คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1058 ไปยังนรกภูเขามีดเพื่อหาคน
ตอนที่ 1058 ไปยังนรกภูเขามีดเพื่อหาคน
………………..
แดนมนุษย์เกิดภัยพิบัติ ทำให้มีผู้คนล้มตายมากมาย ในระยะนี้มือของยมทูตผู้พิพากษาถือปากกาตัดสินไม่หยุดและเกือบจะพลิกสมุดบันทึกบุญบาปจนขาด แต่กระนั้นยังไม่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยเท่ากับการที่ฉินหลิวซีมาหาอีกครั้ง
ท่านพญายมหนีหายไปทันที ช่างไร้ศีลธรรมเสียจริง
ฉินหลิวซีมองดูรอยยิ้มที่ดูฝืนของยมทูตผู้พิพากษา เห็นท่าไม่ดีจึงยัดก้อนทองคำหยวนเป่าใส่มือพลางยิ้มตาหยี เอ่ย “อย่าทำหน้าเช่นนี้ ข้ามาก็แค่มาถามหาคนผู้หนึ่งเท่านั้น”
ว่ากันว่ามีเงินย่อมสามารถทำให้ผีโม่แป้งได้
ยมทูตผู้พิพากษารับก้อนทองหยวนเป่ามาใส่แขนเสื้อ รอยยิ้มจริงใจขึ้นไม่น้อย “ท่านช่างเกรงใจเสียจริง ข้ากับท่านนั้นมีสัมพันธ์อันดี จะถามหาคนก็แค่เรียกใช้ข้าก็พอ เหตุใดต้องมาเองด้วยเล่า”
“ข้าต้องมาหาพระโพธิสัตว์กษิติครรภ์และราชาเทพด้วย มีธุระหลายเรื่องจึงจำต้องมาเอง”
พญายมที่แอบฟังอยู่ด้านหลังรีบส่งลูกน้องไปบอกราชาเทพทันที
ขณะนั้นยมทูตผู้พิพากษาก็ชี้ให้เห็นว่าใครคือคนที่ฉินหลิวซีกำลังตามหา เป็นชายนามว่าลี่เวิง จากเมืองชัง ก่อนจะเอ่ย “ผู้นี้เคยใช้คนเป็นๆ ในการบูชายัญเพื่อเปลี่ยนโชคชะตาฟ้าลิขิต กระทำการฆ่าผู้คนยี่สิบรายจึงถูกตัดสินลงทัณฑ์ในนรกภูเขามีด แต่ด้วยความดีที่เคยกระทำไว้จึงลดโทษเหลือยี่สิบปี บัดนี้เหลือเพียงอีกสองปีเท่านั้น”
ฉินหลิวซีเอ่ย “ข้าต้องการพบเขาสักหน่อย”
ยมทูตผู้พิพากษาจึงเอ่ย “ข้าจะนำทางท่านไปเอง”
“ไม่ต้องให้ท่านลำบาก แค่ให้วิญญาณชั้นล่างนำทางก็พอ ข้าไม่อยากรบกวนท่าน ช่วงนี้คนตายกันเยอะแล้ว” ฉินหลิวซีเอ่ยอย่างเห็นใจ
ยมทูตผู้พิพากษารู้สึกตื้นตันใจแต่ก็ไม่กล้าปล่อยให้นางเดินไปเอง “ไม่เป็นไร ข้าจะใช้โอกาสนี้ผ่อนคลายด้วย ทางนี้เลยขอรับ”
ฉินหลิวซีไม่ได้ขัดข้อง จึงเดินตามไปยังนรกภูเขามีด
พญายมที่แอบดูอยู่เห็นฉินหลิวซีเดินจากไปจึงวิ่งออกมา พึมพำด้วยความสงสัย นางตัวร้ายผู้นี้กลายเป็นคนดีไปแล้วหรือ หรือว่าเตรียมก่อเรื่องใหญ่ นี่อาจเป็นเพียงความสงบก่อนพายุจะมาหรือไม่
พร้อมสั่งการให้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวดระดับสิบสองทั่วทุกตำหนักทันที
