คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1060 ทำลายค่ายอาคมห้าธาตุคลายความแค้น
ตอนที่ 1060 ทำลายค่ายอาคมห้าธาตุคลายความแค้น
ฉินหลิวซีได้รับสมบัติล้ำค่าจากพระกษิติครรภโพธิสัตว์จึงออกจากแดนปรโลก กลับมาสู่ร่างของตน
นางไม่ได้โกหก เรื่องราวมีเร่งด่วนบ้างไม่เร่งด่วนบ้าง เรื่องที่ต้องไปค้นตำรานั้น ไว้จัดการเรื่องของตระกูลลี่เสร็จเสียก่อนค่อยทำก็ได้
เมื่อจิตกลับสู่ร่าง เฟิงซิวก็หันมอง เห็นนางมีของวิเศษสองชิ้นเพิ่มขึ้นมา คิ้วกระตุกเล็กน้อย เอ่ย “ท่านไม่เคยกลับมือเปล่าเลยจริงๆ”
ฉายา ‘ผีเห็นแล้วขยาด’ ของนาง หาใช่คำลวงไม่
ฉินหลิวซีลูบไล้ไม้จินกัง สีหน้าเบิกบาน เอ่ย “เหล่าผู้อาวุโสช่างใจดียิ่งนัก”
เหล่าผู้อาวุโส พวกเราโดนบีบให้ใจดีต่างหาก
ฉินหลิวซีเก็บไม้จินกังแล้วนำถุงเฉียนคุนผูกที่เอว ล้วงถุงหอมออกมาใส่ในถุงเฉียนคุน แล้วจึงหันไปมองหลุมขนาดใหญ่ที่ถูกขุดไว้ เอ่ย “เตรียมการเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”
เฟิงซิวเอ่ยตอบ “รอเจ้ากลับมาคลายความแค้นแล้วจึงเก็บร่างได้”
ฉินหลิวซีมองดูโลงศพเล็กๆ ที่วางเรียงกันเป็นระเบียบ พยักหน้าเรียกให้ลี่เสวียฟู่เดินเข้ามา เอ่ย “ข้าได้สอบถามบรรพบุรุษของเจ้าเรียบร้อยแล้ว”
ดวงตาของลี่เสวียฟู่เปล่งประกาย “บรรพบุรุษของข้ายังไม่ได้ไปเกิดหรือ”
ฉินหลิวซีหัวเราะเยาะ “คนผู้นั้นทำกรรมไว้ แม้กรรมในโลกมนุษย์จะไม่ตอบสนอง ทว่าเมื่อไปถึงปรโลก ก็ต้องรับโทษตามกรรมที่ทำไว้ในอดีต เขากำลังรับโทษอยู่ในนรกภูเขามีด โทษยี่สิบปี ตอนนี้ยังขาดอีกสองปี”
และเวลายี่สิบปีในนรก ไม่ใช่เวลายี่สิบปีในโลกมนุษย์ธรรมดา
ใบหน้าของลี่เสวียฟู่ซีดขาว นรกภูเขามีด ที่เป็นหนึ่งในตำนานของนรกสิบแปดขุมน่ะหรือ
ที่แท้ก็มีอยู่จริง
เขาเอ่ยด้วยใบหน้าขาวซีด “แล้วบรรพบุรุษท่านว่าอย่างไรหรือ”
“ให้สละทรัพย์สินของตระกูลเพื่อไถ่โทษ เด็กพวกนี้คือ…” ฉินหลิวซีเล่าเรื่องราวของเด็กๆ อย่างละเอียดหนึ่งรอบ
ลี่เสวียฟู่ฟังแล้ว เอ่ย “ครอบครัวหลายครอบครัวที่นี่ได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลลี่ของข้า เป็นสิ่งที่ท่านปู่ของข้ากำหนดไว้”
ฉินหลิวซีหยิบกระดาษยันต์และพู่กันสำหรับเขียนยันต์ออกมา เอ่ย “ทรัพย์สินของตระกูลลี่จะสละไปอย่างไร ข้าไม่เกี่ยวข้อง ข้าขอเพียงหนึ่งหมื่นตำลึง เป็นค่าออกแรงทำนายในครั้งนี้ ทว่าข้าขอแนะนำให้เจ้าจัดสรรทรัพย์สินไปในทางที่เหมาะสม แม้จะบอกว่าตอบแทนให้กับครอบครัวของเด็กเหล่านี้ แต่ก็อย่าตอบแทนจนเกินควร การใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือยจากเงินที่ได้จากชีวิตของเด็กๆ นั้น แม้พวกเขาจะรับไว้ได้แต่ก็คงรู้สึกผิดยิ่งนัก ผลลัพธ์ย่อมแย่กว่าดี เพราะฉะนั้นช่วยเหลืออย่างเหมาะสมก็เพียงพอ เจ้าอาจใช้ชื่อของเด็กเหล่านี้ทำบุญเพื่อสั่งสมกุศลให้พวกเขา หรือจุดตะเกียงอายุยืนในวัดหรืออารามเต๋าก็ได้”
ลี่เสวียฟู่รีบพยักหน้า
