คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1044 ผู้มีญาณทิพย์โดยกำเนิด
ตอนที่ 1044 ผู้มีญาณทิพย์โดยกำเนิด
………………..
เหตุใดควงซานจึงมาที่นี่น่ะหรือ แน่นอนว่าเป็นเพราะถูกฉินหลิวซีเรียกมาเพื่อจัดการกับปีศาจร้ายตนนี้
เขาชอบหลอมศพมีชีวิตให้กลายเป็นปีศาจร้าย จากนั้นกลืนกินพลังวิญญาณของพวกเขา แล้วก็หลอมเป็นพลังปีศาจร้ายของตนเองนี่นา เช่นนั้นก็ลองลิ้มรสความเจ็บปวดจากการถูกกลืนกินพลังวิญญาณโดยราชาปีศาจที่แข็งแกร่งกว่าตนดูบ้างจะเป็นไร
ขณะที่อู๋ทงเทียนกำลังมึนงง วิญญาณของเขาก็ถูกควงซานจับขยี้ ก่อนจะกลืนลงไปโดยไม่แยแส
อู๋ทงเทียนวิญญาณแตกสลาย
ควงซานรู้สึกขยะแขยงถึงที่สุด
วิญญาณที่เขาเคยกลืนกินมาก็มิใช่น้อย แต่ที่สกปรกและเปี่ยมด้วยบาปหนาเช่นนี้ ความจริงสิบนิ้วมือก็ยังพอนับได้
ฉินหลิวซีมีสิ่งใดไม่พอใจในตัวเขาหรือไม่ ถึงได้เจาะจงเรียกเขามากลืนกินสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้
“หากใต้เท้ามีคำสั่งใด บอกได้ทันที มีเรื่องใดจะบัญชาโปรดบอกตามตรงเถิด ไม่ต้องดูถูกข้าน้อย” ควงซานเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะขมขื่น
ฉินหลิวซีเอ่ย “ไม่นี่ ที่นี่ไม่ใช่เขตปกครองของเจ้าหรอกหรือ มีปีศาจเช่นนี้เกิดขึ้น ข้าเพียงมาแจ้งเจ้าให้รู้เพื่อจัดการปัดกวาดให้เรียบร้อย”
ควงซาน “…”
เอ่ยเช่นนี้ ข้าต้องขอบคุณเจ้าที่โยนกองอุจจาระมาให้ข้ากิน แล้วยังต้องกลืนลงไปด้วยรอยยิ้มสินะ
เมื่อฉินหลิวซีเห็นท่าทางกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเขาก็หัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ไม่มีเรื่องอื่นใด เพียงไม่เจอเจ้ามาหลายปี คิดถึงเจ้า”
ควงซาน เจ้าฟังดูสิ ดูว่าข้าจะเชื่อหรือไม่
“ข้าเคยมีศิษย์ตัวน้อยคนหนึ่ง เป็นเด็กหญิง ถูกเอ้อฝูจับตัวไป ตอนนี้นางอายุประมาณสิบเอ็ดปี คาดว่านางคงบำเพ็ญเพียรวิถีไร้ใจแล้ว ดังนั้นตอนนี้จึงมีนามว่าอู๋ฉิง[1]”
ควงซานขมวดคิ้ว “วิถีไร้ใจหรือ นั่นเป็นวิชาที่มีในยุคที่พลังวิญญาณฟูมฟักและมนุษย์ยังสามารถบำเพ็ญเซียนได้ เมื่อบำเพ็ญวิชานี้ มนุษย์จะตัดขาดจากอารมณ์ความรู้สึกทั้งปวง กลายเป็นเครื่องจักรสังหารไร้หัวใจและไร้ความปรานี”
ฉินหลิวซีไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ทว่าแววตาเย็นชาลงไปมาก
โสมน้อยเอ่ยถาม “แล้วนางจะลืมผู้คนและเรื่องราวทั้งหมดด้วยหรือไม่”
“แน่นอน วิถีไร้ใจนั้นโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่อบำเพ็ญวิถีนี้ย่อมลืมทุกสิ่งทุกอย่าง” ควงซานเอ่ย “ตอนนี้แทบไม่มีผู้ใดบำเพ็ญวิถีไร้ใจอีกแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่พลังวิญญาณลดน้อยถอยลง การบำเพ็ญวิชานี้ย่อมต้องตัดขาดจากความรักความผูกพัน และยังต้องเผชิญกับความโดดเดี่ยว ข้าเคยได้ยินว่ามีนักพรตบำเพ็ญวิถีนี้ โดยขังตนเองในห้องมืดที่ไร้แสงสว่างสามวันสามคืน”
