้งป้ายอายุยืน ซ้ำเขายังวางแผนที่จะให้ค่าน้ำมันตะเกียงอย่างจริงใจเพิ่มอีกด้วย
แต่ตอนนี้เซวียปั๋วเจิ้นและคนอื่นๆ ไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ และนางก็ไม่รู้เรื่องราวภายในด้วยซ้ำ กลับอาสาที่จะช่วยเหลือ
ใต้เท้าเซวียไปทำบุญกุศลอันยิ่งใหญ่อะไรไว้
เซวียปั๋วเจิ้นก็รู้สึกแปลกๆ เช่นกัน หรือว่านี่จะเป็นคนบ้า
ลู่สวินก้าวไปข้างหน้า กล่าวว่า “ใต้เท้าเซวีย ท่านนี้คือท่านปรมาจารย์ปู้ฉิว เจ้าอาวาสอารามชิงผิงแห่งเมืองหลี หากบุตรสาวของท่านหายตัวไปหาไม่พบจริงๆ ก็สามารถลองดูได้”
“ใช่แล้วๆ ข้าก็พึ่งได้รับน้ำใจจากท่านอาจารย์” เหวินสือที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวขึ้นมาด้วยเช่นกัน
เซวียปั๋วเจิ้นยิ่งรู้สึกประหลาดใจ สองคนตรงหน้านี้ ใช่ว่าเขาไม่รู้จัก ล้วนสถานะสูงส่งกันทั้งนั้น แต่พวกเขากลับพูดแทนฉินหลิวซี
ไต้ซือ?
เซวียปั๋วเจิ้นเหลือบมองการแต่งกายของฉินหลิวซี กล่าวว่า “เหตุใดท่านจึงอยากช่วยพวกข้า”
“เนื่องจากมีกรรมต่อกัน แล้วก็มีวาสนาต่อกัน” ฉินหลิวซีตอบ
เนื่องจากนางเห็นถึงสายกรรมของตัวเองกับฮูหยินเซวีย บนตัวของใต้เท้าเซวียก็เช่นกัน นางมีกรรมสัมพันธ์กับสามีภรรยาคู่นี้ คงเป็นเพียงการสะท้อนจากบนตัวบุตรสาวของพวกเขา
ดังนั้นผู้ที่มีกรรมกับนางจริงๆ คือคุณหนูเซวียท่านนั้น