คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1059 ข้าไม่ได้มาแย่งของวิเศษจริงๆ
ตอนที่ 1059 ข้าไม่ได้มาแย่งของวิเศษจริงๆ
………………..
ฉินหลิวซีได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับเด็กเหล่านั้น เมื่อเสร็จสิ้นนางก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก ขณะกำลังจะเดินจากไป ลี่เวิงได้เอ่ยขึ้นจากด้านหลังหนึ่งประโยค
“ท่านเทียนซือ ความจริงแล้วในปีนั้น ข้าพบเด็กที่มีโชคชะตาที่สูงส่งไม่ใช่เพียงแค่เก้าคน แต่ถึงสิบเก้าคน ข้าเลือกใช้เพียงเก้าคนเท่านั้น” ลี่เวิงเอ่ยต่อ “พิธีกรรมใช้แค่เก้าคน ที่เหลือข้าก็มิได้สนใจ แต่ภายหลังข้าบังเอิญทราบว่ามีอีกสองคนที่หายตัวไปเช่นกัน”
ฉินหลิวซีหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่ามันเป็นฝีมือของเสวียนหมิงหรือ”
ลี่เวิงเอ่ย “ข้าก็มิอาจทราบได้ นับตั้งแต่พิธีเสร็จสิ้น ข้าก็ไม่เคยพบเขาอีก เพียงแค่รู้สึกว่ามันบังเอิญเกินไป”
ฉินหลิวซีไม่ได้เอ่ยตอบ จะมีเรื่องบังเอิญมากมายเช่นนั้นได้อย่างไร เกรงว่าพวกเขาคงจะเจอเรื่องร้ายแรงแล้ว
ลี่เวิงเห็นนางเงียบไปจึงก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นบาปกรรมของเขาเอง
เมื่อออกจากนรกภูเขามีด ฉินหลิวซีก็ไปยังขุมนรกไฟโลกันต์อีกครั้ง เปลวไฟแห่งกรรมลุกโชนอยู่ในดวงตาของนาง ราวกับดอกบัวแดงที่บานสะพรั่ง นางแย้มยิ้ม ยกมือขึ้นเรียกเปลวไฟให้หมุนวนอยู่ที่ปลายนิ้ว ลุกไหวอยู่ในฝ่ามือของนางด้วยความร้อนแรง ดั่งได้พบพี่น้องที่ห่างหายกันไปนาน
ยมทูตผู้พิพากษาได้แต่มองดูเงียบๆ เขามองวิญญาณที่กำลังถูกไฟนรกโลกันต์เผาไหม้จนร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วหันมามองนางที่เล่นกับไฟอย่างเพลิดเพลิน ทำให้เขาอดกลืนน้ำลายไม่ได้
เป็นคนหน่อยเถิด ไม่เห็นหรือว่าคนอื่นถูกเผาจนทรมานเพียงใด
ฉินหลิวซีโยนเปลวไฟกลับไปยังขุมนรกแล้วหันไปเอ่ยกับยมทูตผู้พิพากษา “เหล่าพั่น ท่านกลับไปเถิด ข้าจะไปคุยกับพระกษิติครรภโพธิสัตว์”
ยมทูตผู้พิพากษามองตามร่างของนางที่เดินจากไปแล้วกลืนคำพูดกลับลงไปในลำคอ ข้าแซ่ชุยต่างหาก
ไม่นานนัก ฉินหลิวซีก็มาถึงตำหนักของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ เมื่อเห็นทั้งสองอยู่ในนั้น นางพลันแย้มยิ้ม “โอ๊ะ พวกท่านอยู่กันครบเลยหรือ”
ราชาเทพเฟิงตูทำหน้าบึ้งตึง “เจ้ามิได้อยู่บนโลกมนุษย์เพื่อบำเพ็ญบุญ แต่กลับมาที่นี่อีกครั้ง เจ้าต้องการสิ่งใดกัน”
“ดูท่านเอ่ยสิ วันขึ้นปีใหม่ทั้งที ข้าน้อยย่อมต้องมาแสดงความเคารพผู้อาวุโสใหญ่เช่นพวกท่านอยู่แล้ว มิใช่ว่าข้ามาหาสมบัติหรอกนะ เรื่องมารยาทข้ายังรู้ดีอยู่” ฉินหลิวซีเดินไปที่โต๊ะบูชา หยิบผลไม้สดมากัดคำหนึ่ง
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ได้เอ่ยขออภัยต่อพระโพธิสัตว์ แล้วยื่นถาดขนมอีกถาดให้ฉินหลิวซีพร้อมกับดันไปข้างหน้า กินเถิด กินอิ่มแล้วจะได้ไม่ก่อความวุ่นวาย