โสมน้อยรู้สึกงงงวย “เพียงแค่นี้ก็พอแล้วหรือ”
“มนุษย์อยู่ในที่มืดสนิท ไร้แสงสว่าง อย่าว่าแต่สามวันสามคืนเลย หากจิตใจอ่อนแอ ต่อให้เพียงครึ่งชั่วยามก็มิอาจทนทานได้ ความมืด โดยเฉพาะในความมืดมิดที่สมบูรณ์ มนุษย์จะเกิดความกลัว สงสัย เกิดภาพหลอน และในไม่ช้าก็จิตใจก็จะล่มสลาย” ฉินหลิวซีอธิบาย
โสมน้อยหน้าซีดเผือด “เช่นนั้นวั่งซวน…”
“อย่างไรการบำเพ็ญวิถีไร้ใจ ต้องตัดขาดจากความรักและความผูกพัน สิ่งที่ต้องเผชิญนั้นมิใช่สิ่งที่มนุษย์ทั่วไปจะทานทนได้” ควงซานเอ่ย “หากเด็กหญิงที่ชื่อวั่งชวนบำเพ็ญวิถีไร้ใจ ตอนนี้อายุเพียงสิบเอ็ดปี เรื่องที่นางได้ประสบมาเมื่ออายุน้อยๆ คง…”
เขาเห็นสีหน้าของฉินหลิวซีเริ่มทะมึนลงเรื่อยๆ จึงไม่กล้าพูดต่อ เปลี่ยนหัวข้อไปแทน “ท่านต้องการตามหานางหรือ”
“นางเคยจับเด็กหญิงที่มีพลังหยินบริสุทธิ์ไปหลายคนเพื่อนำหยินหยวนออกมา ข้าไม่รู้ว่านางจะปรากฏตัวเมื่อใดหรือทำสิ่งใดอีก เจ้าจงจับตาดูในเขตของเจ้า หากพบร่องรอยของนาง ส่งข่าวให้ข้าทันที”
“ได้ขอรับ”
ฉินหลิวซีครุ่นคิดชั่วครู่ เอ่ย “บอกพวกราชาผีตงฟางด้วย”
ควงซานขานรับอีกครั้ง
เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีไม่มีคำสั่งใดเพิ่มเติม เขาก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว มาไวและจากไปไวเช่นกัน
จากนั้นฉินหลิวซีเรียกโสมน้อยและเถิงเจาเตรียมตัวออกเดินทาง ทว่าพอหันกลับมา เถิงเจาได้หายไปแล้ว
“เจาเจา”
“ท่านอาจารย์ ข้าอยู่นี่ มาทางนี้”
ฉินหลิวซีเดินตามเสียงไป ที่นั่นเป็นป้าช้ารกร้าง เต็มไปด้วยกองกระดูกขาวโพลน พลังหยินแผ่ปกคลุมเข้มข้น ไม่น่าแปลกใจที่อู๋ทงเทียนจะใช้ที่นี่หลอมปีศาจร้าย ดินแดนที่มีพลังหยินหนาแน่นเช่นนี้ ถือเป็นสถานที่บำเพ็ญเพียรชั้นเลิศของพวกมัน หากพวกมารพบที่นี่เข้า คงตื่นเต้นไม่น้อย
สถานที่หลอมอาวุธหยินชั้นดีแท้ๆ
ป่าช้ารกร้างนี้อยู่ชานเมืองหลวง ป่าที่มีพลังหยินน่ากลัวเช่นนี้ ยังมีคนนำศพมาทิ้งในนี้อีกหรือ
โสมน้อยเห็นเถิงเจากำลังขุดอะไรบางอย่างอยู่ก็อุทานออกมา “เจาเจา ขุดศพหรือ”
เถิงเจาตอบอย่างหงุดหงิด “ที่นี่มีกลิ่นอายของมนุษย์”
ฉินหลิวซีรีบเดินไปใกล้ รู้สึกได้ถึงชีวิตแล้วจริงๆ อยู่ที่ใต้ดินนี้ ลมหายใจบางเบา
เถิงเจาขุดจนดินเปิดออก เผยให้เห็นผ้าห่อศพ รีบดึงออกมา แต่กลับไม่ขยับเลย ซ้ำยังล้มก้นกระแทกพื้น เสียงดังกร๊อบ ไม่รู้นั่งทับกระดูกผู้ใดหักแล้ว
โสมน้อยหัวเราะเสียงดัง
ฉินหลิวซีเข้าช่วยอีกแรง ในที่สุดก็ลากห่อผ้านั้นออกมาได้ เปิดออกดู ก็พบกับคนหนึ่งที่มีความอ้วนเท่ากับเถิงเจาสองคนถูกฝังเอาไว้ในนี้
