คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1035 วั่งชวนกลายเป็นอู๋ฉิงแล้ว
………………..
น้ำมันศพจุดตะเกียง เดิมทีก็เต็มไปด้วยพลังหยิน เมื่อมีลมหนาวพัดมาจากในถ้ำ พลังหยินที่อุโมงค์ทางเดินก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น หนาวจนทำให้ตัวสั่น
เจ้าโสมน้อยเข้าไปใกล้ฉินหลิวซี ปากบ่นพึมพำ ข้ามีราชามารผู้ยิ่งใหญ่ปกป้อง ไม่กลัวหรอก!
ราชามารผู้ยิ่งใหญ่กลอกตาใส่เขา เดินเข้าไปในถ้ำ
ทันใดนั้นตรงหน้าก็พลันสว่างขึ้น
ถ้ำขนาดใหญ่ถูกแบ่งออกเป็นหลายพื้นที่ หนึ่งในนั้นทะลุเข้าไปในตัวภูเขา มีสตรีท่าทางเหม่อลอยหลายคนถูกขังอยู่ข้างใน ไม่มีประตู แต่วางค่ายอาคมไว้ คนธรรมดาไม่สามารถฝ่าออกมาได้
“ซีซี ท่านดูสิ” เจ้าโสมน้อยอุทาน
ฉินหลิวซีกับเถิงเจามองไปตามสายตาของมัน เห็นเด็กผู้หญิงที่โตได้เพียงครึ่งเดียวสามคนนอนอยู่ข้างกองเลือด เมื่อเดินเข้าไปดู ผิวของพวกนางเหี่ยวย่นราวกับว่าแก่ลงในชั่วข้ามคืน ผิวหนังติดกระดูก มีผมหงอกสองสามเส้นติดอยู่บนหนังศีรษะ ศพแห้งน่ากลัวเป็นอย่างมาก
นี่คือสิ่งที่จื่อหยางกล่าวไว้ เมื่อหยินหยวนถูกพรากไปสตรีก็จะสูญเสียแก่นแท้ทั้งหมด
ความจริงแล้ว พวกนางก็ไม่ได้มีพลังชีวิตแล้ว
ฉินหลิวซีมองไปยังสระเลือด น้ำเลือดเหนียวเข้มข้น ทำเอานางอยากจะอาเจียน
ในพื้นที่อื่นก็มีกองกระดูก เพียงแต่ไม่มีกะโหลกศีรษะ คาดว่านักพรตจื่อหยางคงจะใช้กะโหลกศีรษะมาทำเป็นตะเกียงหมดแล้ว นี่เป็นความชั่วร้ายแบบใดกัน
เจ้าโสมน้อยอุดจมูก ไปที่โอ่งเครื่องปั้นดินเผา เห็นว่าข้างในนั้นมันเยิ้ม แต่เต็มไปด้วยพลังหยินรุนแรง กลิ่นหอมประหลาดนั้นแรงมากกระทั่งอุดจมูกอยู่ก็ยังสามารถได้กลิ่น
เขาถามอย่างสั่นเทาว่า “ซีซี ทั้งหมดนี่คงไม่ใช่น้ำมันศพหรอกกระมัง”
โรคจิตเกินไปแล้ว!
ฉินหลิวซีเหลือบมอง น้ำมันใสและมีกลิ่นอบอวล แต่พลังหยินกลับผสมปนเปกันก็ไม่รู้ว่ารวบรวมกี่คนจึงจะสามารถกลั่นน้ำมันศพออกมาได้เป็นโอ่งเช่นนี้
นางมีสีหน้าขยะแขยง ดีดเปลวไฟเข้าไป โอ่งเครื่องปั้นดินเผาส่งเสียงดังปัง น้ำมันศพจุดติดไฟ ทำเอาในถ้ำสว่างไสวเหมือนแสงกลางวัน และเผยให้เห็นบาปทั้งหมดในถ้ำตรงหน้า
แต่ว่าไม่มีดวงวิญญาณอยู่ที่นี่สักตน
“ไม่มีผีแม้แต่ตนเดียว เกรงว่าจะถูกนักพรตปีศาจผู้นั้นเอาไปฝึกวิชามารแล้ว” เถิงเจากล่าวพลางขมวดคิ้ว ในมือของนักพรตปีศาจเมื่อครู่นี้มีธงเลือดหมื่นผีอะไรนั่น ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้กี่ดวงวิญญาณจึงจะทำสำเร็จ
ฉินหลิวซีจุดไฟที่บ่อเลือดอีกครั้ง เดินไปอยู่ตรงหน้าถ้ำที่ขังคนไว้ก่อนจะทำลายประตูค่ายอาคม
แม้ว่าจะมีการเคลื่อนไหวรุนแรง แต่คนข้างในก็ยังคงไม่แสดงออกใดๆ ราวกับสูญเสียดวงจิต ไม่มีการตอบสนองต่อโลกภายนอกแม้แต่นิด เฉื่อยชาเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีมองดูคนเหล่านั้น กวาดสายตาไปรอบๆ แต่กลับไม่พบคุณหนูตระกูลเซวียผู้นั้น นางไม่ได้อยู่ที่นี่ และบรรดาสตรีเหล่านี้ก็ไม่ได้มีกรรมสัมพันธ์กับนาง แต่ศพทั้งสามบนพื้นที่ถูกเอาหยินหยวนไปกลับหนีไม่พ้นสายกรรม
