คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 1067 ใช้เงินก้อนโตเพื่อขจัดภัย
ตอนที่ 1067 ใช้เงินก้อนโตเพื่อขจัดภัย
ร่างของอาหนิงถูกลากออกไป
โจวซื่อจื่อมองดูเลือดที่สาดกระจายอยู่ตรงหน้า ท้องไส้เริ่มปั่นป่วน ใจยิ่งรู้สึกสับสนไม่อาจตอบสนองออกมาได้ เขาเพิ่งจะฆ่าอาหนิง ในช่วงก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขายังหัวเราะเล่นด้วยกันอยู่ แต่ชั่วพริบตาเดียว กลับต้องพลัดพรากจากกันในสองภพ
เขากลายเป็นผู้สังหารอีกฝ่ายเสียเอง
“เจ้าทำให้พื้นของข้าสกปรก” ฉินหลิวซีเอ่ยเย็นชา “บัญชีนี้ก็ต้องคิดด้วย”
โจวซื่อจื่อ “…”
ฉินหลิวซีใช้วิชาขจัดสิ่งสกปรก กำจัดคราบเลอะเทอะนั้นให้สะอาดปราศจากลางร้าย
โจวซื่อจื่อเห็นเช่นนั้นถึงกับตกตะลึง สายตาที่มองนางยิ่งทวีความลึกลับน่าพิศวง นึกถึงตนเองที่ได้ล่วงเกินนางไป จึงเอ่ย “เอ่อ เจ้าก็คงได้ยินแล้ว ข้าเองก็โดนหลอกเต็มที่ ข้าหลงเชื่อคำยุยงของคนอื่น เป็นฝีมือของจ้าวอ๋องที่ส่งคนมาอยู่ข้างกายข้า อีกทั้งเป็นเขาที่ทำร้ายนักพรต ตอนนี้ข้าได้สังหารเขาไปแล้ว เช่นนี้นับเป็นการชดใช้ได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีเอ่ย “จวนจ้าวอ๋องจะจัดการตระกูลโจวของเจ้าอย่างไร นั่นคือเรื่องในโลกของพวกเจ้า เกี่ยวอะไรกับข้า การต่อสู้ของพวกเจ้า ตระกูลโจวของเจ้าพ่ายแพ้ นั่นเป็นเพราะความโง่ของพวกเจ้าเอง แต่เจ้ากลับมากำเริบเสิบสานในอารามชิงผิงของข้า สิ่งนี้ชัดเจนและจับต้องได้ จะให้เรื่องจบลงง่ายๆ เช่นนี้ เจ้าฝันไปเถิด”
“แล้วเจ้าต้องการอย่างไร” โจวซื่อจื่อกัดฟันเอ่ย “สุภาษิตกล่าวไว้ ฆ่าคนต้องชดใช้ชีวิต ข้าสังหารอาหนิงไปแล้ว นับเป็นการชดใช้ให้ท่านนักพรตแล้วมิใช่หรือ อีกทั้งท่านนักพรตก็ยังไม่ตายเสียด้วย”
“เขาเทียบกับท่านเซียนของเราได้อย่างไร หากมิใช่เพราะฝ่ามือของเขา ท่านเซียนของพวกเราคงบรรลุสู่เซียนได้แล้ว บัดนี้กลับนอนใกล้ตายอยู่บนเตียง แถมยังต้องสูญเสียอายุขัยไปด้วย”
โจวซื่อจื่อหัวเราะเยาะในใจ บรรลุสู่เซียน เพ้อเจ้อไปแล้ว
แต่เขาพอเข้าใจสถานการณ์แล้ว เรื่องนี้หากไม่มีการเสียเลือดเสียเนื้อคงไม่จบแน่ จึงเอ่ย “เจ้าตั้งราคามาเลย”
“ไม่ใช่ราคา แต่เป็นการขอโทษท่านนักพรต เป็นการขอขมาบรรพบุรุษของข้า อีกทั้งค่าทำความสะอาด” ฉินหลิวซีเอ่ย “ค่าขอโทษหนึ่งแสนตำลึง”
“หนึ่งแสนตำลึง เจ้าปล้นข้าหรือ” โจวซื่อจื่อหัวเราะเย็น “อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าส่งทหารมาที่นี่”
โจวซื่อจื่อ “…”
มารดามันเถิด นางช่างโอหัง
โจวซื่อจื่อสะกดกลั้นความโกรธ เอ่ย “แปดหมื่น ข้าฆ่าอาหนิงตัวร้ายนั่นไปแล้ว สมควรพอก็พอเถิด”