ฉินหลิวซีจึงวาดยันต์คลายความแค้น เขียนวันเดือนปีเกิดและชื่อของพวกเด็กๆ ซึ่งเป็นข้อมูลที่นางได้มาโดยการใช้เส้นสายจากยมทูตผู้พิพากษา หากปล่อยให้ลี่เสวียฟู่ไปค้นหาเอง ด้วยระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ เกรงว่าครอบครัวของเด็กเหล่านี้อาจลืมวันเดือนปีเกิดของเด็กที่หายไปเสียแล้ว
นางเขียนอย่างตั้งใจ ขณะนั้นเฟิงซิวก็ให้คนจัดเตรียมเครื่องหอมและกระดาษเงินกระดาษทองเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ฉินหลิวซีก็จุดธูปบูชาฟ้า ไม่มีดาบไม้ท้อ นางจึงใช้ไม้จินกังของพระกษิติครรภโพธิสัตว์แทน ไม้จินกังนี้ใช้ปราบผีได้ และยังมีคัมภีร์คาถาอยู่ในตัว จึงใช้เพื่ออัญเชิญและคลายความแค้นได้เช่นกัน
เมื่อเห็นเท้านางก้าวย่าง ก้าวเดินเป็นจังหวะอย่างมั่นคง ริมฝีปากพึมพำบทสวด “ชีวิตทั้งหลายต่างสร้างเวร เวรย่อมยากจะคลี่คลาย หนึ่งชีวิตสร้างเวร สามชีวิตจึงต้องชดใช้ไม่สิ้นสุด…”
เมฆดำทะมึนปกคลุม ลมเย็นพัดกระโชกแรง
ในฐานะที่ลี่เสวียฟู่เป็นทายาทของตระกูลลี่ เขาจึงเป็นคนแรกที่รู้สึกถึงความเย็นเยียบที่เจาะลึกเข้าไปถึงกระดูก พร้อมทั้งได้ยินเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณอย่างเจ็บปวด ทุกเสียงที่ได้ยินนั้นช่างน่าสยดสยองและน่าเวทนา
ความเข้มข้นของความแค้นปกคลุมรอบตัวเขาราวกับมีดคมกรีดแทงเข้าไปในร่างกาย ทรมานจนแทบทนไม่ไหว
ลี่เสวียฟู่ทรุดตัวคุกเข่ากระแทกพื้น ก้มหัวสำนึกผิดและขอชดใช้บาป พร้อมทั้งกล่าวว่าจะทำความดีในนามของพวกเขา สะสมบุญให้กับดวงวิญญาณเหล่านั้น โดยการจุดตะเกียงอายุยืนและทำแผ่นป้ายอายุยืนเพื่อพวกเขา
ฉินหลิวซีใช้สองนิ้วหนีบกระดาษยันต์ เมื่อคาถาถูกเอ่ยออกมา กระดาษยันต์ก็ลุกไหม้โดยไม่มีไฟ
นอกจากนางและเฟิงซิวแล้ว ทุกคนต่างคุกเข่าลงด้วยความตกใจและหวาดกลัว
ลมวิญญาณครวญครางโหยหวน ความแค้นวนเวียนไม่จางหาย
ฉินหลิวซีสวดคาถาเทียนซือ คาถานี้ใช้เพื่อคลายอาคมและลบล้างคาถามืด ที่เด็กเหล่านี้มีความแค้น สาเหตุนั้นมีอยู่สองประการ หนึ่งคือสาเหตุจากตระกูลลี่ สองคือค่ายอาคมห้าธาตุที่ถูกตั้งไว้ ค่ายอาคมนี้เปลี่ยนเป็นค่ายอาคมอาถรรพ์ เพราะพวกเขาถูกสังเวยวิญญาณ แต่ค่ายอาคมนี้ก็ยังคงทำงานอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนจากพลังงานบวกกลายเป็นพลังงานลบ
ฉินหลิวซีสวดคาถานี้เพื่อทำลายค่ายอาคมและล้างอาคมชั่วร้าย เมื่อค่ายอาคมถูกทำลาย ผู้ที่ตั้งค่ายอาคมย่อมถูกตอบสนองด้วยการสะท้อนกลับ และเด็กเหล่านี้จึงจะสามารถคลายความแค้นได้อย่างแท้จริง
ทันทีที่คาถาเทียนซือสวดเสร็จ ไม้จินกังก็พุ่งออกจากมือของนาง กระแทกลงตรงจุดกลางของค่ายอาคม เสียงระเบิดดังกึกก้อง แสงทองสว่างจ้า มีตราหยกชิ้นหนึ่งที่สลักคำว่า “ฟ้ากลมดินเหลี่ยม” ถูกบดขยี้จนแหลกเป็นผุยผง
ค่ายอาคมแตกสลาย
ความแค้นหยุดนิ่ง พลันถูกห่อหุ้มด้วยแสงทอง แล้วค่อยๆ สลายไป
ในขณะเดียวกัน ที่ที่หนึ่งมีนักพรตที่มีใบหน้าทารกแต่ผมหงอกขาวทั้งหัว พ่นเลือดสดออกมาในห้องพรตของตน ร่างกายล้มลงกับพื้น นิ้วมือนับคำนวณอย่างรวดเร็ว ตกตะลึงอย่างยิ่ง