“เจาเจา พวกเจ้าไปดูให้พวกนาง”
ฉินหลิวซีกำชับเถิงเจาให้ไปรักษาพวกนาง ส่วนตัวนางก็ไปสำรวจในถ้ำ
หลังจากเดินไปรอบๆ นางก็ไปยืนอยู่หน้าโอ่งทรงกลมซึ่งวาดด้วยอักขระค่ายอาคมแปลกๆ บนตัวโอ่งก็ถูกวาดด้วยยันต์แปลกๆ และโอ่งนี้…
นางเอื้อมมือออกไป แล้วก็ดึงมือกลับ สีหน้ามืดครึ้ม นี่เป็นโอ่งที่ทำมาจากเลือดเนื้อของคน
ฉินหลิวซีเปิดฝาโอ่ง ชะเง้อมองดู เห็นเด็กผู้หญิงนั่งอยู่ในโอ่งโดยมียันต์ติดอยู่ มีสิ่งกลมๆ คล้ายกับลูกปัดสีเลือดลอยอยู่รอบตัวนาง
แก่นแท้ของเลือดแต่กำเนิดของสตรีคือหยินหยวน
ฉินหลิวซีสูดหายใจ ปลดยันต์ที่ติดอยู่บนหน้าผากของหญิงสาวออก รู้ได้ทันทีว่านี่คือเด็กคนนั้นที่นางต้องการตามหา
เซวียอวี่อิง
ในเวลานี้เด็กสาวไม่มีสติ ดวงตาปิดสนิท ผิวหนังแห้งมีรอยเหี่ยวย่น ไม่เหมือนกับเด็กอายุสิบสองปี พลังงานแห่งความตายแทบจะปกคลุมทั่วทั้งใบหน้าของนาง
เมื่อหยินหยวนถูกดึงออกมา นางแก่ตัวลง เสื่อมโทรม และมุ่งหน้าสู่ความตาย
มือทั้งสองข้างของฉินหลิวซีร่ายคาถา ทำลายโอ่งชั่วร้ายนี้แตกกระจาย พลังชั่วร้ายพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง แต่นางกลับหลบหลีกได้ทั้งหมด
ด้วยสายตาที่รวดเร็วและมือที่ว่องไว นางคว้าหยินหยวนที่พยายามจะหลบหนีพลังชั่วร้าย ใส่มันลงไปในขวดหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณ จากนั้นก็มอบปราณแท้ให้กับเซวียอวี่อิงเพื่อปกป้องหัวใจของนาง และยังได้มอบบุญกุศลตกลงบนแท่นวิญญาณของนาง โดยใช้พลังแห่งบุญกุศลปกป้องดวงวิญญาณ เพื่อไม่ให้นางเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ
หลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการนี้ จู่ๆ นางก็รู้สึกถึงบางอย่าง เขย่งปลายเท้าพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ หยิบกระจกดูดวิญญาณเฉียนคุนออกมาแล้วส่องดู
โอ๊ย
เสียงกรีดร้องอันเล็กแหลมดังขึ้น มีคนปรากฏตัวขึ้นมา รูปร่างผอมซูบ สวมชุดคลุมสีดำและหมวกใบใหญ่ ทำให้มองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของนางได้ไม่ชัดเจน
ฉินหลิวซีกลับมองเห็นคางกลมเล็ก บีบกระจกดูดวิญญาณไว้แน่น มองนาง ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรง “วั่ง…”
เด็กน้อยชุดดำแบมือขึ้น มีดสังหารวิญญาณสองเล่มปรากฏในมือ พุ่งเข้าฟันฉินหลิวซีอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นหัวใจของฉินหลิวซีราวกับถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ สายตาเจ็บปวด ก้าวถอยหลังไปหลายจั้ง[1]
เด็กน้อยชุดดำไม่ยอมปล่อยไป ครั้งแรกโจมตีล้มเหลว มีดหนึ่งในนั้นพุ่งออกจากมือไปทางฉินหลิวซี แล้วนางก็ใช้ท่าวิหคกางปีก มีดอีกเล่มในมือนางที่มองเห็นเป็นเพียงเงาวูบไหวฟันลงไปในแนวนอน
“ท่านอาจารย์” น้ำเสียงกังวลแฝงไว้ด้วยความร้อนใจดังมาจากทางด้านหลังไม่ไกล
เด็กน้อยชุดดำใจสั่นเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ ตัวเองจึงได้ใจสั่น แต่ยังคงจับมีดสังหารวิญญาณในมือเอาไว้แน่น พุ่งไปหาฉินหลิวซี
คนผู้นี้ทำลายแผนการของนาง ต้องสังหาร!
