คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1033 ผู้กระทำผิดเป็นบุคคลอื่น
ตอนที่ 1033 ผู้กระทำผิดเป็นบุคคลอื่น
………………..
เขตฉีซานมีภูเขาลูกหนึ่ง เนื่องจากด้านล่างภูเขามีทะเลสาบอยู่ที่เชิงเขา เมื่อเงาภูเขาสะท้อนกับน้ำจึงมีรูปร่างเหมือนกับตะขอสีทอง จึงเรียกว่าตะขอทอง
เมื่อฉินหลิวซีพาเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยออกมาจากเส้นทางหยิน บังเอิญออกมาที่บริเวณริมทะเลสาบพอดี สีฟ้ายังคงแจ่มใส แต่ริมทะเลสาบกลายเป็นน้ำแข็งเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น และมีเงาภูเขาสะท้อนอยู่ในนั้น
“เป็นตะขอทองจริงๆ ด้วย” เจ้าโสมน้อยตะโกน มองไปรอบๆ พลางกล่าวว่า “แต่สถานที่นี้รกร้างไปหมดแล้ว บรรดาแม่นางเหล่านั้นจะไปซ่อนอยู่ที่ไหน”
ฉินหลิวซีมองสำรวจทะเลสาบน้ำแข็งแห่งนี้ จากนั้นก็มองไปที่ภูเขาตะขอทอง หรี่ตาลงครึ่งหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “พวกเราเข้าไปในภูเขากันเถิด”
เถิงเจามองไปยังเจ้าโสมน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าช่วยทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อยไม่ได้หรือ”
เจ้าโสมน้อยชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกถึงสิ่งที่ฉินหลิวซีกล่าวเมื่อก่อนหน้านี้ แล้วก็เปลี่ยนร่างกลายเป็นร่างที่แท้จริง มุดเข้าไปในป่า
“พวกเราไปกันก่อนเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ย
เถิงเจากล่าวว่า “ไม่รอมันหรือ จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือไม่”
“ในภูเขาเดิมทีก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับมัน หากแม้แต่เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่มีวิธีปกป้องตัวเองได้ เช่นนั้นก็ฝึกบำเพ็ญมาหนึ่งพันปีโดยเสียเปล่าแล้วจริงๆ” ฉินหลิวซีเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ย “เจาเจา พึ่งพาตนเองดีกว่าพึ่งพาผู้อื่น หากเอาชีวิตไปฝากไว้กับผู้อื่น เช่นนั้นก็จะปล่อยให้ผู้อื่นรังแกได้ตามใจชอบ อีกอย่างไม่มีใครสามารถอยู่ข้างกายเจ้าไปได้ตลอดชีวิตโดยไม่จากไปไหน หากสักวันหนึ่งพวกเราจากไปแล้ว มันจะทำอย่างไร!”
เถิงเจาเงียบไป
อาจารย์และลูกศิษย์เดินไปข้างหน้าได้ไม่นาน เจ้าโสมน้อยก็กลับมา กล่าวว่า “ในภูเขาลูกนั้นมีบ้านไม้ ด้านในมีนักพรตเฒ่ากำลังฝึกบำเพ็ญ หลายวันมานี้มีการเคลื่อนไหวมากมาย”
ฉินหลิวซีขมวดคิ้ว นักพรตเฒ่า?
ไม่ถูก รู้สึกว่าไม่ถูก ไม่ควรเป็นนักพรตเฒ่า
ฉินหลิวซีเดินไปตามเส้นทางเรียบบนภูเขาอย่างรวดเร็ว ก้าวฝีเท้าไวเป็นอย่างมาก
ในส่วนลึกของภูเขา กระท่อมหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ที่นั่นอย่างเงียบสงบ ในฤดูหนาวภูเขาจะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ซึ่งทำให้บ้านไม้เงียบสงบยิ่งขึ้น หากไม่มีหมอกดำเล็กๆ ล้อมรอบก็นับว่าเป็นสถานที่หลบภัยอันเงียบสงบ
เมื่อฉินหลิวซีและคนอื่นๆ เดินขึ้นไป พลันเห็นพลังหยินรุนแรงก็อดสีหน้ามืดครึ้มไม่ได้
“ถึงขั้นวางค่ายอาคมรวบรวมหยินเพื่อหล่อเลี้ยงสิ่งชั่วร้าย เขาคิดจะทำอะไร” ฉินหลิวซีมองดูพลังหยินหลั่งเข้ามาไม่ขาดสายอย่างเย็นชา
เถิงเจากล่าวว่า “ท่านอาจารย์ ให้ข้าลองสำรวจทำลายค่ายอาคมนี้ก่อนหรือไม่”