ฉินหลิวซียังไม่รู้ว่าตนเองถูกพญายมมองว่าเป็นบุคคลน่าสะพรึง นางยืนอยู่หน้าประตูนรกภูเขามีด มองเห็นผู้คนทนทุกข์ทรมานร้องเสียงหลง เสมือนถูกเฉือนเนื้อเป็นพันๆ ครั้ง การทรมานนี้มิใช่ทำกับร่างกายแต่เป็นกับดวงวิญญาณ ถูกมีดเฉือนวิญญาณจนแหลกเหลว แล้วจึงฟื้นกลับคืนมารับโทษอีกครั้ง ไม่มีวันสิ้นสุด
ยมทูตผู้พิพากษาสั่งให้ผีทหารที่เฝ้านรกภูเขามีดนำตัวลี่เวิงออกมา
ลี่เวิงที่ถูกทรมานมาเป็นเวลาสิบแปดปีจนวิญญาณแทบแตกสลาย ปรากฏตัวต่อหน้าพวกฉินหลิวซี วิญญาณเปราะบางแทบสูญสลาย
เมื่อมาถึง หลังจากการแนะนำของผีทหาร ลี่เวิงก็คุกเข่าลงทันที
ฉินหลิวซีไม่อ้อมค้อม เอ่ยถามทันที “เมื่อครั้งที่เจ้าตั้งค่ายอาคมห้าธาตุบนภูเขาชาของตระกูลลี่นั้น ทำสิ่งใดไม่ดี เหตุใดต้องปลูกชา ต่อให้เจ้าให้บุตรชายเล่าเรียน อาศัยฮวงจุ้ยที่ดีนั่นก็จะมีความรุ่งโรจน์ เหตุใดเจ้าจึงเลือกปลูกชาเพื่อเข้าไปทำการค้า เพราะเหตุใดกัน”
ลี่เวิงได้ยินถึงกับสะท้าน เงยหน้ามองฉินหลิวซีด้วยความตกใจ ไยนางจึงรู้
ฉินหลิวซีเอ่ย “การบูชายัญด้วยชีวิตของมนุษย์เป็นบาปมหันต์ เจ้าคงรู้ว่าต้องมีกรรมตามสนอง จึงได้สั่งให้ตระกูลลี่ของเจ้าไม่ลืมที่จะทำความดีสั่งสมบุญกุศล แต่ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว บุญกุศลมิอาจลบล้างได้ เจ้าคิดไม่ผิด ตระกูลลี่ของเจ้ากำลังรับกรรมอยู่ ตอนนี้อยู่ในช่วงชะตากรรมบ้านแตกสาแหรกขาดแล้ว”
วิญญาณของลี่เวิงสั่นระริกไปทั้งร่างด้วยความหวาดกลัว ราวกับจะพุ่งเข้ามา แต่ถูกผีทหารใช้โซ่ล่ามเอาไว้แน่น พร้อมกับดุเสียงดัง “อย่าทำการอุกอาจต่อหน้าท่าน”
โซ่ที่ล่ามอยู่นั้นเป็นเครื่องราง มีพลังสายฟ้าแฝงอยู่ เมื่อตีลงไปอย่างแรง ลี่เวิงจึงร้องด้วยความเจ็บปวด
ยมทูตผู้พิพากษารีบเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ ปล่อยเขา ตีจนเจ็บปวดเช่นนี้ใต้เท้าจะสอบถามเขาได้อย่างไร”
ผีทหารรับคำอย่างประจบประแจง ก่อนจะปล่อยเขา
เมื่อลี่เวิงได้อิสระแล้ว ไม่กล้ากระทำการอุกอาจใดๆ อีก นอกจากมองฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว เอ่ยถาม “ตระกูลลี่เป็นอย่างไรหรือขอรับ”
“ชะตาล่มสลาย เจ้าว่าเป็นเช่นไรเล่า สิ่งใดที่เจ้าก่อไว้ย่อมต้องชดใช้ ไม่จำเป็นต้องถามอีก ข้ามาที่นี่เพราะเห็นว่าตระกูลลี่ของเจ้าทำความดีไว้ไม่น้อย แถมทายาทของเจ้าก็พร้อมยอมสละทรัพย์สินของตระกูลเพื่อไถ่บาป ข้าจึงมา” ฉินหลิวซีเอ่ย “เมื่อครั้งที่เจ้าตั้งค่ายอาคม เจ้าหาผู้ใดมาช่วยเหลือ เด็กที่ถูกฝังทั้งเป็นนั่น เจ้าจำได้หรือไม่ว่าเป็นใครบ้าง”
“ท่านถามเรื่องนี้เพราะ?”
