คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1040 ไม่ลืมที่จะยืมสายฟ้าหล่อหลอมเครื่องราง
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1040 ไม่ลืมที่จะยืมสายฟ้าหล่อหลอมเครื่องราง
ตอนที่ 1040 ไม่ลืมที่จะยืมสายฟ้าหล่อหลอมเครื่องราง
………………..
เส้นที่หนึ่ง เส้นที่สอง เส้นที่สาม…เส้นที่เก้า
สายฟ้าสีม่วงทั้งเก้าเส้นผ่าลงบนร่างของฉินหลิวซี
ทุกคนพากันตกตะลึง ส่งเสียงกรีดร้อง
ลู่สวินตอบสนองเร็วที่สุด เอ่ยว่า “รีบช่วยคนเร็วเข้า”
แต่จะช่วยอย่างไร
ทันทีที่องครักษ์เคลื่อนไหว เถิงเจาก็ตะโกนห้ามพวกเขา “อย่าเข้าไป”
ทุกคนไม่เข้าใจ
“ไม่เป็นไร” เถิงเจาใบหน้านิ่ง แสร้งทำเป็นสงบ แต่หมัดที่กำไว้แน่นเผยให้เห็นถึงความกังวลของเขา
เจ้าโสมน้อยก็กำกระเป๋าที่เอวไว้แน่นก่อนจะเอ่ย “นี่เป็นการแบกรับห้าโทษสามวิบัติกระมัง หยินหยวนของทั้งสามคนที่ตายไปแล้ว เกรงว่าจะหายไปโดยสิ้นเชิง”
เถิงเจาไม่กล้ากล่าวอะไร
เจ้าโสมน้อยถอนหายใจ กล่าวว่า “วั่งชวนโหดร้ายเกินไปแล้ว” จากนั้นก็หยุดไปครู่หนึ่ง “ซีซีจะเสียใจหรือไม่ที่ตอนนั้นพานางกลับมาด้วย”
“ไม่มีทาง” เถิงเจามองดูฉินหลิวซีที่ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้า ให้ลู่สวินถอดเสื้อคลุมออกก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์ช่วยนาง และช่วยคนที่อยู่ในหมู่บ้านที่นางอาศัยอยู่ด้วย ในหมู่บ้านแห่งนั้น มีเด็กทารกที่บริสุทธิ์และเล็กกว่านาง ท่านอาจารย์แค่ทำไปตามหัวใจเต๋าก็เท่านั้น”
หากกลัวว่าจะต้องแบกรับผลกรรมที่นำมาซึ่งห้าโทษสามวิบัติ ฉินหลิวซีก็คงหลบซ่อนอยู่ในป่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องทางโลก เย็นชาเมินเฉย แล้วเหตุใดจึงต้องมาเป็นเจ้าอาวาสอารามชิงผิงด้วย
วิถีที่นางฝึกบำเพ็ญ ไม่ใช่วิถีสู่ความเป็นเซียนอันสูงส่ง เป็นวิถีคนธรรมดา
จะบอกว่านางหยิ่งก็ดี สูงส่งก็ช่าง ห้าโทษสามวิบัติ รับไว้ก็จบแล้ว
เจ้าโสมน้อยจึงเอ่ยถามว่า “แล้วเจ้าล่ะ เสียใจหรือไม่”
เถิงเจาเงียบไปพักใหญ่ กล่าวว่า “ข้าไม่เหมือนกับท่านอาจารย์”
ดังนั้นหมายความว่าเขาโกรธ โทษวั่งชวนที่นำความทุกข์เช่นนี้มาให้ท่านอาจารย์ แต่เขาก็รู้ว่าเป็นการเอาความผิดไปโยนที่นาง ตอนที่นางหายตัวไปเป็นความผิดของนางอย่างนั้นหรือ
กลับเป็นพวกเขาที่ปกป้องนางได้ไม่ดี ทำให้สูญเสียนางไป
สายฟ้าหยุดลงแล้ว
กลุ่มก้อนสีดำบนพื้นเต็มไปด้วยควันดำ และประกายไฟที่ระเบิดเป็นครั้งคราว
