คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1048 ความเที่ยงธรรมของเสนาบดีลิ่น
ตอนที่ 1048 ความเที่ยงธรรมของเสนาบดีลิ่น
ท่านกล้าหรือไม่
คำพูดเพียงไม่กี่คำนี้ทำให้เสนาบดีลิ่นนึกถึงอาจารย์ผู้ให้การสั่งสอนเมื่อครั้งเยาว์วัย เขายืนฟังคำสอนตรงหน้าอาจารย์ ตอนนั้นเขาก็ถามตนเช่นนี้
เล่าเรียนมิใช่เพียงเพื่อให้เข้าใจหลักการ แต่เพื่อให้สามารถปกครองแผ่นดิน สร้างความสงบสุขแก่ประชาชน ท่านกล้าหรือไม่
เขากล้า
ด้วยเหตุนี้ ต่อมาเขาจึงกลายมาเป็นเสนาบดีลิ่น ผู้ดำรงตำแหน่งขุนนางชั้นสูงขั้นหนึ่ง
เมื่อได้ยินคำถามนี้อีกครั้ง ความรู้สึกในใจของเสนาบดีลิ่นร้อนรุ่มดั่งไฟ ลมหายใจแทบจะเต้นเร่าราวกับหวนกลับไปเมื่อครั้งที่เขายังหนุ่ม เกือบหลุดปากเอ่ยว่า ไม่ใช่เพียงกบฏเท่านั้นหรือ ใครกันจะไม่กล้า
ทว่าความรู้สึกเร่าร้อนขึ้นสมอง วาจานี้มาถึงริมฝีปากก็ถูกเขากลืนกลับเข้าไป เอ่ย “ฉีเชียนถูกส่งไปเป็นผู้ตรวจการบรรเทาภัยพิบัติ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญกระมัง”
ในเมืองหลวงมีอ๋องมากมาย เหตุใดฮ่องเต้จึงเลือกฉีเชียนให้ไปทำภารกิจนี้ ภารกิจนี้อาจเป็นกับดักก็เป็นได้ หากทำพลาดก็จะเป็นหายนะ แต่ถ้าทำสำเร็จก็จะเป็นความดีความชอบใหญ่หลวงและสามารถครองใจราษฎรได้
หากพ่อค้าผู้มั่งคั่งกงซุนเฉิงเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายเส้นสายของฉินหลิวซี ฉีเชียนย่อมหาทรัพยากรเพื่อบรรเทาภัยพิบัติได้ไม่ยากกระมัง
แล้วเหตุใดถึงบังเอิญเป็นฉีเชียนเล่า
ฉินหลิวซียิ้มเล็กน้อย “เมื่อครู่ข้าลืมบอกท่านไป ราชครูในวังหลวงตอนนี้เปลี่ยนคนแล้ว ราชครูคนปัจจุบันเป็นเพียงหุ่นเชิดของข้า”
เสนาบดีลิ่นตะลึง “ท่านเป็นคนทำหรือ”
“ราชครูคนก่อนถูกข้าจัดการสังหารไปแล้ว เดิมทีคิดว่าเพียงเท่านี้ก็พอแล้ว แต่ฮ่องเต้หลงใหลในการสร้างยาอายุวัฒนะ ขาดราชครูคนหนึ่งก็ต้องมีอีกคนเข้ามาแทน เพื่อไม่ให้พระองค์ไปหานักพรตมั่วๆ มาทำเรื่องบ้าคลั่งยิ่งขึ้น ข้าจึงจัดการให้เขามีราชครูปลอมแทน อย่างน้อยยาที่พระองค์เสวยตอนนี้ก็เป็นแค่ยาบำรุงร่างกายธรรมดา ไม่ใช่ยาพิษใดๆ ท่านวางใจได้ ราชครูผู้นี้จะไม่ยุยงให้ฮ่องเต้สร้างวังอมตะหรือทำเรื่องบ้าๆ เช่นนั้นอีกแล้ว”
เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ สายตาของเสนาบดีลิ่นก็เต็มไปด้วยความสับสน มิน่าระยะนี้ราชครูดูแปลกไปจากเดิม เดิมทีพวกเขาไม่พอใจที่ฮ่องเต้ทำลายทรัพย์สินแผ่นดินเพื่อสร้างวังอมตะ เพราะการกระทำนั้นสร้างความทุกข์เข็ญให้กับประชาชนอย่างมาก
ความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย นึกว่าราชครูคงกลับใจทำความดีเสียแล้ว
แต่คิดไม่ถึงว่าราชครูคนเก่าได้ถูกแทนที่ไปแล้ว
และความสามารถของฉินหลิวซี ร้ายกาจกว่าที่เขาคิดเอาไว้ สิ่งนี้ผู้ใดจะคาดถึงได้ ในสถานการณ์ที่ไม่มีผู้ใดรู้ ราชครูก็ได้เปลี่ยนคนไปแล้ว