นางวางมือลงบนเส้นเลือดใหญ่ของคนอ้วนผู้นั้นพบว่ายังมีชีพจรอ่อนๆ เต้นอยู่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกฝังไว้นานเกินไปหรือเหตุใด ชายผู้นี้จึงเหลือแต่ลมหายใจรวยริน
นับว่าเขาโชคดี
ฉินหลิวซีมองหน้าชายอ้วนอีกครั้ง พบว่าโชคชะตาของเขานั้นเลวร้ายอย่างยิ่ง ใบหน้าบอกถึงเคราะห์ร้าย พลังหยินแทรกซึมโชคชะตา เขาเป็นผู้ที่มีญาณทิพย์โดยกำเนิด ขัดขวางความเจริญรุ่งเรืองของครอบครัวและญาติมิตร ชีวิตต้องโดดเดี่ยว
แม้ว่าเถิงเจาจะดูดวงไม่แม่นเท่ากับอาจารย์ แต่ก็มองออกว่าชายผู้นี้มีธาตุหยินอย่างชัดเจน เมื่อถูกฝังในดินแดนพลังหยินยิ่งเพิ่มความเป็นหยินในร่างกายของเขาเข้าไปอีก
หิมะเริ่มโปรยปรายลงมา
ฉินหลิวซีให้เถิงเจาช่วยปลดปล่อยวิญญาณที่เหลืออยู่ในป่าช้า จากนั้นก็จุดไฟเผาพื้นที่ที่มีพลังหยินนี้ เอ่ย “เรากลับกันก่อนเถิด”
เถิงเจาพยายามแบกชายอ้วนคนนั้นขึ้นหลัง แต่ชายอ้วนหนักกว่าเขามาก สุดท้ายจึงเป็นฉินหลิวซีที่ช่วยยกตัวขึ้น
พวกเขาพากันเดินบนเส้นทางหยินกลับสู่จิ่วเสียน
จิ่วเสียนนั้นวุ่นวายกับการเตรียมงานประมูลการกุศลในคืนนี้ แต่เรือนที่พักของฉินหลิวซีกลับเงียบสงัด ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำเข้ามาใกล้
เฟิงซิวเห็นว่าฉินหลิวซีกลับมาแล้วจึงเดินมาหา เมื่อเห็นว่าฉินหลิวซีหิ้วเด็กอ้วนตัวเหม็นสกปรกมาด้วย เอ่ยถาม “เจ้าไปเก็บเจ้าอ้วนมาจากที่ใดกัน”
“กองศพ”
เฟิงซิว “?”
โสมน้อยจึงเอ่ย “เว่ยเสียคนโง่นั่นถูกผีร้ายตนหนึ่งจับไป เกือบถูกมันกินจนสิ้นแล้ว พวกเรารีบไปช่วยที่ป่าช้ารกร้างนอกเมืองหลวง เจ้าอ้วนคนนี้ก็เป็นเจาเจาที่ขุดเขาออกมาจากที่นั่น”
เว่ยเสียเอ่ยอย่างเคืองๆ “คำว่า ‘กินจนสิ้น’ ไม่ได้ใช้เช่นนี้นะ”
เฟิงซิวขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ “ไม่ใช่โสมสักหน่อย อย่าขุดไปทั่ว เจอศพมีอะไรดี เอ๊ะไม่ถูกสิ เจ้ารังเกียจความสกปรกมากมิใช่หรือ ไยจึงกล้าขุดศพเล่า”
ใบหน้าเล็กของเถิงเจาเย็นชา เอ่ย “เขายังมีลมหายใจ”
“เอาล่ะ โสมน้อยไปเรียกคนงานมาแล้วหาเสื้อผ้ามา เปลี่ยนให้เจ้าอ้วนนี่ เจาเจา เป็นเจ้าที่เก็บคนมา เจ้ารับผิดชอบรักษา นำตัวเข้าไปเถิด” ฉินหลิวซีเอ่ยขัดบทสนทนาของพวกเขา
โสมน้อยเองรู้ว่าชีวิตคนนั้นสำคัญ รีบวิ่งไปตามคนงาน ส่วนเถิงเจากับเว่ยเสียก็ช่วยกันลากชายอ้วนเข้าไปด้านใน แต่ไม่นานนักก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น
ฉินหลิวซีรีบเข้าไปดู เห็นว่าชายอ้วนกำลังอาเจียนเป็นเลือดดำออกมา มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว
เด็กคนนี้ถูกพิษแล้ว
[1] อู๋ฉิง ไร้จิตใจ