คงยังไม่ตายหรอกกระมัง
เถิงเจาก้าวไปข้างหน้า เอาเสื้อคลุมคลุมบนร่างของฉินหลิวซี เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เสื้อผ้าที่ขาดหลุดรุ่ยของนางทำให้เสียมารยาทต่อหน้าผู้อื่น เพียงแต่เมื่อสัมผัสพลังที่เหลือของสายฟ้าก็อดตัวสั่นไม่ได้
หลังจากนั้นก็พยุงฉินหลิวซีลุกขึ้นยืน ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ ถูกสายฟ้าฟาดเช่นนี้ก็ยังไม่ตาย ฝ่าด่านเคราะห์จนกลายเป็นเซียนแล้วกระมัง
เซวียปั๋วเจิ้นอดวิ่งเข้าไปหาไม่ได้ เอ่ยด้วยสีหน้าซีดเซียวว่า “เป็น เป็นอะไรหรือไม่”
ลู่สวินเอ่ย “ให้ข้าไปเชิญท่านหมอมาหรือไม่”
ฉินหลิวซีไอสองครั้ง ควันดำพ่นออกมา ผมก็ตั้งชันเป็นเส้นๆ กระตุกมุมปากก่อนจะเอ่ย “ไม่ต้อง ข้าขอจัดระเบียบสักหน่อย ต่อจากนี้ลูกศิษย์ข้าจะจัดการให้เสร็จเอง”
นางเดินเข้าไปที่ห้องรับแขกอีกด้านหนึ่ง เจ้าโสมน้อยเดินตามไป
อาจารย์และลูกศิษย์หายเข้าไปในห้องรับแขก ภายในเรือนเงียบงัน
เซวียปั๋วเจิ้นมองลู่สวิน กลืนน้ำลายก่อนจะกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ไม่เป็นไรจริงๆ หรือ”
“ยังเดินได้ พูดได้ คงจะไม่เป็นไร”
“โดนฟ้าผ่าจนสภาพอนาถขนาดนี้ก็ยังไม่เป็นไร” เซวียปั๋วเจิ้นสายตาเหม่อลอย กล่าวว่า “แต่อย่าให้เสด็จอารู้เป็นอันขาด มิเช่นนั้นจะต้องเชิญนางเข้าวังถามถึงวิชาการเป็นเซียนแน่นอน”
ลู่สวิน “…”
เดี๋ยวนะ ท่านกำลังสื่อถึงใครกัน
ในห้องรับแขก
ฉินหลิวซีหลบมือของเขา กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พึ่งจะกินไปหนึ่งเส้น หากกินเข้าไปอีกเลือดกำเดาก็จะไหลแล้ว เจ้าเอาไว้ให้ตระกูลเซวียสักหนึ่งเส้นเล็ก ให้พวกเขาเอาใส่หมูสับไม่ติดมันตุ๋นเป็นน้ำแกง ให้เซวียอวี่อิงกินเข้าไปพร้อมกันทั้งเนื้อหมูทั้งโสม เรื่องของนางก็นับว่าเสร็จสิ้นแล้ว เจาเจา ไปเอากระดาษกับพู่กันมา ข้าบอกแล้วเจ้าจดตาม”
เถิงเจายื่นน้ำชามาให้ มองดูสภาพน่าสังเวชของฉินหลิวซี ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ท่านดูแลตัวเองให้ดีขึ้นก่อนแล้วค่อยบอกข้าก็ยังไม่สาย”
“แค่นี้เรื่องเล็กน้อย” ฉินหลิวซีสูดหายใจเข้า ให้ตายเถอะ สายฟ้าเก้าเส้นนี่ทำเอาเวียนศีรษะจนตายลายไปหมด นางต้องทำสมาธิพักฟื้นสักสองสามวันจึงจะดี
เจ้าโสมน้อยเดินออกไปโดยไม่กล่าวอะไร ไปเอาเตาเล็กกับน้ำมา เอาโสมลงไปต้ม