เสนาบดีลิ่นทั้งตกใจทั้งกังวล หากฉินหลิวซีเป็นตัวร้าย อย่าว่าแต่ทำลายแผ่นดิน นางขึ้นครองบัลลังก์เองก็ยังได้
“ท่านมาเปิดเผยกับข้าชัดเจนเพียงนี้ ไม่กลัวข้าจะป้องกัน ไม่กลัวว่าข้าจะจับตัวท่านส่งให้ทางการให้ราชสำนักลงโทษโทษฐานทำลายแผ่นดินหรือ อย่างไรความสามารถที่ท่านแสดงให้ข้าได้เห็น คนอย่างท่านนี้มีความสามารถมากพอที่จะล้มล้างแผ่นดินได้”
ฉินหลิวซียิ้ม “ในเมื่อเสนาบดีลิ่นรู้ถึงความสามารถของข้า ย่อมต้องรู้ในความสามารถอ่านใจคนของข้า ข้าจะสุ่มเสี่ยงไปหาซิ่นหยางอ๋องหรือคนอื่นๆ เพื่อปลุกปั่นให้ก่อกบฏหรือ ข้ามาหาท่าน แน่นอนเพราะท่านคือคนที่ข้าเชื่อใจได้”
คำเยินยอย่อมได้ผลเสมอ
เสนาบดีลิ่นรู้สึกตื้นตันอยู่ในใจ ทว่าไม่ได้มีสีหน้ายินดี เอ่ย “ปากนักพรต ช่างรู้จักเยินยอเสียจริง”
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ข้าเปิดเผยความลับนี้เพื่อแสดงถึงความจริงใจและความตั้งใจของข้า เรื่องนี้จำเป็นต้องเกิดขึ้น”
เสนาบดีลิ่นเห็นท่าทีที่จริงจังของนาง เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยถาม “เรื่องพระสงฆ์ที่ท่านกล่าวถึงนั้นเป็นจริงหรือ เขาจะทำเรื่องบ้าคลั่งจริงๆ หรือ จะเริ่มขึ้นเมื่อใด ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าหมากกระดานนี้ของเขาเดินไปถึงจุดใดแล้ว ข้าพอคาดเดาได้บ้าง แต่วันใดจะจบ ข้ายังไม่อาจหยั่งรู้ฟ้าดินได้” ฉินหลิวซีเอ่ย “รับมือเขา คงมีเพียงพระอริยสงฆ์หรือผู้ทรงธรรมจากสองสำนักพุทธและเต๋าเท่านั้น หากท่านเสนาบดีลิ่นประสงค์จะช่วยเหลือ สิ่งที่ท่านทำได้คือในยามที่ชีวิตผู้คนตกอยู่ในหายนะ ท่านสามารถช่วยเหลือฮ่องเต้องค์ใหม่ให้มั่นคงและทำให้แผ่นดินกลับมารุ่งเรืองได้ นั่นถือเป็นมหากุศลอันใหญ่หลวงแล้ว”
นางหยุดพักครู่หนึ่งก่อนกล่าวต่อ “เหตุผลที่ข้าต้องการกลุ่มคนเช่นนี้ เพราะตามบันทึกโบราณจากสองสำนักพุทธและเต๋า ข้าได้ทราบว่าผู้นี้เคยกระทำการหนึ่งเมื่อหลายพันปีก่อน เขาเคยสังหารคนในสิบเมือง ทำลายชีวิตนับล้าน และตอนนั้น เขาใช้เพียงไม้เท้าเสกคาถา ทำให้ชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนต้องพินาศล้มตาย จนไม่อาจฟื้นคืนได้เป็นเวลานาน”
สีหน้าของเสนาบดีลิ่นซีดเผือดทันที
การใช้คาถาทำลายเมือง ไม่ใช่สงคราม ไม่ใช่การรบพุ่งใส่กัน แต่เป็นการใช้เพียงคาถาหนึ่งเพื่อทำลายสิบเมือง นี่ถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้อย่างไร นี่มันปีศาจจากนรกกระมัง
มือของเขาสั่นเล็กน้อย ไม่กล้าจินตนาการถึงภาพเช่นนั้นว่าจะโหดร้ายเพียงใด มันเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้
เขาเพิ่งรู้ว่ายังมีสิ่งเช่นนี้อยู่ในโลก พวกขุนนางผู้มีอำนาจทั้งหลายคิดว่าตนเองสามารถควบคุมทุกสิ่งได้ แต่แท้จริงแล้วพลังเพียงคาถาหนึ่งของผู้ที่เหนือกว่าสามารถทำลายล้างทุกอย่างได้หมดสิ้น