“ระวังตัวด้วย” ฉินหลิวซีไม่ได้ห้ามเขา
เถิงเจาหยิบเข็มทิศสีม่วงทองขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากถุงผ้าที่แบกไว้ข้างหลัง ก้มลงมองเข็มทิศที่หมุนอยู่พลางเดินไปทางด้านซ้าย
ฉินหลิวซีอยู่ข้างหลังเขา เห็นเขาก้าวเดินอย่างใจเย็น แต่ก็มาถูกทางแล้ว นางอดแอบพยักหน้าไม่ได้
เมื่อเดินเข้าไปในค่ายอาคม ทุกคนรู้สึกถึงพลังงานชั่วร้ายที่มาจากทุกทิศทาง ราวกับมีดน้ำแข็งเฉือนเลือดเนื้อของพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
“แสดงอำนาจของเทียนกัง เสวียนอู่ตามมา…แสงศักดิ์สิทธิ์ส่องประกาย ไท่ไป๋เป็นมงคล ข้าขอให้พระผู้เป็นเจ้าออกคำสั่งไม่ให้สิ่งชั่วร้ายกล้ำกลาย!” เถิงเจากล่าวพึมพำคาถา พลังแห่งคุณธรรมล้อมรอบตัวเขา ปิดกั้นการรุกล้ำของพลังงานชั่วร้าย
ฉินหลิวซีก็ได้ร่ายคาถาให้ตัวเองก่อนจะมองไปยังเจ้าโสมน้อย มันเองก็ใช้พลังเวทมนต์ที่ฝึกฝนด้วยแก่นแท้ของมันป้องกันตัวเอง
เถิงเจาคำนวณใจกลางค่ายอาคม ใบหน้าเล็กค่อยๆ ซีดขาว
“กดที่ประตูแปด หาตำแหน่งเฉียนคุณ เปิดประตูชีวิต” ฉินหลิวซีเห็นว่าสีหน้าของเขาค่อยๆ ซีดลง จึงให้คำแนะนำ
เถิงเจาหยุดชะงักฝีเท้า มองดูเข็มทิศ พบตำแหน่งเฉียนคุณที่นางกล่าวถึงแล้วเดินไป
เมื่อเขาเดินไปถึงตำแหน่งนั้นก็หยิบยันต์หนึ่งแผ่นออกมาจากถุงผ้า กดลงไปตรงกลาง “เจ้าแม่แห่งสายฟ้า โปรดมอบพลังศักดิ์สิทธิ์แก่ข้า ทำลาย!”
ปัง
ดูเหมือนภูเขาจะสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ทันทีที่ค่ายอาคมถูกทำลาย กระท่อมหลังเล็กก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา แต่ก่อนที่เถิงเจาจะดีใจ เข็มสีดำเล็กราวกับเส้นผมก็ถูกยิงมาที่ตรงหน้าเขา
เถิงเจาหลบหลีกอย่างรวดเร็ว เข็มเล่มนั้นเฉียดหูของเขาไป กลิ่นคาวเลือดน่าขยะแขยง
“ใครกันกล้าบุกเข้ามาในถ้ำของข้าปรมาจารย์จื่อหยาง ยังไม่รีบไปอีก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ” น้ำเสียงน่าขนลุกดังขึ้น ทั้งที่ไม่รู้ว่าต้นเสียงมาจากไหน ทำเอาคนรู้สึกปวดแก้วหู
เมื่อกล่าวจบ เข็มพลังชั่วร้ายอีกเล่มก็พุ่งเข้าใส่พวกเขา
ฉินหลิวซีสะบัดแขนเสื้อ ปัดเข็มเล่มนั้นสะท้อนกลับไป ในขณะเดียวกันก็โยนยันต์สายฟ้าเข้าไปในบ้านไม้สองแผ่น
มีเสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องสองครั้ง
บ้านไม้เก่าๆ ถูกระเบิดจนกระเด็นกลายเป็นเศษซาก ชายท่าทางแปลกประหลาดสวมเสื้อคลุมลัทธิเต๋าสีดำพุ่งทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อเขาสะบัดมือ ธงเรียกวิญญาณสีเลือดก็ปรากฏขึ้นในมือ “ธงเลือดหมื่นผีออกมา ผีทุกตนฟังคำสั่งข้า จงปรากฏกาย”
ธงเลือดหมื่นผีของเขาหมุนอยู่กลางอากาศ จากนั้นก็มีผีโผล่ออกมาจากข้างใน พุ่งเข้าใส่ฉินหลิวซีและคนอื่นๆ
เจ้าโสมน้อยตกใจจนเกือบฉี่ราด นี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตความสามารถของเขา
ฉินหลิวซีดึงเขาไปข้างหลัง ถอดหินเก้าตาของเทพเฟิงตูออกมาจากที่คอ ปัดหมอกสีเลือดเข้มข้นออกไป ตีผีที่หวังจะกลืนกินพวกนางแล้วพุ่งเข้ามาตรงหน้าจนแตกกระจาย
เสียงผีโหยหวนและหมาป่าหอนดังขึ้น
เหล่าผีจ้องมองนางอย่างดุร้าย แต่กลับกลัวพลังที่ออกมาจากหินเก้าตาในมือของนาง ตัวสั่นเทา
นั่นเป็นพลังอำนาจความกดดันที่มาจากผู้นำแห่งยมโลก!