เถิงเจาเขียนใบสั่งยารักษาตามคำพูดของฉินหลิวซี สุดท้ายฉินหลิวซีก็ปล่อยมือ ในมือของนางถือเครื่องรางหยกสองสามชิ้น แต่ไม่เหมือนกับหยกขาวสะอาดธรรมดาทั่วไป แต่เรืองด้วยแสงสีม่วง เหมือนกับสีสายฟ้าเมื่อครู่นี้เป็นอย่างมาก งดงามที่สุด
“นี่คือ…”
ฉินหลิวซีฉีกยิ้ม เลือดไหลออกมาจากมุมปาก ใช้แขนเสื้อเช็ดพลางกล่าวว่า “อย่างไรเสียก็ต้องถูกฟ้าผ่า สายฟ้าดีๆ เช่นนี้จะปล่อยให้สูญเปล่าไม่ได้ ปลุกเสกชั้นสายฟ้าให้กับเครื่องรางหยกของข้าพอดี ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและโชคร้าย ไม่แย่ไปกว่าไม้เหลยจี[1] ซ้ำยังดูดีด้วย”
ฟ้าผ่าเครื่องรางหยก ไม่แตกหัก แต่กลับเพิ่มพลังพิเศษในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย เป็นเครื่องรางชั้นเลิศ
เถิงเจาพูดไม่ออกเล็กน้อย แม้ว่าจะถูกฟ้าผ่า แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะปลุกเสกเครื่องรางหยกเหล่านี้ด้วย ใครจะไปคิดได้
เทพเจ้าสายฟ้าที่รู้สึกเหมือนถูกหลอกใช้ ‘สมแล้วที่เป็นนาง!’
เดิมทีหยกนั้นเปราะบาง ยิ่งถูกฟ้าผ่ายิ่งไม่ต้องพูดถึง หากอยากจะปลุกเสกให้สำเร็จ ก็ยังต้องแบ่งสมาธิร่ายคาถาปกป้องมันจึงจะสามารถใช้สายฟ้าหล่อหลอมได้
เมื่อหล่อหลอมสำเร็จก็จะทำให้หยกนี้เปล่งประกายด้วยสายฟ้าสีม่วง
เจ้าโสมน้อยเหลือบมองพลางเอ่ย “ไม่มีอะไรที่ท่านไม่ใช้ประโยชน์เลยจริงๆ”
ฉินหลิวซียื่นให้เถิงเจาหนึ่งเครื่องราง กล่าวว่า “ให้เด็กสาวคนนั้นพกติดตัวไว้”
เถิงเจารับมาก่อนจะเม้มริมฝีปาก กล่าวว่า “อาจารย์ เพียงแค่ให้ยันต์แคล้วคลาดคุ้มภัยธรรมดาทั่วไปก็พอแล้ว ท่านให้มากพอแล้ว”
ฉินหลิวซีจึงเอ่ย “คนที่เหลือข้าไม่สามารถช่วยได้ นางมีชะตาชีวิตน้อยนิด นับว่าชดใช้ให้นาง เจ้าอย่าลืมว่า แม้ว่าจะมีร่างกายเป็นหยินบริสุทธิ์ แต่หากยืนหยัดออกกำลังกายรักษาสุขภาพ อายุขัยก็จะไม่สั้นลง อายุห้าสิบปี ก็ยังนับว่าไม่สู้อายุขัยเดิม”
เถิงเจาเงียบไป
เจ้าโสมน้อยอ้าปาก จากนั้นก็เม้มริมฝีปาก นี่เป็นการชำระหนี้ให้วั่งชวน
“พวกเจ้าไปเถิด ข้าไม่เป็นไร ก่อนกลับมา ข้าได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์ปกป้องร่างกายเล็กน้อย ตอนนี้ถูกฟ้าผ่า กลับทำให้ร่างกายสงบลงได้ ข้าอยากจะกักตัวสักหน่อย” ฉินหลิวซีเอ่ย
เจ้าโสมน้อยให้นางดื่มชาโสมก่อน เมื่อเห็นนางดื่มแล้วจึงได้ถอยออกไปพร้อมกับเถิงเจา
จากนั้นก็ปิดประตู
“เจ้าอาวาสเป็นอะไรหรือไม่” ลู่สวินถามด้วยความเป็นห่วง