ถ้าข่าวนี้รู้ไปถึงพวกขุนนางผู้กระหายอำนาจ เขาคิดว่าพวกเขาคงจะรีบไปศึกษาศาสตร์พวกนี้กันยกใหญ่ โดยเฉพาะฮ่องเต้
“โลกที่ท่านกล่าวถึง ดูเหมือนจะไม่ใช่โลกเดียวกับข้า แม้พุทธและเต๋าจะมีอิทธิพลมาก แต่งานหลักของพวกเขาก็แค่จัดพิธีเพื่อความเป็นสิริมงคล แม้จะมีการขับไล่ปีศาจบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สิ่งที่ท่านกล่าว มันเหมือนกับนิทานปรัมปรามากกว่า” เสนาบดีลิ่นยิ้มเจื่อน
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “โลกทั้งสามพันโลก แม้แต่ในโลกหนึ่งก็ยังมีหลายมิติเช่นกัน ที่พวกเราคุ้นเคยกันมากที่สุดคือ สามโลกที่ประกอบด้วยโลกมนุษย์ โลกยมทูต และโลกสวรรค์ ทุกโลกต่างมีพลังวิญญาณของตัวเอง หากวิญญาณนั้นมีมากเพียงพอ แม้แต่ในโลกมนุษย์ คนธรรมดาก็สามารถบำเพ็ญเป็นเซียนได้ ท่านคิดเสียว่าในโลกของเรา ได้มีผู้ที่มีพลังเหนือธรรมชาติผู้หนึ่งเข้ามาเยือนแล้วก็เป็นได้”
สิ่งที่นางมั่นใจได้ก็คือ ต่อให้ซื่อหลัวนั่นฟื้นพลังคืนกลับมาเต็มที่ก็ไม่อาจแข็งแกร่งเท่าแต่ก่อน และแน่นอนต้องมีความกดดันที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นการบรรลุเป็นพระพุทธเจ้า จะยากกว่าเมื่อก่อนมาก สิ่งที่เขาวางแผนต้องยิ่งใหญ่กว่ามาก
“แล้วถ้าเขาทำเพียงเสกคาถา พวกเราก็…”
“ทุกโลกต่างมีกฎแห่งฟ้าดิน แม้ผู้ทรงพลังจะมา เขาก็ต้องทำตามกฎของโลกนี้ และกฎเหล่านี้จะกดเขาเช่นกัน ท่านไม่ต้องกังวลเกินไป ฟ้าดินถล่มลงมา พวกเราผู้ปฏิบัติธรรมก็จะยืนหยัดอยู่ด้านหน้าแล้ว ถ้าต้านไม่ไหวก็เพียงจบชีวิตพร้อมกันไป ไม่มีอะไรต้องห่วง”
เสนาบดีลิ่นมุมปากกระตุก เขาไม่ได้รู้สึกโล่งใจเลยแม้แต่น้อย
เขาสูดหายใจลึก ก่อนจะเอ่ย “ข้าไม่เคยคิดว่าจะได้ยินเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้จากท่าน มันเกินกว่าข้าจะเชื่อได้จริงๆ”
เรื่องนี้ยิ่งกว่าการก่อกบฏเสียอีก
“ข้าได้บอกทุกสิ่งที่ข้ารู้แล้ว คำตอบของท่านเล่า” ฉินหลิวซีจ้องมองเขา
เสนาบดีลิ่นหัวเราะ “ถ้าวันนั้นมาถึง ประชาชนทั้งแผ่นดินต้าเฟิงคงไม่สามารถเพิกเฉยได้ พวกเราก็ไม่อาจทำเช่นนั้นเช่นกัน”
คิ้วของฉินหลิวซีเลิกขึ้นเล็กน้อย
“ข้าอาจไม่สามารถทะลวงฟ้าดินหรือสื่อสารกับวิญญาณได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องการปกครองแผ่นดิน ข้ากล้าบอกว่า ข้าย่อมทำได้ดีกว่าท่าน ถ้าสิ่งที่ท่านต้องการคือความมั่นคงในแดนหลัง ข้ากล้ารับรองว่าข้าจะรักษาไว้ได้”
ฉินหลิวซียิ้ม นางหยิบกาน้ำชาเทชาให้เขาและตัวเอง ก่อนยกถ้วยชาขึ้นเพื่อคารวะ “หลักการอันยิ่งใหญ่ของเสนาบดีลิ่น”
เสนาบดีลิ่นชนถ้วยชากับนาง ยิ่งใหญ่หรือไม่ เขาไม่อาจยอมรับได้ แต่หากทุกอย่างเป็นจริงอย่างที่นางกล่าว หลังแนวรบต้องการผู้ที่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะรักษาความมั่นคง ไม่ใช่เพื่อสิ่งใด แต่เพื่อความสงบสุขของราษฎร