“เด็กที่ถูกฝังทั้งเป็นเหล่านั้น เกิดความเคียดแค้นใหญ่หลวง วิญญาณพวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องสังเวยเพื่อสาปแช่งตระกูลลี่ ยมทูตผู้พิพากษาอยู่ที่นี่ ถ้าเจ้าจำได้ก็จงบอกชื่อคนที่ทำเรื่องนี้ออกมา”
ยมทูตผู้พิพากษาเปิดบันทึกแห่งความเป็นและความตายขึ้นตรวจดู พบว่าคนนั้นตายไปนานแล้วแต่ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่ จึงส่ายหน้าให้กับฉินหลิวซีแล้วเอ่ยว่า “ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่”
ฉินหลิวซีไม่แปลกใจนัก ก่อนจะหันไปมองลี่เวิงซึ่งที่มีสีหน้าหม่นหมองกว่าเดิม
“ข้าได้ทำบาปไว้ แต่หลังจากร่ำรวยแล้ว ข้าก็ได้ตอบแทนให้กับครอบครัวของเด็กพวกนั้นไปบ้างแล้ว” ลี่เวิงเอ่ย “ข้ารู้ตัวดีว่าบาปหนักเกินไป ไม่กล้าหวังให้เทพเจ้าอภัยโทษ ข้าจึงตั้งใจทำความดีเพื่อไถ่บาป ข้าไม่คาดคิดว่า…”
ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปเกิดใหม่
และไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมสละวิญญาณเพื่อลงคำสาป เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าตนเองเคยหลงผิดถึงเพียงนี้
“คนที่เจ้าหามาช่วยตั้งค่ายอาคมนั้นเป็นใคร”
ลี่เวิงเอ่ยตอบ “เป็นนักพรตเต๋าพเนจรผู้หนึ่ง เขาเรียกตัวเองว่าเสวียนหมิง ตอนนั้นข้าก็เพียงแค่ต้องการให้ทำเลดีขึ้น เขาแนะนำให้ใช้เด็กชายหญิงที่มีดวงชะตาวันเกิดห้าธาตุมาตั้งค่ายอาคม ซึ่งจะทำให้สำเร็จได้เร็วขึ้น ขณะนั้นข้าคิดแต่เพียงจะชิงความรุ่งเรืองของตระกูลลี่กลับมาอีกครั้ง”
“ชิงหรือ”
“ใช่ ท่านถามข้าว่าทำไมถึงปลูกชา นั่นก็เพราะบรรพบุรุษตระกูลลี่ของเราเองร่ำรวยจากการปลูกชา ในสมัยราชวงศ์ก่อน ตระกูลลี่ของเรามีชาที่ชื่อว่า ‘โยวหลาน’ ซึ่งเป็นชาที่ถวายเป็นราชบรรณาการ แต่ต่อมาตระกูลเสี่ยนแห่งอู๋หนานได้วางแผนทำลายตระกูลลี่จนบ้านแตกสาแหรกขาด ชานั้นก็ถูกพวกเขายึดไปเปลี่ยนชื่อเป็น ‘อวี้หลาน’ เพื่อถวายแทน พวกตระกูลเสี่ยนเหยียบย่ำเลือดเนื้อของตระกูลข้าเพื่อก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูง ก่อนท่านพ่อของข้าตายสั่งให้ข้าต้องเอาความรุ่งโรจน์ของตระกูลกลับคืนมา ข้าจึงต้องปกปิดชื่อเสียงและแกล้งตายเพื่อหลบหนีการตามล่าจากตระกูลเสี่ยน ข้าทำงานเป็นคนยกชาในโรงน้ำชา เมื่อเก็บเงินจนตั้งตัวได้ กระทั่งอายุสามสิบจึงกล้าลงมือ และจัดตั้งค่ายอาคมตามคำแนะนำของนักพรตเสวียนหมิงจนได้ชาที่ชื่อว่า ‘หยกหมอก’”
ลี่เวิงย้อนระลึกถึงอดีตและเอ่ยต่อ “เมื่อทำผิดไปแล้วก็ผิดตลอดไป ข้าหลงผิด ข้ายอมรับ”
“เจ้าคิดตื้นเกินไป ฟื้นฟูความรุ่งโรจน์ของตระกูล การเป็นขุนนางไม่ดีกว่าหรือ ไยต้องเป็นพ่อค้าชา ที่นั่นเป็นทำเลที่เป็นมงคลสุดยอด ฝังศพบรรพบุรุษของเจ้าลงไปคงจะต้องมีลูกหลานได้เป็นถึงขุนนาง” ฉินหลิวซีส่ายหน้า
ลี่เวิงได้ฟังก็สะดุ้งเฮือกแล้วหัวเราะขมขื่น ความต้องการที่จะฟื้นฟูตระกูลให้กลับมามีชื่อเสียงด้านการทำชากลายเป็นความยึดติดและเงามืดในจิตใจของเขา จนเขาหูหนวกตามืดมัวเชื่อในสิ่งชั่วร้าย ตั้งแต่ทำเรื่องนี้ เขาไม่เคยได้นอนหลับสบายอีกเลย
เมื่อได้ฟังข่าวว่าตระกูลลี่ล่มสลายแล้ว เขากลับรู้สึกสบายใจราวกับภาระที่หนักหน่วงได้ถูกปลดออกไป
“ท่านเทียนซือ ข้าขอให้ท่านช่วยบอกกับลูกหลานของข้าให้ที ทรัพย์สมบัติที่ไม่ชอบธรรมของตระกูลลี่นั้นจงคืนให้แก่ราษฎรเพื่อไถ่บาป…” ลี่เวิงเอ่ยพร้อมกับหมอบลงกับพื้น เขาบอกชื่อบุคคลที่เขาจำได้ และขอให้ฉินหลิวซีบอกกับลูกหลานของเขาให้นำทรัพย์สินทั้งหมดบริจาคคืนแก่ประชาชน
[1] นรกภูเขามีด เป็นหนึ่งในรูปแบบของการลงโทษในนรกตามความเชื่อทางพุทธศาสนามหายาน โดยเฉพาะในวัฒนธรรมจีนและตำนานพื้นบ้านจีน ใน “นรกภูเขามีด” ผู้ที่ทำบาปหนัก เช่น การฆ่าสัตว์ การทำร้ายผู้อื่น หรือการทำบาปทางศีลธรรม จะถูกลงโทษด้วยการถูกบังคับให้ปีนหรือเดินผ่านภูเขาที่เต็มไปด้วยมีดแหลมคม ซึ่งพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บอย่างเจ็บปวดทุกครั้งที่ก้าวเดิน การลงโทษนี้เป็นสัญลักษณ์ของการชดใช้บาปที่กระทำในชาติก่อน ในบริบทของวรรณกรรมหรือนิยายจีน “นรกภูเขามีด” มักถูกนำมาใช้เพื่อสร้างภาพการลงโทษที่น่าสะพรึงกลัวและรุนแรง เป็นส่วนหนึ่งของการลงโทษวิญญาณบาปที่ต้องทนทุกข์ทรมานในนรก