“ขอเตือนเจ้าสักคำ ตัวร้ายคือจวนจ้าวอ๋อง หากมิใช่เพราะพวกเขา พวกเจ้าคงไม่เดินทางไกลมาขอเม็ดยาและคงไม่ก่อเรื่องใหญ่ที่นี่จนเกิดความสูญเสียมากมาย เคราะห์กรรมมีที่มา เจ้าหนี้มีตัวตน หากคิดแก้แค้น จงไปหาผู้ก่อเรื่องที่แท้จริง”
โจวซื่อจื่อ ข้าสงสัยว่านางจงใจให้ข้าโทษจวนจ้าวอ๋อง แต่ข้ายังไม่มีหลักฐาน
ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน
“หากข้าชดใช้ให้แล้ว เจ้าจะไม่ทำอะไรกับข้าหรือตระกูลของข้าอีกใช่หรือไม่” โจวซื่อจื่อเอ่ย “ข้าถือว่าจ่ายเงินเพื่อขจัดภัย”
“เจ้าวางใจเถิด ข้าก็เป็นคนมีศีลมีธรรม ไม่ทำเรื่องบาปหนาอย่างการทำลายสุสานบรรพบุรุษผู้อื่น สิ่งนั้นน่ารังเกียจเพียงใดกัน” ฉินหลิวซีหัวเราะเย้ย
โจวซื่อจื่อหัวเราะในใจ เมื่อครู่นางเพิ่งจะโอหังท้าทายข้าให้ลองดูไม่ใช่หรือ
เขาสั่งให้คนนำตั๋วเงินมา เอ่ยขึ้นอีก “ข้ามาด้วยความจริงใจเพื่อขอเม็ดยา เงินไม่ใช่ปัญหา”
“ไม่มี” ฉินหลิวซีเอ่ย “สมุนไพรที่จะใช้ทำเม็ดยาคืนชีพนั้นหายาก การรวบรวมสมุนไพรเพื่อทำยาเม็ดหนึ่งต้องอาศัยโชควาสนามาก ไหนจะเรื่องการปรุงเม็ดยาที่ไม่ง่ายอีก”
แม้มี นางก็ไม่ให้
โจวซื่อจื่อไม่เชื่อ คิดเพียงว่าฉินหลิวซีตั้งใจทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้น จึงเอ่ย “หากได้เม็ดยามา ข้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกแสนตำลึง”
“พวกเจ้าถูกหลอกเข้าแล้วจริงๆ ในอารามของข้านั้นไม่มียาฟื้นคืนชีพโปรดกลับไปเถิด”
โจวซื่อจื่อเห็นนางไม่ไยดีต่อคำขอใดๆ จึงแค่นเสียงด้วยความขุ่นเคือง สะบัดชายแขนเสื้อก่อนเดินจากไปด้วยอารมณ์ขัดเคือง
การมาที่นี่ครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ ไม่ได้สิ่งใดตอบแทนแถมยังต้องขัดแย้งกับนางอีก ที่สำคัญยังต้องใช้เงินแปดหมื่นตำลึงเป็นค่ายกเลิกเคราะห์อีก น่าช้ำใจยิ่งนัก
เรื่องนี้จำต้องไปสะสางกับจวนจ้าวอ๋อง
แต่เขาเห็นว่าเงินแปดหมื่นตำลึงนั้นมากมายมหาศาลแล้ว แต่ฉินหลิวซีกลับไม่สนใจนัก นางไม่เคยคิดจะใช้ชีวิตผู้คนในอารามแลกกับเงินทอง แปดหมื่นตำลึงนี้นับได้ว่าเป็นค่าซื้อชีวิตของนักพรตชราก็ไม่เกินจริง
ฉินหลิวซีมอบเงินทั้งหมดให้ชิงหย่วน เอ่ย “ใช้ทั้งหมดนี้ในนามนักพรตชราทำการกุศล ห้ามเก็บไว้แม้แต่ตำลึงเดียว”
เพราะเงินเช่นนี้ หากเก็บไว้ก็ไร้ค่า นำไปทำการกุศลเพื่อสั่งสมบุญยังมีประโยชน์กว่า
บุญเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงทั้งร่างกายและจิตวิญญาณได้
นอกจากเงินแปดหมื่นตำลึงนั้นแล้ว ฉินหลิวซียังมอบเงินส่วนตัวหนึ่งหมื่นตำลึงที่นางนำมาด้วยให้ชิงหย่วนจัดสรรไปด้วยกัน
เมื่อนักพรตชราฟื้นคืนสติขึ้นมาและได้ทราบเรื่องนี้ เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก เขาได้รับยาอันล้ำค่า ยังต้องมารับบุญกุศลในนามของตนด้วยเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้อีก เขาจะรับไว้ได้อย่างไร