เมื่อนักพรตปีศาจที่เรียกตัวเองว่าจื่อหยางเห็นดังนั้น ก็จ้องมองไปยังหินเก้าตาที่ราวกับมีอักขระแสงสีทองนับพัน กล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ เจ้าไม่สามารถต้านทานธงเลือดหมื่นผีของข้าได้ เครื่องรางของเจ้าคืออะไร”
เขาไม่เคยเห็นหินเก้าตาที่ทรงพลังขนาดนี้มาก่อน!
“เดาสิ!” ทันทีที่ฉินหลิวซียิ้ม ก็โยนหินเก้าตาขึ้นไปกลางอากาศ “เทพเฟิงตู ราชาศักดิ์สิทธิ์ ผู้มีอำนาจทั้งห้าภพ กวาดล้างสิ่งชั่วร้าย จงออกคำสั่งโดยพลัน!”
ทันใดนั้นหินเก้าตาก็เปล่งแสงสีทองสว่างสาดส่องไปยังผีนับหมื่นจนพากันกลายเป็นฝุ่นควัน ดวงวิญญาณแตกสลายไป
ตุบ ธงเลือดหมื่นผีร่วงลงบนพื้น ติดไฟเผาไหม้ขึ้นมาเอง
“ไม่!” จื่อหยางร้องด้วยความโกรธแค้น ดึงกระดิ่งหยินออกมาจากเอวแล้วเขย่ามัน
เสียงผีที่เจาะทะลุแก้วหูดังก้องอยู่ในหู ทำเอาดวงวิญญาณสั่นสะท้าน
เถิงเจาหยิบกริชกิเลนของตัวเองออกมา ใช้มือลูบ ปากท่องคาถาปรมาจารย์สวรรค์ “โอม ผู้มีอำนาจแห่งเมิ่งจี๋…ประหารศีรษะผีร้าย อย่าให้รอดไปได้ ข้ารับคำสั่งปรมาจารย์สวรรค์ ทหารศักดิ์สิทธิ์รับคำสั่งโดยพลัน ประหารสิ่งชั่วร้าย!”
เมื่อร่ายคาถาจบ กริชกิเลนในมือของเขาก็พุ่งไปยังนักพรตปีศาจจื่อหยางผู้นั้น
อาจารย์และลูกศิษย์ร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู ทำเอาปรมาจารย์จื่อหยางผู้นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปมาก ใช้กระดิ่งหยินบังไว้ตามสัญชาตญาณ เสียงดังกริ๊ง กริชกิเลนทำเอาบนตัวกระดิ่งเป็นรอย จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางแทงไปที่ขมับของเขา ไฟที่แผดเผาออกมาจากกริชทำให้เขาตกใจกลัว ยกมือบังอีกครั้ง มือรู้สึกชาและเจ็บปวด นิ้วของเขาถูกกริชกิเลนตัดไปหนึ่งนิ้ว
ความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างรุนแรงทำเอาเขาคำรามออกมา ตกลงมาจากกลางอากาศ จ้องมองไปที่พวกเขา “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้ากับข้าไม่ได้มีความแค้นใดๆ ต่อกัน เหตุใดจึงต้องมารุกล้ำข้า”
เจ้าโสมน้อยดีดตัวขึ้นมา คำถามนี้เขาตอบเอง
“พวกเราเป็นแสงแห่งคุณธรรม ส่องสว่างปราบสิ่งชั่วร้าย!”
ฉินหลิวซีดันเขาออกไปด้านข้าง “เลิกโม้ได้แล้ว ไปรออยู่ด้านข้าง หากว่างมากนักก็ไปหาตัวคน”
เจ้าโสมน้อยเกาจมูกอย่างเขินอาย ฟังเสียงแล้วก็วิเคราะห์ตำแหน่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าไปในหุบเขา
ฉินหลิวซีก้าวไปข้างหน้า จ้องนักพรตปีศาจจื่อหยาง ถามว่า “เจ้าลักพาตัวสตรีที่เป็นหยินบริสุทธิ์เหล่านั้นมีจุดประสงค์อะไร”
จื่อหยางตกตะลึง
ฉินหลิวซีเห็นปฏิกิริยาของเขาอย่างชัดเจน ไม่ใช่ฝีมือของเขาจริงๆ ด้วย!