เมื่อราชาเทพเฟิงตูได้ยินคำว่า “สวัสดีปีใหม่” มุมปากของเขาก็ยกขึ้นด้วยความขบขัน “เจ้าดูเหมือนคนที่มาทักทายในวันปีใหม่เสียที่ใดกัน เจ้าพักอยู่ที่นี่หลายปีแล้ว ยังมีที่ใดในปรโลกที่เจ้ามิเคยย่างกรายบ้าง ไม่ต้องเอ่ยถึงอย่างอื่น แค่ขนขาของเจ้าก็คงจะหลุดไปหลายเส้นแล้ว เจ้าเป็นถึงเทียนซือบนโลกมนุษย์ แต่กลับไปมาในนรกอย่างอิสระ มันดูไม่เหมาะสม”
“ไยท่านราชาเทพจึงเอ่ยคำหยาบคายเพียงนี้ ข้ายังเป็นหญิงสาวอยู่เลยนะ ข้านั้นรู้สึกว่าปรโลกเป็นเสมือนบ้าน ข้าจึงปฏิบัติตนอย่างสบายใจเสมือนอยู่ในบ้านของตนเอง ท่านลองคิดดูว่ามีผู้ใดที่ต้องทำตามพิธีการทุกครั้งก่อนจะเข้าบ้านของตนเองบ้าง” ฉินหลิวซีเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขัน จากนั้นก็กินผลไม้หมดไปอย่างรวดเร็วแล้วหยิบขนมขึ้นมาอีก เอ่ย “เอาล่ะ ข้ามิได้มาเพียงแค่แสดงความเคารพ ข้ามาถามเรื่องราวในอดีตของซื่อหลัว ท่านพอจะมีบันทึกประวัติศาสตร์อะไรบ้างหรือไม่ เอามาให้ข้าดูหน่อย”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์และราชาเทพเฟิงตูมองหน้ากันก่อนเอ่ยถาม “เจ้าพบเบาะแสของเขาแล้วหรือ”
“หากว่าข้าพบแล้ว พวกท่านจะขึ้นไปช่วยจับเขาหรือไม่”
ราชาเทพเฟิงตูขมวดคิ้ว “สามโลกต่างมีกฎของตนเอง ไม่มีผู้ใดสามารถแทรกแซงได้ตามใจชอบ แม้แต่สวรรค์ก็ไม่อนุญาต มิเช่นนั้นทุกอย่างจะปั่นป่วนวุ่นวายไปหมด”
ฉินหลิวซีแค่นเสียงเยาะเย้ย “เช่นนั้นสวรรค์ก็สามารถมองดูประชาชนล้มตายได้โดยไม่สนใจ สวรรค์เป็นบิดาของซื่อหลัวหรือ ถึงได้ปล่อยให้เขาคลุ้มคลั่งโดยไม่ยอมจัดการ”
สวรรค์ “?”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ยิ้มอย่างอดทน “อย่าเอ่ยเหลวไหลไปเลย สวรรค์นั้นยุติธรรมเสมอ ทุกสิ่งย่อมมีช่องทางให้รอดพ้นอยู่เสมอ”
ฉินหลิวซีส่งเสียงเหอะออกมา “อย่างไรก็เถิด ข้าคิดว่ามันลำเอียงอยู่ดี”
นี่แหละ ขี้เถียงชัดๆ
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ถอนหายใจอย่างอับจนหนทางแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที “เจ้าต้องการเรื่องราวของซื่อหลัวหรือ ไปที่หอเก็บพระสูตรเถิด ที่นั่นมีบันทึกอยู่บ้าง”
ฉินหลิวซีพยักหน้า เอ่ย “ข้าว่าข้าเอ่ยผิดไปเมื่อครู่”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์แปลกใจเล็กน้อย จึงเอ่ย “ยอมรับผิดและแก้ไขได้นับเป็นคุณความดีใหญ่หลวง เจ้า…”
ราชาเทพเฟิงตู ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้มาดี เจ้าตั้งใจมาปั่นหัวพวกเรา
ฉินหลิวซีมองราชาเทพเฟิงตูที่ทำหน้าโกรธจัดพร้อมจะปะทุ เอ่ยต่อ “ท่านอย่าหงุดหงิด ข้าเอ่ยความจริงนี่นา”
“มันเป็นสวรรค์…”
“ใช่ๆๆ สวรรค์ยุติธรรม เส้นทางห้าสิบสาย การเปลี่ยนของสวรรค์มีสี่สิบเก้า ข้าเข้าใจ ท่านไม่ต้องบอกว่าสิ่งนี้ใช้ได้กับทุกชีวิต รวมถึงเจ้ามารซื่อหลัวนั่นที่ถูกขังมาหลายพันปี เขาก็จับเอาช่องทางรอดหนึ่งเส้นทางนั้นหลุดรอดจากนรกไป”