เถิงเจาสายหน้า มาที่ห้องของเซวียอวี่อิง เซวียปั๋วเจิ้นกับภรรยากำลังกระซิบกระซาบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉินหลิวซีเมื่อครู่นี้ เมื่อเห็นพวกเขามาแล้วก็รีบลุกขึ้นยืน
“ท่านอาจารย์ไม่เป็นอะไรจริงๆ ใช่หรือไม่” เซวียปั๋วเจิ้นกังวลเป็นอย่างมาก
ฮูหยินเซวียก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าเป็นกังวล กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ถูกฟ้าผ่า เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของลูกข้าหรือไม่”
เถิงเจามองไปยังเซวียอวี่อิงที่อยู่บนเตียง เห็นว่านางกลับมามีรูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กสาวอายุสิบสองปีอย่างสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าสีหน้าจะยังคงซีดเซียว แต่พลังแห่งความตายบนใบหน้าได้จางหายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว คาดว่าพรุ่งนี้ก็คงจะฟื้นขึ้นมาได้แล้ว
“ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว เดิมทีคุณหนูเหลือโอกาสรอดเพียงริบหรี่ หากพวกเราตามไปไม่ทันเวลา เกรงว่า…ตอนนี้พลังชีวิตของนางฟื้นคืนเต็มที่แล้ว นับว่าได้ต่อสู้ชะตาชีวิตกับสวรรค์ ผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเต๋าฝ่าฝืนสวรรค์เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต ย่อมต้องประสบกับห้าโทษสามวิบัติ สิ่งที่นางโดนตอนนี้คือพิฆาตตัวเอง หากไม่ใช่ร่างกายพิการก็ไม่สมประกอบ ถูกฟ้าผ่า ร่างกายได้รับบาดเจ็บ”
ฮูหยินเซวียหน้าซีด กล่าวว่า “ท่านอาจารย์ช่างมีเมตตาอันใหญ่หลวง เป็นพวกเราที่นำปัญหามาสู่อาจารย์”
เถิงเจากล่าวว่า “ฮูหยินไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผู้ศึกบำเพ็ญเต๋าทุกคนต้องเผชิญ และนี่ก็เป็นกรรมที่ท่านอาจารย์สมควรได้รับ” เขายื่นเครื่องรางหยกประกายม่วงเม็ดนั้นไปให้ “นี่คือเครื่องรางหยกที่ท่านอาจารย์ใช้พลังแห่งสายฟ้าหล่อหลอมและปลุกเสกตอนที่ถูกฟ้าผ่าเมื่อครู่นี้ ให้คุณหนูพกติดตัวไว้ สามารถปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย หลีกเลี่ยงโชคร้าย คุ้มกันภัยได้”
เซวียปั๋วเจิ้นรีบรับมา เขามองดูเครื่องรางหยกประกายม่วงชิ้นนั้น ในใจพลันรู้สึกตื่นเต้น ของสิ่งนี้หาได้ยากนัก
[1] ไม้เหลยจี ไม้ฟ้าผ่า หมายถึง ไม้ที่เหลือจากต้นไม้ที่ปลูกตามปกติซึ่งถูกฟ้าผ่า