เป็นไปได้อย่างไร
ทุกสิ่งสงบเงียบ
ฉินหลิวซีลืมตาขึ้น มองดูโครงกระดูกที่ความแค้นสลายไปแล้วจึงเอ่ย “เก็บศพได้แล้ว”
ลี่เสวียฟู่รีบสั่งคนไปจัดการ มีคนที่ไม่กล้าขยับตัว แต่เมื่อฉินหลิวซียื่นกระดาษยันต์ให้ พวกเขาก็ยอมทำตาม
ลี่เสวียฟู่แม้จะยังมีความหวาดกลัวอยู่ แต่ก็วิ่งไปยังต้นชาหยกหมอกที่มีศีรษะคนอยู่ กราบไหว้ก่อน จากนั้นดึงศีรษะออกมา วางเอาไว้ในโลงไม้
เมื่อฟ้าเริ่มมืดสนิท กระดูกทั้งหมดก็ถูกเก็บเข้าที่ ฉินหลิวซีทำความสะอาดหลุมขนาดใหญ่ แล้วให้เฟิงซิวใช้คาถากลบหลุม จากนั้นค้นหาพื้นที่ที่ห่างจากภูเขาชาเล็กน้อย แล้วฝังโลงศพเล็กๆ เหล่านั้นลงไป
พื้นที่บริเวณนี้มีฮวงจุ้ยดี ถือว่าเป็นการปลอบโยนวิญญาณ
ฉินหลิวซีตั้งป้ายศิลาหลุมศพ สลักชื่อเก้าคน และทำพิธีเล็กๆ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีทุกอย่างก็เข้าสู่ความมืดมิด
ทุกอย่างจบลงด้วยดี
ลี่เสวียฟู่รู้สึกโล่งอกที่สามารถคลายความแค้นได้สำเร็จ แต่แทนที่ด้วยความหนักอึ้งในจิตใจ เรื่องนี้มันจบแล้วหรือไม่
เขาจะทำอย่างไรต่อไป
“ท่านเจ้าอาวาส นี่ถือว่าเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือ ข้าควรทำอย่างไรต่อไป” ลี่เสวียฟู่มองไปที่ภูเขาชาของตนด้วยความสับสน
เหตุการณ์ในวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในภูเขาชาของตระกูลลี่มีศพถูกฝังอยู่ แล้วจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร
ฉินหลิวซีเอ่ย “หากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเจ้ามีส่วนร่วม ข้าคงจะบอกให้เจ้าไปรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยฮ่องเต้องค์ก่อน บรรพบุรุษของเจ้าก็ล่วงลับไปนานแล้ว ผู้ที่ตั้งค่ายอาคมก็หายสาบสูญไป ไม่เหลือหลักฐานใดๆ ที่จะตรวจสอบได้ จึงยากที่จะสืบสาวราวเรื่อง ข้าแนะนำให้เจ้าหาทางชดใช้อย่างลับๆ ให้กับครอบครัวของเด็กเหล่านี้ แล้วทำความดีในนามของพวกเขา เจ้าอย่าได้คิดว่าเรื่องนี้จบลงเพราะไม่มีหลักฐาน เจ้ายังต้องสละทรัพย์สินเพื่อชดใช้”
ลี่เสวียฟู่รีบเอ่ย “ผู้แซ่ลี่ไม่กล้าคิดเช่นนั้น”
“ตระกูลลี่ไม่อาจทำชาได้อีกต่อไป ชาหยกหมอกก็ไม่มีอีกแล้ว เจ้าจะอธิบายอย่างไรนั้น ในฐานะพ่อค้าชา เจ้าคงรู้ดีกว่าข้า เมื่อเจ้าต้องสละทรัพย์ก็ควรหาครอบครัวที่ไว้ใจได้มาดูแลภูเขาชาแทนเจ้า แม้จะต้องสูญเสียทรัพย์สินไปบ้าง แต่ก็จะได้แรงสนับสนุนกลับมา ช่วยให้เจ้าและครอบครัวผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ หลังจากตระกูลลี่ไม่ได้เป็นพ่อค้าชาอีกต่อไป เจ้าก็ทำความดีตามที่ควรทำ จากนั้นนำครอบครัวของเจ้าไปใช้ชีวิตอย่างสงบ ทำความดีสะสมบุญไปสองชั่วอายุคน เรื่องนี้ก็จะผ่านพ้นไป เจ้าจะทำตามที่ข้าเอ่ยหรือไม่ก็แล้วแต่เจ้า แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เจ้าย่อมต้องรับผิดชอบ ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวอีกต่อไป”