ราชาเทพเฟิงตู เจ้าเป็นพวกเดียวกับเจ้าหมาบ้านั่นใช่หรือไม่
ฉินหลิวซียังคงเติมเชื้อไฟต่อ “แม้ว่าเขาจะจับโอกาสได้ แต่เขาก็หลบหนีออกไปจากที่ของพวกท่าน นี่คือความบกพร่องของพวกท่าน นี่คือข้อเท็จจริง ข้าเอ่ยผิดที่ใดเล่า เรื่องนี้บอกผู้ใดก็ต้องว่าข้าเอ่ยถูก”
ราชาเทพเฟิงตูถึงกับถลกแขนเสื้อเตรียมบวก อย่าห้ามข้า ข้าจะตีเจ้านี่ให้แหลก
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ถอนใจเถียงไม่ไหว ขวางราชาเทพเฟิงตูไว้ “เจ้าเอ่ยถูกแล้ว แล้วเจ้าว่าเรื่องนี้ควรจะทำอย่างไร”
“ข้ามีฝีมืออยู่บ้าง แต่ข้าก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น” ฉินหลิวซีมองไปยังเข็มขัดของพระกษิติครรภโพธิสัตว์ เอ่ย “ข้าเป็นเพียงเทียนซือธรรมดา ไม่ได้เป็นเซียนไร้เทียมทาน จะไปต่อกรกับมารที่มีอายุเป็นพันปีนั้นมันต่างกันเกินไป การต่อสู้เช่นนี้ข้าเสียเปรียบอยู่ชัดๆ นะ นอกเสียจากว่า…”
ไม่ต้องเอ่ยแล้ว พวกเราเข้าใจ
พระกษิติครรภโพธิสัตว์รีบยื่นไม้จินกังให้ “เครื่องมือใหม่ ปราบผีได้ทุกอย่าง เอาไป”
ฉินหลิวซีรับมาพร้อมรอยยิ้มชื่นบาน “น้ำใจเช่นนี้ข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์หัวเราะเบาๆ ถ้าเจ้ารู้สึกไม่ดี เจ้าไม่ต้องยื่นมือมารับก็ได้นะ
นางรับไม้จินกังมาอย่างมีความสุข แล้วมองไปที่เข็มขัดของราชาเทพเฟิงตู สิ่งนั้นใช่ถุงเฉียนคุนหรือไม่ นางก็อยากทำได้ ขาดเพียงวัตถุดิบ ถ้ามีของคงจะดีเป็นที่สุด
พระกษิติครรภโพธิสัตว์เหลือบมองตามสายตาของนาง ดึงถุงเฉียนคุนมายื่นใส่มือของนาง “ของขวัญปีใหม่จากราชาเทพเฟิงตู ปีใหม่แล้ว เจ้าโตขึ้นอีกปีแล้วนะะ เด็กดี”
ราชาเทพเฟิงตู “?”
ของข้า ข้ายังไม่ได้เอ่ยสักคำว่าจะให้
พระกษิติครรภโพธิสัตว์เตะเขาหนึ่งทีเพื่อตัดบทสนทนา มอบให้เจ้าปีศาจน้อยนี้ไปเสียเถิด เขารู้สึกปวดหัวยิ่งนัก
ฉินหลิวซีที่ได้ทั้งไม้จินกังและถุงเฉียนคุนก็รู้สึกพอใจนัก นางคำนับให้ทั้งสองเล็กน้อย แล้วหมุนตัวออกไป “ยังมีเรื่องในโลกมนุษย์ที่ข้าต้องจัดการ ข้าคงยังไม่ได้ไปหอเก็บพระสูตร ไว้ข้ามาทีหลัง หรือท่านพระกษิติครรภโพธิสัตว์ส่งคนไปให้ข้าก็ได้”
พระกษิติครรภโพธิสัตว์ “…”
ขอร้องล่ะ อย่ามาอีกเลย ข้าจนยิ่งกว่าสิ่งใดแล้ว
ราชาเทพเฟิงตูหัวเราะขบขันด้วยความโกรธ “ของของข้า ท่านกล้าสั่งให้ยกให้นางผู้ไร้ความเกรงอกเกรงใจนั่นหรือ”
“ท่านไปเอาคืนเองสิ จับนางมัดไว้ที่วังของท่าน แล้วให้นางเอ่ยซ้ำอีกทีเรื่องความบกพร่อง” พระกษิติครรภโพธิสัตว์นวดขมับอย่างหนัก เขาต้องไปสวดมนต์ให้ใจสงบเสียแล้ว
ราชาเทพเฟิงตูสะอึก โมโหจนเคี้ยวฟันกรอด การปล่อยมารเอ้อฝูหลุดรอดจากนรกเป็นความผิดพลาดของแดนนรกก็จริง แต่นั่นก็เป็นเพราะอีกฝ่ายฉวยโอกาสนั้นไปได้
เขาช่างไม่ได้รับความเป็นธรรม!