คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1065 การเชิญเทพมาเป็นเรื่องง่าย แต่การส่งเทพกลับเป็นเรื่องยาก
- Home
- คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า
- ตอนที่ 1065 การเชิญเทพมาเป็นเรื่องง่าย แต่การส่งเทพกลับเป็นเรื่องยาก
ตอนที่ 1065 การเชิญเทพมาเป็นเรื่องง่าย แต่การส่งเทพกลับเป็นเรื่องยาก
เฟิงซิวนำพวกโจวซื่อจื่อทั้งสองคนที่กำลังดิ้นรนด้วยความหวาดกลัวในมายาของเขากลับสู่อารามเต๋า ฉินหลิวซีกำลังช่วยนักพรตชราทำการฝังเข็มอยู่ จากนั้นสั่งให้ซานหยวนดูแล ส่วนตนเดินไปที่โต๊ะเพื่อเขียนใบสั่งยา
ฉินหลิวซีกางกระดาษและพู่กัน เอ่ย “คนอยู่ไหนเล่า”
“กำลังเสียสติอยู่ ไม่รีบ”
ฉินหลิวซีเขียนใบสั่งยาอย่างรวดเร็ว ค่อยให้ชิงหย่วนไปจัดยา เอ่ยกับซานหยวน “บาดแผลของนักพรตชราค่อนข้างหนัก ต้องดูแลให้ดี พักฟื้นที่อารามเต๋านี่แหละ ไม่ต้องใช้พลังลมปราณและไม่ต้องไปทำพิธีกรรมใดๆ ให้ผู้ใดแล้ว”
ซานหยวนพยักหน้า ชั่งใจชั่วครู่จึงเอ่ยถาม “เช่นนั้นอายุขัยของท่านอาจารย์…”
ฉินหลิวซีเม้มริมฝีปาก เอ่ย “ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะสามารถบำเพ็ญตนได้อีกหรือไม่ ถ้าได้ก็จะมีอายุยืนยาวขึ้น ถ้าไม่ได้ ไม่เกินห้าปี”
ซานหยวนหน้าซีดลง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งจึงเอ่ย “ขอบคุณท่านเจ้าอาวาส”
“ดูแลเขาให้ดี” ฉินหลิวซีเดินออกไป เมื่อมาถึงหลังวิหารจึงมองไปยังเฟิงซิว ส่งสัญญาณให้เขานำคนออกมา
เฟิงซิวจึงปล่อยตัวทั้งสองคนที่หน้าซีดเซียว ฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายของตนเองออกมา
โจวซื่อจื่อวัยนี้แล้วกำลังเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น ร้องเสียงหลงว่าอย่าเข้ามา อย่ากินข้า
ในขณะที่คนรักตัวน้อยอย่างอาหนิง ใบหน้าขาวราวกับหิมะ ท่าทางเหม่อลอย มือข้างหนึ่งที่ยังไม่ถูกตัดขาดดูอ่อนแรง นิ้วมือถูกเขากดจนหักลง ดูอ่อนปวกเปียก ราวกับเพียงดึงก็จะหลุดออกจากมือได้
ฉินหลิวซีมองมือที่แยกไม่ออกระหว่างเลือดกับเนื้อ ลอบมองไปยังเฟิงซิว
เฟิงซิวยิ้มอย่างร่าเริงแล้วเข้ามาอวดอ้าง “ข้าดูแลพวกเขาได้ไม่เลวใช่หรือไม่”
ฉินหลิวซียู่ปาก “เสียสติเพียงนี้ จะถามอย่างไร”
“หุบปาก” เฟิงซิวสะบัดสองฝ่ามือออกไปท่ามกลางอากาศ
ภายในห้องเงียบสนิท
โจวซื่อจื่อเหม่อลอยก่อนที่สติจะกลับคืนมา เขารู้สึกว่าร่างกายหนาวเย็น เมื่อก้มหน้าลงไปมองก็เห็นว่าเสื้อผ้าของตนถูกฉีกจนขาดวิ่น นึกถึงสิ่งที่ตนประสบมาอีกครั้ง
เขาถูกดึงเข้าไปในบ่อเลือดมืดมิด มีโครงกระดูกหลายตัวกำลังฉีกกระชากเสื้อผ้าของเขา แทะเนื้อของเขา และดูดเลือดของเขา เขาร้องขอความช่วยเหลือแต่ไม่มีผู้ใดได้ยิน รู้สึกเหมือนตนกำลังจะตาย
ตอนนี้เขายังคงรับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่กัดกร่อน และรู้สึกเหมือนมีโครงกระดูกนับไม่ถ้วนอยู่ใกล้ๆ