ฉินหลิวซีเอาโซ่ตรวนวิญญาณเกี่ยวมีดสังหารวิญญาณที่โจมตีตัวเองเอาไว้ ออกแรงบิด มีดหักล่วงลงบนพื้น
เด็กน้อยชุดดำรูม่านตาแทบจะเป็นสีดำสนิท ทั้งร่างกายมีพลังชั่วร้ายพวยพุ่งออกมา ราวกับถูกมารครอบงำ เข้าฟันฉินหลิวซีโดยไม่ลังเล
ฉินหลิวซีสะบัดโซ่ตรวนวิญญาณ ราวกับโซ่ตรวนวิญญาณในมือนางมีจิตวิญญาณ กลิ้งไปทางเด็กน้อยชุดดำ ดึงนางเข้ามาใกล้ก่อนจะโบกมือปัด หมวกที่คลุมศีรษะของนางร่วงหล่นลง เผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด ดูเด็กเป็นอย่างมาก แต่สีหน้าของนางกลับเย็นชา ไม่ได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
“วั่งชวน”
เมื่อเถิงเจากับเจ้าโสมน้อยที่วิ่งเข้ามาได้ยินคำพูดของฉินหลิวซีก็ตกตะลึงไป มองไปยังคนชุดดำร่างเล็กผู้นั้น
เป็นวั่งชวนหรือ
การทำนายที่ฉินหลิวซีบอกว่าจะได้พบสหายเก่า ก็คือนางหรือ
แต่เหตุใดนางต้องโจมตีฉินหลิวซี ต่อสู้อาคมราวกับไม่คิดชีวิต นางบ้าไปแล้วหรือ
“ข้านามว่าอู๋ฉิง เจ้าทำลายแผนการของข้า ตายซะ” อู๋ฉิงถูกโซ่ตรวนพันไว้ก็ไม่ร้อนรน บุกต่อไปไม่ถอย หยิบกริชที่ทำจากกระดูกงูยักษ์ออกมาจากเอวแทงไปที่ฉินหลิวซี
เจ้าโสมน้อยร้องอุทาน “วั่งชวนน้อย เจ้าจะสังหารอาจารย์หรือ”
เถิงเจาได้พุ่งเข้าไปหานางแล้ว ไม่ได้นะ
อู๋ฉิงสีหน้าไร้ความรู้สึก กริชนั้นเกือบจะเข้าใกล้หัวใจของฉินหลิวซี ทันใดนั้นก็มีแสงสีทองมหาศาลสว่างขึ้น นางกรีดร้องออกมา
กระจกดูดวิญญาณเฉียนคุนในอ้อมแขนของฉินหลิวซีส่องสะท้อนรูปร่างของนาง ภาษาสันสกฤตบนร่างของอู๋ฉิงปรากฏขึ้น โจมตีฉินหลิวซีอย่างแรง
ปัง
กระจกเฉียนคุนแตก ฉินหลิวซีกระอักเลือดออกมา แต่โซ่ตรวนวิญญาณในมือก็ไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่นิด ปล่อยนางไปไม่ได้
อู๋ฉิงตวัดฝ่ามือเข้าใส่ฉินหลิวซีโดยไม่คิด ดูเหมือนว่าฝ่ามือนั้นจะมีพลังมหาศาล ทำให้ฉินหลิวซีกระเด็นออกไป เมื่อโซ่ตรวนวิญญาณคลายออก นางก็หนีไปโดยไม่คิด
ก่อนจากไปนางหันกลับมามอง เห็นสายตาของสตรีผู้นั้นมองมาที่นางพอดี ผิดหวัง ปวดใจ โทษตัวเอง รู้สึกผิด มืดมน สุดท้ายก็กลับมาเรียบเฉย
อู๋ฉิงรู้สึกตื่นตระหนก รีบหนีไปราวกับหายตัวได้
[1] จั้ง หน่วยหนึ่งในมาตราวัดของจีน เท่ากับ 3.3 เมตร