ฉินหลิวซีเอ่ย “ท่านมีอายุขัยถึงแปดสิบปี แต่เพราะบาดแผลนี้ทำให้ท่านต้องสูญเสียอายุไปหลายปี การใช้เงินแปดหมื่นตำลึงทำบุญมีสิ่งใดที่ไม่สมควรหรือ อีกอย่างท่านเป็นนักพรตของอารามชิงผิง ข้าในฐานะเจ้าอาวาสย่อมต้องคุ้มครองท่าน เพียงยาหนึ่งเม็ด จะคิดมากไปไย”
นักพรตชราซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก
เฟิงซิวมาหาฉินหลิวซี เอ่ยว่า “จวนจ้าวอ๋องมีแผนการเช่นนี้ ฝีมือของผู้ใดกัน พวกเขาวางแผนไว้ดีจริงๆ จัดการสองฝ่ายในคราวเดียว หากแผนสำเร็จ การใช้ท่านเพื่อโค่นองค์รัชทายาทและตระกูลมารดาของเขาคงจะง่ายดายยิ่ง ไม่ต้องเสียกำลังแม้แต่น้อย”
หากนักพรตชราเสียชีวิต อารามชิงผิงต้องสูญเสียครั้งใหญ่ ฉินหลิวซีที่เป็นคนปกป้องลูกน้องจะต้องไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ อย่างแน่นอน จะต้องลงมือกับตระกูลโจวและองค์รัชทายาท ถึงตอนนั้นก็ทำให้จวนจ้าวอ๋องได้เปรียบแล้ว
ฉินหลิวซีส่ายศีรษะ “ไม่เพียงแค่สองฝ่าย ข้าเกรงว่าแผนนี้มีเป้าหมายมากถึงสามฝ่าย”
เฟิงซิวเลิกคิ้ว “อย่างไรหรือ”
“หากข้าโมโห ลงมือกับตระกูลโจว เช่นนั้นมือของข้าย่อมต้องสะสมบาปกรรม ซึ่งจะทำให้บุญกุศลและการบำเพ็ญเพียรของข้าลดน้อยลง” ฉินหลิวซีอธิบาย
เฟิงซิวครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ย “ดูเหมือนเป้าหมายไม่เพียงแค่ตระกูลโจวและองค์รัชทายาทเท่านั้น ยังเป็นท่านด้วย นี่จะเป็นแผนของมารเอ้อฝูหรือไม่”
“มีความเป็นไปได้ แต่ยังไม่แน่ชัด”
“เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร จะปล่อยตระกูลโจวไปเช่นนี้หรือ”
ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “เขาลงเงินจำนวนมากเพื่อซื้อทางออก ข้าย่อมไม่กลับคำ ข้าไม่ทำสิ่งชั่วร้าย แต่มั่นใจได้ว่าองค์รัชทายาทจะต้องถูกปลดแน่นอน ตอนนี้ปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกันเองเถิด พวกเขากัดกันตาย ข้าก็ได้กำไร”
แม้ว่าฉินหลิวซีจะไม่เข้าร่วมการต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่นางก็มีเครือข่ายของนางที่จะคอยทำลายแผนการของพวกนั้นอยู่แล้ว
เฟิงซิวได้แต่เงียบแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารตระกูลโจวและจวนจ้าวอ๋อง เพราะพวกเขาเลือกที่จะดึงคนที่อยู่เหนือโลกแห่งอำนาจการเมืองอย่างฉินหลิวซีเข้ามาเกี่ยวข้อง เรื่องนี้จะไม่จบดีแน่
เขามองฉินหลิวซีที่เปิดเส้นทางหยินขึ้นมา ส่งเสียง นี่ “ท่านจะไปไหนอีก”
“แค้นต้องชำระทันที รอข้าก่อน ข้าไปจับตัวใครสักคนลงกระสอบแล้วจะกลับมา” ฉินหลิวซีเดินเข้าไปในเส้นทางหยิน
เฟิงซิว “…”
ใครบางคนจบไม่สวยแล้ว