โจวซื่อจื่อที่มีสีหน้าหวาดกลัวเมื่อเห็นอาหนิงก็รีบพุ่งเข้าไปหาแล้วกอดเขาไว้เพื่อขอการปลอบโยน “อาหนิง”
อาหนิงดิ้นรนชั่วครู่ แต่เมื่อเห็นโจวซื่อจื่อ ดวงตามีความรังเกียจแวบเข้ามาก่อนจะกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง ไม่ดิ้นรนขัดขืนอีก เสียงแหบแห้งเอ่ย “ซื่อจื่อ”
ทั้งสองดูดซับความอบอุ่นจากกันและกันอย่างกระหาย
“ฟื้นคืนสติแล้วหรือ” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
โจวซื่อจื่อหันไปตามเสียง พบกับดวงตาเย็นชาคู่หนึ่ง ตัวสั่นเทาโดยไม่อาจห้ามได้ แต่ทันใดนั้นก็นึกถึงฐานะของตน จึงช่วยอาหนิงลุกขึ้นแล้วเอ่ยด้วยโทสะ “อารามชิงผิงกล้าหาญยิ่งนัก กล้าเล่นตลกกับข้าผู้เป็นซื่อจื่อ”
กลับไปแล้วเขาจะต้องส่งทหารมาปราบให้ราบคาบ
ฉินหลิวซีเห็นพวกเขาแทบจะไม่เหลือเสื้อผ้าคลุมกายก็รู้สึกอึดอัดใจ หยิบกระดาษเหลืองสองแผ่นออกมาและฉีกเป็นรูปทรงไม่มีแขนสองชุด จากนั้นร่ายคาถาออกไป ‘เสื้อกระดาษ’ ทั้งสองชุดปรากฏบนร่างของทั้งคู่
โจวซื่อจื่อมองไปที่เสื้อที่ทำจากกระดาษเหลืองนั้น “!“
เสื้อกระดาษเหลือง ไม่มีความสวยงามใดๆ คนตายก็ยังไม่ใส่ แต่กลับสวมอยู่บนร่างของเขาผู้เป็นญาติของฮ่องเต้
โชคร้าย อับอายยิ่งนัก
“ไม่มีค่าที่จะเล่นตลกกับเจ้า แต่หากเจ้าอาวาสอย่างข้าไม่พอใจ หนีบเจ้าจนเป็นคนกระดาษ นั่นเป็นเรื่องง่ายดาย จะลองหรือไม่” ฉินหลิวซีจ้องมองเขาเย็นยะเยือก
คนกระดาษ
โจวซื่อจื่อนึกถึงคนกระดาษที่ตนเคยเห็นมา รูปเด็กชายหญิงที่ทำจากกระดาษ ใบหน้าพลันซีดขาว ก้าวถอยหลังสองก้าว เอ่ยด้วยความโกรธ “นี่เป็นการปรนนิบัติกับแขกของอารามชิงผิงพวกเจ้าหรือ พวกเรามาขอยาด้วยใจจริง เจ้ากลับเล่นตลกกับซื่อจื่อข้า ไม่กลัวเทพเจ้าที่อยู่บนหัวหรือ”
“ก่อกวนในอาราม ทำร้ายนักพรตเต๋าของข้าบาดเจ็บ ส่งทหารมาล้อมอารามชิงผิงข้า ไม่ยอมให้ผู้แสวงบุญเข้ามาสักการะ นี่คือความจริงใจของเจ้าหรือ ข้านึกว่าอารามชิงผิงของเราก่อคดีความใหญ่หลวง สาปตระกูลเจ้าทั้งตระกูลให้ตายถึงได้ถูกล้อม ที่แท้เพราะเจ้ามาขอยาด้วยความจริงใจหรอกหรือ”
“บังเอิญแล้ว พวกเจ้าถูกหยอกเล่น ก็เพราะเขาไม่รู้ความ” ฉินหลิวซีชี้ไปยังเฟิงซิว
เฟิงซิว หึๆ
ข้ายังไม่รู้ความยิ่งกว่านี้อีกนะ
โจวซื่อจื่อมองเฟิงซิวราวกับเห็นปีศาจ โดยเฉพาะรอยยิ้มของเขา ทำให้เขาขยับตัวเข้าหาอาหนิงโดยไม่รู้ตัว
อาหนิงมองเฟิงซิวด้วยสายตาทะมึน
เฟิงซิวปรายตามองเขา “ดวงตาเจ้าไม่อยากได้แล้วหรือ”
อาหนิงหลุบตาลง ปิดซ่อนไอสังหารในสายตา
โจวซื่อจื่อรู้สึกอึดอัดใจจะตายอยู่แล้ว เอ่ย “เจ้าไม่รู้หรือว่าข้าเป็นใคร”
เขาเป็นโจวซื่อจื่อที่เจ้าอาวาสวัดอวี้ฝอและอารามจินหวาเห็นแล้วยังต้องนอบน้อม แต่ต้องมาเจอความอัปยศและเล่นตลกอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน
ฉินหลิวซีเอ่ยถามกลับ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าล่วงเกินนักพรตเต๋าจะมีจุดจบอย่างไร”
โจวซื่อจื่อชะงัก “เจ้ากล้าหรือ เจ้าไม่กลัวว่าซื่อจื่อข้าจะส่งทหารมาทำลายอารามเต๋านี้ของเจ้าจนราบคาบหรือ”
ฉินหลิวซีหัวเราะหึก่อนจะเอ่ย “หากเจ้าคิดจะทำเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเจ้าคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงวันที่กลับเมืองหลวง”
นางร่ายคาถา ดีดออกไป
โจวซื่อจื่อรู้สึกว่ามีพลังหยินปรากฏขึ้นมาสี่ทิศ ล้อมตัวเขาเอาไว้ เย็นยะเยือกเข้ากระดูก กำลังจะเอ่ยปาก เขาก็กัดลิ้นตนเองหนักๆ ฉึก
เขามองไปยังฉินหลิวซีด้วยความหวาดกลัว นางทำอะไรกับเขา
ฉินหลิวซีหัวเราะร้าย “การสั่งสอนเล็กๆ น้อยๆ เจ้าจะโชคร้ายมาก ดื่มน้ำเย็นยังต้องเข็ดฟันจนโชคร้าย”
โจวซื่อจื่อตัวสั่นรุนแรง “เจ้าจะเอาอย่างไรกันแน่ ข้าไม่เอาแล้ว จะไปแล้วพอใจหรือไม่”
“อยากมาก็มา อยากไปก็ไปคิดว่าอารามชิงผิงข้าเป็นกรงไก่ จะเข้าออกได้ตามใจชอบหรือ” ฉินหลิวซียิ้มเย็น “โดยเฉพาะเจ้าทำร้ายนักพรตเต๋าในอารามของข้าแล้ว อยากไปก็ไม่ง่ายเพียงนั้นหรอก”
เรียกเทพมานั้นง่าย ส่งกลับไปนั้นยากยิ่ง พวกเขาล่วงเงินอสูรร้ายอย่างนาง คิดจะหนีเอาตัวรอดง่ายๆ ฝันไปเถิด
“พวกเจ้าเองก็ตัดมือคนของข้า” โจวซื่อจื่ออดกลั้นความโกรธเอาไว้ กุมมืออาหนิงแล้วยกขึ้น อาหนิงได้เสียมือไปแล้ว คงชดใช้หมดแล้วกระมัง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเขายังถูกคาถาอาคมกลั่นแกล้งอีก
“ข้าถามเจ้า ตระกูลโจวรู้ได้อย่างไรว่าอารามชิงผิงข้ามียาฟื้นคืนชีพ” ฉินหลิวซีเอ่ย
โจวซื่อจื่อเอ่ย “ตระกูลฉินเป็นตระกูลของเจ้ากระมัง เจ้าใช้ยาหนึ่งเม็ดดึงน้องชายของเจ้ากลับมาจากประตูผี เรื่องนี้ไม่โกหกใช่หรือไม่”
ดวงตาฉินหลิวซีหรี่ลง “เจ้าได้ยินมาจากที่ใด”
“น้องสาวในตระกูลเจ้าผู้หนึ่ง แต่งกับจ้าวอ๋องเป็นสนมจ้าวอ๋อง ร่วมเรียงเคียงหมอน มีสิ่งใดเอ่ยไม่ได้ แน่นอนว่าเป็นสายลับของเราสืบข่าวมาจากจ้าวอ๋อง พวกเราส่งคนไปตรวจสอบทางซีเป่ย นี่จะเป็นความลับอะไรได้” โจวซื่อจื่อเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ
ตระกูลโจวมีอำนาจ จะสืบข่าวสารไม่ใช่เรื่องยาก
ฉินหลิวซีจึงหัวเราะ “ดังนั้นเป็นจ้าวอ๋องที่ล่อคนโง่อย่างพวกเจ้ามาหรือ จ้าวอ๋องร้ายกาจไม่เบานี่ ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว ทหารไม่ต้องจับดาบก็เอาชนะรัชทายาทรวมไปถึงตระกูลมารดาของเขาได้ในคราวเดียว ดูเหมือนเจ้าจะกระทำการรุนแรง ก็เพราะคนรักตัวน้อยข้างกายผู้นี้ยุแยงกระมัง เช่นนั้น เจ้าผู้นั้น เจ้าคือหมากที่จ้าวอ๋องวางไว้ข้างกายเจ้าคนโง่ที่สมองเต็มไปด้วยไขมันนี่หรอกหรือ ทำให้คนโง่นี่โง่เขลาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องออกแรง”
โจวซื่อจื่อ อัปยศอย่างยิ่ง ช่างกล้าดูถูกข้าถึงเพียงนี้